ได้ฤกษ์เขียนบล็อก สำหรับปีนี้ ซักที ที่ผ่านมาให้เวลากับการเขียนวิทยานิพนธ์เต็มที่ ได้ผลเป็นที่น่ายินดี 99% แล้ว เย้! ดีใจมาก :)
ใช้เวลาไปกับการเรียนสามปีกว่าไปแล้วกับการนั่งในห้องสมุดหรือห้องทำงานคนเดียว จนผมหงอก หน้าดำ คิ้วตก 555 ดีที่ไม่มีหาง ไม่อย่างนั้นละก็ เหมือนกันเลย
เข้าเรื่องดีกว่า...
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่มีคนบอก คนเล่าว่า คนที่เรียน ป. เอกต้องทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะปีแรก หัวหมุน เครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เขาเรียกว่า โรคนอนไม่หลับเชิงปรัชญา "philosophical insomniacs" น่ะ
มีอะไรที่เขาไม่ได้บอกหรือสอนเราบ้างล่ะ
เรื่องแรก การบริหารเวลา (Time management) ไม่มีคนมาตะโกนบอกเราว่า...เฮ้ยจัดสรรเวลาเรียน...เวลาเขียน...เวลาส่วนตัวได้แล้ว จัดอย่างไร...ตรงนี้ต้องจัดการเองหมด ต้องวางแผนและลงมือทำ เหมือนเป็นงานประจำ (work routine) ชัดเจน...ชีวิตของคนเรียนแบบนี้ ต้องมี แรงขับหรือแรงจูงใจของตัวเอง...สร้างอย่างไร... ต้องหาเอาเอง....เช่น หารางวัลให้กับตัวเอง ทุกครั้งที่งานเสร็จ ทำอะไรเสร็จแล้วบ้าง...ใช้เวลาไปเท่าไหร่...ได้งานมาก ได้รางวัลมาก... หนึ่งชิ้นงาน หนึ่งรางวัล หรือสองรางวัล หนึ่งชิ้นงาน (งานสุรินทร์)...ได้ยิ่งดี...เรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับแรงศัทธาน่ะ
เรื่องที่สอง ติวเตอร์ (Tutors) แบ่งเป็นสามประเภท (1) บอกว่า ให้เราไปทำมาก่อนแล้วมีปัญหาก็มาปรึกษา (2) เมื่อมีปัญหา กลับมาปรึกษาแล้ว...จะได้คำตอบว่า ...บอกไม่ได้หรอก...แต่จะบอกก็ได้นะ เพราะมันเป็นความลับ เหยียบไว้เลยนะ และสุดท้าย (3) ความลับนี้ที่จะบอกก็ได้นะ...ว่า... ฉันก็ไม่เคยได้รับคำปรึกษาหรือความช่วยเหลือแบบนี้จากใครเลย...ตัวคุณก็เช่นกัน....แล้วจะเป็นติวเตอร์ทำไมละเนี่ย 555
เรื่องที่สาม ห้องสมุด (Library) เป็นที่ที่เราจะเจอคนแปลกหน้ามากมาย เจอได้บ่อยๆด้วย โดยเฉพาะพวกเรียนเหมือนเรา หน้าตาเครียด วุ่นๆกับอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวเดินขึ้นเดินลง เรื่องห้องสมุดไม่มีใครมาบอกว่าวิธีการค้นหนังสือ ค้นเปเปอร์ อะไรที่ใช้อ้างอิงได้ อะไรใช้ไม่ได้บ้าง อะไรยืมได้ ยืมไม่ได้ ไม่มีเลย....ต้องใช้ปากเป็นสื่อ ถามๆๆๆๆๆๆ ก็จะได้คำตอบๆๆๆๆมา....ใช้ปากเก่งขึ้นเยอะเลย
สุดท้าย นิสิต ป.เอกด้วยกัน (Other PhD students) ไม่มีใครบอกอีกว่า...ไม่มีสิ่งใดที่จะน่ารำคาญไปกว่า นิสิตป.เอกด้วยกัน แล้ว...เพราะอะไร....ทุกคนก็อยากไปสู่ฝั่งฝัน....สิ่งของเอย ความคิดเอย...ความต้องการเอย...ก็เลยคล้ายๆ กันไปหมด...เมื่อ ความต้องการเหมือนกัน...ความคิดเหมือนกัน... แต่ดีมานด์มีน้อย...ก็เกิดการยื้อแย่งกัน บางคนมี อ.ที่ปรึกษาคนเดียวกัน...ความคิดก็เลยจูนเข้าหากัน...บางคนก็เอาความคิดเราไป เราก็เอาความคิดเขามา...วุ่นดีจัง...บางครั้งคุยกันเหมือนอยู่กันคนละโลก (แต่จริงๆอยู่โลกเดียวกัน) เอะอะ โวยวาย ถ้าใครได้ห้องหนึ่งห้องใหญ่ แต่มีพาทิชั่นกั้นละก็ สุดยอดเลยล่ะ จะทำอย่างไรดีละ ก็ต้องหลีกเลี่ยงไปที่อื่นบ้าง เป็นนักโกหกบ้าง (จำเป็นมั้กๆๆ) หรือแกล้งเป็นซอมบี้เลยยิ่งดี เห็นมาเยอะแล้ว
แต่ก็อย่าไปตกหลุมพรางพวกนี้นะ บางครั้งอาจเจอคนดีก็ได้ พยายามมองโลกในแง่ดี มีทัศนคติดี แล้วยังไม่เจอ แนะนำให้หา บล็อกคนเรียน ป.เอกด้วยกัน แล้วเขียนอะไรคุยกัน จะช่วยได้เยอะเลยล่ะ
สรุป คิดกันให้ดีก่อนจะมาเรียน ป.เอก แต่ถ้าเรียนกันแล้ว ก็ขอให้โชคดี กลับมาเป็นผู้เป็นคนเหมือนเดิมนะครับ
ขอบคุณ พี่คุณครูอ้อย ครับที่แวะมาเยี่ยมเยียน
ประสบการณ์เพียบ ดีเลยครับ พี่คุณครูอ้อย
สามปีผ่านมา ตกหลุมบ่อยเหลือเกินครับ โดยเฉพาะตกหลุมรัก (งานวิจัย) เข้าเลยล่ะครับ 555
สำหรับ ครูอ้อย ตกหลุมดำ มึดมิด เกือบเอาชีวิตไม่รอด ตอนนี้ก็ ผุดขึ้น ผุดจม ในน้ำอยู่ค่ะ แงแง
ขอบพระคุณท่าน อาจารย์จารุวัจน์ ที่กรุณาให้ความรู้เพิ่มเติมครับ ในความเป็นจริงๆก็ไม่ได้เลวร้ายไปซักเท่าไรหรอกครับ เพียงแต่ว่าโดนหลอกมาสองครั้งแล้ว เข็ดครับ ไม่อยากเจอเป็นครั้งที่สาม เพราะความใจดีของเราเนี่ยล่ะครับ เลยต้องระวังตัวก่อนครับ จริงๆต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำไปที่ทำให้เราได้ความรู้อีกด้านหนึ่งเหมือนกันครับ
อ.ได้เพื่อนดีจริงๆครับ ขอเป็นกำลังใจให้ อ. จารุวัจน์ เช่นกันครับ
ขอบคุณพี่วศินมากๆๆคะที่ให้คำแนะนำอยากให้แม่หายคะอุตส่าห์ดูแลตั้งแต่ผ่าตัดมาใหม่ๆตอนนั้นเดินก็ไม่ได้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จนกระทั้งทุกวันนี้ทุกอย่างเหมือนคนปกติยกเว้นสมองเท่านั้นเหนื่อยเหมือนกันนะแต่ยังไงก็ขอบคุณพี่วศินมากคะที่ให้คำแนะนำ พิมขอเป็นกำลังให้พี่นะคะขอให้จบเร็วๆๆนะคะมีข่าวดีอะไรเกี่ยวกับแม่พิมส่งข่าวมาบอกบ้างนะคะพี่
สุดยอดที่แนะนำสิ่งดีๆนะครับ