ไม่ว่าจะไปกันเป็นหมู่คณะ หรือคนเดียวโดดเดี่ยว เมื่อได้รับมอบหมายและไว้วางใจให้เดินทางไป หากกลับมาแล้ว ให้มาบันทึก ถ่ายทอดเรื่องราวที่เห็นเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางาน ทั้งโดยการเขียนเป็นเอกสาร และนำเสนอผ่านเวที ซึ่งทุกวันนี้ ห้องสมุดยึดเอาเวทีใน "พุธสุนทรียเสวนา" เวทีของกิจกรรมการจัดการความรู้ (แท้ๆ) มาแทรกกิจกรรมการนำเสนอรายงานการไปศึกษาดูงานเข้าไปด้วยเรียบร้อยแล้ว...
นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้เดินทางไปไหนไกลจากระยะทางเกินกว่าหลักพันกิโลเมตร แต่ในที่สุดก็ได้ไป แล้วก็ได้กลับมา ต้องเตรียมเรื่องราวเล่ารายงาน นัดหมายวัน เวลาล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนการเดินทาง 15 ตุลาคม 2551 (เหลืออีกไม่กี่วัน ยังไม่เห็นเค้าโครงเรื่องที่จะนำเสนอเลยค่ะ)
ฉันเป็นคนห้องสมุดที่ไม่ได้ทำงานหยิบจับหนังสือ หรือสื่อเพื่อการเรียนการสอนอย่างโสตทัศนวัสดุ ซีดีรอม ซีดีรอมมัลติมีเดีย ฐานข้อมูลต่าง ๆ ฯลฯ ที่เป็นความต้องการโดยตรงของผู้ใช้บริการ แต่ก็ทำงานที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการโดยทางอ้อม ๆ ในฐานะนักวิชาการโสตทัศนศึกษา ก็ยังคงทำงานเกี่ยวข้องด้านสื่อ แต่เป็นเรื่องของการติดต่อสื่อสาร ที่วัดไม่เคยจะได้ว่าลูกค้าทั้งหมด คือ ผู้ใช้บริการเกิดความพึงพอใจมาก ๆ ถึงมากที่สุด
คือว่าฉันไปดูเกี่ยวกับสื่อ (ประชาสัมพันธ์) เพราะทุกวันนี้ฉันก็ทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องสื่อ แต่ถึงวันนี้ฉันก็ยังอับจนหนทางในการเตรียมนำเสนอสิ่งที่ได้ไปดู สิ่งที่ได้รับ แล้วน่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับงานที่ทำ ไปก็ไปเห็นมุมมองใหม่ๆ ที่ แปลกตา แปลกใจดี ^^ แปลกใจดี...
มีหลายคนถามว่า ฉันได้อะไรบ้างจากการไปดูงานที่ห้องสมุดประเทศสิงคโปร์ ฉันคิดอยู่ตั้งนาน เพราะสิ่งที่ลอยอยู่ตรงหน้า มีแต่การมองเห็นนอกเรื่อง เรื่องเกี่ยวกับ คน คน คน เสียมากกว่า เหมือนได้ดูหนัง ดูละคร แล้วต้องย้อนมาดูตนเอง หรือมันเป็นนิสัยในระยะหลังที่ชักติดจนชิน ๆ กับการชอบสังเกตดูผู้คนก็ไม่รู้สิคะ
ไม่นอกเรื่องตรงนี้ดีกว่านะคะ เพราะบันทึกในตอนนี้ ตั้งใจเกริ่นนำกันตัวเองลืม เพราะจะต้องนับถอยหลังการนำเสนองานนี้ว่าไปแล้วได้อะไร
เอาล่ะค่ะมาเริ่มต้นกัน
เมื่อวันที่18-20 สิงหาคม 2551 ฉันได้ไปทัศนศึกษา ดูงาน ห้องสมุดประเทศสิงคโปร์ 3 แห่งค่ะ
หอสมุดแห่งชาติสิงคโปร์ (Singapore National Library)
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore)
ห้องสมุดประชาชนจูล่ง (Jurong Regional Library)
ห้องสมุดทั้งสามแห่ง มีการบริการที่น่าสนใจ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละแห่ง แต่บันทึกเรื่องราวเล่าที่นี่ เห็นทีจะไม่มีกลิ่นอายของดิวอี้หรือ A B C D... นะคะ เพราะว่าเรื่องแบบนั้นต้องให้บรรณารักษ์มาเล่าค่ะ
ดิฉันไปดูงาน ส่วนใหญ่ไปดูป้ายค่ะ...แล้วจะมาใส่ร้ายป้ายสีให้ดูนะคะ
มาช่วยฉันลุ้นต่อไปดีไหมคะว่า ฉันจะเอาอะไรไปนำเสนอดี...
...ตอบถูก มีรางวัล...
+ มาถึงตานีล้วค่ะ....
+ พรุ่งนี้ส่งของค่ะ....
+ เหนื่อยจังค่ะ...ยังไงพรุ่งนี้ค่อยมาหาที่ผิดค่ะ..
+ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...
สวัสดีค่ะน้องครูอ๋อย
+ ฮ่า ๆ แอมแปร์บอกว่า...
+ ไม่มีเลขอะไรที่ท่านป้าขอมาค่ะ...แอมแปร์ใบ้หวยไม่เป็นค่ะ
+ อิ อิ..แอมแปร์ซื้อฝากคุณยายและพี่น้ำฝนที่แสนจะดุค่ะ....(ชื่อพี่เค้าถูกไหมนี่..)
+ ราตรีสวัสดิ์อีกครั้งค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ดาวลูกไก่
ที่กองกิจฯ มมส.ก็เพิ่งไปดูงานที่สิงคโปร์เพิ่งมาเช่นกันค่ะ แต่นุ้ยไม่ได้ไปนะ อิอิอิ
เหนื่อยไหมคะ
น้องนุ้ยค่ะ
น้อง อ.ขจิตค่ะ
พี่ดาว หุยพยามมองหาที่ผิดค่ะ..แต่ยังไม่แน่ใจ ขอเวลาแปะโป้งไว้ก่อน พอพูดถึงห้องสมุด...เดี๋ยวนี้บ้านเราก็ดีขึ้่นมาก แม้จะไม่ไฮเทค..ขอเล่าประสบการณ์แลกเปลี่ยนนะคะ ว่า...ที่นอกบ้านเราเขามีอะไรต่างจากเรา (อย่าเปรียบเทียบ ปัจจัยหลายอย่าง) เอาแค่..ไปดูให้รู้ดีกว่านะคะ
หุยเคยไป..ที่โตรอนโต แคนาดา อ่า..ก็...8 ปีที่แล้ว..ค่ะ ที่เรียน..ห้องสมุด ใช้เนทฟรี พริ๊นท์งานฟรี มีเครื่องใหญ่ๆ เราก็ต้องวิ่งไปเอางานที่สั่งพิมพ์เอง (ใช้กระดาษเปลืองมากๆๆ ก็มีการรณรงค์ให้ประหยัด) ยืมหนังสือได้ 2 อาทิตย์ แล้วต่อได้ไม่เกิน 3 ครั้ง ...ตอนนั้นพกดิก ไทย-อังกฤษ-ไทย ไป..อาจารย์สั่งห้ามใช้ดิก สองภาษา บังคับใช้ดิก อังกฤษ-อังกฤษ...ไปดูร้านขาย..มหาแพง..กว่าบ้านเราเยอะ..เลยทำไงดีๆๆๆ น้องสาวบอกจะส่งมาให้เราคำนวนแล้วไม่คุ้มค่าส่ง.. สุดท้ายได้มุกนี้ ไปยืมเลยค่ะ ต่ออายุ ไปเรื่อย..อ้อ..สลับกับไปยืมห้องสมุดประชาชนด้วย..รอดตายไป ค่ะ 3 เดือนที่เรียนพิเศษ
ห้องสมุดสาธารณะ หรือของประชาชน มีตามมุมเมือง .. ที่พัก หุยใกล้แห่งหนึ่ง..มีอินเตอร์เนทฟรี แต่มีจำกัดเวลา..แบ่งๆให้คนอื่นใช้ด้วย ต้องใช้บัตรพี่สาวไปยืม..ยืมทีละกี่เล่มก็ได้ ยืมได้ นานอะ ..จำไม่ได้ ต่ออายุได้..อ้อ..ไม่ต้องระเห็จมาต่อนะคะ โทรศัพท์ค่ะ กดๆๆ ตามที่เขาบอก ว่าต่ออายุ ..ก็อัตโนมัติ ต่อให้อีกรอบ..นอกจากนี้ไปคืนที่ห้องสมุดไหนๆ ก็ได้ ที่เป็นของสาธารณะ ไม่จำเป็นต้องคืนที่เดิม..เจ๋งมาก.. (คนที่มีับัตรก็คือต้องมี ID หรือบัตรประชาชนไปสมัครน่ะแหละค่ะ) ตอนไปใหม่ๆ วิทยาลัยยังไม่เปิดก็ไปที่ส่วนกลางนี่แหละค่ะ.. ที่นั่นเขาไม่ซื้อหนังสือ..แพงมากๆๆ เขาไปยืม หนังสือทำอาหาร วิชาการสารพัด มาอ่านที่บ้านแล้วไปคืน..สะดวกดีเน๊อะ...คนเขารักการอ่านด้วยแหละ.. บ้านเราเด็กไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยแล้วน้อยมากเทียบกับเด็กทั่วโลก ฟังแล้วเศร้าใจ เล่าแค่นี้ก่อนนะ..ว่างๆ แวะมาใหม่ ชอบอ่านหนังสือพอสมควร แต่อ่านสะเปะสะปะ..อ่านครอบจักรวาล ยกเว้น วิชาการ ฮ่าๆๆ
น้องหุยค่ะ
พี่เจ๊
เอาภาพนี้มาให้เดาว่ามีอะไรผิดไปจากที่เห็นด้วยค่ะ น้องหุย พี่เจ๊
สวัสดีครับ พี่ดาว
เรื่องไปเยี่ยมชมสถานที่ใหม่ๆ นี่ ไปทีไรผมจะทำอย่างน้อย 2 อย่างครับ
- หาทางคุยกับคนที่อยู่เบื้องหลังสิ่งต่างๆ ที่เราเห็น ว่าทำไมทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำอย่างไร เจอปัญหาอะไร แก้อย่างไร ฯลฯ
- ถ้าไม่ใช่ห้องสมุดแบบตรงๆ อย่างนี้ ผมจะไปขอดู "ศูนย์ข้อมูล" ของเขาครับ เพราะเป็นตัวชี้ว่า ที่นั่นเก็บความรู้อย่างเป็นระบบหรือไม่ แค่ไหน
แวะมาเยี่ยมพี่ดาว
คิดถึงครับ
น้อง(พี่)ชิวค่ะ
อ้าวครูโย่ง หัวหน้า~ natadee แวะมา
แหมๆ ครูโย่งล่ะก้อ...
... ใช้่พลังฝ่ามือเปิดรูปพี่ดาวดูอีกที...
ขอทาย...ป้ายบอกว่า ห้ามใช้อุปกรณ์ electronic มือถือ...กะ..อะไร...เดาว่า note book (ดูแต่รูป ตัวหนังสือมองไม่เห็น) แต่สาวอยู่ตรงบันไดเลื่อนถือมือถือ ส่วนหนุ่มนั่งข้างๆ บันไดเลื่อน เปิด note book ถูกหรือเปล่าไม่รู้อะค่ะ แวะมาเยี่ยม ไม่ได้เข้าเนทหลายวันนนน
... น้องหุยค่ะ
ทายถูก 1 ที่แล้วค่ะ ลองหาอีกที่ 1 นะคะ คราวนี้ใช้พลังอะไรดีคะ ^^
สิงคโปร์เป็นเมืองส่งเสริมการเรียนรู้ เยาวชนรักการเข้าห้องสมุดมากกว่าศูนย์สรรพสินค้า เด็ก ๆ แทบจะมี NoteBook ติดตัวทุกครัวเรือนค่ะ
สวัสดีค่ะน้องชาย อ.ขจิต
ปิ๊ง มาเลย...ห้ามถ่ายรูป แล้ว เจ๊ ถ่ายมาได้ไงอะ.. ทายถูกปะ
น้องหุยค่ะ