One of Small Big Country
สิงคโปร์เป็นเมืองท่าเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุนทรอินเดีย สามารถลดการเดินทางอ้อมโลกในการขนถ่ายสินค้าและการเดินทางทางเรือของโลก ระหว่างทวีปอเมริกา ยุโรป แอฟริกา กับกลุ่มประเทศในเอเชียและออสเตรเลียได้อย่างมหาศาล จึงนับว่าอยู่ในทำเลการเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแดนใต้ แยกตัวออกมาจากมาเลเซียและสร้างชาติเป็นประเทศเมื่อปี ๒๕๐๘ มีพื้นที่เพียง ๖๑๘ ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อย ๕๔ เกาะ แต่เป็นเกาะเล็กน้อยทำประโยชน์ได้เพียงบางส่วน เกาะที่เป็นแผ่นดินหลักนั้น พื้นที่กว้างที่สุดมีระยะทางเพียง ๔๒ กิโลเมตร ส่วนเหนือจรดใต้สุดเพียง ๑๓ กิโลเมตร ประชากรทั้งหมดไม่ถึง ๕ ล้านคนต้องอยู่ร่วมกันด้วยความหนาแน่นต่อพื้นที่สูงที่สุดของโลก ขาดทรัพยากรและพื้นที่เพาะปลูก ต้องอาศัยน้ำและทรัพยากรแทบทุกอย่างจากประเทศเพื่อนบ้านและจากทั่วโลก กิจการและอุตสาหกรรมหลายอย่างต้องถมทะเลขยายผืนดินออกไป
ภาพที่ ๑-๒ สิงคโปร์ เป็นเมืองท่าสำคัญ กุมการขนถ่ายสินค้าและการเดินเรือของโลกที่เชื่อมต่อมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียตรงช่องแคบมะละกา ติดต่อถ่ายเททางเศรษฐกิจสังคมของโลกตะวันตก อเมริกา และโลกตะวันออก
ภาพที่ ๓ Merlion สิงห์โตทะเล สัญลักษณ์ของแผ่นดินสิงปุระ สิงห์บุรี หรือสิงหนคร อันเป็นที่มาของสิงคโปร์
Many Faces, One Heart
สิงคโปร์มุ่งสร้างทุนมนุษย์และพัฒนาวิถีสังคมเพื่อการอยู่ร่วมกันในสภาพที่คนสิงคโปร์ต้องประกอบไปด้วยชาวจีนฮกเกี้ยน ชาวมาเลเซีย ชาวอินเดีย และอื่นๆ ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ต่างศาสนา ต่างประเพณีวัฒนธรรม ซึ่งด้วยเงื่อนไขดังกล่าวนี้ หลายประเทศของโลกที่มีวิธีคิดชาตินิยมแบบคับแคบ มีความสำนึกต่อกลุ่มชนทางสังคมที่ผิดพลาด จะต้องเผชิญกับความขัดแย้งและสร้างความสูญเสียให้แก่ตนเอง จนขาดโอกาสพัฒนาตนเองให้ไปได้ไกลกว่านั้น
ภาพที่ ๔ อนุสาวรีย์เซอร์แสตมฟอร์ด ผู้ว่าราชการราชสำนักอังกฤษที่เกรทบริเตนในยุคจักรวรรดินิยมอังกฤษส่งไปสำรวจเกาะสิงคโปร์เมื่อทศวรรษ ๑๘๒๐
เมืองการค้าและบริษัทจัดการเศรษฐกิจสังคมโลก
ทว่า ทางด้านการพัฒนาคนและการสร้างทุนทางสังคมดังกล่าวนี้ ทำให้สิงคโปร์กลับเป็นไปในทางตรงข้ามกับกระแสหลักของโลก เช่น เป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองมากที่สุด เป็นประเทศขนาดเล็กแต่มีอิทธิพลเสมือนบริษัทขนาดใหญ่ที่บริหารจัดการความเป็นไปของโลกหลายด้าน เป็นศูนย์กลางการเดินเรือและขนถ่ายสินค้าที่สำคัญของโลก เป็นแหล่งกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากอเมริกา เป็นศูนย์กลางการบินของโลกในภูมิภาคเอเชีย เป็นศูนย์กลางการเงินการธนาคาร ร่วมลงทุนทางการค้าและอุตสาหกรรมกับทั่วโลก เป็นประเทศที่จัดระบบที่พักอาศัยของประชากรจำนวนมากบนพื้นที่อันจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ภาพที่ ๕ สิงคโปร์วางแผนเข้าสู่สังคมผู้สูอายุซึ่งเป็นแนวโน้มในอนาคตของสังคมโลกด้วยการปรับกระบวนทรรศน์ต่อความเป็นผู้สูงอายุ จากความเป็น Dependency Population หรือกลุ่มประชากรวัยพึ่งพิงซึ่งเป็นแนวคิดในกระแสหลักของโลก สู่ความเป็น Productive Aging หรือกลุ่มผลิตภาพสูงวัย
ที่ซึ่งโลกผู้สูงอายุในอนาคตมีชีวิตเคลื่อนไหวสังคมแล้ว
ที่สนามบินแห่งชาติฉางจี ผมคุยกับลุงชราท่านหนึ่งอายุ ๗๔ ปีซึ่งเป็นพนักงานเดินเก็บรถเข็นในสนามบินเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารจากทั่วโลก ทำให้ได้ทราบว่ามีกลุ่มผู้สูงอายุเป็นพนักงานในลักษณะดังกล่าวในสนามบินนานาชาติอีกกว่า ๗๐ คนที่ทำงานบริการและใช้ชีวิตตามที่ต้องการจนกว่าจะทำงานไม่ไหว ด้วยรายได้วันละ ๒๑ ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือวันละประมาณ ๕๒๕ บาท เดือนละประมาณ ๑๕,๗๕๐ บาท นอกเหนือจากสวัสดิการอื่นๆที่จะได้รับจากกองทุนรัฐสวัสดิการ ซึ่งหมายความว่า วิถีชีวิตของสังคมโลกในอนาคตซึ่งทั่วโลกจะเคลื่อนตัวไปสู่สังคมผู้สูงวัยนั้น สิงคโปร์ไม่เพียงวางแผนล่วงหน้าก่อนใครไปแล้วเท่านั้น แต่ทำให้ปรากฏทางออกทางการปฏิบัติไปแล้วในวันนี้
ภาพที่ ๖ การทำให้อุตสาหกรรมศิลปวัฒนธรรมและความบันเทิง เป็นระบบเศรษฐกิจต่อเนื่องโดยสร้างเป็นเมือง ตัวละคร สถานที่และชุมชน ตามท้องเรื่องในภาพยนตร์ของบริษัทยูนิเวอร์แซล ให้ผู้มีประสบการณ์ร่วม มีความทรงจำ และความประทับใจในการชมภาพยนต์จากทั่วโลก ได้ชมและสัมผัสได้ในอีกมิติหนึ่ง
ที่ซึ่งมีทรัพยากรเป็นของตนเองเพียงอย่างเดียวคือคนและทุนทางสังคม
ผู้คนเป็นจำนวนมากทั้งจากสังคมไทยและทั่วโลก มักเห็นสิงคโปร์เพียงด้านที่เป็นแหล่งช็อปปิ้ง สถานคาสิโน และเมืองอุตสาหกรรมศิลปวัฒนธรรมบันเทิงที่ผลิตหนังจีนกำลังภายในส่งออกไปทั่วโลก แต่ลืมพิจารณาลงไปว่า เหนือโอกาสการพัฒนาของสังคมและสิ่งที่กล่าวถึงเหล่านี้ของสิงคโปร์นั้น ล้วนเป็นผลสืบเนื่องที่เกิดขึ้นภายหลังปัจจัยเรื่องคนและการสร้างทุนทางสังคม อีกทั้งในบรรดาความสำเร็จมากมายของการพัฒนาประเทศและพัฒนาคนนั้น ก็เป็นผลสืบเนื่องของกรณีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประเทศหนึ่งที่สังคมไทยและทั่วโลกอาจต้องขอเรียนรู้ว่า ข้อจำกัดมากมาย อีกทั้งบนความแตกต่างหลากหลายทางเชื้อชาติภายในสังคมนั้น เขาสร้างประเทศให้บังเกิดสิ่งต่างๆในข้างต้นขึ้นมาได้อย่างไร ?
ภาพที่ ๗ ผู้เขียนและกลุ่มนักศึกษาหลักสูตรการบริหารจัดการทางการศึกษา หลักสูตรนานาชาติ เป็นผู้อำนวยการและครูใหญ่ของสถานศึกษาจากภูมิภาคต่างๆของประเทศศรีลังกาที่ได้รับทุนการศึกษาปริญญาโทจากธนาคารโลก
คำถาม บทเรียนในวิถีปฏิบัติเพื่อพัฒนาการศึกษาเรียนรู้สร้างพลเมืองและสังคมดังพึงประสงค์ของสิงคโปร์
หลังจากได้ไปสัมผัสและพบว่าสิงคโปร์มีหลายสิ่งมากกว่าที่เคยได้รู้ ทำให้ผมอยากให้คำตอบแก่ตนเองอีกหลายอย่าง.............
ภาพที่ ๘ เด็กๆและพลเมืองของสิงคโปร์มีความกลมกลืนในการอยู่ร่วมกันพร้อมกับคงความแตกต่างและเป็นตัวของตัวเอง สื่อต่างๆของสิงคโปร์ที่เผยแพร่สู่ชาวบ้านทั่วไปอาจทำเป็น ๔ ภาษาอย่างให้ความสำคัญเท่ากัน ไม่ทำให้เกิดความมีเชื้อชาติและภาษาใดที่เป็นคนกลุ่มน้อยและวัฒนธรรมย่อย ใช้ภาษามาเลย์และภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ ทว่า เน้นมุ่งสร้างคนและวิถีการอยู่ร่วมกัน มิใช่สร้างความเป็นสากล
ประชาสังคมศึกษา : การศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองสิงคโปร์
เขาจัดการศึกษาเรียนรู้พัฒนาพลเมืองอย่างไร จึงได้เป็นชาวสิงคโปร์บนแผ่นดินเดียวของหลายเชื้อชาติ ศาสนา ? เขาต่อเติมทุนมนุษย์และพลังสร้างสรรค์ของปัจเจกแทบทุกคนและทุกช่วงวัยอย่างไร คนเพียงหยิบมือเดียวจึงเป็นกำลังของสังคมที่กุมเครือข่ายเศรษฐกิจสำคัญของโลกเป็นจำนวนมาก ?
ภาพที่ ๙ ห้องนำเสนอสื่อแบบผสมผสาน ในพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้จินตภาพความเป็นสิงคโปร์ Singapore Immages Learning Centre นำเอาศิลปะ สื่อ เทคโนโลยี IT เทคโนโลยีเลเซอร์ ละครเวที และการจัดแสดงนิทรรศการวิถีชีวิต มาผสมผสานกันและให้ความหมายที่ต่างออกไปของการท่องเที่ยว ให้เป็นการเรียนรู้และได้ประสบการณ์ทางสังคมอย่างมีความหมาย
ประชาสังคมศึกษา : การศึกษาเรียนรู้ที่เป็นวิถีชีวิตและความเป็นอยู่
สื่อและกระบวนการเรียนรู้ในวิถีชีวิตเป็นอย่างไร การผลิต บริโภค และดูแลทรัพยากรอันจำกัดจึงเอื้อแก่การอยู่อาศัยและดำเนินชีวิตด้วยทักษะที่ทัดเทียมเพียงพอทั้งต่อความก้าวล้ำนำโลกและความเป็นท้องถิ่นสิงคโปร์ที่ไม่เหมือนใคร มีที่ทางอันเหมาะสมบนสารบบโลก พอเพียงแก่ตนเอง ?
ภาพที่ ๑๐ ประติมากรรมกลางแจ้ง เป็นทั้งสิ่งตบแต่งเมืองหรือ Street Furnitures สิ่งแวดล้อมทางศิลปกรรมที่ให้ทั้งความสุนทรียภาพ สร้าง Transformative Learning ที่ให้ประสบการณ์ทางสังคมและปลูกฝังความสำนึกรู้ต่อรากเหง้าตนเองในความเป็นกุลีท่าเรือ ก่อนที่จะมาเป็นสิงคโปร์เมืองท่าที่สำคัญที่สุดของโลกในภูมิภาคเอเชีย
ความเป็นอารยะทางจิตใจที่อยู่เบื้องหลังความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ
ศิลปะและการกล่อมเกลาจิตวิญญาณความสร้างสรรค์ในพลังของมนุษย์เป็นอย่างไร เด็กๆและพลเมืองของเขาจึงสามารถพัฒนาปัจเจกภาพอย่างเหมาะสม สะท้อนสรรพปัญญาของโลกลงสู่ตนเองได้อย่างกลมกลืน สง่างาม กระทั่งแปรไปสู่การดำเนินชีวิตและสร้างกำลังการผลิต ด้วยความเป็นสิงคโปร์ที่ผสมผสานไปกับทั่วโลก เขาสร้างความละเอียดอ่อนแก่คนของเขา ให้สามารถมีกำลังจิตใจนำตนเองและมีพลังสร้างสรรค์สิ่งต่างๆออกมา ด้วยวิธีคิดและแนวปฏิบัติกันอย่างไร ?
กระนั้นก็ตาม หลายอย่างก็ก่อให้เกิดผลกระทบ แรงกดดัน อีกทั้งเป็นความสูญหายและความสูญเสียทั้งของสังคมท้องถิ่น เพื่อนบ้าน และของสังคมโลกที่เกิดขึ้นควบคู่ไปด้วย ดังนั้น บทเรียนของสิงคโปร์สามารถให้แนวคิดต่อการนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทสังคมไทยว่าควรและไม่ควรทำอะไรและอย่างใดบ้าง ทำไม?
สวัสดีค่ะอาจารย์
ชมภาพแล้ว มาอ่านเรื่องต่อค่ะ
สวัสดีครับคุณณัฐรดาครับ
สวัสดีครับอาจารย์ขจิตครับ
ขอบคุณค่ะ..ประเด็นผลกระทบและแรงกดดันซึ่งเป็นผลเสียทางสังคมนั้น พี่เคยสังเกตได้เองในช่วงที่ไปสัมมนาทางการเงินหลายครั้งที่นั่นค่ะ
...คนสิงคโปร์ส่วนหนึ่งที่เห็น..ขาดความอบอุ่น แม้จะดูมั่งคั่งทางวัตถุ..จากอุดมคติที่ยึดมั่นว่า ชาติมาก่อน..สร้างชาติให้ดี..เราย่อมดีไปด้วย..แต่โดยแท้จริง..พวกเขาโหยหา ความสุขเชิงปัจเจก เหมือนมนุษย์ทั่วไป...เพื่อนสิงคโปร์ชอบมาเที่ยวเมืองไทยมาก..มาทุกโอกาสที่ว่าง..เพราะที่นี่มีทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ...โดยเฉพาะวิถีชีวิตที่ "ตามสบาย..คือไทยแท้" ..
สวัสดีครับคุณพี่นงนาท สนธิสุวรรณครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ ดิฉันชอบระบบการสนับสนุนการศึกษาของคนที่นี่ค่ะ โดยเฉพาะงานห้องสมุด หากมีโอกาสอาจารย์ลองแวะชมห้องสมุดที่นี่ค่ะ ดีมาก สมาชิกสามารถแนะนำหนังสือที่ตนอยากอ่านได้และห้องสมุดจะจัดหามาไว้ หนังสือในห้องสมุดที่นี่บางเล่มมาก่อนร้านหนังสือเสียอีก
ด้วยการที่เป็นประเทศทุนนิยมแนวหน้าของเอเชีย ปัญหาหนึ่งที่ผู้คนชาวสิงคโปร์โดยกำเนิดกำลังประสบในตอนนี้คือ ความภาคภูมิใจในความเป็นสิงคโปร์ ทั้งนี้เพราะประเทศนี้เปิดรับชาวต่างชาติมากมายเข้ามาอาศัย คนที่นี่เริ่มรู้สึกไม่มั่นคงกับอนาคตของตนที่ต้องแข่งขันกับชาวต่างชาติในด้านการเรียน หน้าที่การงาน ฯลฯ
พวกทหารบางกลุ่มเขาเริ่มถามตัวเองว่าเขาปกป้องประเทศเพื่อใคร
น่าสนใจค่ะ
สวัสดีครับคุณปิริจมารจครับ
พี่อาจารย์ไปสิงคโปร์ได้มาหน่อยนึง...http://gotoknow.org/blog/watchareeya/434839