หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ชวนน้องคุย (๑) : นิมิตที่สวนป่าได้มอบให้กับสาวน้อยคนหนึ่ง ณ เดือนมิถุนายน 2551


ใจที่ชอบไหลลงต่ำเกือบทำให้เด็กสาวคนหนึ่งพลั้งพลาดลงมือทำร้ายตัวเองให้เป็นผิดบาปต่อตัวเอง ดีที่เธอรู้จักดูแลใจของตัว แม่ของเธอรู้จักดูแลใจเธอ เรื่องน่าอนาถใจจึงไม่เกิดขึ้น

14-16 มิถุนายน 2551 คือช่วงเวลาที่ฉันพำนักอยู่ ณ สวนป่ามหาชีวาลัยอีสาน การมาเยือนสวนป่าในครั้งนี้ ฉันได้นำพาคนหลายคนจากกระบี่ติดตามมาด้วย มีหญิง 5 คน และชาย 1 คน ทุกๆคนไม่เคยมาเยือนสวนป่าแห่งนี้   ด้วยความสงบของสวนป่ากระมังที่ทำให้หนึ่งหญิงที่มาด้วยเหมือนต้องมนตรา เป็นมนตราที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายจนโรคประจำตัวที่รุมเร้ามีอาการคลี่คลายลงมาก เธอที่ฉันกำลังเอ่ยถึงนี้เป็นคนไข้ที่ฉันได้ดูแลตั้งแต่เธออายุ 10 ปี จนกระทั่งเวลานี้อายุเธอเลยเบญจเพสไปแล้ว 

 

เหตุผลที่ฉันชักนำเธอมาสวนป่ามีไม่มากไปกว่า ฉันอยากให้เธอได้ค้นพบทางผ่อนคลายความเครียดที่มีอยู่ในชีวิตของเธอที่ฉันไม่รู้ว่าอะไรคือเหตุ  ฉันได้พบเธอก่อนมาสวนป่าราว 2 สัปดาห์ ขณะเวลานั้นฉันบอกตัวเองในใจว่า ฉันจะมาเยือนสวนป่าอีกครั้งในช่วงที่สวนป่ามีนักศึกษาแพทย์มาเยือน 

 

เมื่อได้พบกันที่ห้องตรวจโรคครั้งนั้นอาการโรคของเธอกำเริบขึ้นมากอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ประสบการณ์ของฉันบอกว่า น่าจะมีความเครียดอยู่ในใจเธอ เมื่อสอบถาม เธอตอบว่า ไม่มีเรื่องอะไรมากมาย เป็นเรื่องเดิมๆของครอบครัว แต่ไม่บอกรายละเอียด  ฉันเดาเอาเองเมื่อได้ฟังว่า เหตุน่าจะมาจากการต้องต่อสู้ดิ้นรนกับการหารายได้เพื่อเลี้ยงตัวของเธอด้วยว่า เธอต้องรับผิดชอบแม่ที่มีโรคเรื้อรัง ต้องรักษาตัวเอง ต้องดูแลหลานซึ่งพี่สาวเอามาทิ้งไว้ให้เลี้ยงดู และต้องเสียทรัพย์สินที่หามาได้เพื่อช่วยเหลือพี่สาวซึ่งเป็นหม้ายอยู่บ่อยๆ  ตอนนั้นไม่รู้มีอะไรดลใจให้ฉันแวบนึกถึงสวนป่า   ฉันถามเธอว่า  เธอมีพื้นที่ปลูกต้นไม้เป็นของตัวเองหรือไม่  เธอบอกว่ามี  ฉันจึงออกปากชวนเธอว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ตามฉันมาสวนป่าด้วย เธอขอเวลากลับไปตริตรองตัดสินใจก่อน 1 คืน ในวันรุ่งขึ้น เธอได้ตอบตกลงการมาสวนป่าด้วย

 

