"ความยั่งยืน" คือเป้าหมายที่ปรารถนาไปให้ถึง อีกหนึ่งบทเรียนจาก รพ.เสลภูมิ


การทำงานที่คนหน้างานต้องเผชิญ...ซึ่งบางครั้งอาจดูเหมือนเป็นความเคยชินหรือคุ้นเคย จนแยกไม่ออก มองไม่เห็นถึงกระบวนการพัฒนาที่ศักยภาพของคนหน้างานนี้จะก้าวไปให้ถึง เมื่อไรก็ตามที่กระบวนการพัฒนาหรือเทคนิค วิธีการใหม่ๆ เคลื่อนมาสู่คนหน้างาน พวกเขาเหล่านี้จะรู้สึกว่าเป็นการเพิ่มภาระ...

แล้ว...

เมื่อไรกันเหล่าที่คนหน้างานเหล่านี้ จะซาบซึ้งกระบวนการพัฒนาด้วยหัวใจที่มีความสุขได้ โดยไม่ต้องพึ่งพิงหรืออิงอาศัยปัจจัยภายนอก หากแต่เคลื่อนตัวไปตามปัจจัยภายในที่เป็นผู้กำกับและนำตนเองไปสู่กระบวนการเรียนรู้ภายนอก...อย่างเนียนเป็นธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 17-18 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา...ข้าพเจ้าได้ไปร่วมเป็นวิทยากรกระบวนการที่เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในทีมบุคลากรโรงพยาบาลเสลภูมิที่จัดให้มีขึ้น...แต่เป็นการจัดที่เราไปใช้สถานที่ข้างนอก คือ บ้านนาข่า จังหวัดอุดรธานี... ตามมุมมองของผู้บริหารโรงพยาบาลที่สนับสนุนให้รางวัลแก่คนทำงานด้วยการได้พักผ่อนและเดินทาง หากแต่เป็นการเดินทางที่ไม่สูญเปล่า เพราะเป็นการทำงานที่ได้เรียนรู้...การงานภายในสู่ภายนอกร่วมด้วย

ข้าพเจ้าจำได้ว่าวันนั้นได้เดินทางออกจากบ้านที่ขอนแก่น เช้าๆ...ได้เจอกับอากาศงาม สดชื่น ภูมิทัศน์ระหว่างสองข้างทาง ขอนแก่น-อุดร...สวยงาม แม้จะเดินทางไปบ่อย แต่ทุกครั้งที่ได้ไปก็ยังตราตรึงอยู่ในความรู้สึกของข้าพเจ้าอยู่เสมอ ข้าพเจ้าไปถึงที่นั่นตามเวลาที่นัดหมาย ... เตรียมกระบวนการสักพักใหญ่...ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนสถานที่ และเสริมสร้างบรรยากาศสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้

เรื่องราวที่เรานำมาเป็นประเด็น...ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ คือ เรื่องการขับเคลื่อนการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งการมาร่วมเวทีกันครั้งนี้ มากันทั้งเครือข่ายคนทำงาน โรงพยาบาล ชุมชน และ อบต. กระบวนการเรียนรู้นั้นเรานำแนวทาง...การเรียนรู้ด้วยใจที่เปิดกว้าง ใช้เทคนิคสุนทรียสนทนา เข้ามาพูดคุย...น้อมใจฟังกันเบาเบา เปิดพลังความคิดทางบวก ให้ได้ทำงานอย่างเต็มที่ หลายๆ คนไม่คุ้นเคย ต่างบอกเล่าว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่พอสมควรในชีวิต และคิดอยากนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน...

การฟัง...ด้วยหัวใจที่น้อมลง ทำให้เกิดเป็นความเข้าใจ มองเห็นใจในกันและกัน นี่เป็นอีกบทหนึ่งของการสนทนาบอกเล่าต่อกัน...

กระบวนการเรียนรู้...ข้าพเจ้าเริ่มด้วยการฝึกทักษะการสนทนา ... ซึ่งค่อนข้างคุ้นเคย เพราะหลายๆ คนเคยผ่านกระบวนการฝึกทักษะทางการให้คำปรึกษาทางด้านจิตวิทยา แต่ครั้งนี้เรานำมาเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนา ต่อเรื่องราวการทำงาน

วันแรกของการเรียนรู้...เราเสร็จกระบวนการกันสามทุ่ม แม้ว่าจะเป็นวันที่ใช้เวลาอย่างยาวนาน แต่บรรยากาศที่ยิ่งเนิ่นนาน ... ความละมุนละไมในบรรยากาศยิ่งเพิ่มมากขึ้น ข้าพเจ้าค่อนข้างประทับใจ เพราะกระบวนการได้เริ่มลื่นไหล มีการนำเรื่องงานขับเคลื่อนเบาหวานมาพูดกันระหว่างแต่ละหน่วยพื้นที่ ซึ่งทางผู้เข้าร่วมกระบวนการบอกว่า เมื่อก่อนไม่เคยมีความสำเร็จจากการประชุมหารือเรื่องงานนี้กันเลย แต่วันนี้ ทุกคนได้พูดและได้ฟัง...และได้ช่วยกัน ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีมาก อยากให้บรรยากาศอย่างนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

วันแรกผ่านไป....ด้วยใจเบาเบา เก้าชั่วโมงของการทำเวที กระบวนการเรียนรู้นี้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ขาพเจ้าได้เรียนรู้และตระหนักเพิ่มขึ้นก็คือ... พลังทางบวก อันเป็นพลังความดีงามนี้ ทำให้ผู้คนต่างมีการนำศักยภาพมาใช้ได้ดียิ่งโดยเป็นไปในลักษณะยิ่งใช้ ยิ่งเพิ่ม...เป็นการใช้ที่ไม่มีวันหมด...

วันที่สอง...

แม้ว่า...เมื่อวันแรกจบลงด้วยเวลาอันดึก...พอสมควร แต่เช้าเราก็นัดหมายกันแปดโมง... ข้าพเจ้าตื่นแต่เช้ามืด ไปกราบท่านหลวงตาบัว และคุณยายแม่ชีจันดี ซึ่งมีงานบุญใหญ่ของวัดพอดี ...จากนั้นจึงได้กลับมาดำเนินกระบวนการต่อ...

ความหลับใหลของเมื่อค่ำคืน ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดใดทั้งสิ้น ... ความต่อเนื่องยังคงมีอยู่ ดังนั้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นี้ ตามที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสนั้น จึงเป็นบรรยากาศที่สงบ...หากแต่มีพลังของความมุ่งมั่น ที่ไม่ใช่การอยากเอาชนะกันทางความคิด...มีงานที่ปรากฏขึ้นหลายโมเดลมาก ซึ่งข้าพเจ้าเน้นย้ำกับทางผู้ประสานงาน คือ พี่แป้...ว่าอย่าได้ทิ้ง หรือปล่อยให้เนิ่นนาน ณ เวทีแห่งนี้มีผู้ที่มีหัวใจอยากทำงานอยู่แล้ว และขอให้เป็นการทำงานที่ปราศจากการสั่งการ แต่ขอเป็นการงานที่เกิดขึ้นจากใจของคนหน้างานอย่างแท้จริง...

ในวันนี้...สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าละทิ้งไปไม่ได้ ก็คือ การต่อยอดอย่างการพัฒนางานประจำด้วยการทำงานวิจัย(R2R) โชคดีว่า ณ เวทีแห่งนี้มีผู้มองเห็นความแง่งามของการพัฒนาด้วยกระบวนการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่จุ๋ม หมอตุ๊กตา หรือ เภสัชกรบุ๋ม...และใครอีกหลายๆ ท่าน และที่สำคัญพี่แอ๋ว...ผู้เป็นเสมือนคุณเอื้อ ได้เข้าร่วมกระบวนการนี้ตลอด...ความมุ่งมั่นของคนหน้างานที่นี่ ข้าพเจ้าเชื่อว่า พลังนี้มีก่อเกิดเป็นแน่...

โมเดลการทำงานของคนพื้นที่มีเกิดขึ้นหลายโมเดลมาก และสามารถนำไปสู่การทำได้จริง ซึ่งความปรารถนาของคนหน้างานที่นี่ อยากทำงานที่ไม่ใช่คำสั่ง หรือการผลักภาระ หากแต่เป็นการช่วยเหลือกันและกันตามหน้าที่

ข้าพเจ้าได้ชี้ให้เห็นว่า...ในการทำงานเป็นทีมร่วมกันนี้..สิ่งแรกที่ต้องกระทำ คือ การได้มองเห็นหน้าที่ของตนเอง เพราะเมื่อไรที่เรามองเห็นหน้าที่ของตนเองแล้ว ความวุ่นวายจากการทำงานก็จะลดลง ขัดแย้งน้อยลง ความสงบในใจจะมีมากขึ้น เพราะทุกคนต่างทำหน้าที่ซึ่งกันและกัน จากนั้น ก็มารวมพลังต่อกัน...เชื่อมโยงกัน...ต่อเนื่องกันไปจนเป็นความยั่งยืนของเป้าหมาย ซึ่งเป็นความยั่งยืนที่เกิดขึ้นภายในหัวใจของคนหน้างานเอง

สองวันที่ได้เรียนรู้นี้...เป็นสองวันที่ไม่ใช่ความสำเร็จทั้งหมดของการทำงาน หากแต่เป็นอีกประตูบานหนึ่งที่เปิดออกไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งสำหรับคนหน้างาน...

 สังฆะแห่งความรัก

สังฆะไม่ใช่ผ้าเหลืองหรือเครื่องแบบ

แต่เป็นครอบครัวทางธรรม กลุ่มชนผู้ใฝ่การปฏิบัติธรรม คือ พุทธบริษัท4

 

ชุมชนประกอบด้วยหมู่กัลยาณมิตร ผู้เกื้อกูลชีวิต จิตวิญญาณและการปฏิบัติ

เมื่อเราผิดพลาด เผลอลืม กัลยาณมิตรเป็นกระจกส่องสะท้อนความจริงที่เราไม่เห็น

หากเราท้อแท้ กัลยาณมิตรให้กำลังใจและเดินไปด้วยกันบนหนทางการปฏิบัติ

หากเรามีปัญหา สังฆะจะช่วยประคับประคองให้เราผ่านพ้นเมฆหมอกแห่งทุกข์

กัลยาณมิตรหรือสังฆะ คือ ทั้งหมดของพรหมจรรย์

 

ความสัมพันธ์ คือ กุญแจดอกสำคัญของสังฆะ

ฟังอย่างลึกซึ้ง ดูแลกันอย่างใส่ใจ ให้อภัย

ตระหนักรู้ถึงความเจ็บปวด ปัญหา ความกลัว ความปรารถนาของกันและกัน

ส่งเสริมบรรยากาศแห่งความเป็นพี่น้อง กันเอง เคารพซึ่งกันและกัน

...

 

อีกหนึ่งตอนเพื่อการเตือนรู้ สติ...ของการปฏิบัติผ่านการทำงาน

ติช นัท ฮันห์

"ดั่งกันและกัน"

จากตาสู่ใจ ธรรมะใกล้มือ

 

 

----------------------------------------------

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 217906เขียนเมื่อ 21 ตุลาคม 2008 04:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สัญญาด้วยใจว่าชาวเสลภูมิจะมุ่งมั่นทำงานให้ได้ครอบคลุมและคุณภาพงานมากที่สุด ด้วยหลักคิด หลักวิชา และหลักปฏิบัติ และเน้นความสุขมากที่สุด

ขอบคุณค่ะพี่ แป้

  • ทำปัจจุบันขณะให้ดีที่สุด ด้วยความตั้งใจ..โดยที่เราไม่ต้องไปสัญญาใดใด...กับสิ่งใดใด... ขอเพียงน้อมนำ "ใจ"...ให้มีความตั้งใจยิ่งต่อการคิด พูด ทำ...นั้นเยี่ยมที่สุดแล้วค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้คนหน้างาน "อ.เสลภูมิ" ทุกท่านนะคะ...

(^___^)

กะปุ๋มคะ

วันนี้จะถอดบทเรียนของการศึกษาปัญหา/สภาพการณ์ ของผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งจะนำไปสู่การใส่intervention แก่ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ดูแล และอสม. เพื่อมุ่งหวังการดูแลที่ถูกหลักให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละคน

กะปุ๋มคะ

มีสิ่งหนึ่งก้าวแรกหลังจากได้จัดสัมมนา

คุณอำนวยจะเริ่มปฏิบัติการ วันศุกร์นี้ จะเริ่มคุยกันก่อนว่าจะเริ่มเรื่องชมรมเบาหวานอย่างไร จะเชื่อมกับและต่อระบบอย่างไร เพราะลำพังแป้คิดคงไม่ใช่

ขอบคุณมานะคะสำหรับ "น้อมฟังด้วยใจเบาๆ

เรียนรู้ไปนะคะ พี่แป้...เรียนรู้ด้วยใจเบาเบา ด้วยความนอบน้อม ...กะปุ๋มขอฝากกำลังใจให้คนหน้างาน ทุกคน..อาจท้อ หรือเหนื่อย แต่ขออย่าหยุดนะคะ...

เป็นความยิ่งใหญ่...ของชีวิต

(^___^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท