ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าเป็นมือใหม่หัด SHA เพราะพึ่งมีโอกาสได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นผู้ประสานงาน โครงการสร้างเสริมสุขภาพ ของสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ได้เป็นเวลาทั้งสิ้น 13 วันแล้ว (นับรวมวันที่เขียนนี้) แน่นอนว่าผมมีชื่อเกาหลีขึ้นมาทันที กับชื่อว่า “มึน จัง คับ” มากๆ เพราะ SHA มีอะไรมากมายเยอะมาก ที่ผมยังไม่เคยรู้และต้องมาเรียนรู้ เหมือนได้เรียนภาษาเปรูแรกเริ่มเลยทีเดียว
เมื่อได้มีโอกาสจากผู้หลักผู้ใหญ่ ให้เข้าร่วมสังเกตุการณ์ในการประชุมเชิงวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมสร้างเครือข่ายเพื่อการพัฒนาคุณภาพสู่ความยั่งยืน ระดับภูมิภาค (ภาคกลางและภาคใต้) เพื่อเรียนรู้ว่า SHA คืออะไร ใช่อยู่ตามที่ร้านอาแป๊ะขายหรือไม่ มีวุ้นไข่มุกให้กินหรือเปล่า ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร แนวคิดหรือวิธีการต่างๆ ที่รวมกันจนกลายเป็น SHA มีอะไรบ้าง รวมถึงทำ SHA ในองค์กรแล้วได้ประโยชน์อะไร? นี่แหละครับเป็นคำถามในหัวของผมก่อนเข้าร่วมประชุม
แน่นอนครับ ผมได้คำตอบกลับมา เพราะความรู้เกี่ยวกับ SHA ต่างๆ ล่องลอยเต็มไปหมด ให้ผมได้คอยจับเอาเข้ามาใส่หัวตนเอง เพียงแต่ว่าเป็นเกาหลีที่ “มึน จัง คับ” อยู่ เลยจับได้บ้างไม่ได้บ้าง เท่าไหร่ แต่ก็ได้ความหมายของ SHA มาแบบที่ตัวเองเข้าใจว่า
SHA เป็นโครงการดีๆ ที่เน้นการสร้างเสริมสุขภาพผ่านกระบวนการคุณภาพเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน โดยเป็นการนำมาตรฐานประเมินโรงพยาบาล: HA มารวมกับการสร้างเสริมสุขภาพแบบ HPH (Health Promotion Hospital) เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาลให้มากยิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน โดยคำนึงถึงมิติสุขภาพทางจิตใจ ปัญญา ชุมชน และสังคม เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการบริหารคุณภาพนั่นเอง
เท่าที่ฟังมา กว่าจะได้ SHA มานี่ ต้องรวม S ตั้งหลายตัว H อีกหลายตัว และ A อีกหลายตัว สรุปว่ามีตัวอักษรเยอะ ความหมายก็เยอะมากตาม ซึ่งผมขอสารภาพมา ณ ที่นี้ ว่า จำบ่ได้หรอกคร้าบ คงต้องขอเวลาซึมลึกไปมากกว่านี้ จนมันเข้าไปสู่สายเลือดและทุกลมหายใจได้ในอนาคต ซึ่งหวังว่าน่าจะเป็นอนาคตอันใกล้นี้ ไม่งั้นอาจจะมีงานเข้า ถ้าขืนยังจำไม่ได้ 555
และนี่คือความหมายของ SHA ที่ผมเข้าใจในบริบทเท่าที่ตนเองได้ฟังมา แล้วจับประเด็นออกมาจนคิดว่า นี่แหละดูดีมีชาติตระกูลพอจะเอาไปบอกใครต่อใครได้แล้ว ว่า SHA ไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่อาแป๊ะทำ ไม่ได้บรรจุขวด หรือไม่ได้อยู่ตามสถานที่เดินช้อปปิ้ง ให้วัยรุ่นซื้อมาดูดวุ้นไข่มุกเล่น แต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมากต่อการพัฒนาคุณภาพขององค์กรด้านการดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ที่จะได้เห็นถึงความอ่อนโยน ประณีต ความเข้าอกเข้าใจ รู้เขารู้เรา ให้ความช่วยเหลือและบริการอย่างเต็มกำลัง และเป็นเสมือนเพื่อนคนหนึ่งของบุคลากรทางการแพทย์ มากกว่าที่จะมองว่าพวกเขา คือ บุคคลต้องห้ามที่ดูน่ากลัว ปากร้าย ชอบขู่ ชอบจับผิดเวลาไม่มาตามที่นัดไว้ และเป็นบุคคลที่แตะต้องไม่ได้ (แม้จะยังมีบุคลากรแบบนี้เหลืออยู่บ้างก็ตาม) จนต้องพึ่งพระราชบัญญัติบางอย่างมาใส่กรอบพวกเขาเอาไว้ และมีปัญหากันอยู่เช่นทุกวันนี้
แหม พูดแล้วอยากให้คำว่า SHA นี่ลงไปอยู่ในจิตสำนึกของภาคธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่ Health Care จังเลย ประเทศไทยจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีแต่ความเอื้ออาทร อ่อนโยน ประณีต และสามารถสร้างดัชนีชี้วัดความสุขของประชาชนได้
หวัดดีคร่า น้องสั้น เขียนได้ดีมากๆ สำหรับบันทึกแรก อิอิ
ข้อเสนอแนะ เขียนอีก ๆ จ้า
ปล.รูปหล่อเกินไปอ่ะ อิอิ
เก่งจังค่ะ...เห็นภาพเลยนะเนี่ย
สวัสดีครับ ชาคาดไม่ถึง
มีเรืองเกินคาดก็มากมาย
มีเรื่องเปลี่ยนแปลง ก็หลายเรื่อง ชามีแต่สนุกับอร่อย