ช่วงที่ดิฉันเข้าไป ก็ลังเลอยู่ช่วยขณะ เพราะว่า ที่นั่งดูจะเต็มมากเลย เลยไม่รู้ว่าจะเข้าแทรกที่ไหน สักพักมีน้องจาก สคส. เข้ามาเชื้อชวนเข้าไปนั่ง และหาที่นั่งให้ค่ะ ก็เลยนั่งยาว มาเริ่มฟังเอาตอนนี้พอดี
ตอนแรกเอาตัวคนเป็นหลักก่อน คนที่จะพัฒนาองค์ความรู้ได้ จะต้องเปิดใจกว้าง ต้องมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน และต้องมี Self learning ครับ ... แค่ 3 คำ พอจะเป็นคนที่จะพัฒนาได้
ด้านซ้าย คือ Knowledge Development มี 4 คำ คือ Aquisition, Rental (Consultant & Expert), Dedicate resource และ Fusion
Aquisition คือ เมื่อคุณอยากได้เทคโนโลยี NOK ก็ทำแบบนั้น ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยี
Rental คือ อยากเป็น World Class ก็ทำงานกับคน World Class เพราะฉะนั้นก็ต้องมี consultant มี expert
Dedicate resource เราก็เอา resource ต่างๆ มาใส่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอมพิวเตอร์ต่างๆ
Fusion คือ ทำงานร่วมกับทีมงาน คือ ส่งทีมไปทำงานกับเขา เช่น ส่งคนไปเรียนงานมาแล้ว ก็ต้องส่งคนไปรับรู้ความรู้
แต่เห็นไหมครับว่า มันยังไม่ได้เป็น Assets มันเป็นแค่ develop เท่านั้นเอง เป็นแค่ provide และ develop จะเป็นกว้างๆ อยู่ ... แล้ว assets มันต่างยังไง
Assets ที่เราสร้างไว้มีหลัก 5 ส คือ
- Select ก่อน ว่า อะไรคือ assets เลือกก่อน
- Simplify คือ ทำให้มันง่าย เพราะว่า assets นั้น จะต้อง utilize และ create จะต้องเอามาสร้างสรรค์ และต้องเอามาใช้งาน ถ้ามันไม่ง่าย มันจะถ่ายทอดไม่ได้ ปัญหามันอยู่ตรงนั้น
- จะต้องไป share ครับ ก็คือ เอาไปวางไว้ให้ในที่ที่เขาสามารถจะค้นหา หรือเอาไปใช้งานได้ Show นั่นหมายความว่า เขาต้องแสดงได้ด้วย ไม่ใช่ share ไว้เฉยๆ ต้องแสดงให้เราเห็นได้ว่า
- ทำงานได้จริงๆ คือ การ Show ที่สำคัญมากคือ action ที่อยู่ใน Show
- Search คือ การเก็บและหาได้ เราจะเจอปัญหาของเรา ตอนนี้เราก็เจอ ที่เขาพูดว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด คือ หาไม่เจอ ของเราก็เจอว่า เยอะ และเราหาไม่เจอ อันนี้เรียกว่า Knowledge assets ซึ่งมีลักษณะกว้าง และลึก
ด้านขวา ก็คือ เรื่องของ Business outcome คือ ทำแล้วต้องวัดผลได้ เราจะรู้คำว่า Action และ Measure วัดผลได้ในมุมของ Business ก็คือ ต้องมีผลกำไร ต้องมีการเจริญเติบโต และ Outcome ในมุมอื่นมีมั๊ย ก็คือ Happy Workplace นี่ก็คือหลักการ Copy & paste ให้เกิด Happy Workplace ขึ้นมา
"หลักการ Happy Workplace"
ในขณะเดียวกัน ก็ Productivity ก็ต้องดี เหล่านี้ ก็เป็น business outcome ทำยังไงให้ที่ล้อมรอบเขาอยู่ ก็คือ Environment หรือ Knowledge environment ห้องสมุดเอย Internet เอย Intranet เอย ต่างๆ แล้วมีแล้วต้องมีระบบนะครับ เพราะว่า ทุกอย่างมีการจัดการ มีองค์ประกอบ ทุกอย่างต้องใช้การจัดการหมด
และขอ Share ไว้ตรงนี้ก่อน คือว่า KM มีคำอยู่ 2 คำ คือ คำว่า Knowledge กับ Manage ส่วนใหญ่เรามักจะไปติด พอ KM ปุ๊บ ไปสร้างความรู้อย่างเดียว แต่เราไม่ได้ไปจัดการมัน ที่บริษัทเราจะแยก Knowledge และ Manage คือ การทำให้ความรู้ถ่ายทอดไปสู่คน และคนเอาไปใช้ประโยชน์ได้ เราทำอยู่ 2 อย่าง ที่เราคิดอยู่
รวมเรื่อง Learn 4 Change ที่เมืองทองธานี