พลันที่ความมืดค่อยบดบังแสงสุดท้ายแห่งวัน เดือนเสี้ยวทางขอบฟ้าด้านตะวันตกค่อยแจ่มชัดขึ้น
ชาวลาหู่ที่มาใช้และเอาแรงปลูกเรือนทะยอยกลับไปจนหมด เหลือเพียงอะเบะผะ เจ้าของเรือนหลังใหม่กับสหายชาวกรุงเทพฯ
“ไม่น่าเชื่อว่าจะสร้างเสร็จ...”
สหายจากเมืองกรุงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ชาวบ้านเขาเก่งนะ แต่ละคนรู้เลยว่าจะต้องทำอะไร แบ่งงานกันเสร็จสรรพ ไม่มีใครอยู่ว่างเลย...”
สหายอีกคนกล่าวเสริม ด้วยความชื่นชม
“วันนี้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย... ผมเห็นคุณค่าของการถ้อยทีถ้อยอาศัยและพึ่งพากัน เหตุการณ์วันนี้ทำให้ผมรักชาวบ้านที่นี่มากขึ้น ความคิดที่จะปักหลักที่บ้านเกิดชัดเจนขึ้น...”
อะเบะผะ เอ่ยคำ แล้วกล่าวต่อไปว่า
“นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเชื่อมโยงเครือข่ายชาวลาหู่แถบนี้ให้แน่นแฟ้นขึ้น...”
“อ้าว !!! แล้วที่ผ่านมา เขาไม่ได้รวมตัวกันรึ ?”
คำถามตามมาหลังจากอะเบะผะกล่าว
“จริง ๆ แล้วลาหู่แถบนี้ ๔ – ๕ หมู่บ้านเป็นเครือญาติกันทั้งนั้น หลังจากย้ายไปตั้งหลักแหล่งตามหมู่บ้านต่าง ๆ ระยะแรก ๆ ก็มีการไปมาหาสู่กันบ้าง พอคนรุ่นเก่า ๆ ล้มหายตายจากไป คนรุ่นใหม่ ๆ ก็เริ่มไม่ค่อยจะรู้จักกัน ที่พอจะรู้จักกันก็มีไม่มากแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ เด็ก ๆ รุ่นหลังก็จะไม่รู้จักกัน...”
อะเบะผะ อธิบายขยายความ
...
แสงไฟลอดออกจากช่องเล็ก ๆ ของฟากไม้ไผ่ เช่นเดียวกับกลิ่นควันจากท่อนฟืนลุกไหม้ไฟโชยออกตามช่องเดียวกันนั้น จากเรือนหลังใหม่ที่เพิ่งปลูกสร้างเมื่อก่อนเที่ยงวันไม่กี่ชั่วโมง และใช้เวลาไม่เกินพระอาทิตย์ตกดิน
เจ้าของเรือนค่อยขยับฟืนแต่ละท่อนให้แยกออกจากกัน ทันทีที่เปลวไฟมอดดับลงควันไฟก็โถมเข้าทดแทนแสงสว่าง
แสงไฟค่อยหรี่ลง เช่นเดียวกับกลิ่นควันไฟค่อยจางลง
แม้อากาศด้านนอกจะหนาวเย็น แต่ภายในก็อบอุ่น แม้ไฟจะมอดดับลงแล้ว
อะเบะผะเอนกายลงนอนในเรือนหลังใหม่ เรือนที่สร้างจากน้ำมือและน้ำจิตน้ำใจของชาวลาหู่จาก ๓ หมู่บ้าน
เรือนลาหู่สร้างสำเร็จสมดังเจตนา และเป็นไปตามขนบธรรมเนียมของชาวลาหู่ แต่จุดหมายปลายทางที่เหนือกว่าการปลูกเรือนได้ถูกเริ่มต้นแล้วในวันนี้
...
อีกไม่นานคงได้ไปเยือนนะครับ
เรือนลาหู่จะรอต้อนรับ อ.ธนิตย์ ครับ
พาภรรยาและลูก ๆ มาด้วยนะครับ
อะเบะผะ..กับความสุข ณ เฮือนลาหู่
ปี้อ้วนเฝ้านับวันเจ้า..
กึ๊ดเติงหาเจ้า..
คงมีโอกาสได้ไปพัก ห้องที่มีบรรยากาศดีๆเเบบนี้ครับ..
สว้สดีคุณหนานเกียรติ
แวะมาเยี่ยม มาทักทาย สบายดีนะครับ บ้านลาหู่ แสดงให้เห็นวัฒนธรรมการพึพานเองครับ
สังคมอีสานแต่ก่อนจะเป็นอย่างนี้ ปัจจุบันเริ่มจางๆ มีความสุขกับความงดงามองบ้านเกิดครับ
มิตรภาพเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงการเรียนรู้ของจิตภายในจริงๆ
หากเพื่อนแค่รู้จักกัน แค่กินข้าวกินไปมื้อคงจะมาแค่ครั้งเดียวละมั้ง
แต่กว่าจะชวนมาบ่มเพาะกิจกรรมทางใจแบบนี้แล้วก็ต้องเรียนรู้ใจกันพอควร
"เพราะทุกวันนี้คนทำงานแค่ผ่านรอดทางกาลเวลาเท่านั้น"
หากมิมีการทบทวนความสุขในชีวิตที่เราคงมีเรี่ยวแรงที่จะแสวงหามันในวัยแบบเราคงยาก
ลองมาหากิจกรรมแบบนี้ทำผ่านการนั่งคุยกันในห้องประชุมบ้างก็ดีนะครับก็ดีนะครับ
ว่ามั้ย "มิตรภาพ"
สหายเบิ้ม
รีเจนซี่ บรั่นดีไทย (จะโดนเซนเซอร์มั้ยเนี่ย) เด็กๆ ห้ามอ่านความเห็นอันนี้นะ
เอ้า ชน
สวัสดีค่ะ
ตามมาอ่าน.. มาเที่ยว.. เรือนลาหู่ ค่ะ.. มาแบบรวดเร็ว เหมือน ตอนสร้างเรือนเลยนะคะ แป๊บเดียว 5 ตอนแล้ว อิ อิ ขอบคุณค่ะ มีความสุขมากๆ เสมอนะคะ..
สวัสดีค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะ หนานเกียรติ
มาชวนไปดูเด็กๆ แข่งหุ่นยนต์ค่ะ...
เชิญชวนไปให้กำลังใจเด็กๆ หน่อยนะคะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ระลึกถึงค่ะ
ไม่ลืมค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าคนที่หมอชวนจะไปด้วยไหม?
รวดเร็วทันใจจริง ๆ "เรือนลาหู่" เสียดายไม่ไดอยู่จนสร้างเสร็จ
ท่าทางน่าสนุก..ไม่เป็นไรว่าง ๆ จะแวบไปอาศัยนอน
ขอเวลาซุ่มเขียน "ต๋านข้าวสังข์" รอติดตามเร็ว ๆ นี้
ข้ามไปสองตอนจะไปอ่านต่อ จะต้องไปซึมซับให้ถึงที่ ปิดเทอมไปแน่ ชันชีกัย นะไรแล้วครับ
สวัสดีค่ะ
หวัดดีค่ะ น้องหนานเกียรติ
...เรือนนี้น่ารัก โรแมนติคชะมัด
แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ สบายดีนะคะ
ภูมิปัญญาชาวบ้านนั้นยิ่งใหญ่ วัฒนธรรมมากหลายให้ลูกหลาน
มรดกตกทอดมาแต่โบราณ ประเพณีสืบสานให้บ้านเมือง
สวัสดีค่ะ ปี้หนานเกียรติ
สวัสดีค่ะ เริ่มรู้จักลาหู่ กับคุณหนาน นี่แหละค่ะ..ขอบคุณน่ะค่ะ
วันนี้เอากล้วยบัวมาฝากค่ะ..
สวัสดีค่ะท่านหนาน...
แวะมาทักทายในวันมาฆบูชาค่ะ ^v^
นำดอกบัวมาฝาก...
สวัสดีค่ะมาติดตามอ่านเรื่องราว..เรือนลาหู่..สร้างแล้วน่าอยู่กว่าบ้านปูนที่เลียนแบบในโมเดลบ้านจัดสรรมากนะคะ..อากาศดีแล้ว..น่าร้อนนี้คงนอนสบาย..ทำให้นึกถึงบ้านเก่าเมื่อยังเด็กค่ะ
*** ขอบคุณที่ทำให้รู้จัก "เรือนลาหู่" ค่ะ
มาดูการสร้างบ้านแบบชนบทจริงๆ อยู่แบบเรียบง่าย จริงๆ นะครับ
สวัสดีครับ อ.โสภณ เปียสนิท
ขอบคุณมาก ๆ ครับ ที่เข้ามาทักทาย
มีเวลา/โอกาส แวะมาพักสักคราวนะครับ