มนต์ลมปาก นครปัตตานี


วันวานได้ยินข้อเสนอแนะ ของอดีตนายกรัฐมนตรี และ อดีตผู้บัญชาการทหารบก ถึงแนวคิด การแก้ปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้ จึงเกิดคำถามถึงเนื้อความ และ วาระซ่อนเร้น ที่เกิดขึ้นในแนวคิด และ จังหวะก้าวทางการเมือง ของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ว่าจิตเบื้องลึกคำนึงถึงผลถึงเป้าหมาย หรือ คำนึงสิ่งใดกันแน่

มนต์ลมปาก นครปัตตานี

 

อ้างอิง - ภาพ Kati1789

ขออีกที

ขออีกครั้งเถิดครับ

สำหรับอนาคตของพี่น้องคนไทย

 

โดยเฉพาะอนาคต ของพี่น้องสามจังหวัดใต้ ที่ยังต้องแบกรับวิกฤติในชีวิตประจำวัน วิกฤติที่เกิดขึ้นจากความรุนแรงในพื้นที่ การเข่นฆ่า คำลวง ความรุนแรงจากเกมการเมือง และเกมการทหาร ที่ในยามนี้ เราได้เห็นความสูญเสียของลูกที่สูญเสียพ่อแม่ พี่ป้าน้าอาที่สูญเสียญาติพี่น้อง หรือพ่อแม่ที่สูญเสียลูกหลาน สูญเสียคนที่ตนรัก

จากความบ้าระห่ำของใครต่อใคร

ที่ต่างอ้างว่า ความรุนแรง

จะเป็นทางออก

 

ทางออกบนซากศพของพี่น้องร่วมแผ่นดินเดียวกัน โดยการระบุว่า ความแตกต่างคือปัญหา พร้อมทั้งอ้างอิงว่า ทางออกในอนาคต คือ การแบ่งแยก ขณะที่อำนาจรัฐไทย ก็ยังคงยืนยันว่า ไม่พร้อมจะยอมความตามความเห็นอันรุนแรงเหล่านั้น โดยไม่ได้พูดถึงบาดแผลแต่ครั้งอดีต บาดแผลของเจ้าหน้าที่รัฐไทย ที่กระทำต่อพี่น้องในพื้นที่

แต่ความจริง

กลับมีผู้คนบางคนพยายาม

จะชูประเด็นสามจังหวัดเป็นเครื่องมือ

 

เป็นเสมือนระเบิดลูกโต โดยหยิบยกมุมมองแนวคิด การปกครองตนเอง การดูแลกันเองในเขตปกครองพิเศษ หรือ แม้แต่ให้คำจำกัดความ นครปัตตานี ของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ในยามที่คนไทยส่วนใหญ่แตกแยกทางความคิด หรือในยามที่เราไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้

มุมมองสำคัญ ในการถามถึงทางออก

เพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชน

บนแผ่นดินไทย นับเป็นสิ่งดี

 

แต่จะดียิ่งกว่า หากสิ่งที่ตั้งคำถามเหล่านั้น ไม่มีสิ่งใดเป็นวาระซ่อนเร้น หรือ ตั้งคำถามในวันเวลาอันเหมาะสม เหมาะกับผู้คนที่พร้อมรับฟัง เหมาะกับสถานการณ์ที่เราสามารถแก้ปัญหานั้นได้ โดยไม่ได้นับคำถามนั้น เป็นเครื่องทางการเมือง เพื่อทิ่มแทงฝ่ายตรงข้าม

หากนับแนวคิด

เพื่อให้คนในท้องถิ่น

มีส่วนร่วมในการปกครองตนเอง

 

ซึ่งเชื่อว่า คนไทยโดยส่วนใหญ่ ล้วนเห็นด้วย หรือแม้แต่ว่า ผู้คนในพื้นที่ที่พร้อมจะมีส่วนร่วม โดยไม่ถูกข่มเหงรังแก ไม่ถูกเข่นฆ่า ไม่ถูกทำร้าย ไม่ถูกวางระเบิด หรือไม่ใช่การแทรกแซงจากอำนาจใต้ดินนอกกฎหมาย ทั้งจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือฝ่ายที่กระทำต่อรัฐในยามนี้

แต่สิ่งที่พูด จากการโยนแนวคิดดังกล่าว

กลับเสมือนเป็นการเติมเชื้อไฟ

ในเกมการเมืองยามนี้

 