อาการของโรคของเธอดีขึ้นทุกวันๆเมื่ออยู่ที่สวนป่า เธอเปิดใจเล่าความในใจออกมาให้ฟังมากมาย  เธอบอกฉันว่า ในอดีตเธอเคยคิดทำร้ายตัวเองให้ตกตายไปเนื่องจากอาการป่วยนี้ เพื่อนบ้านรังเกียจและกล่าวหาว่าเธอเป็นโรคติดต่อร้ายๆทั้งๆที่เธอเป็นเด็กดีของแม่มาตลอดเวลา  เธอไม่เข้าใจว่า เหตุใดคนที่อยู่บ้านใกล้กันจึงต้องทำร้ายกัน  ทำไมเพื่อนบ้านจึงพูดจาว่าร้ายเธอทั้งๆที่เธอไม่เคยทำร้าย ไม่เคยให้ร้ายเขาเลย เธอเล่าว่าเธอมามีความหวังต่อการรักษาโรคเมื่อเธอได้มาพบกับฉัน  ฉันว่าความสัมพันธ์กันในฐานะหมอและคนไข้ที่มีมายาวนาน ความปรารถนาดีที่ฉันมอบให้เธอผ่านการดูแลรักษาทำให้เธอไว้ใจ  เมื่อฉันเอ่ยปากชวนเธอมาสวนป่า เธอจึงตกลงใจรับคำชวนโดยไม่ลังเล 

 

เรื่องในครอบครัวหลายแง่มุมได้ก่อความเครียดให้เธอ ระหว่างอยู่ที่สวนป่า เธอค้นพบว่ามีเรื่องที่เธอต้องทบทวนและตัดสินใจใหม่เกี่ยวกับครอบครัว  เธอค้นพบว่าทุกข์ที่เธอคิดว่ามันมีมหาศาลจนรู้สึกแย่กับชีวิตมาตลอดนั้น จิบจ้อยเสียนี่กระไร เธอบอกว่าเธอได้พบความจริงข้อนี้เมื่อเธอพบพี่ปิ๋วที่สวนป่า  เรื่องของเธอเมื่อเทียบกับชีวิตของพี่ปิ๋ว  การได้พบได้คุยกับพี่ปิ๋ว การได้เห็นความเป็นอยู่ของครอบครัวพ่อครู ทำให้เธอได้คิด  เธอบอกฉันว่า เธอโชคดีที่ตัดสินใจตามฉันมาสวนป่า  

 

ตอนที่ได้ยินเธอบอกว่า เธอเคยคิดทำร้ายตัวเองให้ตกตาย ฉันรู้สึกใจหาย เพราะตั้งแต่ดูแลเธอมาตลอดนั้น ฉันไม่เคยระแวงว่า เธอจะมีความคิดเยี่ยงนี้อยู่ในใจ  โชคดีนักหนา ที่เธอยังไม่ได้ลงมือทำ   เรื่องเล่าของเธอสอนให้คนเป็นหมออย่างฉันได้บทเรียนว่า ฉันดูแลคนไข้ยังไม่ดีเลย ฉันยังดูแลใจของเขาเหล่านั้นน้อยไป  ใจที่ชอบไหลลงต่ำเกือบทำให้เด็กสาวคนหนึ่งพลั้งพลาดลงมือทำร้ายตัวเองให้เป็นผิดบาปต่อตัวเอง  ดีที่เธอรู้จักดูแลใจของตัว แม่ของเธอรู้จักดูแลใจเธอ  เรื่องน่าอนาถใจจึงไม่เกิดขึ้น

 

เมื่อใจเปิด ฉันรู้สึกว่าเธอสดใสขึ้น กล้าคุย ช่างคุย และร่าเริงมากขึ้น  เธอบอกว่า มิเสียทีที่ตัดสินใจตามฉันมาสวนป่า  การบอกนี้ทำให้ฉันรู้ว่า ความปรารถนาดีที่ฉันได้มอบให้เธอในครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จแล้ว เธอไขข้อข้องใจตัวเองได้ว่า ที่แท้แล้วโรคเธอกำเริบขึ้นเพราะเธอโลภไม่อยากแบ่งปัน เธอฝืนสังขารไปทำงานหนักให้ร่างกายล้าด้วยเหตุเพียงว่าเสียดายเงินค่าจ้างห้าพันบาทที่จะต้องจ่ายให้คนอื่นในการมาช่วยตัดและรวบรวมน้ำยางพาราสดให้เธอ ทั้งๆที่รายได้ที่เธอได้มาแม้หักค่าแรงที่จ่ายห้าพันบาทแล้วจะยังมีเหลือเกินกว่า 3 เท่าของมัน เธอเล่าพร้อมรอยยิ้มที่เบิกบาน พร้อมบอกว่า เธอได้บทเรียนที่สำคัญยิ่ง ฉันถามเธอว่า  ถ้ามีโอกาสมาสวนป่าอีก จะมาไหม เธอตอบทันทีว่า มาค่ะ  ระหว่างเขียนคำตอบของเธอลงในบันทึกนี้  ฉันนึกไปถึงคำทักของลุงเอกในวันที่แวะไปรับพ่อครูขึ้นมาได้ ลุงเอกเย้าฉันว่า หมอเจ๊หลอกมาได้กี่คนละคราวนี้  ใครที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้เป็นประจักษ์พยานนะค่ะว่า  ฉันเปล่าหลอกเธอนะค่ะ  ฉันนำพาเธอมาพบสิ่งดีๆในชีวิตต่างหากละ

หมายเลขบันทึก: 189056เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2008 01:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:11 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

ได้อ่านบันทึกเพราะรอดูบอล

ที่สวนป่าก็สังเกตเห็นว่าน้องอาการดีขึ้น  ดีใจที่น้องแข็งแกร่งขึ้น  ดูจากแววตาน่ะ  อิอิ

 

ของฝากจากสวนป่า ยินดีด้วยกับชีวิตที่คิดได้ และสดใส

รองเท้าเดินป่า เป็นเครื่องหมายว่าจะได้มาเดินอีก อิ อิ

สวัสดีค่ะ

  • ธรรมชาติ ทำให้มีสติ และสงบและเข้าใจตนเอง
  • ขอบคุณที่นำมาน้องเขาพบกับทางออกที่ดี
  • ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ

สวัสดีครับ หมอเจ๊

  • เป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ
  • อ่านแล้วพลอยมีความสุขและร่วมยินดีกับหมอด้วยครับ
  • เรื่องความเครียด..น่าเป็นห่วงมกครับ
  • ขอบคุณครับ

พี่หมอครับ

ความเครียดใช่แน่ ผมเป็นอัยการจังหวัดเยาวชนความดันขึ้น เป็นอัยการจังหวัดใหญ่เบาหวานขึ้น อิอิ ตอนนี้สบาย

น้องคนนั้นน่ารักนะครับเวลาเขายิ้ม

เขาได้ลองกินสมุนไพรสองชนิดนั่นด้วยไหมครับ

คนแซ่เฮเราคิดเพื่อสังคมอย่างนี้แหละครับ ไม่ได้เฮแบบไร้สาระแม้แต่น้อย อิอิ

สวัสดีค่ะคุณหมอเจ๊

  • ได้อ่านได้ซึมซับสิ่งดี  ๆ มิตรภาพงดงามที่มนุษย์พึงให้แก่กัน ...
  • วันนี้จึงเป็นเช้าที่ออกจะมีความหมายมากค่ะ...
  • ส่งใจไปช่วยให้สาวน้อยได้มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมนะคะ
  • อนุโมทนากับจิตที่เป็นกุศลของคุณหมอค่ะ

                       (^___^)

หมอเจ๊ขา..

  • อ่านแล้วอึ้ง
  • ทึ่งในน้ำใจของหมอที่มีต่อคนไข้
  • ปิติในการได้รู้ ได้คิด ได้มองเห็นตนเอง ของน้อง
  • เป็นอีกครั้งที่ได้เห็นอานุภาพของการเยียวยาจิตใจจากธรรมชาติ และ ความเมตตาของคนรอบข้าง
  • คนได้คิด ได้มีชีวิตใหม่ หนึ่งคน..นับจำนวนดูเหมือนน้อยนิด
  • แต่การได้ชีวิตใหม่ของคนหนึ่งคน อาจจุดประกายในใจให้คนอีกหลายๆๆๆ..คนได้
  • ชีวิตใหม่..การคิดใหม่..อาจส่งให้ชีวิตของคนที่อยู่รอบข้างของน้อง ได้มีความสุขขึ้นอีกหลายชีวิต และอาจทำให้รู้คิดเพิ่มขึ้นได้อีก..
  • ผลสะเทือนจากสิ่งที่ดูเหมือนเล็กๆ..ก็แค่พามาสวนป่า..แต่สิ่งที่ตามมา..หากได้พิจารณาติดตามดู...ยิ่งใหญ่จริงๆ ค่ะ
  • ขอคารวะมายังพี่สาวคนนี้ด้วยใจ..

สวนป่าเป็นห้องเรียนของเราเสมอ ดีจังที่หมอเจ๊ชอบสวนป่าครับ

คุณหมอ เป็นหมอที่หายากค่ะ ในสมัยนี้ ขอชื่นชมๆๆค่ะ

  • สวัสดีครับ
  • อ่านแล้วมีความรู้สึกดีๆ  และขอชื่นชมครับ
  • พวกเราทุกคนต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัย  และช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันนะครับ

 

  • คนชอบวิ่ง  พ่อครูค่ะ
  • เมื่อคนตัดสินใจได้ ความคิดเกี่ยวกับชีวิตจึงชัดเจนขึ้น ชีวิตจึงได้ไฟอุ่นๆไว้หล่อเลี้ยงให้สบายๆ 
  • ความสดใสตามมาติดๆเมื่อชีวิตสบายๆ  เห็นด้วยไหมค่ะ
  • MSU-KM :panatung อาจารย์ค่ะ
  • ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยือนและพูดคุยกัน
  • แวะมาคุยกันบ่อยๆนะค่ะ
  • คุณ เกษตรยะลา ค่ะ
  • ความเครียด ไม่ได้แค่หมายถึง ความไม่สบายใจนะค่ะ
  • ความไม่สบายกาย หรือมีความอ่อนล้าแฝงเร้นในกาย หรือการทำงานเกินปกติของระบบภายในกาย ล้วนเป็นเรื่องของความเครียดทั้งสิ้น
  • ..............
  • สรรพสิ่งล้วนเกี่ยวพัน ผลรวมๆของมันทั้งหลายที่กล่าวข้างต้น ส่งผลต่อใจอย่างสำคัญเลยค่ะ
  • ..............
  • เพราะใจสำคัญ บางครั้งกลไกที่ปกป้องจึงหลอกเราว่า ไม่เครียดๆ  เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาๆ
  • .............
  • การรับรู้ความเครียดของคนจึงต้องมีการฝึกค่ะ
  • หมอเจ๊ว่า น้องเขาได้รู้ด้วยตัวเองแล้วว่า วิธีรับรู้ความเครียดทำอย่างไรค่ะ
  • น้อง อัยการชาวเกาะ ค่ะ
  • คาดว่าจะได้รับของที่ฝากไปแล้วนะค่ะ
  • .........
  • ประเด็นของน้อง เขามี 2 เรื่องเกี่ยวกับโรคภัยทางกาย และยังต้องฝึกฝนการกินพืชผักให้เหมาะสมค่ะ 
  • น้องเขาฝึกได้ดี จนเรื่องเบาหวานที่มีอยู่นั้น คุมได้ดีค่ะ  จนเวลานี้หมอเจ๊ลดยาเบาหวานของเขาลงได้เกือบกึ่งหนึ่งของเดิมแล้วค่ะ 
  • น้องเขาเป็นเบาหวานจากหลายปัจจัยเสริมค่ะ ไม่ใช่เกิดจากกรรมพันธุ์อย่างเดียว
  • คนไม่มีราก ค่ะ
  • dd_L ครูอึ่งค่ะ
  • หมอเจ๊รับบุญที่มอบความปรารถนาดีมาให้นะค่ะ และเช่นเดียวกันขอแผ่บุญกลับให้ทั้ง 2 ท่านได้รับและมีใจที่จำเริญยิ่งๆขึ้นไปนะค่ะ
  • ออต ค่ะ
  • เกือบได้เจอกันนะค่ะ  เสียดายค่ะ
  • หมอเจ๊ชอบความสงบ และความผ่อนคลายที่สวนป่ามีให้ค่ะ
  • พี่ Sasinanda ค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ
  • หมอเจ๊แค่เพียงทำในสิ่งที่ควรทำตามที่ใจมันสั่งนะค่ะ
  •  น้อง สิงห์ป่าสัก ค่ะ
  • หมอเจ๊เห็นโครงการของพ่อครูแล้วนะค่ะ
  • ........
  • คิดถึงจังค่ะ
  • ฝากกอดมาให้ทางอากาศ ให้ทุกๆคนเลย ทั้งน้องไผ่ น้องฝ้าย น้องเข่ง และลุงซิ่งของเจ้าจิค่ะ

ได้อ่านแล้วก็รู้สึก สาธุ ที่น้องหมอได้ทำในสิ่งที่มีผลดีเหลือหลาย ไม่อาจประเมินค่าได้ .... สังคมเรามีปรากฏการณ์ดีดีเหล่านี้ เราก็มีความหวังครับ  เราก็มีสุข เพราะเราช่วยกัน

ทำให้เรารู้ว่าคุณค่าของการได้ช่วยคนนั้น บางทีเราก็ไม่คาดคิดว่า เท่ากับเราช่วยชีวิตเขาด้วย แม้เป็นทางอ้อมก็ตาม และมีค่ามหาศาล  มากมาย เพราะชีวินท่านนั้นมีผลกระทบกับคนอีกหลายชีวิต หากหาไม่แล้ว  คนที่ต้องพึ่งพาท่านนี้จะได้รับความยากลำบากอีกเท่าไหร่....

Impact มากเหลือเกิน สาธุ น้องหมอครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท