Learn 4 Change ที่เมืองทองธานี (36) ห้อง Love & Learn - ม.นเรศวร - KM มหาวิทยาลัย กับ KM ชุมชน ?


... ทุกอย่างจะต้องมีวิธีการจัดการให้ความรู้ของตัวเองยกระดับให้สูงขึ้น และสูงขึ้นมากพอที่จะนำไปใช้ในการปรับตัวได้

 

มีคำถาม 3 คำถาม ที่ อ.วิบูลย์ บอกว่า มันก็เหมือนๆ กันนะ คือ

  • มหาวิทยาลัยมีการทำการจัดการความรู้มามากแล้ว ทีนี้การจัดการความไม่รู้จะทำยังไง ?
  • ความแตกต่างระหว่าง KM ในมหาวิทยาลัย และชุมชน เป็นอย่างไร ? ใช้กระบวนการใดเสริมกันหรือเปล่า
  • อยากทราบตัวตนจริงๆ ของ KM เป็นอย่างไร หลายคนพูดว่า ใช้สมาชิกในกลุ่ม คนที่มีความสามารถในบางเรื่องไปทำ KM แต่บทสุดท้าย สรุปแล้ว KM เป็นอย่างไร ทำอย่างไร และสิ้นสุดอย่างไร ?

ผมว่า ทั้ง 3 คำถาม ก็พยายามจะหาว่า KM คืออะไร และใช้ในระดับต่างๆ กันอย่างไร เป็นคำถามที่ไม่น่าเชื่อ ว่าตอบกันไม่ค่อยได้

  • เอาเป็นว่า เวลาที่เราจะทำงานอะไรให้สำเร็จสักอย่าง เราต้องใช้ความรู้ มาทำงาน คงไม่ได้ทำเรื่อยเปื่อย ต้องอาศัยความรู้ เพราะจะทำเกี่ยวกับการอยู่รอด
  • ถ้าเป็นหลักวิทยาศาสตร์ ผนังเซลต้องรับรู้สภาพแวดล้อม ถ้าไม่ได้รับรู้มันก็ตาย พอมาเป็นระดับคนก็ต้องรู้สภาพแวดล้อมให้อยู่รอด คนที่เกิดมามีปัญญาดี ก็สามารถปรับตัว และอยู่รอดในสภาพนั้นได้ คนที่เกิดมาปัญญาอ่อน ก็สามารถปรับตัวได้ยาก
  • องค์กรก็เหมือนกัน องค์กรที่สามารถเรียนรู้และปรับตัวได้ดี ก็จะเป็นองค์กรเก่ง สามารถอยู่รอด ถ้าเป็นธุรกิจ ก็สามารถที่จะทำกำไรได้ องค์กรปัญญาอ่อนก็มีโอกาสที่จะสูญพันธุ์ไปได้เหมือนกัน
  • เพราะฉะนั้น พูดง่ายๆ ว่าความรู้เป็นเรื่องของความอยู่รอด ตั้งแต่ระดับทีเราเป็นคน หรือองค์กร
  • ความรู้เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะฉะนั้นต้องมีวิธีการที่จะเพิ่มความรู้ เพื่อให้การเรียนรู้ที่จะปรับตัวขององค์กรทุกๆ ระดับ ให้สามารถไปใช้ในการอยู่รอดได้
  • ... ทุกอย่างจะต้องมีวิธีการจัดการให้ความรู้ของตัวเองยกระดับให้สูงขึ้น และสูงขึ้นมากพอที่จะนำไปใช้ในการปรับตัวได้
  • และวิธีการ KM คือ วิธีการนี้ละ ที่จะสามารถทำให้ตัวเองปรับตัว เรียนรู้และปรับตัวให้อยู่รอดได้
  • เพราะฉะนั้น เครื่องมือต่างๆ ที่เรานำมาใช้ที่พูดไปแล้ว คือเป็นเครื่องมือ หรือกุศโลบาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่จะทำให้ในองค์กรสามารถเป็นบุคคลเรียนรู้ และสามารถปรับตัว
  • ... ถ้าทุกคนในองค์กรสามารถเรียนรู้ และปรับตัว
  • ... องค์กรนั้นก็จะเป็นองค์กรที่เรียนรู้และปรับตัว
  • ... เครื่องมือ Dialog หรืออะไรที่ทำให้คนเปิดใจ ไม่หวงความรู้ และไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน
  • ... ลองนึกดูวงจรนี้ KM ที่ใช้ dialog สุนทรียสนทนา มีความลึกซึ้งมาก ก็คือ มันจะทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ... คำๆ เดียวนี้ สำคัญมาก เพราะว่าการที่สามารถพูดเปิดใจกัน ฟังกัน และยอมรับกัน ให้เกียรติกัน ทำนองนี้ก็ทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ จะทำให้คิดดีต่อกัน พอคิดดีต่อกัน ก็ทำดีต่อกัน พอทำดีต่อกัน ก็ผลงานออกมา ก็ดี ผลงานดี คือ คิดดีต่อกัน ก็เป็นวงจร เขาเรียก Success cycle วงจรของความสำเร็จ
  • ... แต่ถ้าหากคิดไม่ดีต่อกัน พูดก็ไม่ยอม ฟังก็ไม่ฟัง ก็คิดไม่ดีต่อกัน ไปนินทาว่าร้ายกันทีหลัง ต่อหน้าไม่ยอมพูด คิดไม่ดี ทำไม่ดี ผลงานก็ขัดแย้ง แทงกันข้างหลังจะดีได้ยังไง ก็ยิ่งคิดไม่ดี ความสำเร็จก็ไม่เกิด อันนี้คือวงจรอุบาทว์
  • ... เพราะฉะนั้น KM คือ เครื่องมือสำคัญที่จะทำให้หลุดจากวงจรอุบาทว์ ไปสู่ Success cycle
  • KM ก็คือทำนองนี้ ไม่ว่าจะเป็นระดับชุมชน บุคคล หรือกลุ่มคน ต้องหาวิธีการที่จะเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้
  • ถ้าเกิดทุกระดับ เมื่อไรที่ไม่สามารถเรียนรู้และปรับตัวได้ ก็อยู่ไม่รอดครับ แค่นั้นเอง
  • ในแต่ละระดับต้องมีวิธีการเรียนรู้และปรับตัว ก็จะมีเครื่องมือเยอะแยะที่ต้องไปเลือกใช้ให้เหมาะกับบริบทของแต่ละระดับ
  • เครื่องมือ KM มีเยอะมาก และที่สำคัญคือ แค่ไม่กี่ชิ้น ถ้ารู้จักใช้ก็มีประโยชน์เหลือหลายแล้วครับ

บันทึกไปแล้วทั้งหมดนี้ ... รู้สึกซึบซับ ในพัฒนาการของ ม.นเรศวร ... นับถือจริงๆ ละค่ะ

รวมเรื่อง Learn 4 Change ที่เมืองทองธานี

 

หมายเลขบันทึก: 152127เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม 2007 21:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท