กิจกรรมอย่างหนึ่งที่เป็นความต่อเนื่องที่ทีมคนหน้างานจิตเวช โรงพยาบาลยโสธรดำเนินกันมาตั้งแต่ปี 2545 คือ การพัฒนาเครือข่ายเด็กและเยาวชน การที่เรายังมีทีมน้องๆ มาเป็นเครือข่ายที่ต่อเนื่อง ด้วยความต่อเนื่องสมัครใจ ทำให้เกิดเป็นความเข้มแข็งและยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น ข้าพเจ้าได้ถอดบทเรียนมิติและปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น อันอาจเป็นเรื่องราวเล็กๆ ที่เราได้มองข้ามผ่านไป เพราะปัจจุบันเรานั้นมักไปให้ความสำคัญในมุมของตัวเลข และจำนวนโครงการใหม่ๆ ทีผลุดขึ้นเหมือนดอกเห็ด...
สำหรับคนหน้างาน “ทีมดูแลทางด้านจิตใจ” กลุ่มงานจิตเวช โรงพยาบาลยโสธร ก็ยังคงสานต่อการงานเรื่องการสร้างเครือข่ายนี้อยู่ ตอนนี้คุณหนิง – สุปราณี พลไชย เป็นโต้โผใหญ่ในการดูแลน้องๆ เครือข่าย ...
และนี่เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ข้าพเจ้า..ได้ถอดบทเรียนออกมา เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับทัศนะของข้าพเจ้าเอง ที่เห็นเด็กกลุ่มเล็กๆ มาด้วยพลังแห่งความกระตือรือร้น...เพื่อเป็น “จิตอาสา”... ี้หนิง ่ายนี้อยู่ รมอย่างหนึ่งที่เป็นความต่อเนื่องที่ทีมคนหน้างานจิตเวช โรงพยาบาลยโสธรดำเนินกันมาตั้งแต่ปี
แรงบัลดาลใจที่อยากมาทำจิตอาสาในครั้งนี้ก็คือ
-
ในช่วงปิดภาคเรียนไม่มีอะไรทำและอยากจะได้ความรู้และประสบการณ์ในการเป็นจิตอาสาอยู่ที่โรงพยาบาลยโสธร อยากจะรู้ว่าการที่จะมาเป็นจิตอาสานี้จะต้องทำยังไง ทำอะไรบ้าง และคิดว่าจะได้คุ้นเคยกับโรงพยาบาล คนป่วย และเจ้าหน้าที่ในแผนกต่างๆโดยเฉพาะพ่อแม่ก็สนับสนุนเพราะอยากให้ได้เรียนรู้ว่าการทำงานอยู่ร่วมกันกับคนอื่นการไปเจอสิ่งใหม่ๆเป็นยังไง
-
ก่อนที่คนเราจะทำอะไรก็จะต้องมีแรงบันดาลใจที่จะทำหนูก็เหมือนกันชอบที่จะเป็นพยาบาลมีความตั้งใจจะเรียน และปิดเทอมที่บ้านไม่มีอะไรทำ เพื่อนได้มาชวนจึงตอบตกลงเพราะชอบจะได้ช่วยเหลือผู้อื่นจะได้บุญด้วยเพราะไม่ค่อยได้ทำบุญจึงเป็นแรงบัลดาลใจให้มาเป็นจิตอาสาเพื่อเป็นประสบการณ์ในชีวิต
-
แรงบัลดาลใจที่หนูอยากมาจิตอาสานี้คือหนูเห็นพวกพี่ๆรุ่นที่แล้วมาก็เลยอยากมาดูว่าเขาทำอะไรกันบ้างก็เลยเป็นแรงบันดาลใจหนูอยากมาดูมาเห็นสิ่งต่างๆ ในโรงพยาบาลนี้เพื่อเป็นประสบการณ์ในชีวิตอีกด้วยและอีกอย่างหนูก็อยากเรียนรู้สิ่งต่างๆในโรงพยาบาลนี้เพื่อจะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย
-
แรงบันดาลใจคืออยากช่วยเหลือผู้ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลและยังได้เห็นพี่ๆปฏิบัติหน้าที่ก็อยากมีโอกาสแบบพวกพี่ๆจึงมาดูการปฏิบัติงานในแต่ละแผนกว่าทำอย่างไร
-
แรงบันดาลใจ อะไรคือแรงบันดาลใจที่อยากจะมาทำเป็นจิตอาสาปิดเทอมอยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพราะจะช่วยเหลือทุกคน ช่วยเหลือผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลช่วยเท่าที่จะช่วยได้บางอย่างการที่ได้มาเป็นจิตอาสาทำใช้เราได้ความรู้สึกของผู้ป่วยที่เข้ามารักษาว่าเป็นยังไงความสะดวกสบายที่เข้ามารักษาอยู่ที่นี้
-
แรงบันดาลใจให้มาทำจิตอาสาคืออยากได้ช่วยเหลือผู้ป่วยถึงจะทำอะไรไม่ได้มากก็ตาม
-
การที่คนเราอยากจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมมีแรงบันดาลใจหรือแรงจูงใจจึงจะสามารถทำงานได้อย่างมีความสุขเช่นเดียวกับหนูแรงบันดาลใจที่ทำให้คิดว่าอยากมาจิตอาสาคือการอยากเรียนรู้และการรักอาชีพทางด้านนี้ซึ่งการที่มาในครั้งนี้ทำให้ได้เรียนรู้ประสบการณ์หลายๆอย่าง
-
สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจคือสิ่งผูกพันและรักมากในการอยากช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อน และคงเป็นเพราะมีแรงบันดาลใจที่อยากจะเป็นพยาบาลให้ได้ อีกทั้งเห็นพยาบาลตามตึกต่างๆแล้วดูเท่ดีแถมใส่ชุดขาวแล้วดูสะอาดตามาก อีกทั้งยังมีพี่ๆที่อยู่จิตเวชคอยช่วยแนะนำหนูในเรื่องต่างๆ
มาแล้วได้ทำอะไรบ้างที่นำไปสู่การเรียนรู้
-
การมาเป็นจิตอาสาครั้งนี้ก็ได้ไปพูดคุยกับคนป่วยที่มาโรงพยาบาลที่ OPD1 ได้ทำงานอยู่ที่ต่างๆได้ไปเดินดูตึกต่างๆว่าเป็นตึกอะไรมีหน้าที่ทำอะไรและได้ไปทำแบบคัดกรอง 2 คำถามเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า
-
การมาเป็นจิตอาสาครั้งนี้ได้ประสบการณ์ในการพูดคุยและสอบถามเกี่ยวกับโรงซึมเศร้าและได้ไปทำแบบคัดกรองโรคซึมเศร้า 2 คำถามที่ตึกต่างๆจึงได้รู้จักตึกต่างๆ
-
การมาจิตอาสานี้มาแล้วก็ได้ความรู้หลากหลายอย่างไม่ว่าจากพี่หนุ่ย พี่หนิง พี่กะปุ๋ม ฯลฯ ก็ได้ให้ความรู้เราได้ดีไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือคนไข้ต่างๆ หรือเรื่องต่างๆก็ให้คำปรึกษาหนูดีค่ะ เช่น คลินิกจิตเวชท่านก็สอนทุกอย่างในเรื่องนี้หนูก็จะเอาประสบการณ์พวกนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ว่าการช่วยเหลือผู้ป่วยจะช่วยอย่างไรผู้ป่วยจึงจะปลอดภัยมาแล้วก็ได้มาช่วยผู้ป่วยในหลายๆด้านการประเมินโรคซึมเศร้าต่างๆอีกด้วย
-
มาแล้วได้รับประสบการณ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย ได้ช่วยพยุงคุณยายลงบันไดและช่วยไปรับยาแทนผู้ป่วยที่ไม่สามารถไปรับเองได้ และในหลากหลายด้านและมีการประเมินโรคซึมเซร้าว่ามีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า
-
แรงบันดาลใจให้มาเป็นจิตอาสาเพื่อเป็นประสบการณ์ในชีวิตที่เคยได้ทำมาและก็ได้ทำแบบประเมินโรคซึมเศร้าและก็ได้ลงไปที่ตึกต่างๆที่เราไม่เคยได้เห็นได้พบ
-
มาแล้วหนูได้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ประเมินโรคซึมเศร้าได้ไปดูตึกต่างๆในการประเมินอาจมีปัญหาอยู่บ้างแต่ก็สนุกและพี่ๆที่จิตเวชก็เป็นกันเอง
-
ไม่ว่าจะเป็นการประเมินโรคซึมเศร้าได้รู้จักตึกต่างๆแถมพี่ๆก็น่ารักดูแลดีทำให้การมาทำจิตอาสาในครั้งนี้สนุกสนานอาจมีเครียดบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นไรถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตซึ่งถ้าอยู่บ้านคงไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยลืมไปอีกหนึ่งข้อได้เข็นคนป่วยด้วย เป็นอะไรที่สนุกสนานอีกด้วย
-
มาแล้วได้ช่วยคนป่วยขึ้นรถเข็นที่จุดบริการเปล มีคุณตานายและคุณตาสมที่เป็นคนคอยแนะนำเรื่องดีให้ด้วยและทำไปก็สนุกดีรู้สึกอบอุ่นด้วยและคอยส่งหนังสือเวียนให้กลุ่มงานจิตเวชและนำแบบคัดกรองโรคซึมเศร้าไปทำข้างล่างเพื่อมาทำลงในแฟ้มปฏิบัติงานด้วยค่ะ ทำแล้วให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นระบบระเบียบดีจริงๆ
มีต่อ...
ถอดบทเรียนตอนที่หนึ่ง
พลังอันงดงามจาก "ต้นกล้าเล็กๆ"
มีนาคม 2552