อ.ประพนธ์ ถามล่วงหน้าไว้ค่ะ ... ท่านอธิบดีนัทธี ตอนนี้ที่ท่านเปลี่ยนกรมฯ ในกรมฯ ใหม่ ท่านมีแผนอย่างไรที่จะใช้ KM กับที่แห่งใหม่อย่างไรหรือเปล่าครับ

ท่านอธิบดี ... ได้เล่าให้ฟังคร่าวๆ ค่ะ ว่า

• ที่ใหม่ก็คือ เป็นที่ที่กรองเอาคนที่ยังไม่ร้ายออกมา อยู่ในชุมชน ... เอามาให้โอกาส เอามาคุมประพฤติ ก็คือ คุณก็อยู่บ้านของคุณ แต่มารายงานตัว เพื่อรอลงอาญา ยังมีความผิด ถูกศาลให้จำคุก แต่โทษจำคุกยังรอไว้ก่อน ระหว่างอยู่ในคุมประพฤติ เพราะฉะนั้นเขาก็อยู่ที่บ้านเขา
• พนักงานก็แตกต่าง ไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่ควบคุม แต่จะอยู่ใน office ที่ทำงาน แต่ว่าภารกิจค่อนข้างจะหนัก เพราะว่ามีผู้รับบริการจำนวนมาก จากเดิม ในเรือนจำ 260,000 ลดมา 100,000 หายไปไหนก็จะมาอยู่ที่นี่ ก็กรองเอาคนที่พอจะแก้ไขได้
• วิธีการที่จะปรับเปลี่ยนตรงนี้จะเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะว่าคนเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนไปตลอดเวลา ทำงานร่วมกันจะมีโอกาสที่สัมพันธ์กันตลอด ... แต่ที่ราชทัณฑ์เขามีจุดอยู่ วันหนึ่งไม่ได้สัมพันธ์กัน นอกจากเลิกงาน ก็มานั่งคุยกัน
• ในส่วนของคุมประพฤติ เทคนิควิธีการก็จะแตกต่างไป โดยจะมาเน้นเรื่องของการ Coaching การเรียนรู้จากตัวคน เรียนรู้จากพี่เลี้ยง ... เราก็จะใช้จุดนี้
• และขณะเดียวกันก็ผสมผสานกับ CoP ในเรื่องของการเรียนรู้จากการจัดกลุ่มสัมมนาต่างๆ โดยผ่านตัวคน โดยผ่านผู้สำรวจก่อน ที่มีองค์ความรู้ในตัวว่าใครเก่งด้านไหน และหลังจากนั้นก็เป็น Best practice ในแต่ละเรื่อง แต่ละด้าน และให้คนเหล่านั้นมามีส่วนจะถ่ายทอดความรู้ และเรียนรู้จากคนอื่น
• เพราะฉะนั้นพนักงานทั้งหมดในคุมประพฤติจะเป็นคนที่มีดีอยู่ในตัวทุกคน ... เพียงแต่ว่าเขาจะดีด้านไหน หรือมีองค์ความรู้เรื่องไหน เราก็จะให้เขาได้ถ่ายทอดเรียนรู้กัน ในจุดที่เรากำลังต้องการ บางเรื่องบาง topic อาจเป็นเรื่องที่พนักงานระดับล่างๆ ซึ่งดูเหมือนไม่มี function แต่เขาก็สามารถจะมีความชำนาญ หรือมีความรู้ในเรื่องที่เขาชำนาญ มา share กับคนอื่นๆ ได้ และให้คนอื่นได้เรียนรู้จากเขาได้
• ... จุดนี้คือมาทำให้เห็นว่า คนทุกคนมีคุณค่า มีความรู้อยู่ในตัว
• ... เหมือนกับที่ผมบอกไว้ว่า คนทุกคนเป็นอาจารย์ให้ความรู้กับผู้อื่นได้ อย่างน้อย 1 เรื่อง
• ... นั่นคือ การที่เราพยายามไปหาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา ว่าใครมีดี แล้วก็ดึงเอาศักยภาพนั้นออกมาพัฒนา
• เพราะฉะนั้นจุดนี้ คือ การจัดการความรู้

รวมเรื่อง Learn 4 Change ที่เมืองทองธานี