หนานเกียรติ
เกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ ม่วงมิตร

ไร่หมุนเวียน : วิถีแห่งปกาเกอะญอ ตอนที่ ๑


แม้ว่าผู้เขียนได้สะสมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับไร่หมุนเวียนจากปราชญ์ชาวปกาเกอะญอหลายต่อหลายท่านในหลายพื้นที่ และมีความตั้งใจจะถ่ายทอดภูมิปัญญานี้ออกมาให้สาธารณชนได้รับรู้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมีผู้ที่เรียบเรียงถ่ายทอดเรื่องราว “ไร่หมุนเวียน” ไว้แล้วหลายท่าน โดยเฉพาะ “บือพอ” ที่ได้กระทำไว้ในหนังสือ “ ไร่หมุนเวียนในวงจรชีวิตชนเผ่าปกาเกอะญอฯ” อย่างดีเยี่ยมอยู่แล้ว ทั้งภาษาสำนวนอันสละสลวย ข้อมูลที่แน่นหนาละเอียดรอบคอบจากการสั่งสมประสบการณ์มานานหลายสิบปี ดังนั้นในบทความนี้นอกจากการหยิบยืม/ใช้ข้อมูลโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้เขียนยังได้ขอใช้สำนวนภาษาอันสละสลวยดังปรากฏอยู่หลายส่วนในบทความ และหากท่านใดที่สนใจเรื่องไร่หมุนเวียนอย่างละเอียดกว่าที่ปรากฏในบทความ หนังสือดังกล่าวจะสามารถให้ผู้อ่านเข้าใจ “ไร่หมุนเวียน” ได้เป็นอันมาก

     วันขึ้น ๓ ค่ำ เดือนทีแพะ (ราวเดือนกุมภาพันธ์) ที่บ้านวัดจันทร์ เมื่อหลายสิบปีก่อน...

     แสงสุดท้ายแห่งวันมาเยือนแล้ว ความมืดมิดค่อยปกคลุมฟากฟ้า ดวงอาทิตย์ที่ให้ทั้งแสงสว่างและความอบอุ่นลาลับขอบฟ้าไป ความหนาวเย็นยามคิมหันต์ฤดูก็ย่างกรายมาเยือน

     ไม่นานนักฟากฟ้าทางด้านทิศตะวันตก เกือบจะจุดเดียวกับที่อาทิตย์ลาลับ จันทร์เสี้ยวคล้ายเคียวเกี่ยวรวงค่อยปรากฏอยู่ปลายยอดไม้บนยอดดอย

     ผู้คนที่เห็นจันทร์เสี้ยวยามนี้ ต่างก็รู้กันว่าการทำมาหากินรอบใหม่ใกล้จะมาถึงแล้ว และอีกไม่นานก็จะถึงวันประกอบพิธี หนี่ซอโข่ อันเป็นพิธีกรรมสำคัญของชุมชน ก่อนที่พวกเขาจะได้เริ่มต้นทำงานหนักใน ไร่หมุนเวียน อีกครั้ง

 

     โป๊ก กะ ล่ง... โป๊ก กะ ล่ง... 

     เสียงครกกระเดื่องตำข้าวดังจากบ้านโน้น บ้านนี้ ทั่วทั้งหมู่บ้าน

     เสียงครกกระเดื่องตำข้าวยามบ่ายเช่นนี้ ไม่ใช่วิถีปกติของชุมชน อย่างน้อยก็ในรอบปี ซึ่งโดยปกติแล้วเสียงนี้จะได้ยินไม่ช่วงเย็นย่ำ ก็ช่วงรุ่งสาง ชาวบ้านเขาตำข้าวกรอกหม้อเวลานั้น

     วันนี้ขึ้น ๕ ค่ำ อีกไม่กี่วันจะถึงพิธีหนี่ซอโข่ พวกเขาต้องใช้ข้าวตำใหม่ ๆ สำหรับต้มเหล้า เพื่อใช้ประกอบพิธี

     ข้าวเปลือกที่ลงมาจากยุ้งไปผึ่งแดดเมื่อวันก่อนถูกทยอยใส่ครกใบโต ลูกสาวย่ำที่ปลายไม้คานเหยียบ พอปล่อยคานสากที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็บดลงบนเม็ดข้าวที่อยู่ในครก ผู้เป็นแม่คอยพลิกข้าวเปลือกไปมา ตำจนได้ที่ก็นำใส่กระด้งฝัดจนได้ข้าวสารเม็ดอวบ

     ตำจนได้ข้าวสารจนพอก็ตกเย็น ข้าวสารถูกนำไปหุงจนได้ข้าวสวยเม็ดงามหอมกรุ่นไปทั้งบ้าน ข้าวถูกนำไปคลุกเชื้อแป้งข้าวหมักในกระด้ง คลุกเคล้าจนได้ที่ตักลงใส่หม้อแล้วปิดฝา

     ข้าวในหม้อถูกหมักทิ้งไว้สามวัน แล้วเติมน้ำลงไปและทิ้งไว้อีกสองคืน

     ห้าวันถัดมา...

     บ่ายคล้อยไปมาก แต่ดวงอาทิตย์ยังคงลอยอยู่สูงจากยอดเขา หากมีใครไปยืนมองเข้ามาในหมู่บ้านเหนือยอดดอย จะเห็นควันไฟลอยคลุ้งไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ต้นตอมาจากเตาต้มเหล้าของชาวบ้านแทบทุกหลังคาเรือน

     เมื่อเช้าวันนี้ครอบครัวฮีโข่ผู้เป็นหัวหน้าของหมู่บ้านต้มเหล้าเสร็จแล้ว เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าถึงคราวที่ลูกบ้านจะต้มเหล้าได้ ซึ่งตามธรรมเนียมนั้นลูกบ้านจะต้มเหล้าได้จะต้องทิ้งช่วงเวลาให้ห่างจากการต้มเหล้าของฮีโข่หนึ่งวันหรือหนึ่งคืน ถ้าฮีโข่ต้มเหล้าตอนเช้าลูกบ้านจะต้มกันตอนเย็น หรือถ้าฮีโข่ต้มตอนเย็นลูกบ้านก็จะต้มช่วงเช้าของอีกวัน

     เย็นนี้แต่ละครอบครัวต่างกุลีกุจอต้มเหล้ากันอย่างขมีขมัน

     วันนี้ยังคงได้ยินเสียงครกกระเดื่องดัง โป๊ก กะ ล่ง... โป๊ก กะ ล่ง... ดังเช่นหลายวันก่อน นอกจากจะตำข้าวสำหรับต้มเหล้าแล้ว ชาวบ้านยังต้องตำข้าวสำหรับการตำข้าวปุ๊ก และห่อข้าวต้มมัดสำหรับใช้เป็นอาหารสำหรับประกอบพิธีกรรมอีกด้วย

 

     บ่ายคล้อยใกล้เย็นวันรุ่งขึ้น...

     แม่บ้านชาวปกาเกอะญอพากันนึ่งข้าวเหนียวจนสุกแล้วนำไปตำข้าวปุ๊ก ข้าวเหนียวที่ตำได้ตั้งแต่เมื่อวานจำนวนหนึ่งนำมาห่อด้วยใบปรงแล้วนำไปต้มเป็นข้าวต้มมัด ข้าวปุ๊กที่ตำเสร็จแล้วจะถูกแบ่งไว้สามกำเช่นเดียวกับข้าวต้มอีกสามมัด ที่เหลือก็จะนำมากินร่วมกันในครอบครัว แล้วแต่ว่าใครอยากกินอะไร

     ตกค่ำ ตะวันชิงพลบไปพักใหญ่...

     ...ปรือ! ขวัญบุตรหญิงเอ๋ยจงกลับมา ขวัญบุตรชายเอ๋ยจงกลับมา อย่าไปอยู่ในป่า อย่าไปอยู่ในดง อย่าไปอยู่ใต้ต้นไม้ อย่าไปอยู่ใต้ต้นไผ่...

     ...วันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดี เป็นวันครบรอบปีใหม่ เราจะมัดมือ เราจะผูกมือ ต่อแต่นี้เขาจะถางไร่ เขาจะฟันไร่ จะฟันต้นไม้ จะตัดต้นไผ่...

     ...บุตรหญิงบุตรชายเอ๋ย กลับมาอยู่รวมกัน กลับมาอยู่ร่วมกัน กลับมาสมานกัน กลับมาสามัคคีกัน กลับมาอยู่กับเหย้า กลับมาอยู่กับเรือน...

     ...กลับมากินข้าวสุก กลับมาดื่มน้ำใส กลับมากินเนื้อนก กลับมากินเนื้อไก่...

     ...ปรือ! ขวัญบุตรหญิงเอ๋ยจงกลับมา ปรือ! ขวัญบุตรชายเอ๋ยจงกลับมา

     เสียงอธิษฐานของชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่อบ้านกำลังทำพิธีเรียกขวัญลูกและเมียอยู่ที่ทางสามแยกท้ายหมู่บ้านซึ่งเป็นเส้นทางเดินไปไร่ของชาวบ้านหลายครอบครัว ดังคู่ไปกับเสียงเคาะไม่ไผ่กับแผ่นดินของต้นเสียงอธิษฐาน

     ตรงหน้าต้นเสียงมีขันโตกบรรจุเสื้อ ซิ่นอย่างละผืน กล้วยสามลูก อ้อยสามปล้อง เหล้าหนึ่งขวด ข้าวปุ๊กและข้าวต้มมัดที่ถูกแบ่งไว้อย่างละหนึ่ง ไก่เป็น ๆ มัดแข้งขาและปีกไม่ให้ดิ้นสองตัว

     ขวัญกลับมาหรือยัง?”  พ่อบ้านผู้ทำพิธีถามลูกและเมีย

     กลับมาแล้ว เสียงตอบจากลูกและเมีย

     เสียงถามตอบครบสามรอบเป็นอันว่าเสร็จพิธี ณ จุดนี้แล้ว ซึ่งต่อไปก็จะไปทำพิธีเช่นนี้อีกจุดอื่น ๆ อีกจนครบ ๓ ครั้งก็จะพากันกลับบ้าน

..........................................

 

     ยามเช้าตรู่ก่อนแสงแรกแห่งวันจะปรากฏ เสียงอธิษฐานดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะไม้คนข้าวกับหัวบันได มาจากบ้านฮีโข่ เนื้อความในคำอธิษฐานเป็นอันเดียวกันกับที่ได้ยินเมื่อวานที่ทางแยกท้ายหมู่บ้าน และก็ลงท้ายด้วยคำถามคำตอบระหว่างฮีโข่กับลูกเมียสามรอบอีกเช่นกัน

     จากนั้นก็เข้าไปอธิษฐานอีกรอบที่เตาไฟในบ้าน ขณะที่อธิษฐานก็เอาไม้คนข้าวกวาดหัวไก่ จนกระทั่งถาม ตอบ ขวัญกลับมาหรือยัง ? กลับมาแล้ว ครบสามรอบก็ใช้ไม้คนข้าวเคาะหัวไก่ตัวละครั้ง แล้วนำไปฆ่าและเอาไปทำแกง

     ฟ้าสางแล้ว ลูกบ้านต่างรู้ร่วมกันว่าฮีโข่ผู้นำของพวกเขาได้ทำพิธีเสร็จแล้ว แต่ละบ้านแต่ละครอบครัวก็ทำพิธีเช่นเดียวกันกับฮีโข่ที่ทำล่วงหน้าไปก่อนตอนเช้าตรู่

     เสียงก๊อก ก๊อก... ดังทั่วไปทั้งหมู่บ้าน

     ขณะที่ลูกบ้านกำลังทำพิธีอธิษฐานอยู่นั้น ที่บ้านฮีโข่ก็เริ่มต้นทำพิธีมัดมือให้กับสมาชิกในครอบครัว พิธีเริ่มจากการตักข้าวสุก ตักแกงอย่างละถ้วย รินเหล้าหนึ่งแก้ว เอาข้าวปุ๊กและข้าวต้มมัดที่แบ่งไว้อย่างละสาม กล้วยและอ้อยที่เอาเปลือกออกแล้ว นำไปวางไว้บนขันโตกแล้วนำด้ายยาวประมาณหนึ่งศอกเท่ากับจำนวนสมาชิกในครอบครัววางเรียงบนข้าว แล้วอธิษฐานและถามตอบด้วยข้อความเดิมอีกครั้ง

     จากนั้นผู้เป็นแม่บ้านก็จะเอาด้ายนำปลายจุ่มเหล้า แตะบนข้าวและสิ่งของที่อยู่ในขันโตกแล้วก็มัดมือให้ฮีโข่ซึ่งเป็นพ่อบ้านของครอบครัวนี้ พร้อมกับอธิษฐานแบบเดิม จากนั้นฮีโข่ก็มัดมือให้กับภรรยา ลูกคนโตไล่ไปจนถึงลูกคนสุดท้องเช่นเดียวกันกับที่แม่บ้านทำก่อนหน้า

     มัดมือเสร็จแล้ว ฮีโข่หยิบแก้วเหล้าจากในขันโตกขยับตัวไปยังเสาบ้านใกล้ที่นอน ค่อย ๆ เทเหล้าลงเสาบ้านโดยมีนิ้วชี้คอยกั้นเหล้าให้ไหลทีละน้อย พร้อมกับอธิษฐาน

     เจ้าผืนดิน เจ้าผืนน้ำ เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน เจ้าโคลน เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าลำห้วย เจ้าลำธาร... เรียกชื่อท่านไม่คลุม เอ่ยชื่อท่านไม่ทั่ว

     วันนี้ข้ามัดมือปีใหม่ ปักหลักรอยต่อเดือน ปักหลักรอยต่อปี ลงมาดื่มหัวเหล้าของข้า ลงมากินหัวข้าวของข้า รินลงให้ท่าน ตักลงให้ท่าน...

     ดูแลให้ทั่ว ดูแลให้ถ้วน ดูแลทั้งกลางวัน ดูแลทั้งกลางคืน ดูแลขณะเดินป่า ดูแลขณะเดินดอย ดูแลขณะทำไร่ ดูแลขณะทำสวน...

     ต่อแต่นี้ไป ขอให้ข้าเดินไปพบกับที่ร่ม ท่องไปพบกับที่ราบ เดินไปพบดอกไม้หอม กลับมาพบดอกไม้งาม... จากนี้ไปข้าจะลงมือถางไร่ ลงมือฟันไร่ โปรดประทานลมที่ดี โปรดประทานอากาศที่แจ่ม ให้ข้าวดก ให้หญ้าโล่ง... อย่าปล่อยให้อดอยาก อย่าปล่อยให้ขาดแคลน ได้อยู่ดี ได้กินดี ได้อยู่กับที่ราบ ได้อาศัยกับที่ร่ม ขอให้ข้าอยู่เย็นเป็นสุขด้วยเถิด       

     อธิษฐานเสร็จเหล้าที่เหลือจากการรินออกเหลือราวหนึ่งนิ้ว ฮีโข่ยื่นให้แม่บ้านดื่มเล็กน้อยแล้วยื่นต่อให้ลูกคนโตถึงคนสุดท้องจนครบ เหล้าที่เหลือแม่บ้านจะดื่มจนหมด จากนั้นฮีโข่จะรินเหล้าหนึ่งแก้วดื่มเองจนหมด แล้วรินให้ลูกคนโตและคนถัดมาจนครบทุกคน เมื่อกินเหล้าคนครบแล้วก็นั่งล้อมวงกินข้าวในขันโตกร่วมกัน

     ทันทีที่รู้ว่าบ้านฮีโข่ทำพิธีเสร็จแล้ว ลูกบ้านก็เริ่มต้นทำพิธีเช่นเดียวกันกับฮีโข่

     หลังสิ้นสุดพิธีแต่ละครอบครัวก็จะนั่งพูดคุยกัน บ้างก็หาโอกาสไปดำหัวคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน ให้ท่านมัดมือให้พรเป็นมงคลแก่ชีวิต

     จนกระทั่งยามบ่าย ตะวันคล้อยไปทางทิศตะวันตก

     ลูกบ้านแต่ละหลังคาลงจากเรือนไปสมทบที่บ้านฮีโข่ ผู้มาก่อนพอจะหาที่นั่งภายในบ้านได้ ผู้มาทีหลังต้องนั่งนอกชานบ้างก็นั่งอยู่ใต้ถุน

     ถึงเวลาพอเหมาะพอควร เหล้าที่เหลือไว้ครึ่งหนึ่งจากทำพิธีในช่วงเช้าฮีโข่จะรินใส่แก้ว แล้วขยับตัวเองไปเสาใกล้ที่นอนต้นเดิม ค่อยรินเหล้าลงบนเสาพร้อมอธิษฐานเช่นเดียวกันกับเมื่อเช้า แล้วนำเหล้าให้กับแม่บ้านดื่มนิดหน่อยแล้วยื่นให้ลูกๆ ตามลำดับ ต่อด้วยลูกบ้านที่มาร่วมพิธี เช่นเดิมเหล้าที่เหลือเป็นของแม่บ้านซึ่งต้องดื่มให้หมด

     จากนั้นฮีโข่ก็จะรินเหล้ากินเองหนึ่งแก้วแล้วก็รินแจกลูกบ้านที่มาร่วมพิธี เหล้าแก้วสุดท้ายถูกรินและดื่มจนหมดเป็นอันเสร็จพิธีที่บ้านฮีโข่ จากนั้นชาวบ้านก็จะไปร่วมพิธีกับครอบครัวอื่นรวมทั้งฮีโข่ด้วย ทำกันจนครบทุกหลังคาประเพณีหนี่ซอโข่ก็สิ้นสุดลง

     การทำมาหากินรอบใหม่มาถึงแล้ว...

..........................................

 

หมายเลขบันทึก: 292621เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2009 12:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 10:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เป็นวิถีชีวิตที่ครูต้อยไม่เคยสัมผัสเลย

มาฟังเสียง ปรือ....ขวัญบุตรหญิง บุตรชาย ให้กลับมาค่ะ

ได้เคยดูสารคดีของชุมชนนี้ทางรายการรายการหนึ่ง...ตอนที่นำเสนอจะเป็นตอนของพืชในชุมชนป่าแห่งนี้ที่ผู้นำชุมชนพยายามอนุรักษ์ให้อนุชนของเผ่าใช้ประโยชน์จากพืชผักสมุนไพรและดำรงวิถีของปกาเกอะญอให้มากที่สุด..ส่วนวิถีนี้ก็เพิ่งได้อ่านจากหนานเกียรตินี่แหล่ะค่ะ..



 

ขอบคุณครับ

P  krutoi

P  อ้อยเล็ก  

ที่มาแวะเยี่ยมเยียน

จะพยายามบันทึกมาให้อ่านเรื่อย ๆ ครับ 

 

  • วิถีชีวิตเรียบง่าย น่ารัก
  • ไม่วุ่นวายเหมือนเราเลย น่าอิจฉาค่ะ
  • ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์

P สวัสดีครับ คุณลีลาวดี

ขอบคุณที่แวะมาอ่านครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท