เริ่มบันทึกนี้เป็นช่วงฟ้าคำรามมีสายฝนพรำ ๆ ในเมืองหาดใหญ่ต้องรีบออกไปเก็บเสื้อผ้าที่ซักตากเอาไว้ด้านนอกระเบียงที่พักอย่างรวดเร็วเลยละมีเจ้าตัวเล็กทั้งสองช่วยกุลีกุจอลุ้น ๆ อยู่ละ
และมีเรื่องเล่าแนวคิดนักปรัชญาคนต่อไปคือ นายนเรนทรนาถ ทัตตะ เกิดวันที่ 12 มกราคม 2406 ที่เมืองกัลกัตตา เป็นเมืองศูนย์กลางของกองเรือสินค้าชาวยุโรปโดยเฉพาะอังกฤษในยุคล่าอาณานิคม
เมืองนี้เมื่อปี พ.ศ. 2535 นั้นยูมิขึ้นเครื่องการบินไทยไปลงที่สนามบินดำดำอยู่ในเมืองนี้เป็นครั้งแรกที่สัมผัสบรรยากาศวิถีชีวิตผู้คนในอินเดียเองละ ในวัยหนุ่มท่านสนใจวิชาศาสนาและปรัชญาและได้ยึดถือแนวทางของสวามี รามกฤษณะเป็นแนวทางสร้างชีวิตตลอดมา พร้อมได้นามใหม่ที่ปรมาจารย์ท่านนี้ตั้งให้จนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในนาม
...สวามี วิเวกานันทะ... ( Swami Vivekananda )ท่านออกบวชตามแบบศาสนาฮินดูใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายอยู่ตามป่าเขาหิมาลัยเป็นเวลา 6 ปี เพื่อฝึกสมาธิภาวนา ก่อนท่องไปในโลกกว้าง
ในปี พ.ศ. 2436 สวามี วิเวกานันทะได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนศาสนาฮินดูไปร่วมประชุมสภาศาสนา ณ เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 11 กันยายน ปีนั้นเองละการเดินทางไปคราวนี้เองสร้างความฮือฮาในมุมคิดทางปรัชญาอินเดียและท่านอยู่บรรยายแนวคิดในแถบยุโรปถึง 4 ปีมีลูกศิษย์มากบ้างก็ติดตามกลับมายังอินเดียด้วย
ท่านเล่าเรื่องเมื่อครั้งพบกับอาจารย์คือสวามี รามกฤษณะวันแรกว่าเกิดประหลาด ๆ คือ...รู้สึกแปลก ๆ ทั้งที่ดวงตายังลืมตาอยู่แต่เห็นฝาพนังห้องและทุกสิ่งในห้องหมุนวนแล้วหายเข้าไปสู่ความว่าง โลกทั้งโลกพร้อมกับตัวข้าพเจ้าก็หายเข้าไปในความว่างอันมหึมานั้นด้วยละ...
ทำให้ท่านเชื่อสนิทว่า...พระพรหมเป็นสิ่งจริงแท้อย่างเดียวไร้ขอบเขตจำกัด แพร่กระจายทั่วไป และเป็นภาวะเที่ยงแท้นิรันดร โลกนี้เหมือนความฝัน เมื่อรู้แจ้งชัดโลกมายาทั้งหลายก็จางหายไปนั้นแล...
ตามมาเรียนรู้ครับ
สวัสดีครับ คุณคนใต้โดยภรรยา
สิ่งเหล่านี้รู้ไว้ใช่ว่านะครับผม
อิ อิ อิ
ขอบคุณครับ