ขณะที่รายงานการศึกษา จากทั้งนักวิชาการส่วนกลาง นักวิชาการในท้องถิ่น และประชาคมคนไทยจากหลากภาคีหลายภาคส่วน ที่อยากเห็นทางออกแห่งสันติวิธีในพื้นที่ มากกว่าการเข่นฆ่า ต่างเสนอแนวคิดในการปกครอง ที่นับผู้คนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งล้วนมีอยู่มากมาย หลากหลาย แต่ไม่ได้รับการหยิบยกเพื่อหารือ หรือ กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน

 

 

ดังนั้น จึงไม่ง่าย

เหมือนลมปากที่จะเป่าออกมา

เพื่อให้ทุกคนเห็นว่า ตนเองคิดได้คิดเป็น

 

แต่ต้องเป็นการคิด โดยไม่ได้เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของความจริง ไม่ได้ใช้ความคิดของตัวเองเป็นตัวตั้งหลัก หรือเป็นเครื่องสรุปว่าดีงาม แต่ต้องนำความคิดของผู้คนในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน มาหลอมรวมกัน เพื่อหาข้อสรุปร่วมที่ทุกฝ่ายต่างยอมรับ  

รวมทั้งต้องเป็นแนวความคิด ที่สร้างการมีส่วนร่วม

มีรูปธรรมแห่งความจริงใจแก้ปัญหา

และขั้นตอนเพื่อบรรลุเป้าหมาย

 

ไม่ใช่เพียงโยนระเบิดกลางวง โดยไม่มีรายละเอียด ไม่มีกรอบระยะเวลา ไม่มีขั้นตอนว่า จะผ่านข้อกฎหมาย หรือขจัดอุปสรรคที่ขวางทาง จนประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมกำหนดชีวิตตนเอง เพราะเท่าที่เห็นแนวคิดในขณะนี้ ผู้พยายามออกมาพูด กำลังพูดเหมือนเอามัน ถามมาก็โต้ตอบไป ถามหัวข้อก็ตอบรายละเอียด ถามวิธีการก็ตอบในเชิงแนวคิด

จนเซียนการเมืองทั้งหลาย

ต่างฟันธงร่วมกัน โดยมิได้นัดหมายว่า

งานนี้ต้องถือเป็นเรียลลิตี้โชว์ ตอน ขายฝันทหารแก่

 

ไม่นับรวมว่า ความพยายามดังกล่าว เกิดขึ้นในห้วงยามที่ผู้พูดไม่มีอำนาจรัฐในมือ ขณะที่แต่เดิม ยามมีอำนาจรัฐ ก็กลับไม่มีแนวคิดในการผลักดัน หรือ นำเสนอความคิดดังกล่าวให้เสียงดังขึ้นในสังคมไทย ซึ่งก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร สำหรับบทพิสูจน์ในตัวตนของคนพูด 

เพราะความจริงที่ซ่อนในคำพูด

ล้วนมีเป้าประสงค์สำคัญ

เพื่อเขย่าความรู้สึก

 

มากกว่าเล็งผลเลิศ ให้แนวคิดดังกล่าวงอกงาม เป็นจริงเป็นจัง และเป็นรูปธรรมที่ปฏิบัติได้จริง ซึ่งหากอาศัยเพียงความจริงใจ อาศัยรูปธรรมว่าต้องการระงับยับยั้งความรุนแรง จากเหตุระเบิด จากเหตุฆ่าฟันกันได้จริง ก็ต้องรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อลดเงื่อนไขสงครามในพื้นที่

ยิ่งชั่วโมงบิน

ของบุคคลระดับเสนาธิการ

ที่เคยระงับไฟสงครามในประเทศมาแล้ว

 

วิธีการระงับยับยั้ง จึงไม่น่าจะใช่การออกมาพูดเพียงอย่างเดียว หรือ ออกมาโต้แย้งผ่านหน้าสื่อ เพื่อให้คนไทยวุ่นวายใจเล่น ว่าสุดท้ายเขตปกครองตนเอง หรือ นครปัตตานี จะกลายร่างเป็นนครรัฐปัตตานี เขตปกครองพิเศษ เขตปกครองอิสระ หรือรัฐอิสระปัตตานีกันแน่ แค่ลำพังคำพูดคำจาแบบงงงง ที่คนไทยมากมายประสบพบเจอ จากคำพูดทหารแก่ท่านนี้

ท่านย่อมจะรู้อยู่กับใจว่า โอกาสแห่งความสำเร็จ

เปิดกว้างเพื่อบรรลุเป้าหมายเพียงใด

หรือเป็นเพียงโอกาสสำคัญ

เพื่อให้ท่านไว้ทิ่มแทงศัตรูทางการเมือง

 

 

หมายเลขบันทึก: 311066เขียนเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2009 11:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ลมปากฃึ่งพูดไปแบบไร้ความรับผิดชอบ

เหมือนยิ่งเป็นการฃ้ำเตืมและดูถูกคนพื้นบ้านที่นั่น

เป็นถึงอดีตนายกฯ..แต่ไร้วุฒิภาวะ..ไร้สาระสิ้นดี

ไม่คิดก่อนพูด..เพียงรับเศษเงินเขามาแล้วต้องมีผลงานให้เข้าตา

เท่านี้นเองหรือ..คุณเห็นปัญหาของประเทศชาติเป็นที่บำบัด

ความกระสันของคนคนเดียวที่ต้องการ discredit รัฐบาลท่านอภิสิทธ์..แล้วไง

ตอนที่พวกคุณเป็นรัฐบาลทำไมไม่คิดจะทำล่ะ...เอาความคิดแบบนี้

มาทำลายขวัญและฃ้ำเติมคนปัตตานีทำไม..แล้วทำได้ไหมล่ะ..

ประเทศไทยไม่ใช่ของเล่นของใคร..จงจำไว้

ก่อนพูดหรือทำอะไร...ใช้กะลาคืดตรึกตรองก่อนนะ..

บิ๊กจิ๋ว..นี่หรืออดีตผู้นำของคนไทย...

สงสารประเทศไทย...

อีกวาระหนึ่งที่ทาง รัฐบาลโดยการนำ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องเล่นสงครามทางจิตวิทยา กับ อดีต หลวงพ่อจิ๋ว และ นช.แม้ว ที่มุ่งหวังจะทำลาย ประเทศชาติ ขึ้นทุกวัน และ สส.เพื่อไทย ลูกสมุน นช. แม้ว คนทั้ง 2 นี้ มีแต่จะสร้างความถอยหลังให้กับประเทศ สร้างความแตกแยกให้กับพี่น้องประชาชนในประเทศ ครอบงำประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชน แถว

ภาคอิสาน เพื่อเป็นทัพหน้าในการล้ม รัฐบาล หวังจะกลับมามีอำนาจใหม่ โดยใช้วิธีต่างๆ ที่วิญญูชน เขาไม่ทำกัน ยุยง ส่งเสริม ใช้กลอุบายสารพัด พยายามทุกวิถีทาง ที่จะทำให้รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ พี่น้องอย่าลืมน่ะครับ โดยเฉพาะพี่น้อง ภาคอิสาน ลองทบทวนให้ดีน่ะครับ ว่าหากเราเป็นคนไทย และรักประเทศไทย รักการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยมีพระเจ้าอยู่หัวเป็นประมุข แล้วการกระทำของ นช.แม้ว กับลูกสมุน นั้นผิดหรือถูก ที่หวังจะทำลายระบบกษัตรย์ และการทุจริตต่างๆ นานา โดยปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรม ทั้งนั้น เช่น

1. การปล่อยกู้ให้พม่า 6 พันกว่าล้าน และเพียงไม่กีเดือน มีกลุ่มบริษัท ชิน ไปลงทุนทำธุรกิจ

2. การหลีกเลี่ยงการเสียภาษี

3. การขายดาวเทียมให้ สิงค์โปร์ (แบบว่าเหมือนกับขายแผนที่ประเทศให้คนอื่น)

4. ทุจริตการซื้อที่ดินรัชชดา

5. มีแนวคิดที่จะเปลี่ยนเพลงชาติไทย

6. มีโครงการ ที่จะขาย ไฟฟ้า .เข้าสู่ตลาดหุ้น

7.แก้กฏหมาย เพื่อหวังผลประโยนช์ทางธุรกิจ ของตัวเอง

อีกมากมาย

ดังนั้นท่านคิดดูเอาเองว่าท่านทั้งหลายยังคงจะที่จะเชื่อและนับถือ นช .แม้ว อีกหรือไม่ ผมเองทำงานเงินเดือนไม่กี่หมื่นบาท ผมยังต้องเสียภาษี ให้กับประเทศเลย... แล้วทำไมนับประสาอะไรกับ นช.แม้ว ซึ่งมันเทียบกันไม่ได้เลย เรื่องความรำรวย แต่ที่เขาเทียบพวกเราๆ ไม่ได้คือ เรื่องคุณธรรม จริยธรรม เข้าไม่มี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท