สื่อการเรียนรู้ดีๆ ที่หน่วยเหนือควรมีไว้บริการโรงเรียน


        ระยะนี้  เห็นคุณครูกำลังหน้าดำคร่ำเคร่งกับการถ่ายเอกสารข้อสอบที่จะนำไปสอบเด็กในช่วงปลายภาคเรียน  เท่าที่สังเกตก็เป็นข้อสอบแบบจิ้มๆๆๆ ก.ไก่ ถึง ง.  เหมือนเมื่อครั้งที่ผมเป็นเด็กๆ ซึ่งคุ้นเคยมาจนสอบเป็นครูเป็นผู้บริหารโรงเรียน เนื้อหาในข้อสอบส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นลักษณะของความรู้ความจำ  และที่สำคัญ  มักเป็นข้อสอบสำเร็จรูปจากสำนักต่างๆที่ทำขายแผ่นละกว่า 300 บาท  ซึ่งวิเคราะห์ดูคร่าวๆแล้ว  ก็ชวนให้ถามตัวเองว่า  เอ....ข้อสอบแบบนี้  มันใช้ในการวัดคุณภาพการเรียนรู้และความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ของเด็กได้ตรงไหน? เพราะแค่เข้าใจวิธีการจิ้ม  แม้ไม่มีความรู้ในข้อสอบนั้นเลยทุกข้อ ก็มีโอกาสกาถูกและได้คะแนนแล้วถึง 25 %....และการที่ครูใช้วิธีการคัดเลือกข้อสอบจากเทคโนโลยีแบบซีดี-รอม  และถ่ายเอกสารแทนการเขียนหรือพิมพ์ลงกระดาษไขดีดแล้วโรเนียวเหมือนเมื่อก่อนนี่ละหรือ....  คือการ "ปฏิรูปการศึกษา?...."

       ต่อกรณีดังกล่าวนี้  พาลให้คิดไปถึงบรรยากาศการเรียนการสอนในห้องเรียน  ที่ยังเห็นครูบางคนยังหน้าดำคร่ำเครียด  ใช้เวลาเป็นครึ่งค่อนวันในการสอนแบบเอาจริงเอาจังกับรูปแบบการเขียนจดหมายในลักษณะต่างๆ  โดยเฉพาะจดหมายลาครู (แบบพับ 3 ส่วนหรือ 4 ส่วนเหมือนเดิม)  หรือไม่ก็เขียนตามคำบอกได้แบบเป็นวรรคเป็นเวร  แม้จะอยู่ถึงชั้น ป.5-ป.6 แล้วก็ตาม          

         ยอมรับครับว่าเห็นแล้ว....สะท้อนใจ...จริงๆ    เลยพาลให้คิดเสียดายสื่อการเรียนรู้ดีๆที่โรงเรียนไม่มีโอกาสได้ใช้  เปรียบเทียบกับสื่อการเรียนการสอนชั้นเลวที่ถูกส่งไปยังโรงเรียนจนแทบจะไม่มีที่เก็บ  หลายอย่างชวนให้งงว่า  เอ....คนจัดสรรเขาคิดได้ยังไงหว่า....เพราะของบางอย่างบางชิ้นมันถูกส่งมาให้เป็นภาระในการลงทะเบียนเปล่าๆ  แต่นำไปใช้ประโยชน์อันใดไม่ได้เลยจริงๆ ...ไปโน่นเลย.....

         สื่อชั้นดีที่มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา (เพราะมีผู้ผลิตและใช้ทุกวัน)  แม้วันเวลาจะผ่านไป  ยื่งนานแค่ไหนก็ยิ่งเพิ่มค่าความเป็นประวัติศาสตร์  สื่อที่ว่านั้นก็คือ... ข่าว , สกรุ๊ปพิเศษ , สารคดี , สารคดีเชิงข่าว , รายการสนทนา(ทอล์คโชว์) , รวมทั้งรายการเชิงสร้างสรรค์ต่างๆที่นำเสนอทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ  ที่ฉายผ่านแล้วก็ผ่านไป  ไม่เคยมีหน่วยงานใดๆที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา (นับตั้งแต่ระดับรัฐบาลลงมาจนถึงหน่วยงานทางการศึกษาที่มีงบประมาณใช้จ่ายอย่างเหลือเฟือ)  คิดจะแสวงหาหรือขอความร่วมมือจากเจ้าของลิขสิทธิ์ นำมาทำสำเนาแล้วส่งต่อไปยังหน่วยงานที่โรงเรียนจะขอเข้ามายืมไปใช้ได้โดยสะดวก  ทั้งๆที่เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนี้  มีราคาถูกลงมากแล้ว เช่น แผ่นซีดีเปล่าๆราคาแผ่นละไม่ถึง 5  บาท ดีวีดีก็แค่ 10 กว่าบาท  เครื่องเขียนแผ่นก็ราคาไม่ถึง 2,000 บาท

         ซึ่งถ้าหากโรงเรียนได้มีโอกาสใช้สื่อเหล่านี้ประกอบการจัดการเรียนการสอน  คิดว่าวิธีการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผลในรูปแบบลักษณะข้างต้นน่าจะค่อยๆหายไป  บรรยากาศการเรียนรู้แบบปฏิรูปที่บูรณาการเข้ากับชีวิตจริงตามปกติได้อย่างแนบเนียน  คงเข้ามาแทน 

          แต่บรรยากาศการเรียนการสอนแบบคร่ำเคร่ง คร่ำครึ (จนเด็กกลัวการเรียน) ดังกล่าวนี้  ท่านจะไปโทษครูผู้สอนก็ไม่ได้  ก็ในเมื่อท่านสั่งๆๆๆๆๆ  อะไรๆๆๆๆๆ ลงไปซะมากมาย  ที่แม้แต่ ผอ.สพท.ยังท้อแท้  แล้วครูจะเอาเวลาที่ไหนมาออกแบบการจัดการเรียนรู้และวิธีการทดสอบที่สร้างสรรค์กว่านี้ได้ (มีเวลาทำแบบที่ว่านี้ก็ดีเหลือล้นแล้ว  จะเอาอะไรอีก)

        คิดไป... พูดมา...  บ่นต่อ...  ก็หนีไม่พ้น "การศึกษา"ตามเคยครับ  ครูวุฒิเนี่ย......... จริงๆเลย...

หมายเลขบันทึก: 132412เขียนเมื่อ 27 กันยายน 2007 22:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:39 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีค่ะ...

  • ตามมาซ้ำ..เอ๊ย...เสริมค่ะ
  • การ "ปฏิรูปฯ" สอนให้เด็กมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์.....แต่ในรายละเอียดบอกมาหมด (เฉลย) แล้วค่ะ ว่าคิดวิเคราะห์อย่างไร....แล้วเด็กจะเหลือพื้นที่ในการคิดวิเคราะห์แค่ไหนคะ...ผู้ใหญ่คิดแทนหมดแย้ว....
  • ข้อสอบแบบที่ ผอ. พูดถึง น่าจะวัดได้แค่เชิงปริมาณค่ะ.....วัดได้ว่าสิ่งที่ครูป้อนให้....รับได้แค่ไหน.....เด็กๆ ส่งกลับคืนครูแล้ว...ก็ลืมหมดแล้ว...ไปใช้ในชีวิตได้หรือเปล่าไม่รู้ (ป้อนปัญญาก็ได้ปัญญา...ถ้าป้อนขยะละคะ....!!!!.)

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับครูกั๊ดจัง

  • ขอบคุณมากครับที่ตามมาช่วย
  • ไปแอบเข้าป่าที่จันรมมาแล้วนะ  ดูน่าอยู่กว่าเดิมอีกนะครับ
  • ที่จันรมยังมีอะไรๆอีกหลายอย่างที่ยังอยู่ในความทรงจำ  ประสบการณ์ชีวิตที่นั่นดีมากๆครับ
  • เรื่องการวัดผลประเมินผล  โดยเฉพาะในรูปแบบที่กำหนด "มาตรฐานการเรียนรู้"  และ  "ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง" ตามหลักสูตรแกนกลางเอาไว้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันทั้งประเทศ  ผมว่าเป็นการ "ฆ่าเด็ก" ที่โหดร้ายทารุณที่สุด  ก็ไหนว่า "ผู้เรียนเป็นสำคัญ"ไง  ไฉนสิ่งที่กำหนด  จึงยังเป็น "หลักสูตรและมาตรฐานสำคัญที่สุด" อยู่  ปรากฏการณ์ที่ชี้ชัดที่สุด  ก็คือ "อัตราการออกกลางคันของเด็กระดับมัธยมปลาย" เพราะเด็ก"ไปตามหลักสูตรไม่รอด"  ทั้งทั้งๆที่หลายคนมีความรู้ความสามารถด้านอื่นๆตามที่พวกเขาถนัดเยอะแยะ  ถ้าไม่ให่เรียกว่า "หลักสูตรฆ่าเด็ก"  แล้วจะเรียกว่าอะไร?
  • คุยกับครูวุฒิ  อาจมีแต่เรื่องการศึกษาแบบซีเรียสๆหน่อยนะครับ
  • สวัสดีครับ

แอบเข้าป่าที่จันรมมาแล้วนะ  ดูน่าอยู่กว่าเดิมอีก

  • ...???....
  • ไม่ทักทายเจ้าของบ้านเลยหรือคะ ผอ.
  • ...แง....
  • แวะมาอ่านย้อนหลังคะครูวุฒิ..ค่อยหายยุ่งแล้วคะ
  • อยากได้งบบำรุงรักษาเพิ่มด้วยคะครู
  • ของบางอย่างที่ให้มามันใช้ไม่ทนนี่คะ..แล้วใครจะรับภาระค่าซ่อมคะ
  • เราจะเห็นของบางอย่างกองเป็นอนุสาวรีย์คะ...ตามห้องเก็บของโรงเรียน..น่าเสียดายงบที่ซื้อแจกคะ...คราวหน้าให้โรงเรียนซื้อเองทั้งหมดยังจะได้ของที่เป็นประโยชน์มากกว่านะคะคุณครู

ธัมมะสวัสดีครับครูวุฒิ

  • เห็นประโยชน์ที่มีหน่วยงานด้านเยาวชนกว่า 70 หน่วยงานมาร่วมกันจัดงานโดยมีสยามกัมมาจลเป็นเจ้าภาพ จึงเสนอจัดเวทีเสวนาแบบวงเล็กๆ มีจำนวนผู้เข้าร่วมประมาณ60-70ท่าน สำหรับผู้ที่สนใจด้านการศึกษาโดยเฉพาะครับ
  • รู้สึกยินดีที่คุณครูตอบรับมาร่วมงาน ขอเรียนเชิญคุณครูมาร่วมงานในฐานะวิทยากรด้วยนะครับ ขอหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของคุณครูทางอีเมล์ [email protected] กระผมจักได้ส่งใบตอบรับจองห้องพัก และส่งเอกสารรายละเอียดที่เกี่ยวข้องนะครับ
  • ตอนนี้มีแนวความคิดเรื่อง share bank ที่จะทำเรื่องการให้ครบวงจร ทั้งวัตถุสิ่งของ จิตอาสา และสื่อการเรียนรู้ แต่ต้องรอคณะทำงานที่เป็นทั้งNGO และภาครัฐ อีกทั้งยังต้องผ่านโครงสร้างอีกมากมาย  
  • ซึ่งผมคิดว่าอยากจะทำแบบไม่รอ และหันมาจับด้านสื่อการสอนสำหรับครูที่เป็นสื่ออิเล็คทรอนิคโดยเฉพาะ สร้างระบบกลางที่คุณครูต่างมาแลกเปลี่ยนกันเอง ก็สามารถทำได้เลยโดยใช้เงินลงทุนไม่มากและไม่ต้องรอระบบโครงสร้างใหญ่   
  • ขอบพระคุณมากมายที่คุณครูห่วงใยการศึกษาและมีแนวคิดด้านการศึกษาที่ดีๆครับ 

ธัมมะสวัสดีครับครูวุฒิ

  • เห็นประโยชน์ที่มีหน่วยงานด้านเยาวชนกว่า 70 หน่วยงานมาร่วมกันจัดงานโดยมีสยามกัมมาจลเป็นเจ้าภาพ จึงเสนอจัดเวทีเสวนาแบบวงเล็กๆ มีจำนวนผู้เข้าร่วมประมาณ60-70ท่าน สำหรับผู้ที่สนใจด้านการศึกษาโดยเฉพาะครับ
  • รู้สึกยินดีที่คุณครูตอบรับมาร่วมงาน ขอเรียนเชิญคุณครูมาร่วมงานในฐานะวิทยากรด้วยนะครับ ขอหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของคุณครูทางอีเมล์ [email protected] กระผมจักได้ส่งใบตอบรับจองห้องพัก และส่งเอกสารรายละเอียดที่เกี่ยวข้องนะครับ
  • ตอนนี้มีแนวความคิดเรื่อง share bank ที่จะทำเรื่องการให้ครบวงจร ทั้งวัตถุสิ่งของ จิตอาสา และสื่อการเรียนรู้ แต่ต้องรอคณะทำงานที่เป็นทั้งNGO และภาครัฐ อีกทั้งยังต้องผ่านโครงสร้างอีกมากมาย  
  • ซึ่งผมคิดว่าอยากจะทำแบบไม่รอ และหันมาจับด้านสื่อการสอนสำหรับครูที่เป็นสื่ออิเล็คทรอนิคโดยเฉพาะ สร้างระบบกลางที่คุณครูต่างมาแลกเปลี่ยนกันเอง ก็สามารถทำได้เลยโดยใช้เงินลงทุนไม่มากและไม่ต้องรอระบบโครงสร้างใหญ่   
  • ขอบพระคุณมากมายที่คุณครูห่วงใยการศึกษาและมีแนวคิดด้านการศึกษาที่ดีๆครับ 

ธัมมะสวัสดีครับครูวุฒิ

  • เห็นประโยชน์ที่มีหน่วยงานด้านเยาวชนกว่า 70 หน่วยงานมาร่วมกันจัดงานโดยมีสยามกัมมาจลเป็นเจ้าภาพ จึงเสนอจัดเวทีเสวนาแบบวงเล็กๆ มีจำนวนผู้เข้าร่วมประมาณ60-70ท่าน สำหรับผู้ที่สนใจด้านการศึกษาโดยเฉพาะครับ
  • รู้สึกยินดีที่คุณครูตอบรับมาร่วมงาน ขอเรียนเชิญคุณครูมาร่วมงานในฐานะวิทยากรด้วยนะครับ ขอหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของคุณครูทางอีเมล์ [email protected] กระผมจักได้ส่งใบตอบรับจองห้องพัก และส่งเอกสารรายละเอียดที่เกี่ยวข้องนะครับ
  • ตอนนี้มีแนวความคิดเรื่อง share bank ที่จะทำเรื่องการให้ครบวงจร ทั้งวัตถุสิ่งของ จิตอาสา และสื่อการเรียนรู้ แต่ต้องรอคณะทำงานที่เป็นทั้งNGO และภาครัฐ อีกทั้งยังต้องผ่านโครงสร้างอีกมากมาย  
  • ซึ่งผมคิดว่าอยากจะทำแบบไม่รอ และหันมาจับด้านสื่อการสอนสำหรับครูที่เป็นสื่ออิเล็คทรอนิคโดยเฉพาะ สร้างระบบกลางที่คุณครูต่างมาแลกเปลี่ยนกันเอง ก็สามารถทำได้เลยโดยใช้เงินลงทุนไม่มากและไม่ต้องรอระบบโครงสร้างใหญ่   
  • ขอบพระคุณมากมายที่คุณครูห่วงใยการศึกษาและมีแนวคิดด้านการศึกษาที่ดีๆครับ 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท