"ปีนี้...เราไม่ได้มีเวทีเสวนากันแบบสนุกๆ เลยนะ"...
เป็นคำทักทายจาก อ.ดร.นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ในงานมหกรรม R2R "เราไปหาห้องทำเวทีกันแบบสนุกๆ และมีความสุขกันเถอะ" เป็นประโยคกระเซ้าอย่างอารมณ์ดีของขวัญใจนักวิจัยแห่งชุมชน "ปฐมภูมิ"... ทุกครั้งที่ได้เจอท่าน จะได้รับสัมผัสห้วงแห่งสภาวะที่ดีเสมอ ความสุข ความมีเมตตา และพลังแห่งความดีงามที่มีอยู่อย่างมากมาย
คำทักทายของท่าน...ทำให้ข้าพเจ้าฉุกคิด อืม! เหมือนงานนี้ลืมอะไรไปหรือเปล่า
"ความสุขจากการทำ R2R"...
จากงานมหกรรม R2R ครั้งแรกนั้นการโหมโรงด้วยการให้ อ.หมอโกมาตร ทำเวทีนั้นเป็นที่ประทับอยู่ในความทรงจำของใครๆ หลายๆ คน เวลาที่ข้าพเจ้าเดินทางไปทำกระบวนการที่ไหน ก็จะรับการบอกกล่าวถึงช่วงเวลาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างมีความสุขในครั้งนั้น แต่ไม่เป็นไร...
ครั้งนี้การได้เจอท่านอีกครั้ง...พร้อมความเหมือนที่แตกต่าง จากเสื้อที่สวมใส่นั้น ทำให้ข้าพเจ้าขอถ่ายภาพกับท่านพร้อมบอกกล่าวว่า "นี่จะนำไปเป็น presenter เสื้อผ้าฝ้าย"... โดยจริตของข้าพเจ้าเองค่อนข้างจะชอบมาก และทุกครั้งที่ได้เจอท่านก็เจอการสวมใส่เสื้อลักษณะผ้าฝ้ายเช่นกัน
กว่าจะถ่ายภาพได้...ต้องรอท่านกลัดกระดุมให้ครบ ท่านบอกว่าเสื้อตัวนี้ต้องใช้เวลานานกว่าจะกลัดกระดุมเสร็จ...ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเสื้ออีกตัวที่เป็นกระดุมก้างปลา นั่นน่ะก็ใช้เวลานานเหมือนกันบางครั้งใช้วิธีสวมแทนโดยกลัดกระดุมไว้เลย...
และถ่ายภาพไม่พอ...พร้อมแจกลายเซนต์ในหนังสือ "สังคมปรนัย"...ให้ด้วย พร้อมคำแซว ท่านบอกว่าอ่านหนังสือเล่มนี้มีคำเตือน "ให้อาบน้ำก่อนอ่าน"... เพราะเมื่อได้อ่านแล้วจะวางไม่ลง ณ ขณะนั้นข้าพเจ้าก็หัวเราะขำขำ พร้อมบอกไปว่า "กะปุ๋มไม่ชอบอาบน้ำ ดังนั้นต้องมีเล่มนี้ไว้อ่าน เพราะจะได้ขยันอาบน้ำมากขึ้น"...ฮา
แต่เมื่อได้หยิบมาอ่านจริงๆ วางไม่ลงเลยค่ะ นั่งอ่านอยู่ที่สนามบิน บนเครื่อง...จนกลับเข้าบ้านที่ขอนแก่นก็ยังวางไม่ลง (แต่ก็ยังไม่ได้อาบน้ำเลย !!)
ได้รับความเมตตาจาก อ.หมอโกมตรท่านเดียวไม่พอค่ะ ได้รับความอนุเคราะห์จากบุคคลข้างเคียงท่านมอบกระเป๋าที่มีการออกแบบลายกระเป๋าจาก อ.หมอโกมาตร ...ให้หนึ่งใบ...ท่านได้เขียนคำโปรยในหนังสือว่า "แด่ ... ภรรยาที่อดทนและอนุญาตให้ทำงานที่อยากทำ"...จากถ้อยความนี้ทำให้นึกถึง บทเพลงนี้อีกแล้ว "NO COMING NO GOING"
วกกลับมาเรื่องหนังสือ "สังคมปรนัย" อีกครั้ง...
อ่านแล้วข้าพเจ้ารู้สึกว่าเป็นหนังสือที่ดีที่น่าอ่านเล่มหนึ่ง ที่ทำให้ย้อนกลับมาที่งาน R2R บางคนหลงทางเคลื่อนเข้าไปสู่กระแสแห่งความเป็นปรนัยนั้นหรือเปล่า หรือว่าแท้ที่จริงแล้วกระบวนการนี้นำพาผู้คนคนหน้างานก้าวเดินให้ผ่านห้วงแห่งการคุมขังตนเองจากพันธนาการของการทำงานอย่างไร้จิตวิญญาณ...?
จริงๆ แล้วในหนังสือ "สังคมปรนัย" ไม่ได้พูดถึงเรื่องการทำ R2R เลยสักนิด แต่เหตุที่ทำให้ได้อ่านหนังสือเล่มนี้คือ งานมหกรรม R2R อ่านแล้วจึงเกิดความเชื่อมโยงไปสู่การมองสิ่งต่างๆ รอบด้านภายใต้กระจกแห่งความเป็นปรนัยนี้...==> ความเป็นปรนัยนี้จึงเสมือนคุกที่ขังผู้คนอย่างยากที่จะดิ้นหลุดออกยาก
แล้วต่อมเอ๊ะ! ของข้าพเจ้าก็ได้เกิดคำถามว่า แล้วการทำ R2R นี้กำลังทำให้คนหน้างานเรียงแถวเป็นบล็อกหรือไม่?
เอ๊ะปุ๊บ...ก็อ๋อปั๊บเลย ได้คำตอบ...
ไม่เป็น...หากไม่พลาดติดกับดักตนเองก่อน...
ทำไมถึงไม่เป็น เพราะว่าหากเราสนับสนุนการทำ R2R ให้เกิดการสร้างความรู้ใหม่ขึ้นมาอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางานประจำที่ไม่ใช่เป็นการตัดเสื้อโหลให้คนหน้างานใส่แล้ว แน่นอนการเคลื่อนไปของการทำ R2R ไม่ใช่กับดักที่นำไปสู่การเกิดสังคมปรนัยนี้แน่นอน เพราะเมื่อไรที่เรากระตุ้น สนับสนุนให้การทำ R2R อย่างอิสระและใจที่เป็นสุข...เชื่อในความเป็นมนุษย์ว่าเป็นผู้มีปัญญา นั่นน่ะก็จะช่วยทำให้ผู้คนหลุดพ้นออกจากที่ขุมขังแห่งการงานที่ทำให้สูญเสียจิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์ได้
---------------------------
ภาพอ้างอิง "บรรยากาศของปีที่แล้ว อนุเคราะห์จากพี่แก้วในบันทึกกะปุ๋ม
http://gotoknow.org/blog/kapoomr2r/192053