ช่วงนี้มีเรื่องเล่าต่อจากตอนที่แล้วเกี่ยวกับสตรีในอินเดีย ( Indian Women )ถือว่ามีความเชื่อสืบต่อกันมานานมีบันทึกไว้ในคัมภีร์พระเวทที่ถ่ายทอดกันต่อมา
ในยุคแรกก่อนเกิดอารยัน ฐานะของหญิงได้รับการยกย่องเท่าเทียมชาย พีธีกรรมทางศาสนาไม่สมบูรณ์ถ้าขาดสตรีร่วมด้วย ในตอนปลายของคัมภีร์พระเวทเกิดระบบวรรณะฐานะสตรีมีระดับชนชั้นขึ้นมา
ในคัมภีร์มานวธรรมศาสตร์ เขียนโดยพราหมณ์ชื่อ สมฤติ กล่าวถึงฐานะของสตรีไม่มีสิทธิ์ในการศึกษาคัมภีร์พระเวท ไม่มีสิทธิ์เป็นผู้นำทำพิธีกิจกรรมทางศาสนา ไม่อาจใช้มนตราหรือสวดคาถาพระเวทใด ๆ
ในศาสนาพราหมณ์ ตามคัมภีร์มนูธรรมศาสตร์กล่าวทำนองว่า...สตรีใดจะไปสวรรค์ได้ต้องมีความจงรักภักดีปฏิบัติสามีให้ดีที่สุด
ต่อมาในยุคพุทธศาสนามีคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ให้โอกาสแต่หญิงเท่าเทียมกันกับชายและหญิงก็มีสติปัญญาสามารถบรรลุธรรมได้ หญิงทั้งหลายต่างมีศักดิ์ศรีมีความปีติยินดีหันมานับถือพุทธศาสนาเป็นชีวิตจิตใจ
บางคนบวชเป็นภิกษุณีสงฆ์เป็นพระอรหันต์อยู่จำนวนมาก โดยเริ่มจากพระแม่น้าของสิทธัตถะกุมารก่อนที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้านั้นเองเป็นผู้บวชคนแรกชื่อนางภิกษุณีมหาปชาบดีโคตรมีนั้นแล.
สวัสดีครับ คุณครูโย่ง หัวหน้า~ natadee
เมื่อมองอย่างเป็นธรรม คือการเป็นมนุษย์เป็นได้เพราะเรานั้นจิตใจสูงส่งด้วยศีลธรรมนั้นแล
อิ อิ อิ
สวัสดีค่ะ
สิทธิเท่าเทียมกันทั้งหญิงและชายมีมานานแล้วเนอะคะ...
สวัสดีครับ คุณชาดา ~natadee
เพราะถูกสร้างมาให้คู่กัน ให้เท่าเทียมกันนะครับ...