สวัสดีค่ะ
แค่อ่านก็ น้ำตาคลอแล้ว
สงสารหลานรูปหล่อมากๆ ไม่เป็นไร ยังมีคุณน้า คุณอา อีกที่คอยให้ความอบอุ่นค่ะ ไม่ต้องกังวลหรอก หลานรัก ยังไงหลานก็เป็นหัวใจของครอบครัวเราค่ะ
เพื่อนสนิคนหนึ่ง ก็เลี้ยงหลานชายหนึ่งคน แบบนี้หละ รักมากๆ รักเหมือนลูก ไปรับส่งที่โรงเรียนทุกวัน อบอุ่นค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ ซนจะตาย ไม่อยู่นิ่งเลย ต้องเรียกทำการบ้านทุกวัน
วันนี้ เขียนเรื่องหนักหน่อยนะคะ
เป็นอีกแง่มุมหนึ่ง ที่สังคมไม่ควรมองข้าม
น่าคิดนะครับ................
ผมจบเรื่องสมัย 3 ขวบ และน้อยกว่านั้นนิดหน่อยได้บ้างนะครับ. จำพ่อ แม ่ญาติได้. จำชุดที่ใส่ได้. จำรองเท้าได้ จำได้ว่าทำไมใส่รองเท้าไม่เหมือนคนอื่น. จำของเล่นได้. จำเหตุการสำคัญหลายอย่างได้.
สมัย 7 ขวบก็จำได้แล้วว่าเคยแกล้งโง่. เคยรู้สึกว่าผู้ใหญ่คงลืมตอนเด็กๆไปหมดแล้ว เพราะแสดงออกเหมือนกับเราไม่รู้อะไร หลอกเด็กด้วยเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ. แต่หลายความก็แกล้งโง่ไป เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจใคร. อาทิ เรื่องของซานตาคลอสอะไรแบบนั้น. ตอนเด็กๆ ผมเชื่อมั่นมากว่าไม่มีจริง. คนเอาอะไรมาให้ต้องเป็นพ่อแม่แน่ๆ. แต่ก็แกล้งโง่ไปในบางปี. แต่ว่าตอนนี้ไม่มั่นใจละ.
ผมรู้สึกได้ว่าที่โรงเรียนมีเรื่องแย่ๆอะไรหลายอย่าง. แม้แต่การเหยียดเชื้อชาติ!!! แต่ก็ดูเหมือนว่าคนที่มีพฤฒิกรรมเหล่านั้นเอง ก็ไม่ใช่คนเลวหรือมีจิตใจโหดเหี้ยมอะไร. แต่ว่าไม่เข้าใจว่าการกระทำ หรือคำพูดของเขาทำร้ายคนอื่นอย่างไร. หลายครั้งคำตอบที่ได้จากการทักท้วงเรื่องที่เป็นความเดือนร้อนของคนส่วนน้อย. ก็จบลงด้วยคำตอบว่า "อย่าคิดมากน่า". (ความเดือดร้อนของคนอื่นก็เลยไม่ต้องคิดมาก? ผมไม่สามารถจิตนการได้ว่า คนที่ให้คำตอบนี้ ในใจเขาคิดอะไรแบบไหน)
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนนะคะ
หนิงก็เคยมีเพื่อนที่อยู่กับคุณตาคุณยาย ไม่เคยรู้จักคุณว่าคุณพ่อเป็นใคร และคุณแม่ก็ไม่ให้เรียกว่าแม่นะคะ แต่เขาไม่เกลียดวันแม่ค่ะ เขาจะพาคุณยายมาทุกครั้งที่โรงเรียนจัดวันแม่ แล้วจะคุยเสมอว่า...พวกตัวเองแค่ แม่ แต่เขาพาแม่ของแม่ มา 555 แล้วพวกเราจะจำคุณยายของเขาได้ดีค่ะ เพราะคุณยายมาโรงเรียนทีไร ขนขนมมาแจกพวกเราเสมอ ที่สำคัญตอนนั้น เด็กกทม.อยู่แฟลตตำรวจ แบบหนิงไม่ค่อยรู้จักขนมไทยอ่ะค่ะ คุณยายทำให้หนิงรู้จักขนมไข่หงส์ และทำให้ชอบขนมนี้มาจนถึงทุกวันนี้
หนิงเชื่อว่า ความรักความอบอุ่นของผู้ดูแลปัจจุบันสำคัญกว่าค่ะ
เพราะบางคนขนาดพ่อแม่ อยู่ครบในครอบครัวเดียวกัน แต่พอวันแม่ทีไร คุณแม่ก็ไม่อยากมาโรงเรียน อ้างว่า ไม่ว่าง ติดธุระ อื่นๆ ร้อยแปด แถมบางที อยู่ในบ้านเดียวกันก็ทะเลาะกันให้ลูกเห็นทุกวันอ่ะค่ะ บางทีก็พาลเอากับลูกๆด้วย
พอช่วงจังหวะชีวิตหนึ่ง ตั้งแต่ ป.5 - มัธยม หนิงก็ต้องแยกจากครอบครัว มาอยู่ตจว.กับคุณตาคุณยายเช่นกันค่ะ ทุกครั้งที่โดนล้อ โดนแกล้ง ว่า พ่อแม่ไม่รัก ถึงเอามาทิ้งไว้กับคุณตาคุณยาย (เพราะครอบครัวยังอยู่กทม.)
หนิงก็จะคิดถึงเพื่อนและคุณยายของเขาค่ะ ทำให้พอคลายอารมณ์โกรธคนอื่นๆไปได้
วันแม่ ก็ยังเป็นวันสำคัญ ถึงน้องจะยังไม่ค่อยเข้าใจ อย่างไรเราก็ต้องพยายามให้ปรับความเข้าใจน้องนะคะว่า แม่ คือ ใคร มีหน้าที่อย่างไร ความกตัญญูต่อแม่ผู้ให้กำเนิด และแม่ผู้ให้การเลี้ยงดู และทุกวันนี้ถึงน้องจะไม่เคยเจอ แม่ แต่หน้าที่เหล่านั้น พวกเราดูแลอยู่แล้ว พวกเราก็คือแม่ผู้ให้การเลี้ยงดู
ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่คิดเหมือนกันว่า กิจกรรมวันแม่นั้น บางทีก็เผลอไปทำร้ายจิตใจใครตัวเล็กๆคนหนึ่งได้เหมือนกัน เคยเขียนบทความแล้วส่งไปโรงเรียนลูกเมื่อ 2 ปีก่อนมาแล้ว คุณครูก็กระจายให้พ่อแม่หลายคนได้อ่านทางวารสารของโรงเรียน
โชคดีที่โรงเรียนที่ผมเลือกให้ลูกไปเรียนนั้น คุณครูเข้าใจเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี พ่อขวางโลกอย่างผมจึงสามารถแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่
สวัสดีค่ะ คุณซูซาน
ฟังเรื่องราวแล้วก็รู้สึกเห็นใจทุกคนในครอบครัวที่ได้พยายามดูแลจิตใจของหลานไม่ให้กระทบกระเทือน แต่แล้วก็มีกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งมากระทบจิตใจโดยที่เราไม่สามารถไปปกป้องได้เลย...สู้ๆๆ นะค่ะ ความเข้มแข็งของคุณอา คุณย่า จะช่วยให้หลานๆ เกิดความเข้มแข็งได้ค่ะ
เรื่องวันพ่อแม่แล้วให้เด็กไปไหว้พ่อแม่เป็นแถวๆ ผมเองก็ไม่เห็นด้วย มีเด็กจำนวนหนึ่งได้รับผลกระทบอย่างที่ว่าจริงครับ
ถ้าโรงเรียนจะทำต้องเตรียมเด็กก่อน ก่อนอื่นคุณครูจะต้องรู้ก่อนว่าเด็กคนไหนในห้องไม่มีพ่อแม่บ้าง "ต้อง" ไม่ทำให้เด็กรู้สึกแย่ที่พ่อแม่ไม่มา หรือไม่มีพ่อแม่ ครูควรชี้แจงว่าเป็นกิจกรรมหนึ่งสำหรับนักเรียนที่จะระลึกถึงผู้มีพระคุณ เด็กที่ไม่มีพ่อแม่ครูจะต้องเข้าไปพูดคุยกับเขา ให้กำลังใจ มีกิจกรรมเสริม ฯลฯ ไม่ใช่ทำกันเรื่อยเปื่อยแบบทุกวันนี้ครับ
สำหรับหลานทีมของคุณซูซานนั้น อาจบอกว่าแม่เขามีเหตุจำเป็น ต้องไป .... ควรทำให้เด็กรู้สึกดีกับแม่ครับ เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกดีกับตัวเอง (แต่ก็ไม่ใช่พูดในสิ่งที่ไม่จริงนะครับ) ท่าทีเด็กจะเป็นอย่างไร ขึ้นกับท่าทีในการบอกของเราในเรื่องนี้ด้วยครับ ควรบอกเขาด้วยท่าทีว่าไม่ได้เป็นเรื่องน่าลำบากใจที่จะพูด เขามีคุณน้าคุณอาที่รักเขาอยู่กับเขา ถ้าเรามีท่าทีลำบากใจอึดอัด รู้สึกแย่กับการพูดเรื่องนี้เลี่ยงที่จะพูุด จะทำให้เด็ก sense ได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีแนๆ ่เลย โดยทั่วไปพอเด็กโตขึ้นๆ เขาก็จะค่อยๆ รู้เองครับ แต่ถามเรายังไงๆ เราก็พูดถึงแต่ด้านดีของแม่เขา พูดถึงเหตุจำเป็นของแม่ ไม่ทำให้เขารู้สึกแย่กับตัวเองครับ
ไม่มีแม่...
เป็นเรื่องน่าเศร้าของชีวิต
แต่ที่จริงหลานหนู เหลนผมมีแม่ครับ
เพราะแม่คือผู้ให้กำเนิด
แต่แกคงขาดแม่ผู้เลี้ยงดู ถนอมรักและอาทร
ซึ่งทั้งอาและย่า รับหน้าที่นี้แทนไปแล้วอย่างเต็มที่ เต็มตัวและเต็มใจ
ผมว่าหลานทั้งสองไม่ขาดแม่ดอกครับ!
ที่จริงวันแม่...อาจเป็นสมมุติที่คนคิดขึ้น เพราะอาศัยฐานคิดที่ต้องการให้คนหันมารักแม่วันเดียว
จนเป็นเหตุให้ศูนย์การค้าขายของดีในเดือนหน้า
ที่จริง วันแม่ยังมีอีกมุมหนึ่งที่ครอบครัวหนูซูซานได้รับผลกระทบทางจิตใจ...
และอีกมุมหนึ่ง...แม่หลายคน ต้องพาดเกลียดวันแม่ไปด้วยเหมือนกัน
เพราะในวันนั้น ของทุกปี...ไม่เคยเห็นหน้าลูก
ไม่เคยได้ยินเสียงลูก แสดงความรักและความห่วงหา
อย่าว่าข้าวของที่จะนำมาให้เลย โทรสักกริ๊งหนึ่ง ก็ไม่เคยได้รับ...
แม่หลายคน ปิดทีวี...ไม่อยากไปเดินศูนย์การค้า ไม่อยากให้มีเดือนสิงหาคม
เพราะมันย้ำเตือนให้คิดถึงลูก! คนที่ไม่คิดถึงแม่!
แม่จึงไม่อยากมี วันแม่ วันเดียว !
สวัสดีครับคุณซูซาน
ผมอ่านบทความนี้ตั้งแต่วันแรกที่คุณโพสต์เลยครับ ด้วยความรู้สึกคิดถึงเพลงนี้นะครับ แต่ไม่กล้าจะโพสต์ไว้ให้ครับ ลองฟังดูนะครับ
http://www.budpage.com/bmu06.shtml
เรียงความเรื่องแม่
ขับร้อง : น้องๆจากบ้านราชวิถี บ้านมหาเมฆ
เราทุกคนก็ล้วนมีรูปแบบแตกต่างกันเป็นธรรมดา เพียงแต่ว่าการจำพรากนั้นจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
ตัวเราเองเราก็ต้องจำพรากในวันหนึ่งครับ ผู้เป็นพ่อแม่ ก็เช่นกัน ซึ่งบางทีเราไม่รู้ว่าเรากับท่านใครจะไปก่อนกันครับ
สำหรับหลานของคุณซูซาน ผมว่าสิ่งที่คุณให้กับหลาน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วครับ ความอบอุ่นจะเกิดและกลายเป็นภูมิคุ้มกันให้กับตัวเค้าในยามที่วันหนึ่งเราต้องจากเค้าไปครับ
ความอบอุ่นช่วยได้เสมอครับ ทำให้ผมนึกถึงเมาคลีครับ ที่อยู่กับสัตว์ในป่า แต่เค้าก็อยู่ได้แถมมีจิตใจดีครับ นั่นคือสัตว์เลี้ยงเค้ามานะครับ
ขอบคุณมากนะครับ และขอให้โชคดีนะครับ
สวัสดีครับคุณซูซาน
ครับผม นั่นหล่ะครับ ผมไม่ได้เจตนาจะให้บาดความรู้สึกคุณซูซานนะครับ เพียงแต่ให้คุณลองมองดูนะครับ อย่างที่คุณเจอนั่นหละครับ
ผมเคยทำโครงการไปบ้านเด็กกำพร้าที่นครศรีธรรมราช (บ้านศรีฯ) เราไปจัดกิจกรรมเพียงแค่ประมาณหนึ่งวันหนึ่งคืน (เที่ยงวันถึงเที่ยงวันถัดไป) เห็นความรู้สึก สัมผัสรับรู้ได้หมดเลยครับ แล้วผมก็เชื่อว่า ด้วยสภาพแบบนี้เด็กๆ ก็คงเหมือนกันทุกที่ครับ มีเด็กตั้งแต่ทารกไปจนถึง 18 ปีครับ แล้วนับวันจำนวนเด็กๆ จะมากขึ้นเสียด้วยซิครับ
หากใครที่คิดจะหย่าร้างหรือจะเปลี่ยนแปลงครอบครัว หากได้มีเวลาซักห้านาที หรือมีโอกาสฟังเพลงเหล่านี้ สักสองสามรอบ ก็คงได้มีเวลาให้คิดทบทวนกันบ้างครับ
อย่างน้อยก็นำไปสู่การประณีประนอม ปรับตัว และสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นได้ครับ
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับคุณเม้ง
ก็ด้วยจากเพลงนี้นี่แหละ ที่ทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมาเขียนบทความเกี่ยวกับวันแม่เมื่อปีก่อนตอนดึก
สวัสดีครับน้องบ่าววีร์
จริงๆ คุมกำเนิดได้ก็ดีครับ จะให้สมดุลนะครับ ลองไปศึกษาเล่นนะครับ ว่าสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ ว่ามีการอัตราการเติบโตมากน้อย เทียบกับอะไรหลายๆ อย่างดูนะครับ เช่น ระดับการศึกษา, สาขาอาชีพ, แหล่งกำเนิด, พื้นที่ต่างๆ, ประเทศ, และอื่นๆ ครับ
เราจะได้ข้อมูลอะไรดีๆ มาศึกษานะครับ ตลอดจนข้อมูลการตายด้วยนะครับ
หากเราดูในภาพรวมเราอาจจะเห็นอะไรเด็ดๆ ครับ
ท้ายที่สุดแล้วเราอาจจะเจอกฏของ เหยื่อ และผู้ล่า ครับ หรือกฏอะไรใหม่ๆ ครับผม
ลองเปิดประเด็นใหม่ไหมครับคุณวีร์ แล้วมาสะกิดผมด้วยครับจะเข้าไปร่วมครับ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องคุมกำเนิด นะครับ
สวัสดีครับคุณธนพันธ์
ดีจังครับ ผมเพิ่งจะมีโอกาสฟังเพลงนี้นะครับ แต่ฟังแล้วถึงกับต้องโยงเข้าไปไว้ในบล็อกอยู่พักหนึ่งครับ แต่ท้ายที่สุดต้องเอาออกครับ เพราะยิ่งเปิดยิ่งกัดกินหัวใจไม่พอครับ แต่กัดกินสมอง ตับไตไส้พุงและอื่นๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราก็ต้องเข้าใจ หยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้แก่กันครับ ในบทเพลงมีทั้งส่วนบวกและส่วนด้อยอยู่เป็นธรรมดาครับ มีสุขมีทุกข์ครับ
ขอบคุณทุกท่านนะครับ
โอ ขอ อึ้งแป๊บค่ะ
"ความไม่เห็นด้วยกับการจัดงานวันแม่ของโรงเรียน ที่ไม่มีมาตรการรองรับเด็กที่ครอบครัวมีปัญหา"
พี่ยอมรับว่า ไม่ได้คิด / ลืม เรื่องนี้ไปเลย
*ฝากอันหนึ่ง บางปีคุณครูจะมานั่งเป็นแม่แทนให้ลูกของพี่ค่ะ เวลาพี่ติดงาน
เพื่อนของลูกคนหนึ่ง เขามีคุณยายค่ะ มานั่งแทน*
อยากให้ทบทวนวันพ่อด้วยเน้อ