ช่วงนี้มีเรื่องเล่านักปรัชญาอินเดียต่อจากตอนที่แล้วมาคือแนวคิดของศรีอรพินโท อันเป็นมุมคิดที่แจ้งประจักษ์แบบโยคีและการสังเกตสรรพสิ่งเป็นดั่งพลวัต ตามมุมมองของเขาว่า สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแบบบูรณาการคือทุกสิ่งต่างรวมอยู่ด้วยกันแยกออกจากกันไม่ได้
เขาอธิบายเกี่ยวกับจิตว่า...เป็นผู้ที่กระทำการรู้สึกนึกคิดในตัวคนเราเท่านั้นเป็นผลมาจากพระพรหม แต่ไร้พลังสร้างสรรค์ ไร้ญาณทัศนะ และไร้ความมีศักยภาพสูงเหมือนพรหม จึงไม่สามารถรับรู้ความจริงแท้และไม่อาจสามารถเข้าใจและควบคุมกระบวนการแห่งความเป็นวิวัฒนาการต่าง ๆ ในกระบวนการแห่งวิวัฒนาการนั้น
เขากล่าวทำนองว่า...
1 . เมื่อเทพลงมาเกี่ยวข้องกับวัตถุทำให้วัตถุมีวิวัฒนาการสูงขึ้นเจริญขึ้นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทพไป
2 . เมื่อสิ่ง สัตว์ และคนที่เกิดมาจากเทพแล้วจะไม่ถอยกลับด้อยลงไปคือคนจะไม่ถอยไปเป็นสัตว์อีก มีแต่จะสูงขึ้นตลอดไปหรืออย่างดีก็เท่าเดิมคือความเป็นคนจนกว่าจะถึงอภิมนุษย์
3 . ในทฤษฎีวัฒนาการของเขาต่างจากแนวคิดทางปรัชญาตะวันตกอยู่มากอย่างแนวคิดเรื่องวัตถุหรือสสาร ว่า...สสารเกิดขึ้นมาใหม่เป็นผลมาจากการวิวัฒนาการ แต่ศรีอรพินโทกล่าวทำนองว่า...สสารมีอยู่ก่อนแล้วในธรรมชาติ...
เขาลาลับโลกไปเมื่อ พ. ศ. 2493 ถือว่าดวงไฟส่องนำทางชีวิตในมุมมองแห่งนักปรัชญาตะวันออกได้ดับลงอีกดวงแล้วนั้นแล.
ตามมาเรียน
มาศึกษา
เก็บเกี่ยวความรู้ครับ
สวัสดีครับ คุณคนใต้โดยภรรยา
เข้ามาพอใกล้เที่ยงวัน เดี๋ยวไปหาข้าวเที่ยงกินกันก่อนนะครับผม
อิ อิ อิ
มีความสุขมาก ๆ นะครับ
ขอบคุณครับ