จดหมายถึงครู ι ๑๐ มกราคม ๒๕๕๓


สภาวะและศีล

ตื่นขึ้นมาตีสาม ปิดนาฬิกาปลุก หันไปดูครู แล้วหนูก็ลุกขึ้นมานั่งทำสมาธิ แป๊บเดียวหนูก็ล้มตัวลงนอนต่อ หนูตื่นอีกทีหกโมงเช้า เห็นครูท่านนั่งสมาธิภาวนาอยู่ สักพักท่านออกจากสมาธิแล้วก็คุยกับหนู จึงขอเปิดไฟ ครูท่านถามว่า “เป็นไง” หนูตอบแบบขอลุโทษว่า “แฮะ ๆ หลับแซบเจ้าค่ะ” “นี่แหละ ตับมันทำงานหนักมันเลยขอพัก ให้นอนนาน พระพุทธองค์ท่านบอกแล้ว ว่าไม่ต้องทานข้าวเย็น” หนูล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนกางเกง  กดเปิด คอมเช็ค G2K ครูท่านเมตตาทักหนูขึ้นมาว่า “มันไม่หายใจเลยนี่หว่า” หนูจ๋อย แต่ก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ครูเตือน ท่านเอ่ยต่อว่า “เคยหายใจเพื่อตนเองไหม” หนูยกคิ้วสูงรู้สึกงง “เอ๋า ก็หายใจแล้วระลึกถึงตนเองนะ” หนูค่อยรู้สึกอ้อ กะว่าจะซื้ออะไรมาทาน ครูท่านเอ่ยอย่างเมตตาว่า “ซื้อกับข้าวมาด้วย สาย ๆ ก็ได้ ประมาณเก้าโมงสิบโมงโน่นแหละ” ท่านให้ตังค์มา 1000 บาท แล้วก่อนก็บอกว่า “มามะเอากอดหน่อย” อ้อมกอดของครูสำหรับหนูอบอุ่นเสมอเป็นเหมือนกำลังใจยามอ่อนล้า หนูไปวิ่งออกกำลังกายพยายามตามลมหายใจไปเรื่อย ๆ วิ่งเสร็จก็นั่งภาวนาข้างคลองน้ำ ถอดรองเท้าเดินจงกลมต่อ สลับกับนั่ง ใจสบายขึ้น แต่ก็แว๊บเป็นห่วงอาจารย์ขึ้นมา ประมาณเก้าโมงไปหาซื้อของกินไปทานกับครู พอไปถึงห้อง หนูเปิดคอม แล้วก็หยิบไม้กวาดมากวาด ครูท่านเอ่ยขึ้นมาว่า “ก่อนที่จะดูแลพี่ ดูแลตนเองก่อน อาบน้ำให้สบาย นี่เป็นการเมตตาตนเอง” ใจหนูยังไม่ค่อยเบาเท่าไหร่ค่ะ เห็นแต่ความอยากดี อยากจะดูแลครูให้ดีที่สุด จึงเลือกไปอาบน้ำก่อน ค่อยสบายตัวขึ้น ครูท่านคุยโทรศัพย์อยู่

          พอท่านวางสาย เราก็ตั้งสำรับ ท่านเมตตาชงน้ำเสาวรสให้ทานด้วยเจ้าค่ะ ตั้งลิตรหนึ่งแหนะ  อาหารเจร้านนี้อร่อยทีเดียวค่ะ หนูพูดถึงอาจารย์อีกละ ท่านจึงเตือนว่า “ยังไม่วางอีกเหรอ” หนูจึงรู้สึกตัวว่าเผลอเป็นห่วงท่านและคาดหวัง ครูเอ่ยย้ำว่า “ก็แค่รู้ว่าคาดหวังไปแล้วก็วาง” หนูถอนหายใจแล้วก็ทานต่อไปเรื่อย ๆ ทานเสร็จ อิ่มมาก หนูเก็บสำรับล้างจาก ครูท่านพักผ่อนกายเล็กน้อย เตรียมตัวเดินทาง ท่านบอกว่า “การเดินทางด้วยเครื่องบินมันเหนื่อย มันต้านแรงดึงดูดของโลก เสียมวลกระดูก การเดินทางที่ดีที่สุด คือ การนั่งรถไปกับคนรู้ใจที่ขับให้เรานั่งสบาย” ท่านเอ่ยขำ ๆ ว่า “เราตัวเล็ก เลยไม่ได้เป็นแอร์ แต่นั่งเครื่องเป็นว่าเล่นยังกะแอร์ ฮา”

           ประมาณห้าโมงครึ่งหนูเดินไปส่งครู มีรถแท๊กซี่ผ่านมาพอดี แล้วท่านก็จับมือหนูก่อนขึ้นรถ แล้วก็โบกมือบ๊ายบาย หนูเดินกลับหอแม้ใจจะไม่ได้สบายนัก แต่ก็บอกตนเองว่า นี่แหละความจริงเราต้องเผชิญทุกอย่างให้ได้ กลับมาบนห้อง เปิดดูอะไรไปเรื่อย ๆ แต่ใจไม่ได้กระตือรือล้นจะทำอะไร เป็นเฉื่อย ๆ แล้วก็หลับไป ตื่นมาอีกทีประมาณบ่ายโมง เหมือนหลับไปแค่สิบห้านาที

ดูโทรศัพย์มี SMS เข้าจาก ครูที่เคารพข้อความว่า

อีกสักครูจะขึ้นเครื่องแล้ว ขอบคุณมากสำหรับการดูแล

 

หนูรู้สึกว่าครูท่านน่ารักและเอาใจใส่ทุกคนเสมอ นี่คือความดีงาม ที่ท่านทำให้เห็นอย่างงดงามค่ะ

 

แล้วหนูก็อ่านอะไรไปเรื่อย ๆ ทำ Detox ระลึกกับตนเองว่าเมื่อก่อน ทำสักแต่ว่าทำ แต่ใจไม่ค่อยเอา ครานี้เหมือนครูมาเติมกำลังใจ แล้วใจมันก็เอาด้วย ตั้งใจด้วย เป็นการตั้งใจที่มาจากข้างใน มันเหมือนอยากจะโทรไปสัญญากับครู แล้วก็บอกตนเองว่า บอกตนเองเถอะ สัญญากับตนเอง สู้กับตนเอง เพื่อตัวเอง ผลที่ปรากฏ ครูท่านจะทราบอยู่แล้ว อย่าดีแต่พูดเอาหน้า ประมาณห้าโมงเย็น ไปวิ่งออกกำลังกาย เป็นการวิ่งรู้ลมหายใจที่เบาสบายชัดเจน ฝ่าเท้ามั่นคง อยู่ดี ๆ เพื่อนก็โทรมาชวนไปรับเสื้อซึ่งเป็นของขวัญปีใหม่จากชมรม หนูตอบตกลงทั้ง ๆที่ในกระเป๋าไม่ได้ถือตังค์ออกมา แต่เรานัดกันที่ Big C ติวานนท์ หนูจึงตัดสินใจวิ่งไป พลางพิจารณาบอกตนเองว่า มีสตินะ การใช้ชีวิตเหมือนเดิม เสี่ยงมาก ๆ ที่จะหลง คิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยอยากไป แต่ก็ไปค่ะ พอไปถึงเจอเพื่อน ๆ คุยกัน ทานอะไรด้วยกัน ทราบว่าเพื่อนชายท่านหนึ่งจากสำนักงาน กพ กำลังจะบวช จะเข้าไปอยู่วัดเดือนมีนาคมนี้แล้ว จะไปบวชที่วัดป่าที่อุดร รู้สึกอนุโมทนาสาธุ เขาดูเบิกบานและสงบ ปกติเป็นคนค่อนข้างพูดน้อย เพื่อน ๆ จึงชอบแซว รู้สึกดีมาก ๆ ค่ะ ที่ได้ยินข่าวบวช ทำให้หนูระลึกถึงพี่ชาย

          กว่าเพื่อน ๆ จะครบกัน แล้วทานอะไร พูดคุยกัน แล้วแยกกันก็เกือบ ๆ สามทุกกว่า ๆ หนูนั่งรถกลับกับเพื่อนจากกรมควบคุมโรค กลับมาก็รีบอาบน้ำแล้วมานั่งถอดบทเรียนและเขียนบันทึก

ศีล

  1. วันนี้ไม่ได้ฆ่าสัตว์ค่ะ แต่ก็ยังเพ่งโทษตนเองอยู่ แต่ก็เบาลงค่ะ
  2. ไม่ได้ลักทรัพย์
  3. ไม่ได้แย่งแฟนใคร หรือ ของรักของใคร
  4. ข้อวัตรวันนี้ ไม่ได่ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็นช้ากว่าเวลาปกติค่ะ
  5. ไม่ดื่มเหล้าค่ะ แต่หนูก็ยังเผลออยู่
หมายเลขบันทึก: 326752เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2010 00:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 11:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

ครูแอนชอบอ่านเรื่องนี้น่ะค่ะ อ้อมกอดของครูสำหรับหนูอบอุ่นเสมอเป็นเหมือนกำลังใจยามอ่อนล้า ด้วยประโยคนี้  เมื่อครูแอนไปกรุงเทพฯ มีลูกศิษย์ครูแอนอยู่คนนึงขอกอด, ขอหอมตลอด

เลยอยากบอกว่า...กอดจากศิษย์ที่เคารพรักเราก็ช่างสร้างสุขและกำลังใจให้ครูเฉกเช่นกัน

ขอบคุณค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ ครูแอน Lioness_ann P

ครูท่านเป็นเหมือนนักเติมกำลังใจ ท่านคอยดูแลหนูเสมอมาค่ะ

ครั้

นี้ก็เหมือนกันค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท