ชื่นชมคนทำงาน DM โรงพยาบาลเสลภูมิ


เมื่อวาน (11 กันยายน 2551)

มีคนหน้างาน จากโรงพยาบาลเสลภูมิ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เดินทางมาหาข้าพเจ้าอยู่ที่ทำงาน - ... นำทีมโดยพี่วาสนา พลศรี ... ซึ่งโทรและส่งเมล์มาก่อนเพื่อนัดแนะ แต่เป็นช่วงที่ข้าพเจ้าเดินทางไปพูดเรื่อง R2R ที่ คณะพยาบาล ม.นครพนม จังหวัดนครพนม จึงได้นัดแนะพบเจอกันในวันดังกล่าว...

เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของข้าพเจ้า...

เพราะเดิมทีข้าพเจ้าคาดการณ์ว่า จะมีเฉพาะพี่แป้ หรือพี่วาสนาท่านเดียวที่เดินทางมา แต่กลับมาปรากฏว่าท่านมากันทั้งทีม... มาเพื่อเรียนรู้ และทำความรู้จักกัน.. พี่วาสนา เจอกันครั้งแรกกับข้าพเจ้าที่งาน มหกรรม R2R เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม วันที่ 2-3 ที่ผ่านมา...เราได้ทักทายกันนิดหน่อยที่โรงแรมที่พัก... ทราบเพียงเบื้องต้นว่าพี่แป้นี้ทำงานที่โรงพยาบาลเสลภูมิ... พี่แป้บอกข้าพเจ้า อยากจะพัฒนางานที่โรงพยาบาลเสลภูมิ... หากว่ามีโอกาสจะเรียนร่วมปรึกษาหารือ ซึ่งข้าพเจ้าก็ยินดี เพราะอยู่ไม่ไกลกัน...

จนถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน...ได้รับการติดต่อมาว่าจะมาพบและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน...เกี่ยวกับประเด็นพัฒนางาน พี่แป้ค่อนข้างทำการบ้านมาดี... มีส่งเรื่องราวมาให้ดูก่อน จนเมื่อถึงวันนัดทางทีม...ที่มาด้วยกัน ได้มาเล่าเรื่องงานสู่กันฟัง ซึ่งทีมทำงานของพี่แป้นี้ทำในเรื่องเบาหวาน... เข้าไปทางของเครือข่ายเบาหวานได้พอดีเลย...

เป้าหมายของพี่แป้และทางทีม คือ พัฒนางานประจำที่ทำอยู่ในเรื่องเบาหวาน ซึ่งทำทั้งระบบในโรงพยาบาลไปจนถึงชุมชน... มี อบต. เข้ามาร่วมด้วย มีการเชื่อมต่องาน ส่งต่อกันไปทอดๆ ตั้งแต่แผนกผู้ป่วยนอก ไปถึงแผนกผู้ป่วยใน PCU สถานีอนามัย และชุมชน... กลุ่มเป้าหมายพี่แป้มองไปที่ประชาชนในเขตพื้นที่เสลภูมิ... ไม่ได้ตั้งวงเพียงแค่กลุ่มผู้ป่วย...

จากทางทีมวิเคราะห์... สภาพการทำงาน และโอกาสของการพัฒนา...

จุดเริ่ม... คือ การสร้างและกระตุ้นพลังในการทำงาน...ให้เกิดในทีมคนทำงาน ... จึงได้มาหารือข้าพเจ้าถึงทิศทางที่จะขับเคลื่อนไป ข้าพเจ้าจึงเสนอให้นำกระบวนการ KM มาเป็นเครื่องมือในการทำงาน และร่วมใช้กับ R2R ... ไปพร้อมกันเลย... ให้เป็นลักษณะการทำงานแบบนอกระบบ คือ รวมพลังกันในกลุ่มคนที่มีใจ เป็นกลุ่มแกนสำคัญ... ล้มเลิกการใช้ระบบสั่งการและการตั้งกรรมการคณะทำงานก่อน ซึงหมายถึงว่า มองคนกลุ่มแรกที่มีใจทำงานอย่างแท้จริงก่อน จากนั้นถ้าอยากจะแต่งตั้งเป็นคำสั่งการทำงานในระบบก็ค่อยทำไป ... เพราะข้าพเจ้าสังเกตว่า คนหน้างานเวลาทำงาน มักจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาก่อน โดยคนที่ถูกแต่งตั้งอาจไม่สมัครหรือไม่มีใจในการทำงาน... ดังนั้นเวลาทำงานจริง จึงมักขาดพลัง และความต่อเนื่อง เพราะคนในกลุ่มนี้เวลาที่เจอปัญหาและอุปสรรคมักจะท้อ ไม่สู้...  แต่หากเป็นกลุ่มคนที่มีใจ คนกลุ่มนี้จะกัดไม่ปล่อย...จะมุ่งมั่น แม้เจอปัญหาและอุปสรรคก็จะลุยต่อ... ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนคนไม่มาก แต่ก็ทำให้มีพลังมากต่อการบุกเบิก...

ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนี้...

เรามองโอกาสไปจนถึง...การพัฒนางานประจำโดยใช้การวิจัยมาเป็นเครื่องมือ ซึ่งทางทีมพี่แป้ก็พร้อมที่ลุย ... พี่อ๋อยเล่าว่า ตนเองลงทุนศึกษาการทำวิจัยในภาคทฤษฎีด้วยตนเอง และปรึกษาคนที่มีประสบการณ์ในการทำวิจัย... เพราะเห็นด้วยว่าหากจะพัฒนางานนี้ก็อยากจะทำให้เต็มที่

ข้าพเจ้า...รู้สึกว่าทีมงานพี่แป้นี้มีใจฮึกเหิมมาก...

คนหน้างานอย่างพี่แป้ ... มีลักษณะค่อนข้างลุยและทำงานเชิงรุก มองทุกอย่างเป็นโอกาสเสมอ อีกทั้งข้าพเจ้าได้รับข้อมูลมาว่า ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลเปิดไฟเขียว... ให้ตลุยงานนี้อย่างเต็มที่

การพูดคุยกันสำหรับครั้งนี้... เราถือว่าเป็นเพียงการเริ่มต้นของการทำงานร่วมกัน ซึ่งเรามีประเด็นร่วมกันอีกมากมายที่จะต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันต่อไปอีก... ข้าพเจ้ากำลังมองว่า ที่โรงพยาบาลเสลภูมิก้าวเดินออกมาพบกันกับข้าพเจ้านี้ ได้พูดคุยกันครึ่งวันเพื่อวางแผนการทำงานในระยะยาวกันต่อ กำลังคิดว่านี่เป็นอีกรูปแบบการเรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งสำหรับตัวข้าพเจ้าที่จะได้มีโอกาสให้ตัวเองได้ทำงานนอกกรอบอีกชิ้นงานหนึ่ง เป็นการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องในสถานะที่ข้าพเจ้าเป็นคนนอกขององค์กร แต่จะร่วมพัฒนางานนี้ด้วยกัน... ข้าพเจ้ามองว่านี่เป็นอยู่ในแนวคิดที่ไร้พรหมแดนของเงื่อนไของค์กร... เป็นการจับมือร่วมกันเพียงแค่มุ่งเป้าหมายว่าทำเพื่อมนุษย์...

-----------------------------------

 

 

หมายเลขบันทึก: 208190เขียนเมื่อ 12 กันยายน 2008 21:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท