พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) "ปรุงแต่งใจให้เป็นสุข"


ใช้ความสามารถปรุงแต่งสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ภายนอกแล้วอย่าลืมใช้ความสามารถนั้น ปรุงแต่งสร้างสรรค์ความสุขภายในด้วย

       

      วันนี้ท่องโลกไซเปอร์ ครับ ไปสดุดกับ เรื่องราวเรื่องนี้ จึงนำมาให้ท่าน บล็อกเกอร์ทั้งหลายได้อ่าน เป็นบทความของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)  เพชรน้ำเอกแห่งวงการพระพุทธศาสนาของไทย เรื่อง "ปรุงแต่งใจให้เป็นสุข" อ่านแล้วได้อะไรหลายๆอย่าง จึงขอแบ่งปันการปรุงแต่งให้เป็นสุข ให้กับทุกท่านครับ


          "พระพุทธศาสนาเปิดเผยความจริงว่าความสุขมีมากมาย ความสุขมีหลายแบบ ความสุขมีหลายชั้นหลายระดับ ทั้งความสุขภายนอกภายใน ทั้งความสุขแบบแบ่งแยกและความสุขแบบประสาน ทั้งความสุขที่อาศัยวัตถุและไม่อาศัยวัตถุ ทั้งความสุขทางร่างกายและความสุขทางจิตใจ ทั้งความสุขระดับจิตและความสุขระดับปัญญา ทั้งความสุขแบบมัวเมาติดจม และความสุขแบบโปร่งโล่งผ่องใส
         ความสุขของมนุษย์อย่างหนึ่งคือ ความสามารถในการปรุงแต่งสร้างสรรค์คิดค้น ซึ่งสัตว์อื่นไม่มี การที่มนุษย์เจริญขึ้นมามีเทคโนโลยีมีสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ มากมาย ก็เกิดจากความสามารถของมนุษย์ในการปรุงแต่งสร้างสรรค์นี่แหละแต่กว่าจะออกมาเป็นวัตถุปรุงแต่งสร้างสรรค์ได้ ต้นเดิมมันมาจากไหน มันก็มาจากในใจของเรา คือ ใจที่มีสติปัญญาเริ่มด้วยใช้ปัญญาคิดปรุงแต่งข้างในแล้วจึงแสดงออกมาเป็นการปรุงแต่งประดิษฐ์วัตถุ สร้างสรรค์วัตถุข้างนอกได้จนกระทั้งเป็นคอมพิวเตอร์และดาวเทียม ก็เกิดจากความคิดในใจเป็นจุดเริ่ม
         ทีนี้ความคิดของเรานี่น่ะ นอกจากปรุงแต่งสร้างสรรค์วัตถุข้างนอกแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือปรุงแต่งสุขปรุงแต่งทุกข์ข้างใน เราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราใช้ความสามารถนี้ตลอดเวลาด้วยการปรุงแต่งความสุข และปรุงแต่งความทุกข์ จริงไหมว่าที่เราทุกข์เราสุขกันนี้ ส่วนมากเป็นสุขและทุกข์ที่เราปรุงแต่งขึ้นเอง ไม่เหมือนกับสัตว์อื่น
         สัตว์อื่นนั้นไม่รู้จักความทุกข์ความสุขมากเหมือนมนุษย์ มันมีความสุขความทุกข์ที่เกิดจากทางกาย ได้กินอาหาร ได้หลับนอนพักผ่อนหรือต่อสู้หนีภัยอะไร ๆ ก็ตามประสา แต่ความสุขความทุกข์ทางใจที่เกิดจากการคิดปรุงแต่งมันไม่มี เราจะเห็นว่าสัตว์กลุ้มใจไม่เป็น สัตว์มันเครียดไม่เป็น เครียดได้แต่เรื่องที่สืบเนื่องจากทางกาย ไม่เหมือนมนุษย์
         มนุษย์นี้ปรุงแต่งสุขทุกข์ในใจกันมากมายพิสดารปรุงแต่งทุกข์ให้กลุ้มให้กังวลให้เครียดจนกระทั้งเสียจิตไปเลย สัตว์อื่นปรุงแต่งใจให้เป็นบ้าไม่ได้ แต่มนุษย์ปรุงแต่งจิตใจจนกระทั่งกลายเป็นบ้าไปก็มี มนุษย์มีความสามารถนี้อยู่มากมายนัก แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ใช้ความสามารถนี้ไปในการปรุงแต่งทุกข์มากกว่าปรุงแต่งสุข มีอะไรมากระทบตากระทบหู ไม่สบายใจนิดหน่อย ก็เก็บเอามาปรุงแต่งต่อเสียยืดยาวใหญ่โต เวลาอยู่ว่าง ๆ แทนที่จะปรุงแต่งสุข ก็ปรุงแต่งทุกข์ เอาเรื่องที่ไม่ดีมาวาดเป็นภาพ ทำให้เกิดความรู้สึกกลุ้มใจกังวล มีความโกรธเคียดแค้นต่าง ๆ ทำให้มีความทุกข์มากมาย แสดงว่ามนุษย์ส่วนมากใช้ความสามารถไม่ถูกทางจึงเป็นโทษแก่ตนเองทีนี้ถ้ามนุษย์ฝึกตัวให้ใช้ความสามารถนั้นให้ถูก เขาก็จะปรุงแต่งความสุขได้มากมายมหาศาล
ในทางพระพุทธศาสนาท่านแนะนำให้เราปรุงแต่งความสุข
            ท่านสอนวิธีทำใจหรือฝึกจิตฝึกใจ และบอกวิธีใช้ปัญญามากมาย อย่างเช่น การบำเพ็ญสมาธิต่าง ๆ ก็คือวิธีปรุงแต่งจิตใจนั่นเอง แต่เป็นการปรุงแต่งให้เป็นสุข ในการมองโลกแม้แต่สิงเดียวกัน ถ้าเรามองไม่เป็น ก็เป็นเรื่องร้ายเกิดทุกข์ แต่ถ้ามองเป็น ก็กลายเป็นดีเกิดสุขได้
         ขอเล่าเรื่องพระท่านหนึ่งที่เป็นเพื่อนกันตอนเรียนหนังสือที่มหาจุฬาฯ ในวัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ เวลาชั่วโมงว่างไม่ได้เรียนหนังสือ ท่านจะมองไปที่ท่าพระจันทร์ซึ่งมีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาขวักไขว่จำนวนมาก ท่านมองไปมองมาแล้วก็นั่งหัวเราะ อาตมาก็ถามว่าหัวเราะอะไร ไม่เห็นมีอะไร ท่านบอกว่ามองไปเห็นผู้คนเดินไปเดินมา ท่าทาง รูปร่างเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าสีสันต่าง ๆ กัน คนนั้นเดินอย่างนี้ คนนี้เดินอย่างนั้น ดูแล้วขำ ท่านก็เลยหัวเราะ นี่ก็เป็นวิธีมองโลกอย่างหนึ่ง
         บางคนมองอะไรก็น่าขำไปทั้งนั้น บางคนมองเห็นอะไรก็รู้สึกขัดหู ดูขัดตาไปทุกอย่าง บางคนไม่มีอะไรก็นั่งกังวลไม่สบายใจ ทุกข์ไปหมด นี้เป็นตัวอย่างง่าย ๆ ของการปรุงแต่งจิตใจ เราตั้งท่าทีของจิตใจอย่างไรก็สร้างจิตใจให้เป็นอย่างนั้น สุข-ทุกข์ก็เกิดตามมา
         ในชีวิตประจำวัน เมื่อทำงานทำการ เราก็มองโลก เราก็มองคนที่พบเห็นมาหาไปหา เช่นเป็นแพทย์เป็นพยาบาลก็มองคนไข้ไปด้วย เราต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนทั่วไป กับผู้ร่วมงาน เราจะต้องหัดมองให้เป็น อย่ามองในแง่ที่กระทบหูกระทบตา
         วิธีมองให้ไม่เกิดโทษมีหลายอย่าง อย่างน้อยก็ควรมองเห็นว่าเป็นประสบการณ์แปลก ๆ ในวันหนึ่ง ๆ เราพบเห็นผู้มีกิริยาอาการต่างๆ มากมาย คนนั้นลักษณะอย่างนั้น คนนี้ลักษณะอย่างนี้ เราก็มองในแง่ที่ว่า เป็นสิ่งที่ได้รู้ได้เห็น เป็นประสบการณ์ หลากหลาย เป็นข้อมูลความรู้ อย่าเก็บมาเป็นอารมณ์ เราอาจจะสบายใจหรือพอใจว่านี่เราได้รู้เห็นรู้จักโลกมากขึ้น โลกเป็นอย่างนี้ เมื่อเราทำใจอย่างนี้ สิ่งที่พบเห็นก็ไม่กระทบหูไม่กระทบตา ไม่กระทบใจ เราก็สบายใจ แต่ไม่แค่นั้น ยังดีกว่านั้นอีกคือเราได้ความรู้ด้วย. "

คัดตัดตอนมาจากหนังสือ "ทำอย่างไรจะให้งานประสานกับความสุข" โดย พระธรรมปิฏก (ป.อ. ปยุตโต)

ขอบคุณบทความดีๆจาก http://www.budpage.com/ba35.shtml

สรุปสั้นๆ ครับ   สุขอยู่ที่ตัวทำ ทุกข์อยู่ที่ทำตัว 

หมายเลขบันทึก: 174665เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2008 22:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2012 18:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีเจ้าค่ะ คุณครูข้างถนนที่น่ารัก

ป๊าดดดดดดดดดดดดดด คว้าแชมป์ได้อีกแล้ว เย้ๆๆ คิคิ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ

พ่อช่อมะม่วง...พ่อพวงมาลัย

ในโลกใบนี้...มีสีมากมาย

ล้วนแล้วสวยสด..ดูแล้วสวยใส

อาจถูกแต่งแต้ม..ให้ผ่องอำไพ

แต่มีสิ่งหนึ่ง....ปรุงแต่งไม่ได้

นั่นคือสิ่งเดียว...ที่อยู่ในใจ

หากจะปรุงแต่ง...จะแต่งสิ่งใด

คุณธรรมนั้น...ปั้นแล้วยัดไป

ให้อยู่เหนี่ยวแน่น...ภายใจจิตใจ

น้องจิแวะมา...ป่วนอย่างว่องไว

ไม่มีอะไร...คิดถึงนะเอย

* แหะๆๆๆ 5555++ ไปและ สบายใจ เพราะได้รักษาแชมป์ คิคิ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ----> น้องจิ ^_^

สวัสดีน้องจิ

  • แหมรักษาแชมป์เลยนะ
  • ขอบคุณสำหรับบทกลอน
  • ครูข้างถนนโต้ตอบเป็นกลอนไม่ได้
  • แต่ครูข้างถนนมีความจริงใจให้ อิอิอิอิ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณครูข้างถนนที่น่ารัก

  •  เห็นด้วยล่ะค่ะ..ไม่ควรเอาสิ่งต่างๆเข้ามาทำให้ต้องขุ่นมัว
  • บางครั้งก็ที่เราเจอสิ่งต่างๆก็เป็นการฝึกจิตเหมือนกันค่ะ..
  • เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
  •  ด้วยรักจากใจยายหมูอ้วนเอง

สวัสดี ครับ คุณ หมูอ้วน ...

  • ยินดีอีกครั้งที่แวะเข้ามาบันทึกนี้
  • เดี๋ยวจะตามไปที่บันทึกของคุณ หมูอ้วนครับ
  • ขอบคุณมากครับ

 

สวัสดีค่ะ คุณครูข้างถนน

ถ้าสรุปข้อคิดชีวิตได้แบบนี้ ก็ไม่ต้องห่วงแล้วเนาะ สาธุๆๆ

สวัสดีเช่นกัน ครับ คุณครูนงเยาว์ แช่มช้อย

  • ต้องเป็นเช่นนั้นครับ
  • คนเราถ้าไม่ปลง ไม่ปล่อยวางบ้าง
  • มัวแต่ถือ กำ เอาไว้อย่างเดียว
  • มันก็จะหนักเราเปล่าๆ
  • ขอบคุณครับ ;-)

...และก้อตามมาอ่านบทความเรื่องนี้อีก....

จริงๆแล้วสะดุดตาที่คำว่า "ครูข้างถนน" ทำ

ให้ต้องตามอ่านเรื่องที่คุณเอามาเขียน......

ขนาดเป็นครูข้างถนนยังไฮเทค  มีคอมใช้...

ดีกว่าครูในเมืองหลวงอย่างเราอีกนะเนี่ย...

งัยก้อช่วยเขียนเรื่องดีๆทั้งมีสาระ(หนัก)และ

ไม่(ไร้)สาระมาให้ครูเมืองหลวงอ่านต่อๆๆๆ

ไปละกันนะคะ...จะพยายามเลียนแบบคุณ

ในเรื่องท่องโลกไซเบอร์ตอนกลางคืน (ซึ่ง

ดีกว่าท่องราตรีแง๋ๆ)

         ...... ไว้พบกันอีก.......

สวัสดีครับคุณครู  UbbIbb ( อุ๊บอิ๊บ)

  • มาตอบอีกเช่นเคย
  • เครื่องมือ ไฮเทค ทุกอย่างไม่ใช่สมบัติผมครับ
  • ผมแอบใช้ของสำนักงาน จุ๊ๆๆๆ อย่าแอะไป
  • ขอบคุณครับที่แวะมาอ่าน
  • แวะมาทักทาย
  • ทำให้มีกำลังใจเขียนต่อไป
  • ขอบคุณครับ ;-)

หวัดดีค่ะ

  • ใช่ค่ะ...ไม่ว่าจะทุกข์ จะสุข...อยู่ที่เราทั้งนั้น
  • เป็นผู้กระทำให้เกิดทั้งสิ้น
  • ขอบคุณสำหรับธรรมะดี ๆ นะ...ดับร้อนในใจได้เยอะเลย อิอิ
  • อ้อ !..คุณครูบอกว่าแม่สอดฝนตกใช่ไหมค่ะ...ที่ยะลาฝนไม่ตกค่ะ  แต่อากาศร้อนสุด ๆ ค่ะ
  • ดูแลตัวด้วยเช่นกันคะ

สวัสดีครับ คุณ อ้อยควั้น

  • ยินดีที่แวะเข้ามา
  • ถึงกายร้อนแต่ขอให้ใจเย็นก็พอแล้วครับ
  • รักษาสุขภาพด้วยเช่นกัน
  • ขอบคุณครับ
  • ตามมาดูหลวงพ่อคนสุพรรณ
  • ท่านบอกว่า โรคภัยไข้เจ็บ เป็นเพื่อนท่านตั้งแต่เกิดครับ
  • สบายดีไหม
  • ฝนตกไหมครับ

สวัสดีครับ อ.ขจิต ฝอยทอง

  • ผมสบายดีตามอัตภาพครับ
  • ผมคารพนับถือนับถือท่านมากๆท่านแต่งหนังสือหลายๆ
  • ล้วนแต่เป็นหนังที่มีคุณค่าทั้งนั้น
  • โดยเฉพาะหนังสือพุทธธรรม
  • ผมมีไว้เล่มหนึ่งครับ สำหรับหนังสือพุทธรรม
  • เป็นกำลังใจให้ อ.ขจิต ทำวิทยานิพนธ์เสร็จเร็วๆนะครับ
  • รักษาสุขภาพด้วยครับ
  • ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ หัวฟูๆๆ อิอิๆๆ

สวัสดีครับ อาจารย์ขจิต   ฝอยทอง

  • อาจารย์ หายจากอาการ..หัวฟู..หรือยังครับ
  • เป็นกำลังใจให้อาจารย์ครับ
  • ขอบคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท