ภาวะผิวหนังลอกไหม้จากการได้รับรังสีเกินกำหนด
Erythema
นิตยา ทองประพาฬ พย.บ.*
พรรณี สมจิตประเสริฐ พย.บ.**
วิชุดา สิริเมธาธโนปกรณ์ วท.บ.รังสีเทคนิค***
*งานการพยาบาลรังสีวิทยา รพ.ศิริราช
**แผนกเอกซเรย์ รพ.เจ้าพระยา
*** ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
นิตยา ทองประพาฬ, พรรณี สมจิตประเสริฐ และวิชุดา สิริเมธาธโนปกรณ์. ภาวะผิวหนังลอกไหม้จากการได้รับรังสีเกินกำหนด. วารสารชมรมรังสีเทคนิคและพยาบาลเฉพาะทางรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษาไทย, 2553;4(1): 18-21
ภาวะผิวหนังลอกไหม้จากการได้รับรังสีเกินกำหนดในผู้ป่วยที่มารับบริการทางรังสีร่วมรักษา เป็นภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มารับการรักษาด้านโรคหลอดเลือดสมอง โดย erythema หมายถึง สีแดง (reddening) ของผิวหนังซึ่งอาจเกิดจากการอักเสบหรือกระบวนการของภูมิคุ้มกันร่างกาย การได้รับรังสีจะนำไปสู่การรวมตัวกันของเม็ดเลือดขาวกลุ่ม lymphocytes ในชั้นผิวหนังเนื่องจากการตายของเซลล์ที่ได้รับรังสี โดยทั่วไปภาวะผิวหนังลอกไหม้อาจเกิดได้จากการได้รับความร้อน แมลงกัดต่อย การติดเชื้อ ภาวะภูมิแพ้ การได้รับรังสีกลุ่ม non-ionizing เช่น แสง UV และแสงแดด และการได้รับรังสีกลุ่ม ionizing เช่น รังสีเอกซ์ หรือกัมมันตรังสีต่างๆ
ภาวะผิวหนังลอกไหม้จากรังสีเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในช่วงปลายปี 1890 เมื่อมีการค้นพบเอกซเรย์และการทดลองปรมาณู
หากได้รับรังสีเอ็กซ์ปริมาณสูงระดับ 2-5 Gy จะทำให้เกิดภาวะผิวหนังลอกไหม้ได้ภายใน 2-3 ชั่วโมง โดยภาวะผิวหนังลอกไหม้ถือเป็นผลกระทบจากรังสีประเภท deterministic effect ซึ่งมีระดับในการก่อให้เกิดภาวะ (threshold) โดยผิวหนังมีระดับปริมาณรังสีที่ก่อให้เกิดภาวะผิวหนังลอกไหม้ได้เมื่อไดรับปริมาณรังสีสูงถึง 2 Gy ซึ่งเป็นปริมาณที่เกิดขึ้นได้ในการรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีการทางรังสีร่วมรักษา การพิจารณาจะต้องหาพื้นที่ผิวหนังส่วนที่ได้รับรังสีปริมาณสูงสุด (peak skin dose) เพื่อพยากรณ์โอกาสในการเกิดภาวะผิวหนังลอกไหม้
การได้รับรังสีปริมาณสูงติดต่อกันอาจนำไปสู่ภาวะผิวหนังลอกไหม้ได้ อย่างไรก็ตาม การแบ่งช่วงการทำการรักษาทางรังสีร่วมรักษาเป็นหลายครั้งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะผิวหนังลอกไหม้ได้ โดยจะต้องพิจารณาปริมาณรังสีรวม (cumulative radiation dose) เทียบกับอัตราการฟื้นตัวของเซลล์ (repair period) ระหว่างการได้รับรังสีจากหัตถการทางรังสีร่วมรักษาครั้งถัดไป หากช่วงเวลานานขึ้นก็จะทำให้ผิวหนังทนต่อรังสีได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามมีข้อมูลทางการแพทย์ไม่มากนักสำหรับอัตราการฟื้นตัวของเซลล์จากรังสีเอ็กซ์ในงานรังสีวินิจฉัย เนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนไม่มากนักที่ได้รับรังสีต่อเนื่อง
การสังเกตผู้ป่วยถึงภาวะผิวหนังลอกไหม้จากการได้รับรังสีปริมาณสูงอาจสังเกตได้หากได้มีการรายงานปริมาณรังสีทันทีเมื่อเสร็จสิ้นหัตถการถึงปริมาณรังสีที่เกินกว่าระดับปกติ โดยภาวะผิวหนังลอกไหม้เฉียบพลันจะเกิดอาการภายใน 2-3 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งเกิดภาวะผิวหนังลอกไหม้ภายใน 2-3 สัปดาห์หลังหัตถการ
ภาวะผิวหนังลอกไหม้จากการได้รับปริมาณรังสีเกินกำหนด แม้จะมีโอกาสเกิดได้ แต่ไม่ถือเป็นภาวะแทรกซ้อนทั่วไปจากหัตถการทางรังสีร่วมรักษา ในการดูแลผู้ป่วยควรมีการให้ข้อมูลเบื้องต้นและแนะนำผู้ป่วยให้สังเกตภายหลังจากเสร็จสิ้นหัตถการ และการติดต่อกับแพทย์หากมีอาการปรากฎ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในผู้ป่วยที่มีประวัติผิวหนังไวต่อรังสี เช่น ataxia telangiectasia การตระหนักถึงภาวะผิวหนังลอกไหม้โดยแพทย์ผู้ทำหัตถการและแพทย์เจ้าของไข้ จะทำให้มีการตรวจสอบอาการเมื่อมีการตรวจติดตามโรค บริเวณผิวหนังที่อาจเกิดภาวะผิวหนังลอกไหม้คือผิวหนังที่อยู่ใกล้หลอดเอกซเรย์ซึ่งอยู่ใต้เตียง ดังนั้นจึงควรแนะนำผู้ป่วยถึงการสังเกตอาการที่ผิวหนังบริเวณท้ายทอย แผ่นหลัง เป็นต้น
หากผู้ป่วยเกิดภาวะผิวหนังลอกไหม้จากรังสีโดยไม่ทราบว่าเกิดจากรังสี เมื่อไปหาแพทย์ผิวหนังเพื่อการรักษา แพทย์ผิวหนังก็จะมุ่งหาสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดภาวะผิวหนังลอกไหม้ และจะทำให้การรักษาเกิดขึ้นอย่างไม่ถูกทิศทาง ทำให้จะต้องรักษาด้วยยาหลายชนิดและใช้เวลาในการรักษานาน อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นถึงภาวะผิวหนังลอกไหม้จากรังสี การติดต่อกลับยังรังสีแพทย์จะทำให้กระบวนการรักษาง่ายขึ้น รังสีแพทย์จะติดต่อแพทย์ผิวหนังเพื่อการปรึกษาแนวทางการรักษา ทำให้การรักษาเกิดขึ้นอย่างถูกทิศทาง
การรักษาภาวะผิวหนังลอกไหม้จากรังสี ส่วนใหญ่เป็นการให้ยาเฉพาะที่ โดยมีแนวทางในการรักษาได้แก่
1. ภาวะผิวหนังลอกไหม้ระยะแรก (transient phase) ยังไม่ต้องใช้ยาใดๆ ผิวหนังจะหายได้เอง
2. ภาวะผิวหนังลอกไหม้ระยะที่สอง (second erythema phase) อาจใช้ยาทาง่ายๆ เช่น ครีมว่านหางจรเข้ (aloe vera) แต่หากไม่หายจะต้องเปลี่ยนเป็นยาทาชนิดที่แรงขึ้น เช่น
3. หากการอักเสบลุกลามไปถึงขั้น moise desquamation การรักษาด้วย eosin และ anti-pain therapies ร่วมกับยาปฏิชีวนะ และ steroid เป็นแนวทางปฏิบัติโดยทั่วไป
ความเสี่ยงในการเกิดภาวะผิวหนังลอกไหม้ในผู้ป่วย จะสูงขึ้นในผู้ป่วยที่มีประวัติ ataxia telangiectasia gene หรือผู้ป่วยกลุ่มโรค fanconi disease, collagen vascular disease และผู้ป่วยเบาหวาน โดยภาวะเบาหวานจะทำให้เกิดภาวะผิวหนังลอกไหม้ในระยะยาวได้
ระยะผิวหนังลอกไหม้
ผิวหนังลอกไม้จากรังสีแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะได้แก่
1. early phase เป็นระยะที่พบผิวหนังลอกไหม้ได้ใน 2-3 ชั่วโมงหลังการได้รับรังสี เป็นอาการที่พบได้ยากจากหัตถการทางรังสีร่วมรักษา แต่เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยฉายแสง
2. Main erythematous phase เป็นอาการที่มีผื่นแดงเกิดมากขึ้น และมักพบใน 2-3 สัปดาห์หลังได้รับรังสี ผู้ป่วยจะมีอาการแสบร้อนร่วมด้วย โดยอาจเกิดแผลน้ำ และการเปลี่ยนสีของผิวหนังบริเวณนั้นได้
3. Third erythema phase จะพบที่ระยะ 8-20 สัปดาห์ หลังได้รับรังสี ถือว่าระยะนี้จะแสดงอาการร่วมกับภาวะการตายของผิวหนัง (dermal ischemia)
4. Fourth stage: Evolution ถือเป็นระยะสุดท้ายเนื่องจากผิวหนังจะเกิดการเปลี่ยนสีผิว โดยเข้มขึ้นหรือจางลงได้ และส่งผลให้เกิดภาวะ hyperkeratotic ได้
บรรณานุกรม
ไม่มีความเห็น