เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาของอารยัน
ช่วงนี้มาเล่าถึงอินเดียมีหลายเผ่าหลายศาสนามีประวัติศาสตร์มายาวนานการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาขึ้นอยู่กับผู้นำอินเดียว่าจะสนับสนุนศาสนาใดเป็นพิเศษภายหลังมีศาสนาที่ตายแล้วจากที่อื่นก็มีการนำเข้ามาฝากใว้ในธนาคารศาสนาของอินเดีย
จนมีรัฐธรรมนูญกล่าวถึงเรื่องศาสนาทำนองว่า...บุคคลพึงมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกนับถือศาสนา ลัทธิ ได้ตามใจศรัทธา...ทุกวันนี้อินเดียจึงไม่มีศาสนาใดเป็นศาสนาประจำชาติ จะกล่าวศาสนาหลักไว้พอศึกษาดังนี้
ศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูในปัจจุบัน ผู้คนนับถือเทพเจ้าต่าง ๆ มากมหาศาล โดยเฉพาะพระพรหมผู้สร้างโลก พระวิษณุผู้ปกป้องโลก พระศิวะผู้ทำลายโลก และ 2 องค์หลังนี้ปัจจุบันได้รับความนิยมแซงหน้าพระพรหมไปแล้ว
และมีอีก 2 องค์ได้รับความนิยมตามมาติด ๆ คือพระรามและพระกฤษณะ ซึ่งทั้ง 2 องค์หลังนี้เป็นอวตารมาจากพระวิษณุหรือพระนารายณ์
สำหรับพิธีกรรมที่กระทำบนฐานแห่งความศักดิ์สิทธิ์คือชาวฮินดูต่างถือว่าแม่น้ำคงคาไหลมาจากสวรรค์ ที่เมืองพารณสีคือแหล่งที่สายน้ำคงคาศักดิ์สิทธิ์ที่สุด จึงเป็นที่มาอาบน้ำล้างบาปกันมาก
นอกจากนั้นยังมีที่อาบน้ำล้างบาปอันสำคัญยิ่งของชนชาวฮินดูคือเมืองฤาษีเกส เมืองหริทวาร์ เมืองอัลลาฮาบัดที่สายน้ำนี้ไหลผ่าน ศาสนาฮินดูยังเป็นปรัชญาชีวิตของชาวฮินดูมีการสอนเรื่องอมตะของอาตมัน
มีเส้นทาง 3 สายที่จะเดินทางไปสู่จุดสูงสุดทางศาสนาคือสายปัญญา สายศรัทธา และสายปฏิบัตินั้นแล.
ชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับอินเดียที่อาจารย์เขียน
ติดตามอ่านเสมอมาคะ
สวัสดีครับ คุณทิพย์
เป็นเรื่องเล่าในสิ่งที่ผ่านภพมาเกี่ยวกับอินเดียนะครับ
เป็นความคิดเห้นส่วนตัวอาจผิดพลาดได้นะครับผม อิ อิ อิ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ที่จริง การระบุว่ามีศาสนาใดเป็นศาสนาประจำชาติ มองว่าไม่มีความสำคัญเลยค่ะ ตราบใดที่ไม่มีการปลูกฝังความรู้เกี่ยวกับศาสนาอย่างแท้จริง
ตราบใดที่ศึกษาศาสนาแบบอิงประเพณี จนทำให้ศาสนากลายเป็นพิธีรีตองไป
ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาไม่ใช่ว่าไม่ดีค่ะ อย่างน้อย เราก็รู้รากเง่าของเราเอง เพียงแต่มองว่ากระทรวงศึกษาให้ความสำคัญมากไปหน่อย มากกว่าอริยสัจ 4 เสียอีก (ดูจากหนังสือวิชาพุทธศาสนาของลูกน่ะค่ะ)
ลองคิดดูนะคะ แค่พุทธพจน์เกี่ยวกับอริยสัจ 4 ท่านพุทธทาสรวบรวมไว้เป็นหนังสือ 2 เล่ม หนากว่าพันหน้า แต่เด็กไทยรู้แค่ ทุกข์ คือความทุกข์ใจ สมุทัยคือเหตุให้เกิด นิโรธ คือความดับทุกข์ มรรคคือหนทางที่ทำให้ทุกข์ดับ
รู้แค่หัวข้อ แต่รายละเอียดตั้งมากมายกลับแทบไม่มีการสอนกันในโรงเรียน
แล้วจะไม่ให้คนบางกลุ่มไปไหว้กระดองเต่าได้ยังไง
ใช่มั๊ยคะ
อ้าวตาย
กลายเป็นยายแก่ขี้บ่นไปแล้ว
ขออภัยค่ะ อิอิ
สวัสดีครับ คุณณัฐรดา
อ่านแล้วให้แวบนึกถึงคำกล่าวของโสตราตีสที่ว่า...หนึ่งเดียวที่ข้าพเจ้ารู้คือข้าพเจ้าไม่รู้อะไรเลย...อิ อิ อิ
ทำนองว่า...ถ้ารู้ก้อนหินเพียงก้อนเดียวก็รู้ความเป็นไปในจักรวาลละ...อิ อิ อิ
ท่านพุทธทาสแตกฉานในธรรมแค่ทุกข์เท่านั้นที่คงอยู่ดูรู้เห็นเขียนออกมาได้หนังสือหลายเล่มนะครับผม...
จริงค่ะอาจารย์
ยิ่งศึกษา ยิ่งรู้สึกเหมือนว่า ยังไม่รู้อะไรเลย
เพราะสิ่งที่อยากศึกษา ดูจะยิ่งมากขึ้น ทุกที ทุกที
สวัสดีครับ คุณณัฐรดา
ชอบที่จะเป็นคนเหมือนแก้วน้ำที่ว่างเปล่า...จะได้รับน้ำใหม่ ๆ อยู่เสมอ...อิ อิ อิ