เริ่มต้น-ตามหา "โมโม่" กับ "ดช.พล" ที่ตม.สวนพลู ตอนสีุ่ทุ่มสิบนาทีเศษๆ


..เขาย้ำหลายครั้งว่า เราไม่ไว้ใจเขา เราตอบยืนยันทุกครั้งว่า ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ เพียงแต่เราไม่สบายใจ และเราในฐานะคนที่รับทราบเรื่องนี้ ก็อยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อความแน่ใจ ความสบายใจ ..ความผิดพลาดที่ไม่มีใครตั้งใจให้เกิด คือสิ่งที่เรากังวล และหากให้เรากลับมาพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ก็อาจสายเกินไป..

สี่ทุ่มสิบนาทีเศษ ..เราสามคนอยู่ที่ตม. สวนพลู

ประตูตม. เปิดกว้าง
มีรถสองแถวจอดเรียงราย
(ระหว่างนั่งรถแทกซี เราคุยกันว่า รถส่งคนกลับไปฯ เป็นรถอะไร)

เราถาม ถามและถาม..
ทุกคำตอบทำให้เราเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงตึกสำนักงานชั้นใน เป็นฝ่ายกักตัวแรงงานต่างด้าว

เจ้าหน้าที่คน หนึ่งชี้ไปที่เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง และแนะนำให้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งให้รอ เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง เมื่อแจ้งความประสงค์ของเรา เจ้าหน้าที่ก็บอกให้รอ เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง

เรา: "ทางสภาทนายความส่งหนังสือมาประสานงานขอให้ไม่ให้ส่งเด็กอายุ 2 ขวบออกนอกประเทศ  ได้มีการประสานงานกับจนท. ที่ชื่อ "ปิยะ" ทางเราจึงตามมาดูเพื่อให้สบายใจค่ะ"

ระหว่างรอ "จนท.ที่เกี่ยวข้อง"

จนท.คนหนึ่งพูดยิ้มๆ: "ส่งแม่ไม่ได้ ก็ส่งเด็กได้นะครับ"

เรา: "เด็กอายุ 2 ขวบเนี่ยนะคะ ส่งออกไปแล้วเด็กจะอยู่ยังไง"

จนท.: "ก็ให้แม่ไปด้วย"

เรา: "แต่แม่มีใบอนุญาต"

จนท.: "ก็ให้แม่ถอนใบ สิ"

เงียบ...

เรา: "เอ.. มีกรณีแบบนี้บ่อยไหมคะ?"

จนท.: (หัวเราะ) "ไม่มีหรอก ผมพูดเล่น"

เรา: "ได้เห็นจดหมายที่ทางสภาทนายความส่งมาประสานมาเมื่อตอน สองทุ่มเศษ หรือเปล่าคะ"

จนท. : "ไม่เห็นมี นิครับ"

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาพร้อมกับเอกสารในมือ มันถูกไปเปิดที่หน้าหนึ่งที่เป็นตารางรายชื่อของบุคคล มีชื่อสองชื่อถูกขีดเส้นยาวทับชื่อ-อายุ-และไปสุดที่ข้อความว่า "รอนายจ้างรับกลับ"

เราโต้แย้ง ว่า ชื่อของ "นางโมโม่" ผู้เป็นแม่นั้นถูก ตรงกับชื่อที่เราได้รับแจ้ง
แต่ชื่อ "ดช.อับดุลลา อายุ 3 ขวบ" นั้นไม่ตรงกับชื่อที่เราได้รับแจ้ง เพราะว่าชื่อที่เราได้รับแจ้งนั้นคือ "ดช.พล อายุ 2 ขวบ"

จนท. : "ก็แม่เขา บอกผมแบบนี้"

จนท. : "แบบนี้ก็ไม่ส่งฯ แล้ว รอนายจ้าง"

เราขอถ่ายรูปหรือถ่ายสำเนาเอกสาร "ผมบอกแค่นี้ คุณยังไม่เชื่อหรอ" และ "ดุ" ว่า "คุณถ่ายรูปไม่ได้นะ"

แน่นอน เราเชื่อในคำพูดของเขา
แต่ที่แน่นอนยิ่งกว่า คือ เรายังคงไม่สบายใจ

พวกเรายังไม่กลับ อยากรอว่ารถสองแถวที่จะไปแม่สอด ที่จะออกไปนั้น ไม่มีแม่ลูกคู่นี้ อยู่บนรถ!

รถสองแถวสามคันออกไปด้านฝั่งลาว

รปภ.ด้านหน้าตม. บอกให้เราไปดูใกล้ๆ ก็ได้

เราไปถึงหน้าประตูที่รถสองแถวเทียบจอด เพื่อรับคนขึ้นรถ

มีจนท.คนหนึ่งกวักมือเรียกฉัน และถาม

ฉัน ขอให้เขาช่วยดูว่า กระดาษรายชื่อที่อยู่ในมือเขาไม่มีชื่อของโมโม่และลูก เขาบอกว่าเขาบอกและทำให้ไม่ได้

"เด็กก็มีทุกวันแหละครับ ถ้าผมดูรายชื่อคันนี้ให้ แล้วคุณจะดูอีกสองคันด้วยหรือเปล่า"

"ดูค่ะ"

"นั่นไง ผมดูให้คุณไม่ได้หรอก"

"ผมเป็นแค่บุรุษไปรษณีย์ พรุ่งนี้คุยค่อยมาเชค หรือถามไปที่แม่สอดก็ได้" ..เขาย้ำหลายครั้งว่า เราไม่ไว้ใจเขา

เราตอบยืนยันทุกครั้งว่า ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ เพียงแต่เราไม่สบายใจ และเรา-ในฐานะคนทราบเรื่อง เพื่อความแน่ใจ เพื่อความสบายใจ ..ความผิดพลาดที่ไม่มีใครตั้งใจให้เกิด คือสิ่งที่เรากังวล และหากให้เรากลับมาพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ก็อาจสายเกินไป..

จนท.ทุกคนย้ำคำพูดเดิม "ขอให้เชื่อใจ"
แต่ถึงที่สุด เขาก็ยืนยันที่จะไม่ตรวจสอบรายชื่อในมือเขา

เขาบอกให้ ฉันออกไปจากบริเวณนั้นได้แล้ว ขอให้เขาได้ทำงานตามหน้าที่ของเขา ..ฉันเดินออกมาและมองหาไหมกับมิว มิวตะโกนมาแต่ไกลว่า "มีเด็กอยู่บนรถคันแรก"

เราหมุนตัวกลับและพุ่งไปที่จนท.คนหนึ่งที่อยู่ใกล้และมีเอกสารในมือง เราขอร้องให้เขา่ช่วยตรวจสอบชื่อคนในเอกสารอีกครั้ง

เขายืนยันว่า "ไม่ได้" และบอกให้เราเข้าไปคุยกับคนในตึก และเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าจะรอ จนกว่าเราจะออกมา

เราตัดสินใจแยกกัน ฉันกับมิวกลับไปที่สำนักงาน
ไหม ยืนรอที่รถ

กว่าเราจะหาจนท.พบ และคุยยังไม่เสร็จดี เสียงรถก็วิ่งออกไป..

จนท.ที่เราเจอ ช่วยอะไร-เราไม่ได้ "เจ้าหน้าที่กลับไปหมดแล้ว"

เราออกมาเจอไหม ที่กำลังคุยกับร้อยเวร

ร้อยเวร: "เด็กมีทุกวันแหละครับ"

ร้อยเวรยืนยันว่า "ส่งแม่ออกไปไม่ได้ แต่ส่งลูกออกไปได้"

เรา: "เด็กเป็นลูกของแม่ที่เป็นแรงงานฯ ที่มีใบอนุญาตทำงาน และมีสิทธิอาศัย"

ร้อยเวร: "แล้วทำไม ไม่เอาเด็กไปขึ้นทะเบียนแรงงาน เด็กไม่มีหลักฐานอะไรเลย"

เรา: "แต่เด็กมีสูติบัตร มีเลข 13 หลักขึ้นต้นด้วย 00"

ร้อยเวร: (นิ่งไปนิด) "ก็ไม่ได้ส่งตัวไปแล้ว คุณเชื่อผม พรุ่งนี้มาติดต่อในเวลาราชการ"

เรา (ยิ้มๆ) : "ค่ะ ถ้าพรุ่งนี้เด็กไม่ถูกส่งออกไป เรื่องก็คงจบลงเสียที แต่ถ้าเด็กถูกส่งออกไป เรื่องอาจจะไม่จบแค่คืนนี้"

เรายกมือไหว้ลาเ้จ้าหน้าที่ร้อยเวรคนนั้น  และแจ้งว่าพรุ่งนี้ทนายความของสภาทนายความจะมาตามเรื่องนี้ต่อจากเรา

.............................................

เมื่อตอนบ่ายสองของวันนี้ เราเพิ่งเปิดวงเล็กๆ ขอหารือข้อกฎหมายกับดร.บรรเจิด สิงคะเนติ นักวิชาการด้านกฎหมายมหาชน ประเด็นที่เราหารือก็คือ

การที่กฎกระทรวงตามมาตรา 7 ทวิ วรรค 3 ตามพ.ร.บ.สัญชาติ 2508 แก้ไขฉ.4 พ.ศ.2551 ยังไม่ออกมาเสียนั้น--ทำให้เด็กกลุ่มนี้อยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกจับ และถูกส่งออกไปนอกประเทศ

ในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง ..เด็กที่ตกอยู่ในความเสี่ยง ก็มาอยู่ตรงหน้าของพวกเรา!!!

หมายเลขบันทึก: 280851เขียนเมื่อ 28 กรกฎาคม 2009 00:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 13:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท