Learn 4 Change ที่เมืองทองธานี (20) ห้อง Lead & Learn - บ้านกาญจนาภิเษก - ให้เวลากับการตกผลึกทางความคิด


กระบวนการที่ดิฉันใช้มากๆ เลย คือ 8 โมง 45 ถึง 9 โมง 45 ของทุกวันในบ้านกาญจนาจะถือแบบนี้ เป็นช่วงที่เราตกผลึกทางความคิดกัน เป็นอย่างนี้ทุกวัน ในชั่วโมงนั้นเป็นชั่วโมงแห่งการเปลี่ยนแปลงมนุษย์อย่างรุนแรงมากเลยละค่ะ เป็นการพูดคุยตกผลึกทางความคิด ปัญหาต่างๆ เอามาวาง 1 ชั่วโมง

มาฟัง ผอ.ทิชา เล่าต่อกันนะคะ 

อย่างที่บอก เจ้าหน้าที่ เบื้องต้นเราก็ต้องยอมรับว่า เขาก็รักวัฒนธรรมแบบคุก แต่ว่าจริงๆ แล้วมีวัฒนธรรมอันหนึ่งที่ค่อนข้างเข้มข้น และรุนแรง ในตัวเจ้าหน้าที่ ตอนที่ดิฉันไปอยู่ใหม่ๆ ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่มีความรุนแรง และไม่เปิดโอกาส ภาระทางความคิดมันหนักมากจนดิฉันมีความรู้สึกว่า ไม่ค่อยปลอดภัย ... ต้องเขียนโน๊ตไว้ที่บ้านตัวเอง บอกลูกสาว เพราะว่าดิฉันใช้ชีวิตอยู่ในบ้านกาญจนาฯ เลย นอนอยู่กับเด็ก และรู้สึกตลอดเวลา ไม่เคยรู้สึกว่า ไม่ปลอดภัย สักครั้งที่อยู่ที่นั่นกับเด็กๆ ดึกๆ บางทีเด็กๆ มีเรื่องบางอย่าง วิ่งมาตัวดำ สักลายเต็มเลยขึ้นมาบอกอะไรสักอย่าง ดิฉันไม่เคยรู้สึกเฉลียวใจว่า ไม่ปลอดภัยจากเด็กๆ เหล่านี้ แต่รู้สึกไม่ปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่อย่างมาก ก็เขียนโน๊ตติดไว้ที่บ้าน ว่า ถ้าแม่เป็นอะไรในบ้านหลังนี้ อย่าโทษน้องโดยเด็ดขาด เพราะน้องจะไม่ทำอะไรแม่เลย แต่ให้สงสัยเจ้าหน้าที่

เพราะดิฉันมีความรู้สึกว่า เด็กๆ เป็นสิ่งที่ไม่เป็นอันตราย และตอนนั้นมีสงครามทางความคิดมาก และไม่รู้จักรู้ใจกัน และดิฉันไม่ใช่ข้าราชการซี 8 ของกรมพินิจ ดิฉันเป็นคนนอก ตอนแรกที่ไปเรียนรู้ ก็เหมือนกับเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปเดินอยู่ในนั้นทุกวี่ทุกวัน ภาคกลางคืน และคุณเป็นใครมาจากไหน ให้คุณให้โทษกับฉันยังไงบ้าง อันนี้ก็ต้องยอมรับว่า มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้จริงๆ

แต่ว่าเจ้าหน้าที่เขาก็เริ่มมองเห็น หลังจากที่กระบวนการที่ดิฉันใช้มากๆ เลย คือ 8 โมง 45 ถึง 9 โมง 45 ของทุกวันในบ้านกาญจนาจะถือแบบนี้ เป็นช่วงที่เราตกผลึกทางความคิดกัน เป็นอย่างนี้ทุกวัน ในชั่วโมงนั้นเป็นชั่วโมงแห่งการเปลี่ยนแปลงมนุษย์อย่างรุนแรงมากเลยละค่ะ เป็นการพูดคุยตกผลึกทางความคิด ปัญหาต่างๆ เอามาวาง 1 ชั่วโมง

และชั่วโมงนั้น เราก็ต้องออกแบบให้เด็กๆ อยู่ในห้องเหมือนกัน และเด็กๆ ก็จะทำบันทึกในห้องสมุด คือ เวลาที่เราออกแบบให้พอดีกันว่า ทุกเช้าเด็กจะต้องเข้าห้องสมุด และทำบันทึก อ่านหนังสืออะไรก็ได้ 1 เล่ม และสรุปหนังสือเล่มนั้นออกมา ว่าในหนังสือนั้น สะท้อนอะไร และย่อหน้าต่อไปก็ถือว่ามีความหมาย เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ นำมาปรับใช้กับชีวิตได้อย่างไร

มันจะต้องมีโจทย์อันนี้อยู่เสมอ และทุกเดือน เด็กจะต้องส่งเอกสารชิ้นนี้มา debate กัน และถ้าใครที่ตอบโจทย์ทั้งสองอันได้น่าสนใจ เราก็จะไปกินข้าวข้างนอกกัน 1 มื้อ ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า เดอะมอลล์บางแค หรือที่ไหนก็แล้วแต่ ซึ่งเด็กๆ จะกระตือรือร้นกับกิจกรรมนี้

แต่ห้วงเวลาที่เด็กๆ ทำ เจ้าหน้าที่ และดิฉันต้องมาประชุมกันทั้งหมดเลย เรื่องราวที่เราเอามาคือ ประเด็นของเด็กๆ ทั้งที่มีปัญหา ไม่มีปัญหา ทั้งเรื่องดี และเรื่องร้าย เพื่อที่จะดูว่า วิธีคิดที่น่าจะถูกต้องที่สุด ต่อเรื่องนี้ควรจะเป็นเช่นใด ซึ่งมุมมองของดิฉันก็เพิ่งเปลี่ยนไป

อย่างเมื่อวานที่เราตกผลึกทางความคิด ก็มีเด็ก 1 คน ซึ่งมาอยู่กับเราและปวดหัวตลอด เพิ่งมาได้ 1 เดือน และเราก็พาเขาไปพบแพทย์ จนถึงจิตแพทย์ และเรื่องราวก็ออกมาว่า เขาเคยฆ่าตัวตาย 4 ครั้ง ในช่วงที่อยู่ที่บ้านต้นทางหลังหนึ่งก่อนที่จะมาอยู่ที่บ้านกาญจนาฯ และเจ้าหน้าที่ก็กังวลว่า เขาจะมาฆ่าตัวตายในบ้านนี้หรือเปล่า เราคุยว่า ควรทำทางออกให้กับเขาอย่างไรดี เสนอต่อศาลให้เปลี่ยนแปลงทางการพิพากษาไหม หรืออะไร

... แต่ว่าข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ที่พาเด็กคนนี้ไปพบจิตแพทย์ และได้รับความไว้วางใจจากเด็กว่า บาดแผลในใจของเขาเป็นยังไง เราก็ได้เห็นภาพอยู่ภาพหนึ่งว่า ถ้าเราขอเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา ให้ส่งเด็กกลับไปยังครอบครัว คงไม่ได้มีการทำอะไรเลย เพราะว่าแผลของเขามันเกิดมาจากครอบครัว ถ้าครอบครัวยังไม่ได้รับการแก้ไข การที่จะเอาเด็กคนนี้ออกไปจากบ้าน ซึ่งคิดว่าเป็นที่ที่ไม่เหมาะสมกับเขา แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ากลับไปที่เดิม ถามว่าที่เดิมมีการปรับแก้อะไรแล้วหรือยัง

เจ้าหน้าที่เริ่มเรียนรู้ว่า มันไม่ใช่ แต่ไม่ใช่เป็นเพราะว่า ไม่ได้ไปฝืนเขา แต่ไม่ใช่เพราะว่า เราต้องดึงพ่อแม่ของเขาเข้ามาตอนที่เราไปพบจิตแพทย์แต่ละนัดๆ และร่วมมือกันไปด้วยกัน และถ้าเราคิดว่า ทางพ่อแม่เขาปรับทัศนะ ปรับวิธีคิดบางอย่างได้ เราถึงจะมาทบทวนกัน

ทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการ เมื่อก่อนเราแยก เพราะว่าทุกคนไม่ต้องมาอยู่ในกระบวนการแบบนี้แต่บ้านกาญจนา เปลี่ยน Job ของผู้คุมทั้งหมด คือ ไม่ต้องมีการคุม บ้านกาญจนาไม่มีกำแพง ไม่มีประตู เด็กขึ้นบ้านประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ซึ่งถ้าหากเจ้าหน้าที่คุม ต่อให้ขึ้นเวรทั้ง 25 คน ที่มีอยู่ก็คุมไม่ได้หรอก เขาบอกว่า เด็กวัยรุ่นบ้านกาญจนา กับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์บอกว่า ทำงานกับผู้ใหญ่ง่ายกว่า เพราะผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบ อะไรหลายๆ อย่าง ขณะที่วัยรุ่น ขณะที่เขายังไม่สงบ ค่อนข้างยาก และวิธีการทำให้วัยรุ่นสงบ ก็ไม่ใช่ง่ายๆ การให้อำนาจในบ้านแบบนี้ ให้ลืมกันได้เลย

และสิ่งที่เราพบอย่างหนึ่งก็คือ อำนาจนี่แปลก ยิ่งไม่ใช้ยิ่งดี ดิฉันไม่ได้ใช้อำนาจกับเด็กเลย เจ้าหน้าที่บ้านกาญจนา ถูกปรับลดอำนาจลด และให้โอกาสอำนาจเด็กเยอะขึ้นมามาก ปรับดุลแห่งอำนาจใหม่ เรา และเจ้าหน้าที่ก็ได้ค้นพบว่า อำนาจนี้แปลกจริงๆ ยิ่งไม่ใช้ยิ่งดี ขณะนี้เราไม่ได้ใช้อำนาจกับเขา แต่เด็กๆ เชื่อฟัง และพร้อมที่จะร่วมมือ แต่เราก็ต้องเพิ่มตัวละครใหม่ๆ ขึ้นมาเยอะมาก ไม่ใช่เราไม่ได้ทำอะไรกับเด็ก และปล่อย

เมื่อวานก็มีเด็ก 1 คนที่มีปัญหา เรามีความเชื่อว่า เราจะไม่ใช้ความรุนแรงกับเด็ก เจ้าหน้าที่จะไม่มีสิทธิแตะเด็กเลย และเด็กๆ ก็รู้ว่า การที่เราไม่แตะเนื้อต้องตัวคุณ ความเป็นมนุษย์ของคุณมันยิ่งใหญ่ ใหญ่มาก ไม่มีใครแตะต้องตัวคุณได้ เจ้าหน้าที่ต้องเคารพกฎกติกา แต่ขณะเดียวกัน รัศมีแห่งความเป็นมนุษย์ไม่ได้มีแค่หนูคนเดียว ข้างซ้ายก็มี ข้างขวาก็มี ทุกคนที่เป็นมนุษย์มีหมดในบ้านหลังนี้ เพราะฉะนั้นเด็กก็จะเคารพในข้อตกลงตรงนี้สูงมาก เกือบ 100%

แต่เมื่อวานเรามีปัญหาว่า 2 คนเขาคุยกันแบบเด็กผู้ชาย เขาจะปิ๊ดขึ้นมา เขาก็พยายามจะปะทะเพื่อน แต่เพื่อนก็รู้ตัวว่า ใช้ความรุนแรงไม่ได้ ก็ไม่โต้ตอบ ก็เฉย และเขาก็เดินมาสารภาพต่อที่ปรึกษาของเขาว่า ผมทำผิดข้อตกลงในบ้าน ซึ่งเขาก็รู้ดี

เมื่อวานก็เลยโทรเรียกแม่เขามา พ่อก็มา และสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านกาญจนา ก็คือ ทุกครั้งที่เด็กทำผิด เราโยนความรับผิดชอบให้แม่ ... ไม่ใช่โยนเพราะเราไม่รับผิดชอบ แต่เพื่อที่จะมาทำ story ใหม่อีกเรื่องหนึ่งว่า แล้วคุณก็เห็นใช่ไหมลูก ในที่สุดการที่มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ใครละครับที่ตามมา take care หนู เอาใจใส่ อย่างไม่มีเงื่อนไข และไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงเลย ซ้ำซากกับความรักหนูอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อน หรือพ่อแม่ลูก

อย่างเมื่อวานพ่อแม่ก็มา เราก็เรียกเด็ก 150 คน นัดประชุมกัน และให้พ่อกับแม่ ไปขอโทษเด็ก 150 คน ขอโอกาสให้ลูกได้อยู่ที่นี่ แม่ขอร้อง

หรืออาทิตย์ที่แล้ว ก็มีปัญหา แม่ก็กลัวลูกจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แม่ตัดสินใจกราบเด็กเลย จนเด็กหลายคนลุกขึ้นเสียงดัง แม่ครับไม่ต้องกราบผม ครูยกแม่ขึ้น ไม่ให้แม่กราบ แต่มันไม่ได้หยุดที่ตรงนั้น มันต้องต่อยอดอีกว่า ทำไมพ่อแม่ถึงรักเรามากขนาดนี้ และเราได้คืนอะไรให้กับพ่อแม่แล้วหรือยัง รู้มั๊ยแค่คุณอยู่ในร่องในรอย ไม่ต้องไปบวช อยู่บ้านนี้ให้ครบตามคำสั่งศาล คุณก็จะหลับสบายในคืนนี้ และก็สามารถลุกขึ้นไปทำงานอย่างเข้มแข็ง และมั่นคง คำถามก็คือว่า พ่อแม่เรียกร้องในสิ่งที่มากเกินไปหรือเปล่าล่ะลูก

ไม่ต้องใช้อำนาจละค่ะ ความสงบในบ้านหลังนี้มันเกิดขึ้นได้ ด้วยความเป็นมนุษย์ และเราก็ดึงความเป็นมนุษย์ของเขาออกมาเท่านั้นเอง ดิฉันไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นเลย

รวมเรื่อง Learn 4 Change ที่เมืองทองธานี

 

หมายเลขบันทึก: 151668เขียนเมื่อ 6 ธันวาคม 2007 07:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท