โรงพยาบาลป่าติ้ว...ด้วยหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์


ในค่ำคืนนี้ถือว่าเป็นเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่หากว่าไม่มีความจำเป็นที่สำคัญก็จะไม่โทรหาข้าพเจ้า แต่...ข้าพเจ้าได้เห็นเบอร์ค้างหนึ่งสายที่ไม่ได้รับจึงโทรกลับ ปรากฏว่าเป็นคุณแม่ชีโกที่นับถือท่านโทรมาหารือเรื่องคุณยายอ่อนที่กำลังจะเสียชีวิต ที่อยู่ในระยะสุดท้ายซึ่งรอเพียงว่าลมหายใจสุดท้ายของท่านจะหมดลงเวลาใดเท่านั้นเอง...

ในห้วงเวลาสุดท้ายนี้คุณยายอ่อนได้รับความดูแลอย่างดีจากลูกหลานและที่สำคัญจากหมออนามัยเล็กๆ สองคนคือ หมอนัทและหมอปลาที่อนุเคราะห์ให้คุณยายอ่อนได้รับออกซิเจนอันเป็นการเยียวยาได้ดีทีเดียว ... แต่ด้วยความว่า ณ เวลานี้ออกซิเจนหมดถังแล้ว ที่สถานีอนามัยมีเพียงถังเดียว และทางครอบครัวได้ขอยืมจาก รพ.สต.ใกล้เคียงก็ได้รับการปฏิเสธว่าสำรองไว้สำหรับผู้ป่วยคนอื่น... ทันทีที่ข้าพเจ้าทราบก็เป็นมึนหัวขึ้นมาทันทีว่า อ้าว...แล้วคนไข้รายนี้ล่ะ ทำไมไม่ช่วยเหลือเกื้อกูล คนไข้ที่อยู่ตรงหน้า ณ ขณะนี้ ณ เวลานี้ ทำไมเราต้องไปรออนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร ... แต่ปัจจุบันที่กำลังมีคนคอยรับการช่วยเหลืออยู่นี่ล่ะ...?

เป็นคำถามที่วนเวียนหาทางออกให้สำหรับบุคลากรสาธารณสุขที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะดำรงอยู่กับความเป็นปัจจุบัน แม้แต่โรงพยาบาลใหญ่เอง การยืมหรือขอความช่วยเหลือในเรื่องเช่นนี้ก็ทำได้ยากยิ่ง มีขั้นตอนยุ่งยากมากมาย ทุกคนยึดหลักการพัฒนาคุณภาพกันหมดและเคร่งครัด แต่...สิ่งหนึ่งที่ลืม คือ การยึดผู้ป่วยเป็นสรณะ...

เมื่อวานนี้ในหน่วยงานของข้าพเจ้ายังได้พูดคุยกันเรื่องนี้อยู่เลยว่ากระบวนการเกื้อกูลกันในหน่วยงานใหญ่ๆ นับวันยิ่งมีน้อยลงเรื่องๆ

กัลยาณมิตรที่ข้าพเจ้านึกถึงเสมอเวลาที่จัดการในเรื่องทำนองนี้ได้ยาก คือ พี่โอ พี่แก้ว และคุณหมอเอกวิทย์-ผู้อำนวยการ(จริงๆ)ของโรงพยาบาลป่าติ้ว...

ไร้ซึ่งเงื่อนไข มีแต่ความแง่งามของวิถีการทำงาน

อยากให้คนสาธารณสุขมีดั่งเช่นชาวโรงพยาบาลป่าติ้วเช่นนี้

ครั้งนี้ก็เช่นกัน...พี่โอช่วยประสานไปที่พี่นิผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ไม่นานพี่นิก็โทรกลับมา ข้าพเจ้าได้บอกเล่าเรื่องราวสั้นๆ ให้ฟัง ยายอ่อนไม่ใช่ญาติแต่ก็เป็นญาติ เพราะเมื่อข้าพเจ้าทราบเรื่องแล้วข้าพเจ้าไม่อาจนิ่งนอนใจหรือดูดายได้ ... สิ่งที่ข้าพเจ้าทำได้ดีที่สุด ณ ค่ำคืนนี้คือ ทำให้เต็มที่ที่สุดต่อโอกาสที่ได้รับในการเกื้อกูลบุคคลท่านหนึ่งที่กำลังลาลับจากร่างกายที่อิงอาศัยนี้มานานแสนนาน...

คนหน้างานที่โรงพยาบาลป่าติ้วไม่เคยเหือดแห้งในเรื่องมนุษยธรรม ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ท่านผู้อำนวยการ พี่แก้ว-หัวหน้าพยาบาล หรือพี่โอ R2R-Facilitator ทุกอย่างคือ ความไร้เงื่อนไข มีแต่ความเต็มที่ที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน

วันนี้อีกเช่นเคยที่ข้าพเจ้าได้รับความช่วยเหลือ...

อดใจไม่ได้ที่อยากจะชื่นชม เพราะที่นี่เป็นปีที่สองที่ข้าพเจ้าได้สัมพันธ์ด้วย และเป็นพื้นที่หน้างานที่ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจได้ว่า ณ วันหนึ่งหากว่าไม่มีพื้นที่ที่ยืนอยู่ได้ในปัจจุบันในการงาน ข้าพเจ้าจะตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่

หรือแม้แต่... ณ ทุกวันนี้ข้าพเจ้าก็ยังมีความปรารถนาว่าที่นี่น่าจะเหมาะต่อการเป็นศูนย์กลางเครือข่ายเชื่อมโยง R2R สำหรับคนหน้างานที่รักการทำ R2R โดยแท้...

สำหรับข้าพเจ้าแล้ว...ที่นี่มีความงามที่ยังหลงเหลืออยู่มากมายในหัวใจคนหน้างาน...

 

 

หมายเลขบันทึก: 430265เขียนเมื่อ 8 มีนาคม 2011 22:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม 2013 06:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับอาจารย์ที่คิดถึง...

ยิ่งมีความคิดถึงอาจารย์มาก เพราะเป็นประเด็นที่ 'กินใจ' ของผมมาพอสมควร

ผมนึกถึงตอนผมทำงานที่อนามัยใหม่ พวกเราอยู่อย่างเกื้อกูลกัน

ยามนิเทศ ถึงแม้ระดับเล็ก ๆ อย่างอำเภอ  เรายังไปช่วยเหลือวนเวียนเอาแรงกัน

ไม่ได้อะไรสิ่งที่ตอบแทนอะไรหรอกหรอกผม  ค่าน้ำมันรถก็เติมไปเอง

เพียงได้ทานข้าวกลางวัน หรือเย็น ร่วมกัน ก็มีความสุขและรักกัน

เท่านั้นก็เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงที่สำคัญของหมออนามัยคนหนึ่ง

เมื่อ 10 ปี ที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็น 'ภาพอดีต'

เมื่อคิดถึงมันแต่ละครั้ง ก็ได้เพียงแอบอมยิ้ม

เพราะระบบงานได้เปลี่ยน มีระบบเงิน ระบบความดีความชอบ  ตัวชี้วัด

เพื่อเข้าสู่ความเป็นสากล และยุติธรรม

ทำให้คนที่ทำงานลืมความเป็น 'ธรรม' หรือตัวตนของเรา

ที่ต้องทำงานช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเรา  หรือผู้ป่วย โดยไม่คำนึงว่า เขาอยู่ในเขตรับผิดชอบหรือ

พวกเรากอด  'เงิน' และ 'ตัวชี้วัด' เฉพาะตัวเองมากเกินไป

ราวกับกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็ก ๆ ที่มีรูปร่างเหมือนกัน  ที่อยู่ในโลกใบใหญ่ ๆ

กล่องเล็ก ๆ เหล่านั้น ไม่ยอมเปิดประตูกับกล่องอื่น ๆ เพื่อจะไดมองเห็นโลกอย่างรอบด้าน

ผมคิดว่าสักวัน กล่องของเรา จะถูกไฟเผาให้วอดวายสักวัน

อย่างน้อย... มันก็จะเริ่มเผาใขของคนที่อยู่ในกล่องเอง

เพราะการที่เราปล่อยให้ใครคนหนึ่งบนโลกของเรา

ตายลงต่อหน้าต่อหน้าโดยไม่ช่วยเหลือเขา ทั้งที่เราสามารถช่วยเหลือได้

หรือเพราะเราแค่มีหัวใจ แล้วก็โพทนาคนอื่นว่า เรามี 'หัวใจ'

และดูแลคนอื่นด้วยหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์.

 

 

 

 

 

เมื่อเช้าก่อนเข้าที่ทำงานได้ไปเยี่ยมคุณยายอ่อน...

คุณยายอ่อนยังนอนให้ออกซิเจนทางจมูก ลูกหลานอยู่ล้อมรอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเบิกบาน ปราศจากความเศร้าหมอง ... ต่างๆ ดูแลคุณยายอ่อนเป็นอย่างดี

บรรยากาศที่บ้านเป็นบรรยากาศที่ดีมาก อบอุ่น

หากว่าเราลดความต้องการของเรา ลดความปรารถนาของเราลง เชื่อแน่ว่าเราจะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยได้มากขึ้น ดั่งเช่นคุณยายอ่อนที่รับการตอบสนองดูแลเป็นอย่างดีจากลูกหลาน จากหมออนามัยเล็กๆ สองคนอย่างหมอนัทและหมอปลา ... หรือจากผู้ที่มีหัวใจอันยิ่งใหญ่จากพี่นิ ที่บอกว่า...ญาติจะมาเปลี่ยนถังออกซิเจนเมื่อไรก็ได้ ดึกดื่นแค่ไหนก็ได้...หรือผู้อำนวยการผู้มีหัวใจอย่าง นพ.เอกวิทย์ และพี่แก้ว-หัวหน้าพยาบาลที่ให้โอกาสน้องๆ ได้ทำสิ่งที่ดีดีเสมอ...หรือแม้แต่พี่โอ-สมหญิง อุ้มบุญ ที่ไร้เงื่อนไขในทุกเรื่อง...

ดีคือ ความงดงามของสังคมเล็กๆ...โลกใบเล็กๆ ใบนี้ที่ไร้ซึ่งเกียรติยศ หากแต่ไม่ไร้ซึ่งความมีมนุษยธรรม

 

  • ทราบข่าวว่าคุณยายจากไป.....แล้ว...
  • ขอร่วมส่ง ดวงจิตคุณยายอ่อนสู่สุขติ ด้วยคนค่ะ
  • หากมีโอกาสจะได้ไปคารวะคุณยายด้วยเย็นนี้.....
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท