การรักษามะเร็งตับด้วยการให้เคมีบำบัดผ่านทางหลอดเลือด
Transarterial ChemoEmbolization for Hepatocellular
Carcinoma
สุธิดา กัลย์วงศ์, ธันยาภรณ์ สุวรรณสิทธิ์, ตองอ่อน น้อยวัฒน์, ไพรัตน์ มุนี.การรักษามะเร็งตับด้วยการให้เคมีบำบัดผ่านทางหลอดเลือด. วารสารชมรมรังสีเทคนิคและพยาบาลเฉพาะทางรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย, 2550; 1(2) : 73-84
มะเร็งตับ (Hepatocellular
carcinoma) เป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งที่พบมากในประเทศไทย
ส่วนใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ในระยะเริ่มแรกจะไม่พบอาการและอาการแสดงของโรคให้เห็นแต่เมื่อผู้ป่วยมีอาการของโรค
เช่น ปวดท้อง น้ำหนักลด คลำก้อนได้ที่ท้อง ท้องมาน หรือดีซ่าน
(jaundice) ก้อนเนื้องอกก็มักจะโตมากแล้ว
สาเหตุหลักคือการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำในระยะเวลานาน เป็นโรคตับแข็ง
(cirrhosis) หรือพบในผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบชนิดที่เกิดจากเชื้อไวรัส
(Hepatitis B)
แนวทางการรักษามีได้หลายวิธี ดังเช่นแนวทางการรักษาผู้ป่วย
Hepatocellular carcinoma (ภาพที่ 1: clinical practice guideline;
รพ.ศิริราช, 2550) ซึ่งมีรายละเอียดดัง diagram
การจำแนกผู้ป่วยว่าเป็นผู้ป่วย Hepato cellular carcinoma
นั้นพิจารณาจาก 2 ปัจจัย ได้แก่
1. ผลทางพยาธิวิทยาระบุว่าเป็น Hepatocellular carcinoma
(cytohistological porven HCC) ดังภาพที่ 2
2. มีก้อนในตับในผู้ป่วยตับแข็ง (liver mass in cirrhosis patient)
และต้องมีค่าใดค่าหนึ่งระหว่าง 2.1 หรือ 2.2
2.1 Alpha fetoprotein ≥ 200 ng/ml
หรือ 160 IU/ml พร้อมทั้งมีผลการวินิจฉัยทางรังสีอย่างน้อย 1
อย่างที่ระบุว่ามีก้อนในตับ
2.2 มีก้อนเนื้อที่แสดงได้จากผลการวินิจฉัยทางรังสีอย่างน้อย 2
อย่าง
จากนั้นให้นำผล bilirubin, albumin, PT, encephalopathy และ ascites มาพิจารณาให้คะแนนเพื่อประเมินคะแนน Child Pugh ดังตารางในภาพที่ 1 ด้านซ้ายล่าง หากประเมินได้เป็น Child Pugh A หรือ B ให้พิจารณาการทำหน้าที่ของตับ โดยให้คะแนนตาม ECOG ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 5 ระดับ ดังตารางในภาพที่ 1 ด้านขวาล่าง โดยหากคะแนน ECOG มีค่า 0-2 ให้พิจารณา major vascular invasion และ/หรือ extrahepatic disease ถ้าไม่มีการลุกลามให้พิจารณาการผ่าตัด (surgical candidate) ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 อย่างได้แก่การตัดตับออก (hepatic resection) และการเปลี่ยนตับ (Orthotopic Liver Transplantation) อย่างไรก็ตาม หากประเมินได้เป็น Child Pugh C ให้พิจารณาว่ามีก้อน 1 ก้อนที่มีขนาดมากกว่า 5 ซม. หรือ มีก้อนมากกว่า 3 ก้อน และแต่ละก้อนมีขนาดเกิน 3 ซม. หรือมีการลุกลามไปยังหลอดเลือด (vascular invasion) หรือมะเร็งในระยะแพร่กระจาย (metastasis) หรือผลการทำงานของตับ ได้คะแนน ECOG 3-4 หากไม่ผ่านเกณฑ์ให้พิจารณาการเปลี่ยนตับ แต่หากผ่านเกณฑ์ หรือมี major vascular invasion และ/หรือ extrahepatic disease ให้พิจารณาการรักษาแบบประคับประคอง (supportive care) การรักษาด้วยเคมีบำบัดวิธีใหม่ (systemic chemo Rx) หรือวิธีการรักษาอื่นๆ
สำหรับผู้ป่วยที่มี Child Pugh A-B และมี ECOG 0-2 ไม่มี major
vascular invasion และ/หรือ extrahepatic disease
แต่ยังไม่ควรทำการผ่าตัด ให้พิจารณาการรักษาด้วยการจี้ด้วยความร้อน
(local ablation Rx) หากผ่านเกณฑ์พิจารณาให้พิจารณาทำ radiofrequency
ablation แต่หากไม่ผ่านให้พิจารณาการให้เคมีบำบัดผ่านหลอดเลือดโดยตรง
(transarterial chemoembolization)
อย่างไรก็ตามหากก้อนมีขนาดเล็กลงให้พิจารณาการจี้ด้วยความร้อน
หรือการผ่าตัดด้วยเสมอ
ดังนั้นอาจสรุปได้ว่า วิธีการรักษามะเร็งตับมีได้ 3 วิธี ได้แก่
1.
การผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกซึ่งจะทำในรายที่พบระยะเริ่มแรก
2. การให้เคมีบำบัดทางหลอดเลือดแดงในตับ
3.
การทำลายก้อนเนื้องอกโดยตรงโดยการฉีดสารบางชนิดผ่านเข็มเล็กๆที่สอดผ่านผิวหนังเข้าสู่เนื้องอก
หรือใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงปล่อยพลังงานความร้อนผ่านปลายเข็มเข้าไปทำลายเนื้องอกโดยตรง
การให้เคมีบำบัดทางหลอดเลือดแดง
(Transarterial
ChemoEmbolization)
การให้เคมีบำบัดทางหลอดเลือดแดงในตับเป็นการรักษาโรคมะเร็งตับวิธีหนึ่งที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
โดยการฉีดเคมีผ่านทางหลอดเลือดแดงสู่ก้อนมะเร็งที่ตับโดยตรง
ส่วนใหญ่จะใช้วิธีนี้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งตับที่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้
เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ
ผู้ป่วยที่มีก้อนเนื้องอกโตและอยู่ใกล้กับหลอดเลือดขนาดใหญ่ของตับ
ซึ่งการผ่าตัดมีอัตราเสี่ยงสูง
การรักษาด้วยวิธีนี้ จะช่วยลดขนาดและความรุนแรงของโรค ลดความเจ็บปวด
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดร่วมด้วย เช่นการตกเลือด
ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวได้
ในบางรายเมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้จนขนาดของก้อนเนื้องอกเล็กลง
จะสามารถนำไปผ่าตัดเอาเนื้องอกออกได้โดยปลอดภัย
การรักษาด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
และมาตรวจตามแพทย์นัดสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตามการรับทำการให้เคมีบำบัดทางหลอดเลือดแดง
มีเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อรับทำดังนี้
ข้อบ่งชี้การทำ TACE (Indications):
ในการขอรับการรักษาด้วยวิธี TACE
แพทย์เจ้าของไข้จะต้องพิจารณาข้อบ่งชี้ดังนี้
ข้อห้ามต่อการทำ TACE (Contra-indications):
แบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบได้แก่ absolute และ relative
contra-indications ดังนี้
Absolute contraindications
1. ผู้ป่วยได้รับการประเมินเป็น
Child-Pugh class C หรือ Okuda’s class III
2. ผู้ป่วยมี Portal vein occlusion เนื่องจาก hepatofugal flow
3. มีการแพร่กระจายไปยังนอกตับ (Extrahepatic metastasis)
Relative contraindications
ข้อจำกัดในการทำ TACE (Limitations):
ในการพิจารณารับทำ TACE นั้นรังสีแพทย์จะพิจารณาถึงข้อจำกัดต่างๆ
ที่ทำให้ไม่อาจทำหัตถการหรือผลของหัตถการเกิดความไม่คุ้มค่าต่อความเสี่ยงจากหัตถการ
โดยข้อจำกัดได้แก่
ในการทำ TACE รังสีแพทย์จะต้องพิจารณาผลทางห้องปฏิบัติการเคมีก่อนการทำหัตถการ หากผลเลือดไม่ดี จะต้องมีการให้การรักษาเพื่อแก้ค่าผลเลือดก่อน โดยเกณฑ์พิจารณาผลเลือด โดยมีค่าผลเลือดที่ยอมรับได้ (Acceptable lab.findings) ดังนี้
1.
Platelet count ≥ 50,000
2. PT ≤ 16
3. ANC ≥ 1,500 ( not rely on total WBC )
หากค่าที่ได้เป็นไปตามเกณฑ์ให้ถือว่าสามารถให้ยาเคมีบำบัดผ่านหลอดเลือดได้โดยไม่จำเป็นต้องแก้ผลเลือดแต่อย่างใด
(TACE could be performed without need to correct lab)
ผลข้างเคียงของเคมีบำบัด
เคมีบำบัดคือยาที่ใช้ควบคุมหรือทำลายเซลล์มะเร็ง ได้แก่ Fluorouracil
(5FU) ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยานี้ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
เช่น คลื่นไส้อาเจียน อึดอัดไม่สบายในท้อง เบื่ออาหาร
ซึ่งจะเป็นอาการที่เกิดระยะสั้นๆ และอาการเหล่านี้จะเป็นมากหรือน้อย
ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของผู้ที่ได้รับยา
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา
1. แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาลก่อนการรักษา 1 วัน
เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม เช่น
1.1
ทำความสะอาดและโกนขนบริเวณที่แพทย์จะใส่หลอดสวนหลอดเลือด
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณขาหนีบหรือรักแร้ข้างซ้าย
1.2 เจาะเลือดเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1.3 ซื้อยาและอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นในการตรวจรักษา
2.
ผู้ป่วยต้องเซ็นใบยินยอมเพื่อรับการตรวจและรักษา
3. ผู้ป่วยต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนตรวจ
ผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารทะเล โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด ต้องแจ้งให้พยาบาล
หรือแพทย์ทราบทันทีก่อนตรวจ
ขั้นตอนการวินิจฉัยและรักษา
การรักษาด้วยวิธีนี้
ต้องทำในห้องเอกซเรย์หลอดเลือดที่สะอาดปราศจากเชื้อโดยรังสีแพทย์ที่มีความชำนาญ
แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่ (cylocaine) บริเวณขาหนีบ
หรือบริเวณรักแร้ข้างซ้าย จากนั้นทำการ puncture ด้วยวิธี
sheldinger’s technique จากนั้นสอดใส่ Introducer sheath
และสอดใส่สายสวนหลอดเลือด (catheter) ไปตามหลอดเลือดแดง
เมื่อหลอดสวนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
แพทย์จะทำการฉีดสารทึบรังสีเพื่อดูกายวิภาคของหลอดเลือด
ในตำแหน่งต่างๆ ได้แก่
1.
Coeliac trunk
2. Hepatic artery
แพทย์จะพิจารณาภาพ เพื่อประเมินความเหมาะสมในการรักษาตามเกณฑ์ โดยพิจารณา portal vein occlusion หากไม่พบแพทย์จะตัดสินใจให้การรักษาด้วยเคมีบำบัดได้ จากนั้นแพทย์จะทำการนำสายสวนหลอดเลือดเข้าใกล้ตำแหน่งก้อนให้มากที่สุด (superselected) อย่างไรก็ตามหากไม่อาจขึ้นไปได้ด้วยสายสวนหลอดเลือดทั่วไป หรือต้องการให้เคมีบำบัดเฉพาะจุด แพทย์จะใช้สายสวนหลอดเลือดชนิดเล็กพิเศษ (microcatheter) แทน เมื่อได้ตำแหน่งของหลอดเลือดที่ต้องการ แพทย์จะทำการทดสอบด้วยการฉีดสารทึบรังสีด้วยมือ (manual test) เพื่อยืนยันตำแหน่ง แล้วแพทย์จะเตรียมเคมีบำบัด ในการเตรียมเคมีบำบัดแพทย์จะผสมเคมีบำบัดตามขั้นตอน ดังนี้
จากนั้นแพทย์จะฉีดเคมีบำบัดผ่านทางสายสวนหลอดเลือดเข้าไปสู่ก้อนเนื้อโดยฉีดที่ละ
syringe ก้อนเนื้อจะถูกทำลายโดยสารเคมีบำบัด
และจะไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกเพราะไม่มีเลือดมาเลี้ยง
ระหว่างการรักษารังสีแพทย์จะตรวจสอบความถูกต้องโดยจะทำการ fluoroscopy
และมองผ่านจอภาพตลอดเวลา
หลังการรักษา
แพทย์จะนำหลอดสวนหลอดเลือดออก ใช้มือกดบริเวณขาหนีบเพื่อห้ามเลือด
5-10 นาที จากนั้นปิดแผลด้วยผ้ากอซสะอาดไว้ 24 ชั่วโมง จึงเปิดแผล
และจะพบเพียงรอยเข็มเล็กๆ ซึ่งจะหายไปในเวลา 2-3 วัน
ตัวเลือกทางอุปกรณ์สำหรับหัตถการ
สำหรับการจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับ TACE นั้น มีตัวเลือกทางอุปกรณ์
(choice of equipments) จำนวนหนึ่ง
เนื่องจากมีตัวแทนจำหน่วยผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่หลากหลายในเมืองไทย
ซึ่งความสะดวก ความง่ายในการใช้
และราคาเป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาในการใช้เพื่อการทำหัตถการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลอีกด้วย
ประเภทอุปกรณ์ | เจ้าของสินค้า/ตัวแทนจำหน่าย |
Catheter | |
Cobra 5F Yashiro 5F Shepherd 5F Simmons 5F |
Terumo co. Terumo co. Terumo co. Terumo co. and Johnson&Johnson and Boston Scientific co. |
Guidewire | |
Terumo .035, .038 | Terumo co. |
Micro-catheter | |
Progeat 2.7 Renegade 2.8 Masstransit 2.8 |
Terumo co. Boston Scientific co. Johnson&Johnson |
Chemotherapeutic material | |
Fluorouracil 500mg :5FU Mitimycin C 10mg |
Choongwae, Korea Kyowa Hakko Kogyo, Japan |
การปฏิบัติตัวภายหลังการตรวจรักษา
การปฏิบัติตัวเมื่อกลับบ้าน
สำหรับการเรียบเรียงบทความนี้
คณะผู้เขียนขอขอบคุณผู้ช่วยศาตราจารย์แพทย์หญิงวลัยลักษณ์ ชัยสูตร
ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคุณพรรณี
สมจิตประเสริฐ ที่ได้ให้เค้าโครงและอธิบายข้อมูลในเชิงลึก
บรรณานุกรม
เป็นบทความที่มีประโยชน์มากค่ะ ขอบพระคุณคณะแพทย์ผู้เรียบเรียง และผู้จัดทำเว็บไซต์
การรักษามะเร็งตับและเร็งอื่นๆด้วย ยาสมุนไพรตำรับโบราณครับ ช่วยบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายให้ร่างกายดีขี้นเเข็งเเรงขึ้นได้ครับ ผู้ป่วยจะทดลองรับยารับประทานก่อนได้ 1 เดือนครับ สนใจติดต่อ คุณโบราณ 0897013670 0884306998
บทความนดมากคะ อานแลวมคความเขาใจมากขน ทำใหสามารถเตรยมตวไดทงผปวย และผดแลดวยคะ ขอบคณ
บทความดๆอยางนมากๆคะ
ได้อ่านบทความนี้แล้ว ถึงได้รู้ว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะว่าจะต้องโดนทำ ในวันที่ 17 เมษายน 2556 ที่ ร.พ.ราชวิถี บอกตามตรงว่าเครียตมาก กลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวเจ็บ...
คุณพ่อป่วยครับใช้วิธีนี้รักษาอยู่ มีประโยชน์มากครับ ทำให้เข้าใจระบบการรักษา เข้ามาอ่านทุกครั้งที่พ่อจะต้องทำ TACE
ขอบคุณมากนะคะ อธิบายได้ละเอียดและเป็นประโยชน์มากๆค่ะ.....^^