จะได้เป็นการส่งต่อวัฒนธรรมอันดีงามไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อๆ ไปได้โดยการที่ผู้ใหญ่นำและทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เด็กๆ เค้าจะได้อยู่ในศีล ในธรรม โดยการแทรกซึมไปตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่เป็นตัวเล็กๆ
อิ่มบุญกันถ้วนหน้านะคะสำหรับงานบุญอาสาฬหบูชาและงานบุญเข้าพรรษา…..เมื่อวานนี้ที่หมู่บ้านครูแอนก็จัดงานนี้ด้วยเช่นกันล่ะค่ะ และครูแอนก็ไปร่วมงานบุญทุกงานอีกตามเคยล่ะค่ะ
แต่ในวันนี้กลับนึกถึงพี่ครูพรรณนา แห่งบางลี่วิทยา จ.สุพรรณบุรี แฮะ....เหตุคงเนื่องมาจากบันทึก ขายแพง ::::: ขายถูก ที่เข้าไปอ่านและพี่พรรณนาก็ฝากข้อความนี้ทิ้งไว้ในใจครูแอน......
16. นาง พรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง)
เมื่อ พ. 16 ก.ค. 2551 @ 22:05
สวัสดีค่ะครูแอน
***********
* ถ่ายรูปเทศกาลงานบุญเข้าพรรษาชาวใต้มาฝากบ้างนะ
* สุขกายสุขใจรับและอิ่มบุญพรรษานี้นะคะ
อ๋อ....พี่พรรณนา อาจจะนึกภาพบรรยากาศงานบุญบ้านครูแอน (ในพื้นที่เหตุการณ์ไม่สงบของทางใต้) ไม่ออกแน่ๆ เลย
เอ....แล้วสมาชิกบล็อกเกอร์ท่านอื่นๆ ล่ะ
อา...งั้นเรามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องงานบุญในแต่ละพื้นที่กันดีกว่านะคะ
ในหมู่บ้านของครูแอน ที่วัดลำไพล...ดูเหมือนจะเป็นศูนย์รวมแห่ง 2 หมู่บ้านของชาวพุทธในตำบลนี้ และชาวพุทธในตำบลเดียวกันแต่อยู่ห่างออกไปหน่อยนึงและเค้าเหล่านั้นอยู่ในหมู่บ้านไทยมุสลิมเป็นส่วนใหญ่น่ะค่ะ และงานบุญครั้งนี้เรานัดรวมกันทำพิธีในตอนเย็นประมาณสี่โมงครึ่ง เพื่อเป็นการร่นเวลาขึ้นในการมาทำพิธีร่วมกัน ด้วยเหตุผลแห่งความปลอดภัยในชีวิตเมื่อตอนเสร็จสิ้นพิธีจะได้กลับบ้านตนเองไม่ค่ำมืดนัก
ตอนนี้ภาพความทรงจำเก่าๆ ในตอนเด็กๆ มันผุดขึ้นมาค่ะ ตอนนั้นทุกคนจะมาร่วมเวียนเทียนด้วยกันตอนพลบค่ำ โอ....แสงแห่งเปลวเทียนจากในมือของแต่ละคนที่ตัดกับความมืดรอบๆ พระอุโบสถหลังเก่าที่มุงด้วยสังกะสี และแสงเทียนดวงน้อยใหญ่ต่างเคลื่อนไหวไปตามร่างของชาวบ้านที่เดินเวียนเทียนนั้นสวยงามมากนัก แต่ตอนนี้เรามีพระอุโบสถหลังใหม่ที่สวยงามกว่าเก่าก่อนให้เดินเวียนเทียนถึง 3 รอบ แต่เราต้องเิริ่มพิธีกันเร็วขึ้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของพวกเราเอง (ถ้าขอได้...ครูแอนขอให้ความปลอดภัยในชีวิตดังเก่าก่อนกลับคืนมาโดยเร็วล่ะค่ะ)
ที่วัดจะมีชาวบ้านส่วนหนึ่งมารออยู่ก่อนแล้ว เค้าเข้ามาช่วยพระและลูกเณรในการช่วยตระเตรียมสถานที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับขบวนแห่เทียนพรรษาที่กำลังจะมาถึง พ่อแม่ปู่ย่าตายายหลายๆ คนต่างหอบหิ้วลูกเด็กเล็กแดงมาร่วมงานบุญกัน.....ดีเหมือนกันนะคะ.....เด็กๆ เค้าเหล่านั้นเข้าวัดตั้งแต่ยังเล็กๆ เพื่อที่ได้รู้เห็น และยังเป็นการสืบต่อประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามต่อไปได้เมื่อพวกเค้าโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ แถมด้วยการได้ใกล้ชิดศีล, ธรรม เพื่อกล่อมเกลาจิตใจเค้าต่อไปเราจะได้มีพลเมืองที่ดีๆ ของประเทศไงคะ
ครูแอนเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนค่ะ เลยบึ่งรถมาที่วัดเลย แต่ก็ยังช้ากว่าสมาชิกที่บ้าน เพราะเค้าพากันมารอก่อนหน้าที่ครูแอนจะมาถึงซะอีก
นั่นค่ะนั่น....เสียงกลองยาวมาแล้ว.....
ขบวนกลองยาวจาก 2 หมู่บ้านที่เดินกันมาคนละทิศทางเข้าผ่านสะพานหน้าวัดแล้ว มีคนรำหน้ากลองยาวด้วยค่ะ (คิคิคิ ...ญาติๆ ครูแอนนั่นเองค่ะ) หนุ่มกลองยาวก็ดูจะตั้งใจตีกันเต็มที่แม้จะเพิ่งฝึกซ้อมกันในไม่กี่วันนี่เอง ตามด้วยขบวนแห่เทียนของชาวบ้านกันค่ะ มีทหารพราน (ที่เข้ามาตั้งค่ายในหมู่บ้านครูแอน) มาช่วยดูแลในเรื่องความปลอดภัยตลอดทางที่ผ่านมาบนถนนใหญ่ อ้อ...ตำรวจก็มาช่วยดูแลความปลอดภัยให้อีกแรงนึงค่ะ
เมื่อมาถึงวัดโดยปลอดภัยแล้ว ก็เริ่มพิธีการสงฆ์กันค่ะ ท่านกำนัน(ญาติๆ กันอีกนั่นแหละค่ะ อาจจะเป็นกำนันที่เด็กที่สุดในประเทศไทยมังคะ อิอิอิ)ก็จุดเทียนหน้าโต๊ะหมู่บูชา พระท่านเทศนาให้ธรรมประจำใจ และก็ชี้แจงเหตุผลแห่งความสำคัญในวันอาสาฬหบูชา เด็กๆ คงได้เรียนรู้ไปในตัวโดยไม่ต้องอ่านหนังสือ เรียนรู้จากชีวิตจริงๆ ของเค้า และสุดท้ายก็เวียนเทียนร่วมกันค่ะ
เมื่อเวียนเทียนกันเสร็จทุกๆ คนก็พาดอกไม้ธูปเทียนที่เวียนเทียนกันแล้ว มาไหว้ทวดขุนฯ ประจำหมู่บ้านกันค่ะ ซึ่งเป็นที่เคารพของทุกคนในหมู่บ้านตั้งแต่สมัยก่อนโน่นน่ะค่ะ
คุณยายพาหลานๆ มาเวียนเทียนและมาไหว้ทวดกันค่ะ
ก่อนที่ต่างครอบครัวต่างแยกย้ายกลับบ้าน แต่ครูแอนยังไม่ได้กลับในทันทีหรอกค่ะ พอดีว่าในวัดมีงานศพคุณยายที่เป็นญาติๆ กันอีกเลยต้องไปงานศพต่อ นั่งฟังสวดพระอภิธรรม โดยมีโรงเรียนของหลานเจ้าภาพเป็นเจ้าภาพสวด
แต่ขณะนั่งฟังธรรม บังเอิญครูแอนหันหลังมาเห็นภาพนี้น่ะค่ะ เจ้าพวกนี้(เป็นสุนัขที่ใครๆ เอามาทิ้งไว้ให้เจ้าอาวาสเลี้ยงมังคะ) เค้านอนเรียงกันได้สัก 6-7 ตัวล่ะค่ะ นอนกันนิ่ง.....เลย ตอนที่พระบรรยายธรรมผ่านทางไมโครโฟน
เอ...หรือพวกมันจะรู้เรื่อง ฮาๆๆๆๆ
แอบหันไปเห็นคนคุยกันแข่งกับเสียงพระท่านเทศนา...เลยได้คิด....
จะอายมันดีไหมนี่มนุษย์เรา!!!
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะคะ....ว่าแต่ละพื้นที่มีงานบุญที่แตกต่างกันอย่างไร, แบบไหนกันบ้าง
เมื่อ พ. 23 ก.ค. 2551 @ 10:09
754849 [ลบ]
พี่ครูปู มีสูตรลอกสิวเสี้ยนแบบธรรมชาติค่ะ ทำแล้วหน้าจะนุ่ม และเกลี้ยงเกลาเชียวค่ะ
ใช้ไข่ขาวประมาณ 1 ฟอง (ถ้าหน้าใหญ่ใจโตก็เพิ่มได้จ๊ะ อิอิ) แตะที่บริเวณจมูกให้เปียก ดึงสำลีเช็ดหน้าแบบสี่เหลี่ยม โดยหนึ่งแผ่นแยกออกเป็นชั้น ๆ แล้ววางบนจมูกที่เปียกไข่ขาวนั้น ทีละชั้น พอเริ่มหนา ก็ทาไข่ขาวเติมลงไปอีก ความหนา ไม่ควรเกินสำลีแผ่นสองชั้น ทำอย่างนี้ให้ทั่วทั้งหน้า ตรงรอยต่อระหว่างแผ่นสำลีสี่เหลี่ยม ให้ดึงสำลีออกเป็นชั้นเล็ก ๆ บาง ๆ แล้วอุดรอยต่อ จะทำให้เราได้หน้ากากลอกสิวเสี้ยนฉบับธรรมชาติแท้ ๆ
ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยควรนอนเฉย ๆ หากให้พัดลมเป่าช่วยก็จะดี ระหว่างรอ ให้ลูบเพื่อตรวจดูฟองอากาศบนใบหน้าด้วย แล้วรีดออกให้หมด เพื่อ สำลีและไข่ขาวจะได้ดูดสิวเสี้ยนบนใบหน้า อย่างทั่วถึง
เมื่อครบ 1 ชั่วโมง สำรวจความแห้ง ด้วยการเคาะเบา ๆ หาก เคาะดังก๊อก ๆ แล้วเป็นอันใช้ได้ แต่ถ้าบริเวณใดยังนิ่ม หรือยวบ ๆ อยู่ ก็ทิ้งไว้ก่อน และควรดึงจากบริเวณใต้คางมาก่อน และดึงอย่างช้า ๆ เมื่อดึงหมดแล้ว
จะได้หน้ากากรูปหน้าของเราพอดีเด๊ะ ให้สำรวจดูที่หน้ากากจะมีสิวเสี้ยนติดอยู่เต็มเลยจ๊ะ
วิธีนี้ ถ้าคนผิวมัน ก็ทำได้บ่อยครั้งหน่อย แต่ถ้าเป็นคนผิวแห้ง ต้องทิ้งไว้ซัก 2 เดือน น่าจะไม่ทำให้ระคายเคืองมากนะจ๊ะ