งานนี้คุณวิมล โรมา น้องเล็กของ KM Team เป็นผู้จัดการทีมมาในครั้งนี้ละค่ะ เธอเล่าให้กลุ่มฟังว่า ตอนที่เราทำ BAR กับทีมผู้บริหาร เป็นการเตรียมการก่อนที่จะมาทำ Workshop และก็ได้ข้อมูลพอสมควร ว่าผู้เข้าประชุมวันนี้จะอยู่ใน Field ของการอบรมเกือบทั้งนั้น เพียงแต่บทบาทจะต่างกัน ... วันนี้เราก็จะมาทำ Workshop ตามภารกิจ บทบาทของเรา
หลักการของ KM ก็มีอยู่ว่า ถ้าฟังบรรยาย KM หรืออ่านหนังสืออย่างเดียว แล้วไม่ลงมือปฏิบัติ คุณจะไม่รู้เลยว่า KM คืออะไร ... การทำ Workshop จะทำให้เห็นบรรยากาศ และเครื่องมือที่จะใช้ในวันนี้ ก็คือ การเล่าเรื่อง (Storytelling) โดย KM Team กรมอนามัย จะมาเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ โดยให้พวกท่านเป็น Fa, Note และผู้เล่าเรื่องเอง
วันนี้หัวปลาใหญ่ มุ่งไปที่ "การบริหารโครงการอบรม" ... ท่านก็จะได้มาเล่าเรื่องว่า มีบทบาทอะไรในการอบรมนั้นๆ ท่านประสบผลสำเร็จอะไร แค่ Microsuccess หรือแค่ว่าท่านทำแล้วประทับใจ ภูมิใจ มีความสุขกับบทบาทเล็กๆ ในการอบรม หรือบางท่านอาจเป็นผู้บริหาร Project ก็ได้
คุณอ้วน (ฉัตรลดา กาญจนสุทธิแสง) ก็ลอง serve serve ความรู้เรื่อง KM กันก่อนว่า เข้าใจในแนวทางเดียวกัน KM Team กรมอนามัย หรือไม่ ... ซึ่งก็ตรงเป๊งเลยละคะ เพราะน้องๆ ต่างก็บอกว่า KM ก็หมายถึง
"การที่ใครๆ ที่มีแนวทางการทำงาน และบรรลุเป้าประสงค์ที่ดี ก็เอามาแลกเปลี่ยนกันเพื่อให้คนอื่นได้ทราบว่า เรามีแนวปฏิบัติอย่างนี้ และทำให้เราประสบความสำเร็จ ซึ่งแต่ละบุคคลก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ให้เข้ากับแนวปฏิบัติของตัวเอง"
"การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีประสบการณ์การทำงานที่ค่อนข้างจะแตกต่างกัน หรืออาจจะเหมือนกัน ก็อาจจะมาแลกเปลี่ยนกันโดยรวม"
สรุปก็คือ การจัดการความรู้ น่าจะเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน ของแต่ละท่านซึ่งอาจจะมีประสบการณ์ในมุมมองต่างๆ ซึ่งอาจนำมาแลกเปลี่ยน ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ต่อยอดกันมากขึ้น
คำถามที่ 2 ที่ serve serve กับผู้เข้าประชุมก็คือ ถ้าเราจัดอบรม แล้วมีการเชิญวิทยากรมาบรรยาย ... ถามว่า ตรงนี้เป็นเรื่องของการจัดการความรู้มั๊ย
"คงเป็น แต่อาจเป็นอ้อมๆ เพราะการจัดการความรู้ตามความเข้าใจนั้น หมายถึง ดึงความรู้ภายในตัวบุคคล ที่เรียกว่า Tacit knowledge ออกมาให้ได้ และมาเก็บในรูปของ Explicit k ในรูปของเอกสาร สื่อต่างๆ เพราะฉะนั้น ส่วนที่วิทยากรมาให้ความรู้ก็เป็นความรู้อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นการให้ แต่ไม่ได้แลกเปลี่ยน ก็จะเป็นความรู้อ้อมๆ ไม่ได้ตรงๆ อาจไม่ใช่ Tacit k"
"จะเป็นทฤษฎีมากกว่า แนวทางในการปฏิบัติ แต่ไม่ได้เป็นรูปของการจัดการความรู้ ซึ่งเราต้องมาขย้ำ (น้องคนนี้ ต้องขย้ำเอาเลยนะคะเนี่ยะ) อีกทีหนึ่ง เราต้องเอาประสบการณ์ของแต่ละคนมาแลกกัน"
"การจัดการความรู้ ควรเป็นการ share ประสบการณ์การทำงานมากกว่า เพราะว่า ในประสบการณ์จริงที่เราสัมผัส เราก็เอาแนวทางจริงที่ประสบความสำเร็จ มาเขียนเป็นแนวทางที่สู่การปฏิบัติของเรา"
สรุปแล้วก็น่าจะเป็นว่า ... "การจัดการความรู้ ก็คือ การรวบรวม หรือการแลกเปลี่ยน ทั้งความรู้ชัดแจ้ง (Explicit k) หรือความรู้ฝังแน่น (Tacit k) เอารวบรวม จัดหา จัดเก็บ เผยแพร่ และนำมาให้เกิดไหลเวียนในองค์กร และต่อยอดในการพัฒนา" ... ในงานทุกขั้นตอนของการฝึกอบรม สามารถนำไปใช้กระบวนการจัดการความรู้ได้หมด
การเชิญวิทยากร แม้จะเป็นความรู้ชัดแจ้ง แต่ท่านก็ต้องรวบรวมความรู้ชัดแจ้งนั้น เพื่อเผยแพร่ และให้คนอื่นๆ ที่ไม่ได้มาร่วมรับฟังกับเรา ได้เกิดการเรียนรู้ ได้ขยายวงให้กว้างขึ้น นี่คือทำฝั่งเดียว ในฝั่งของความรู้ที่ชัดแจ้งแล้ว หรือ Explicit knowledge
และความรู้ฝังแน่นในคน ก็จะเป็นเรื่องของประสบการณ์การทำงาน พรสวรรค์ วิธีการ tactics ถ้าไม่ทำงานในเรื่องนั้นจริงๆ ก็จะมีเรื่องนี้ไม่ได้ จะต้องเป็นคนทำจริงมาเล่าให้ฟัง เป็นประสบการณ์ ความรู้ที่มีอยู่ในตัวตนของท่าน แต่ปัญหาก็คือ มันจะอยู่ในตัวคน ถ้ายังไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ดิฉันก็ถือโอกาสแนะนำสักเล็กน้อย เพื่อที่ว่าถ้าเกิดการ ลปรร. กันแล้ว จะได้มีแหล่งของการเผยแพร่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางเวป ก็ โค-สะ-นา GotoKnow นี่เองละค่ะ
บันทึกนี้ ก็เป็นเบื้องต้นของการนำเข้าสู่กระบวนการ KM ละค่ะ
ไม่มีความเห็น