ด้วยสถานะแต่ละโรงเรียนแตกต่างกัน ฉะนั้น ครูแต่ละคนจึงแก้ปัญหาต่างกัน สำหรับครูคิมนั้นพี่สุเห็นแล้วว่า สอนหนังสือเด็กด้วยใจ และมีความคิดเป็นบวกอยู่เสมอ และยังคอยให้โอกาสเด็กอีกด้วย โดยเคารพความคิดของเด็ก ว่าเด็กทำไปต้องมีเหตุผล และถ้าเราแสดงความปรารถนาดีต่อเขาด้วยความจริงใจ เมื่อเขาซาบซึ้งขึ้นมา การสอนหรือบอกเด็กก็ง่ายขึ้น เพราะเด็กมีความรักศรัทธาในตัวครูคนนั้น ก็ย่อมไม่อยากให้ครูคนนั้นซึ่งเด็กรักและบูชามาก จะต้องมาเสียใจ เพราะการกระทำอันเลวร้ายของตนเอง และยินดีจะถวายหัว ถ้าครูคนนั้น สั่งมาเบาๆแค่นั้นแหละคะ
คือเด็กได้ใจครูไปแล้ว เด็กย่อมไม่กล้าที่จะทำให้ครูผิดหวัง แม้ผิดไปแล้วก็ยังให้โอกาสแก้ตัว เพื่อตั้งต้นชีวิตใหม่ เหมือนเกิดใหม่ และจะไม่โกหกครูคะ
ตามที่พี่สุดูจากรูปเด็กๆ ที่ว่าจัดงานวันเกิด เห็นเด็กนักเรียน ยังอายุไม่มาก ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก ฉะนั้นที่พี่สุว่ามาแนะนำไปแล้วนั้น มันอาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับเด็กรุ่นนี้ เพราะเขายังอ่อนอยู่ และอีกอย่างก็อยู่ในโรงเรียน ที่เด็กส่วนมากไม่ใช่ยากจน แต่ขาดความพร้อม คนที่จะมาดูแลเอาใจใส่เขาอย่างจริงจัง และบางคนไม่เห็นความสำคัญของการเรียน เอะอะก็ยินดีจะให้ลูกหลานออกไปทำไร่ทำนา เพราะด้วยคิดว่า เรียนไปแล้ว ก็ไม่มีปัญญาเรียนสูง ไม่มีปัญญาส่งต่อ เอาแค่อ่านออกเขียนได้ก็ดีแล้ว นี่คือความคิดของชนบท ที่ห่างไกลความเจริญ
ส่วนที่พี่สุว่าจะต้องทำแบบที่พี่สุแนะนำ เพราะมีแต่นักเรียนโต พร้อมที่จะเก พร้อมที่จะตั้งใจเรียน ก็คงจะต้องใช้วิธีที่หลากหลาย และอีกอย่างเป็นโรงเรียนประจำอำเภอ ใครๆก็อยากจะให้ลูกมาเข้า แม้จ้างเข้าก็ยังยอมเสียเงิน มันจึงต่างกัน ตามบริบทของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งต้องใช้วิธีแก้ปัญหาให้ถูกจุด ของแต่ละโรงเรียน
พี่สุเขียนมามันคนละโรงเรียน คนละสถานการณ์ แล้วก็ยังคลละรุ่นอีก ก็คงอยู่ที่คุณครูแต่ละคน ต้องใช้ความสามารถและฝีมือ ของตนอย่างสุดฤทธิ์ เพื่อใช้วิธีแก้ปัญหาที่ต่างกันออกไป มันย่อมต่างกันอยู่แล้ว
และที่พี่สุมาเม้นท์ให้ครูคิม และครูคิมสามารถแจกแจงได้ว่า ทำแบบพี่สุไม่ได้ เพราะครูคิม สอนเด็กและรักเด็ก ด้วยความจริงใจ ครูคิมก็เลยใช้หลักจิตวิทยาแก้เอา ก็คือใจแลกใจ ก็เป็นการดีแล้วคะ ที่ครูคิมสามารถวิเคราะห์ความเป็นไปของเด็กได้อย่างชัดเจน เมื่อมันชัดเจนแล้ว เราก็แก้ปัญหาได้ตรงจุด ใช้เวลารวดเร็ว แถมยั่งยืนอีกคะ พี่สุก็ขอเป็นกำลังใจให้ครูคิมนะคะ จงรักษาความดี ดุจเกลือรักษาความเค็มนี้ให้ตลอดไป และมีไหม มีครูคนไหน ที่เข้าถึงเด็กได้ทุกอย่างเหมือนครูคิม อ่านใจออกเลย และไม่กล้าทำร้ายจิตใจเด็กด้วย เด็กๆคงรักครูคิมกันหมด ใจแลกใจได้คะ
ที่พี่สุอยากให้เขาทำรายงานพิษของการสูบบุหรี่ เขาจะได้ไปค้นคว้า สอบถาม ว่าการสูบบุหรี่ ให้โทษอะไรบ้าง เช่นถุงลมโป่งพอง เขาจะได้เกรงกลัวบ้าง ไม่ได้ให้ทำรายงานเรื่องอื่น อยากให้เขารู้โทษของการสูบบุหรี่แค่นั้นเอง ถ้าเขาไม่ค้นคว้า เขาก็จะไม่รู้ เพราะคนอื่นก็สูบ ถ้ามันไม่ดี พากันสูบทำไม เขาจะเถียงอีก แต่ก็ติว่า เด็กค้นหาอะไร จะยากหรือเปล่า เพราะคอมพิวเตอร์มีไม่มาก นี่แค่เรื่องบุหรี่ จะไปหาจากไหนถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ แล้วเรื่องอื่นๆหละ
แล้วการแก้ปัญหาเรื่องสูบบุหรี่นี้ มันจะมีรุ่นต่อไปเรื่อยๆ จะแก้ปัญหาลัดทางมันไว้อย่างไร เด็กหล่อคือเด็กที่ไม่สูบบุหรี่ จะรณรงค์แบบไหน มันก็ไม่หมด
อย่างไรก็ตาม พี่สุก็อยากจะขอสรุป เรื่องของเด็ก เข้าทำนองที่ว่า
“รักวัวให้ผูก รักลูกให้เตือน”
การเตือน ผู้เตือนต้องตระหนักถึงข้อสำคัญ ที่จะทำให้การเตือนนั้น เกิดผลดี โดยได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย จึงควรระมัดระวัง ในเรื่องดังต่อไปนี้
1.อย่าด่วนสรุปว่า การกระทำของเด็กคนนั้นเลว
2.ห้ามติเตียน ประจานหรือตำหนิ
3.ตักเตือนด้วยวาจาเป็นมิตร พูดจากใจจริง ไม่เสแสร้ง ไม่พูดส่อเสียด พูดคุยด้วยคำสุภาพ
4.ให้ข้อเสนอแนะหลายทางเลือก โดยไม่ให้ทุกฝ่ายเสียประโยชน์นัก
พี่สุจึงขอสรุป ข้อความ นี้ต่อเติมเต็ม ให้ครบ ตามความคิดเห็นของครูแต่ละคน ซึ่งมันต่างกันแน่นอน จะใช้หลักอะไรมาดูแลใจนักเรียนจองตน
เม้นท์ยาวเลยเห็นไหมหละ คริ คริ ตาอย่าลายนะ ยายก็อย่าลายตามมา