ครูวุฒิได้รับการประสานงานทางโทรศัพท์จากพ่อครูบา
ว่าอยากได้ข้อมูลและองค์ความรู้เรื่อง "การเลี้ยงปลาบู่"
ในรูปแบบที่ครูวุฒิและทีมงานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกำลังทำๆกันอยู่
เพื่อจะเอาไปนำเสนอให้กับพี่น้องนายฮ้อยคอนโดโคขุน
ผู้กำลังเข้าร่วมเสวนาอบรมเกี่ยวกับการปศุสัตว์ ณ มหาชีวาลัยอีสาน
ซึ่งบังเอิญตรงกับที่ครูวุฒิตั้งใจไว้พอดีว่าจะเขียนรายละเอียดในตอนที่ 3
แต่ปรากฏว่าภารกิจในวันนี้ของครูวุฒิค่อนข้างมาก และต่อเนื่องจนมืดค่ำดึกดื่น
ก็เลยอาจจะได้ในแบบที่ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
ก็คงไม่เป็นไรครับ เพราะวันนี้ (24 กพ.)
ท่านอาจารย์ปลาบู่ จะเอา"ตับ ไต ไส้ พุง และหัวใจสำคัญของการเลี้ยงปลาบู่" ไปเสริฟแบบสดๆถึงที่ถึงเวทีที่สวนป่าเลย
ดังนั้น....
ตรงนี้จึงฝากภาพไปประกอบเรื่องเล่าตอนเช้าๆของท่านอาจารย์ปลาบู่ครับ
ส่วนท่านใดที่ต้องการรายละเอียดของการเลี้ยงตามแนวทางของกรมประมง
ก็ขอเชิญ คลิกที่นี่ ตามสะดวก
และต่อไปนี้เป็นภาพการดำเนินการของกล่มเครือข่ายต่างๆครับ
บ่อเลี้ยงปลาบู่ จะเล็กก็ได้ ใหญ่ก็ดี ตื้นก็ได้ ลึกก็ดี ขอให้มีน้ำเป็นใช้ได้
เดรียมบ่อด้วยการวิดน้ำออกให้แห้ง จับปลาเก่าออกให้หมด
(ถ้ามีรูปลาไหลวายร้ายจอมเขมือบ ก็แทงออกมาทำต้มเปรตหรือต้มผักขะแยงซะให้เกลี้ยง)
ถ้าตากบ่อได้ให้แห้งสนิทสัก 5-7 วันได้ก็ยิ่งดี
ใส่ปุ๋ยคอกเพื่อเป็นอาหารไรแดง ลูกกุ้งลูกปลาซิว อัตราประมาณงานละ 20 กระสอบปุ๋ย
ใส่วัสดุประเภททางมะพร้าวแห้ง ยางรถยนต์เก่า ขอนไม้ ฯลฯ เพื่อให้ปลาบู่พรางตัว
เสร็จแล้วก็เอาน้ำเข้า โดยจะเป็นน้ำบ่อ น้ำคลอง หรือน้ำใต้ดินที่ซึมออกมาเองก็ได้
หลังจากนั้นหว่านเกลืออัตราประมาณ 20 กก./ไร่ (เพื่อกำจัดศัตรูปลาประเภทปลิงขนาดเล็กและเห็บระฆัง ซึ่งมักเกาะอยู่ที่เกล็ดปลาดูดเลือดปลา ทำให้ปลาไม่โตไม่แข็งแรง และมักตายในที่สุด)
เตรียมอาหารธรรมชาติให้ลูกปลาบู่ด้วยการใส่รำละเอียดประมาณวันละครึ่งถึงหนึ่งขัน
เพื่อเร่งให้กุ้งฝอยขยายพันธุ์ตามธรรมชาติเร็วที่สุด (หาเชื้อกุ้งฝอยมาเติมลงด้วยก็ดี)
หลังจากนั้นอีกประมาณ 5-10 วัน ก็นำลูกปลามาลงปล่อยได้
(ขั้นตอนอาจยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม)
ขนาดของลูกปลาบู่ที่พร้อมปล่อย (ที่เห็นเป็นลูกปลาขนาด 2-3 นิ้ว เรียกสั้นๆว่าปลา3ปลา4)
เวลาปล่อยลูกปลา ก็เตรียมการปรับสภาพความคุ้นเคยตามหลักการปกติ
และต่อจากนั้น ก็หว่านรำละเอียดในอัตราใกล้เคียงกันไปเรื่อยๆ หรือจะวันเว้นวันก็ได้
(ที่ว่ามานี้ เป็นวิธีการเลี้ยงแบบอิงธรรมชาติคร่าวๆ ส่วนรายละเอียดทั้งหมด จะอยู่ที่ท่านอาจารย์ปลาบู่ ซึ่งจะไปให้บริการถึงสวนป่าในช่วงเช้า 24 กพ. นี้ครับ)
แต่รูปแบบและจุดเน้นสำคัญของการเลี้ยงปลาบู่ ก็คือ....
"ต้องเลี้ยงแบบวิสาหกิจชุมชน"
และต้องเป็นวิสาหกิจชุมชนที่มีเครือข่ายโยงไยกัน ในรูปของสมาคมและสมาพันธ์ฯ
ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในทางการตลาดสำหรับเกษตรกรเอง
ในด้านของการมีแหล่งซื้อลูกปลาที่แน่นอน และมีแหล่งขายผลผลิตที่เราต่อรองราคาที่เหมาะสมได้
เพราะไม่อย่างนั้น ในเวลาอีกไม่นานต่อจากนี้ไป
ปลาบู่จะล้นตลาดจนต้องขายตัดราคากันเองแน่นอน
(ผมเองเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ที่คุณชิติพัฒนฉัตร ศิริวงศ์ ออกมาทำเรื่องนี้ ก็เพราะมีอุดมการณ์ในอันที่จะสงวนขุมทรัพย์มหาศาลในส่วนนี้ไว้เป็นหนทางปลดหนี้ของพี่น้องเกษตรบ้านเราครับ)
สวัสดีครับ
ครูค่ะ...เเล้วถ้าเราจะเลี้ยงให้อาหารเม็ดละค่ะ...คววรเปนเม็ดจมหรือว่าลอยค่ะ...
เเล้วมานจะกินไหมค่ะ...คือตอนนี้ต้องทำวิจัยเกี่ยวกับยีนในลำไส้ปลาบู่ค่ะ...อยากจะเลี้ยงอาหารเม็ดที่เคลือบด้วยสมุนไพร...เเต่ว่าติดตรงวิธีการเลี้ยง...ความต้องการของสารอาหารของมันยังไม่เเน่นอน...ครูช่วยเเนะนำด้วยน่ะค่ะ..
หนูขอเบอร์ติดต่อได้ไหมค่ะครู
ผมจะหาวื้อลูกปลาได้จากที่ไหนครับช่วยบอกทีครับ
ลองติดต่อเกรียงไกรฟาร์ม สุพรรณบุรี ด)ูนะครับ
อยากสอบถามว่าจะหาซื้พันธุ์ปลาบู่ได้จากที่ไหนค่ะ