อีกราวสองชั่วโมงจะสองยาม
เชื่อไหมว่าหากผมจะบอกว่า ขณะที่ผมนั่งพรมคีย์บอร์ดบนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คคู่ ใจ เขียนบันทึกนี้และส่งขึ้นไปแบ่งปันใน G2K
ผมนั่งอยู่ในเรือนลาหู่ที่เริ่มต้นสร้างเมื่อก่อนหน้าขณะนี้ไม่เกิน ๑๒ ชั่วโมง
เรือนลาหู่สร้างตามแบบธรรมเนียมเดิม ใช้วัสดุในท้องถิ่น เครื่องเคราจำพวก เสา ตง คาน ทำจากไม้ยืนต้นที่มีเนื้อไม้ค่อนข้างแข็ง เครื่องประกอบบางอย่างใช้ไม้ไผ่ พื้นและฝาทำจากไม้ไผ่สับ หลังคามุงด้วยหญ้าคา
ข้างกายผมเป็นเตาไฟ ขณะนี้ไปที่สุมอยู่ให้แสงสว่างไม่มากนัก ผมต้องใช้อุปกรณ์เสียบจากช่อง USB ของโน้ตบุ๊คเพื่อให้แสงสว่างบนแป้นคีย์บอร์ดขณะพิมพ์ ซึ่งยังมีไฟสำรองอยู่ในแบตเตอรี่ราวครึ่งหนึ่ง
เรือนลาหู่หลังนี้สร้างขึ้นจากความเอื้อเฟื้อของเพื่อนชาวลาหู่เกือบสิบคนที่เดินทางมาช่วยจากสองหมู่บ้าน บ้าน หนึ่งคือบ้านอุมยอมอยู่ห่างจากที่นี่ไปราว ๓ ก.ม. และบ้านห้วยปลาหลดซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ ๑๐ ก.ม.
เรือนลาหู่หลังนี้สร้างเสร็จก่อนหกโมงเย็นไม่นานนัก
เรือนลาหู่ที่สร้างขึ้นในวันนี้ ผมตั้งใจเป็นที่พำนักของผมในยามที่กลับมาบ้านและดูแลกิจการ de’ Musoi
เรือนหลังนี้เป็นเรือนลาหู่ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นเรือนที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ที่แยกตัวออกมาตั้งครอบครัว ยังไม่มีลูกหรือเพิ่งจะมีลูกแต่ลูกก็ยังเล็ก ซึ่งตรงกับคุณสมบัติของครอบครัวผม
เรือนหลังนี้ ตัวบ้านกว้าง ๖ ศอก ยาว ๘ ศอก มีนอกชานซึ่งอยู่ด้านหน้าความยาวขนาดเท่ากับความกว้างของตัวบ้าน ส่วนความกว้างราว ๓ ศอก หน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันตก
ช่วงเย็นของวันก่อนผมชวนสหายซึ่งเดินทางจากมาจากกรุงเทพฯ ขับรถปิคอัพไปขนไม้ที่ชาวบ้านในหมู่บ้านตัดไว้ให้ มีทั้งไม้ยืนต้นขนาดต่าง ๆ ที่จะใช้ทำเครื่องเครา และไม้ไผ่ เป็นเพราะรถบรรจุไม้ได้ไม่มากจึงจ้องทำการขนถึงสองรอบ
ย้อนหลังไปก่อนหน้าราวสองเดือน ผมเปรยกับ จะพือ สหายชาวลาหู่ของผมว่า ผมอยากจะสร้างบ้านลาหู่แท้ ๆ ในพื้นที่ de’ Musoi สักหลัง นอกจากจะอยู่เองแล้ว ยังอาจจะใช้เป็นต้อนรับมิตรสหาย รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมลาหู่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ลาหู่ที่ผมจะจัดทำขึ้น
จะพือ สหายชาวลาหู่ จากบ้านห้วยปลาหลด
จะพือให้คำแนะนำกับผมจำนวนมาก และได้ตระเตรียมการให้ผมหลายอย่าง โดยเฉพาะการพูดคุยกับวินัย สหายชาวลาหู่อีกคนหนึ่งของผม ให้ช่วยพูดคุยกับชาวบ้านเพื่อหาไม้ที่จะสร้างบ้านให้
วินัย สหายชาวลาหู่ จากบ้านอุมยอม
ผมมีสหายสนิทในกรุงเทพฯ กลุ่มหนึ่ง เป็นเพราะอยากให้สหายมามีส่วนร่วมในการปลูกเรือนหลังนี้ จึงกำหนดเวลาที่สหายสะดวก ซึ่งได้วันตรงกับวันนี้ (๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓)
วันดีของผม แต่เป็นวันไม่ดีสำหรับชาวลาหู่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันศีล เป็นชาวลาหู่จะว่างเว้นจากการทำงาน ถือเป็นวันพักผ่อนของพวกเขา แต่เมื่อนัดหมายกันไว้แล้ว ก็มิได้เปลี่ยนแปลง สหายชาวลาหู่ก็ยังแสดงน้ำใจเดินทางมาร่วมปลูกเรือนกว่า ๑๐ คน และได้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้เนื่องจากการปลูกเรือนทำในวันที่ไม่เหมาะสม
ผมกับสหายชาวกรุงเทพฯ ช่วยกันขนไม้จากจุดที่ลงพักไว้เมื่อวาน การขนย้ายอาจไม่ลำบากหากเป็นพื้นที่ราบ แต่นี่เป็นการขนลงไปยังพื้นที่เบื้องล่างที่อยู่ลึกลงไปกว่า ๑๐๐ เมตร การขนไม้จึงยากลำบากขึ้น พวกเราใช้วิธีเคลื่อนย้ายไม้เหล่านี้ซึ่งหนักมาก ๆ เป็นทอด ๆ ทั้งสิ้น ๓ ทอด กว่าจะถึงจุดที่จะสร้างเรือน
ขนไม้
ในขณะที่ขนย้ายไม้เหล่านี้ ตะวันเริ่มสายขึ้นเรื่อย ๆ ผมชักใจคอไม่ดีเมื่อสหายชาวลาหู่ส่วนใหญ่ยังเดินทางมาไม่ถึง มีเพียงพ่อเฒ่าชาวลาหู่คนหนึ่งที่เดินทางมาพร้อมกับวินัย ซึ่งก็ยังไม่สามารถริเริ่มดำเนินการใด ๆ ได้
ชาวบ้านกลุ่มใหญ่เดินทางมาถึงหลัง ๑๐.๐๐ น. ไปแล้ว ผมก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าเรือนลาหู่ที่จะปลูกสร้างนี้จะแล้วเสร็จภายในวันนี้หรือไม่ ซึ่งหากไม่แล้วเสร็จก็จะเป็นการผิดผี ไม่เป็นไปตามธรรมเนียมของชาวลาหู่ บอกตามตรงว่าขณะนั้นผมเริ่มเตรียมใจไว้สำหรับความไม่สำเร็จในการปลูกเรือนไว้บ้างแล้ว
ขณะที่ผมขนไม้อยู่ ชาวบ้านก็เริ่มวัดและกำหนดพื้นที่ แล้วก็ขุดหลุมเพื่อฝังเสาเรือนทั้ง ๙ ต้น
ผมและสหายขนไม้ไปถึงจุดหมายเสร็จสิ้นก่อนที่หลุมจะขุดเสร็จ หลังจากนั้นพวกเราก็ช่วยชาวบ้านยกเสาลงหลุม แล้วขอตัวไปกินข้าวเช้าเมื่อเวลาใกล้จะเที่ยงอีกราวชั่วโมงเศษ
ผมกับสหายกินข้าวแล้วก็เดินลงไปยังจุดสร้างเรือน ต่างก็อดแปลกใจมิได้เมื่อเห็นการปลูกเรือนรุดหน้าไปมาก เสาถูกตั้งขึ้นทั้ง ๙ ต้น ตงถูกยึดติดกับเสาด้วยตอกไม้ไผ่ทั้งสามแถวแล้ว พ่อเฒ่าคนหนึ่งวางพาดไม้ไผ่ท่อนกลม ๆ ถูกทาบไปบนตงเพื่อปูฟากไม้ไผ่ ขณะพ่อเฒ่าอีกคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ จักตอกไม้ไผ่อย่างใจเย็น
สหายลาหู่คนหนึ่งกำลังทำกรอบไม้สี่เหลี่ยม ขนาด ๖๐ x ๗๐ ซ.ม. จากไม้แปรหน้าสามนิ้ว เพื่อทำเป็นเตาไฟซึ่งอยู่ภายในตัวบ้าน
วินัยบอกผมว่า หากการวางกรอบไม้ที่จะทำเป็นเตาไฟไม่สำเร็จ เวลาจะล่วงเลยไปแค่ไหนหากยังติดตั้งกรอบไม้นี้ไม่เสร็จ จะพักกินข้าวกลางวันไม่ได้
การติดตั้งกรอบไม้ที่จะทำเตาไฟเสร็จก่อนบ่ายโมงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จึงได้เวลาพักกินข้าวกลางวัน
ยังมิทันที่ข้าวจะเรียงเม็ด สหายชาวลาหู่ก็เริ่มงานต่อ
หลังจากพักกินข้าว เมื่อการปูพื้นด้วยฟากไม้ไผ่เสร็จแล้ว พวกหนึ่งก็เริ่มทำโครงและมุงหลังคาด้วยหญ้าคา พวกหนึ่งก็ทำฝาเรือนด้วยไม้ไผ่สับ
งานภาคบ่ายรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ผมกับสหายชาวกรุงเทพฯ ทำอะไรกับเขาไม่เป็นจึงช่วยได้แค่เพียงขนไม้ฟากสำหรับปูพื้นและทำฝาเรือนและหญ้าคาสำหรับมุงหญ้าคา ที่ก็ถือว่าเป็นงานหนักเอาการ เนื่องจากต้องแบกขนลงเขาระยะทางกว่า ๒๐๐ เมตร
สหายคนหนึ่งบอกว่า ขนของเหนื่อยไม่เท่าไร แต่หมดแรงตอนเดินขึ้นเขาเพื่อไปแบกของรอบใหม่ ทั้งนี้เขาลูกนี้ชันมาก ๆ แม้ว่าผมจะแอบมาทำขั้นบันได้ให้ตั้งแต่ตอนเช้าตรู่วันนี้เกือบชั่วโมง
หลังการปลุกเรือนสิ้นสุดลง ผมชวนกัลยาณมิตรชาวลาหู่ทั้งหมดขึ้นบนเรือนเพื่อจิบน้ำชาร่วมกัน และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของบ้านลาหู่
วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดวันหนึ่งครับ
พิธีสะเดาะห์เคราะห์
กินน้ำชาขึ้นเรือนใหม่
พี่หนานจ๋า.... มีรูป รึป่าวคะ พี่ ...อยากชม ลาหู่..อิอิ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณหนานเกียรติ
คิดเหมือนพอลล่าเลยค่ะ...อยากเห็นรูปจัง
สุดยอดแนวความคิดเลยค่ะท่านหนาน
เรือนลาหู่ ไม่เพียงคงเอกลักษณ์ หากแต่สานต่อวัฒนธรรม
รอชมภาพ ขอบคุณค่ะ
ยินดีด้วยด้วยคะ เรือนลาหู่
ไปแอบดูในไฟล์อัลบั้มแล้ว น่าอยู่มากๆๆ อยากได้สักหลัง แต่คงต้องหารจนาก่อน ฮ่าๆๆ
สวัสดีค่ะ คุณ หนานเกียรติ
เป็นบ้านที่สร้างด้วยน้ำใจ และพลังสามัคคี.. น่าอยู่มาก.. เป็นภูมิปัญญาที่น่าชื่นชมด้วยค่ะ.. พิธีสะเดาะเคราะห์เนื่องจากการปลูกเรือนทำในวันที่ไม่เหมาะสม มีพิธีทำอย่างไรบ้าง น่าสนใจมากค่ะ.. ขอบคุณค่ะ
มีความสุขมากๆ เสมอๆ นะคะ..
ภาพมาแล้วนะครับ
รายละเอียดอื่น ๆ จะทะยอยเขียนเล่าสู่กันฟังต่อไปครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมครับ
แหะ แหะ ขอตัวไปขุดบันไดก่อนนะครับ
สวัสดีครับน้องหนาน ไม่ได้ทำบุญงานศพพ่อซากี้ครับ
ไม่ได้
แต่บ้านล่าหู่ นะไรอยากมา
เห็นที่ต้องนำมาแล้วครับ
สวัสดีคุณน้อง ♥paula .`๏'- ที่ปรึกษาตัวน้อย.`๏'-
ใส่ภาพตามคำขอแล้วนะคุณน้อง...
สวัสดีครับ พี่ดาวเรือง
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
ใส่ภาพแล้วนะครับ
สวัสดีครับ พี่ครูคิม
ตั้งใจจะเขียนต่ออีกหลายบันทึกครับ
เหตุการณ์วันเดียวทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายเลยครับ
โปรดติดตามตอนต่อไปครับพี่
สวัสดีครับ คุณหนูรี
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
ใส่ภาพแล้วครับ เชิญชมตามชอบใจครับ...
สวัสดีครับ คุณpoo
ใส่ภาพแล้วครับ
ผมได้เรียนรู้จากการปลูกเรือนลาหู่ในครั้งนี้มาก
ว่าจะเขียนบันทึกเอามาแบ่งปันในนี้ต่อไปครับ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
สวัสดีครับ พี่ไก่ - ประกาย~natachoei ที่~natadee
ขอบคุณครับพี่
มีโอกาสผ่านมาทางนี้แวะเยี่ยมด้วยนะครับ
สวัสดีครับ อ.ขจิต ฝอยทอง
อาจารย์ครับ เมื่อวานเหนื่อยมาก ๆ จากการขนไม้และขุดดิน
แต่ก็มีความสุขมาก ๆ ครับ
ได้รับน้ำใจจากสหายชาวลาหู่ รวมทั้งสหายอีกหลายคนจากรุงเทพฯ มาช่วยสร้างเรือน
เรือนลาหู่หลังนี้รอต้อนรับอาจารย์อยู่นะครับ
แหะ แหะ รจนา มาหาแถวนี้ก็ได้ครับ
สวัสดีครับ คุณนีนานันท์
ปลูกเรือนลาหู่คราวนี้ เป็นมากกว่าสร้างเรือนที่เป็นวัตถุครับ
เรือนหลังนี้มีจิตวิญญาณเพราะมาจากการร่วมไม้ร่วมมือคนละเล็กละน้อยจากมิตรสหายทั้งชาวลาหู่และชาวเมืองกรุง
ผมจะเขียนถอดบทเรียนเรื่องนี้ในโอกาสต่อไป รออ่านนะครับ
คารวะ ท่านผู้เฒ่า - วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
ผมก็ไม่ได้ไปงานศพพ่อซากี้เหมือนกันครับ
ไว้ว่ากันอีกทีตอนทำบุญร้อยวัน
เรือนลาหู่หลังนี้มีความหมายมาก ๆ เลยครับ
อยากชวนท่านผู้เฒ่ามาจิบน้ำชา
สวัสดีค่ะหนานเกียรติ
บ้านและคนช่วยสร้างน่ารักพอๆกัน นับถือจริงๆ
อยากได้ซักหลัง ในบรรยากาศแบบนี้ ดีใจด้วยเด้อ
รับรองได้ไหมว่า พื้นจะไม่ทะลุลงไป
ถ้าน้ำหนักเกิน..อ่ะอ่ะ
สวัสดีค่ะ
พี่ใหญ่มาเยี่ยมชมเรือนน่าอยู่ของคนรักธรรมชาติค่ะ..ดีใจแทนน้องเฌวา ที่มีคุณพ่อสุดยอดคนนี้..เก่งทั้งงานหลวงงานราษฏร์..หมุนคล่องรอบตัวได้งานที่เป็นสาระของชีวิตของตนและสังคมอย่างแท้จริง..
..พี่ใหญ่มาแจ้งว่าหนังสือพิมพ์ "ข่าวสด"ฉบับวันที่ ๒๒ กพ.นี้ ลงข่าวกิจกรรมค่ายจิตอาสาของรร.วิทยสัมพันธ์ของน้องครูคิม ซึ่งมีคำสัมภาษณ์ของคุณหนานเกียรติ ตามที่น้องzengja แห่งมูลนิธิสยามกัมมาจลได้เขียนไว้ที่ blog นี้ค่ะ ..
http://www.okkid.net/blog_journal_detail.php?journal_id=4055&status=ok&t=1266836762
สวัสดีค่ะคุณเกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ
เมื่อวันเสาร์พี่ได้ไปแม่สอดอีกครั้ง ตั้งใจจะแวะชมและทักทาย
ขับรถเองด้วย ไม่รู้ว่าเลยทางเข้า de musoi ซะเมื่อไร
ครั้งหน้าต้องตั้งใจไปพัก ถึงจะไม่เลย อิอิ..
สวัสดีค่ะ
มาดูเรือนลาหู่ ณ de' Musoi ไม่เคยเห็น อืม น่ารักดีจัง ท่าทางคงจะเย็นสบาย ท่ามกลางป่าเขาแมกไม้ ชอบๆ อยากไปพักผ่อนที่นี้ซะแล้ว.... อีกหน่อย de' Musoi ของหนานเกียรติ คงเป็นที่เที่ยวที่พักยอดฮิต แซงหน้าเมืองปาย แน่เลย.....
ตอนนี้หนานเกียรติยังอยู่ตาก หรือเปล่าคะ
พาลูกศิษย์ชาวค่ายหุ่นยนต์ มาเยี่ยมและเป็นกำลังใจให้หนานเกียรติ และทุกๆ คนที่ช่วยกันสร้างเรือนลาหู่ ที่งดงามค่ะ
สวัสดีค่ะ
เหมาะกับอากาศและภาวะโลกร้อนดีเน๊าะท่ทางจะเย็นสบายนะหนานเกียรติ...คิดถึงน้องเฌวานะ..
สวัสดีคะมาร่วมชมเรือนลาหู่
และชื่นชมน้ำใจของ"มิตรสหาย"
สวัสดีค่ะพี่หนานเกียรติ
สบายดีนะคะ มาชมเรือนละหู่
ช่วงนี้ยุ่งๆค่ะ... ระลึกถึงค่ะ ^_^
สวัสดีค่ะ หนานเกียรติ
สวัสดีค่ะ
เรือนลาหู่ น่าอยู่ดีค่ะ
ตามมาจากบันทึกประกาศรายชื่อผู้ได้รับหนังสือของน้องมะปรางค่ะ
เรือนลาหู่ดูงดงามน้ำใจใส
บ้านยิ่งใหญ่น้ำใจคนช่างล้นเหลือ
สะเดาะเคราะห์ต่อศรัทธามาจุนเจือ
มีเหลือเฟือญาติมิตรจิตงดงาม
วิถีชาวบ้านมีเสน่ห์จริงๆนะครับ
อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด (เป็นตอกไม้ไผ่) ประทับใจมากๆ อยากกลับไปอีก
เสียดายจริง ๆ ที่มิได้ไปงานนี้...
ตอนแรกก็ไม่เข้าใจในหัวข้อ ได้อ่านเรื่องราวอย่างละเอียด ถึงได้รู้คุณค่าซึ่งมีมากกว่าผลผลิต
มิตรภาพที่บริสุทธิ์ ขอบคุณมากที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