ฮีบรูกับยิว ต่างกันอย่างไร


บันทึกนี้เป็นบันทึกวิเคราะห์ของคำว่า "ฮีบรูกับยิว" ว่าควรใช้ในบริบทใด และประวัติความเป็นมาของคำเหล่านี้ (ข้อมูลจากความรู้ด้านพระคัมภีร์ และการอ่านหนังสือ + ปรึกษากับนักศาสนศาสตร์ เพราะฉะนั้นไม่อาจฟันธงได้ 100% เต็มว่าเป็นดังที่เขียน เพราะมีการตีความในหลายทางมาก ยังไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับเรื่องนี้)

จากความเดิม อ.บัญชา ธนบุญสมบัติ ได้มาถามไว้เกี่ยวกับบริบทของคำเหล่านี้ และที่มาของยิวว่าเกิดจากที่ไหน เกิดจากแคว้นยูดาห์หรือไม่ เลยได้ตอบคำถามไว้ แต่ก็ยังมีสับสนบางส่วน จึงนำมาเพิ่มเติมขยายเป็นบันทึกอีกที ดังนี้

- คำว่าฮีบรูมีมาก่อนยิว

- ฮีบรู เริ่มจากยุคของ "อับราฮัม" เป็นชนชาติที่พระเจ้าเลือก (ปฐมกาล 17:1-21) และบทนี้เป็นที่มาของชนชาติอิสราเอล+มุสลิม เป็นจุดกำเนิดของปัญหาเรื่องดินแดนจนถึงปัจจุบัน ทั้งยิวและมุสลิมก็อ้างสิทธิชอบธรรมในดินแดนพันธสัญญา คนที่ก่อปัญหาแต่แรกนี่ก็คืออับราฮัมเองค่ะ

- คำว่าฮีบรูมีสันนิษฐานว่าเป็นการเพี้ยนเสียงมาจากภาษาอียิปต์โบราณว่า Apiru อาจจะคัดลอกผิดหรือเพี้ยนยังไงก็ไม่ทราบจนกลายเป็น Hapiru > Habiru > Hebrew ซึ่งคำนี้หมายความว่าผู้ที่ไม่มีอาณาจักรเป็นของตนเอง เป็นการเรียกขานโดยชาวอียิปต์ เรียกชนชาติของอับราฮัม (ซึ่งตอนนั้นคงเป็นแค่เผ่าเร่ร่อนไม่ใหญ่นัก) ว่าเป็นพวกฮีบรู ซึ่งต่อมาภายหลังถึงมีแผ่นดินของตนเองแล้วก็ยังคงเรียกอยู่ (ข้อมูลนี้เป็นการสันนิษฐาน และได้ข้อมูลรวบรวมมาจากแหล่งต่างๆ ยังไม่สามารถฟันธง)

Image:CanaanMap.jpg ดินแดนคานาอัน

- การเรียงตามลำดับพงศ์พันธุ์  อับราฮัม > อิสอัค > ยาโคบ (อิสราเอล) > ยูดาห์ (ยิว)

- ยาโคบ หรือที่เรียกกันในนาม "อิสราเอล" ทำไมได้ชื่อที่สองนี้มาก็ต้องอ่านพระคัมภีร์บทนี้ (ปฐมกาล 32:24-32, 35:10-12) อิสราเอลครอบครองดินแดนแห่งพันธสัญญาคือคานาอัน เขาเป็นบิดาแห่งบุตรชาย 12 คน ซึ่งต่อมากลายเป็น 12 ชนเผ่าของอิสราเอล (โยเซฟที่ถูกพี่ๆ ขายไปอยู่อียิปต์ก็หนึ่งในนี้ ซึ่งต่อมาก็รับอิสราเอลให้อพยพไปอยู่อียิปต์ตอนกันดารอาหาร อยู่ไปนานๆ หลายชั่วคนก็ถึงสมัยโมเสสจากเรื่อง Prince of Egypt นั่นเอง)

บางคนอาจจะงง เรื่องเผ่าของอิสราเอลเมื่ออ่านจากลิงค์ ว่านับไปนับมาทำไมมี 13 เผ่า ทั้งๆ ที่ยาโคบมีลูกชาย 12 คน โยเซฟที่ถูกขายไปอียิปต์เป็นลูกคนที่ 11 เขาไม่ได้ถูกเรียกชื่อเป็นหนึ่งเผ่า แต่ได้รับอภิสิทธิแตกออกมาเป็นสอง เพราะยาโคบอวยพรให้ลูกชายของโยเซฟ คือ มนัสเสห์กับเอฟราฮิม ยอมรับให้มีศักดิ์เท่าลุงและอา เลยกลายเป็น 11+2 = 13 แต่ในทางการแบ่งแผ่นดินก็ยังเป็น 12 อยู่ดี เพราะเผ่าเลวีไม่ได้รับส่วนแบ่งแผ่นดิน แต่ถูกตั้งให้เป็นตระกูลปุโรหิต ทุกเผ่าต้องเลี้ยงดูแทน เพราะมีหน้าที่เป็นผู้ดูแลในการนมัสการพระเจ้า เหมือนนักบวช เป็นตัวแถม โดยทางเทคนิคเมื่อเวลานับเผ่าจึงไม่นับเผ่าเลวีเข้าไปด้วย

- คำว่า Jew นี้เป็นการเพี้ยนเสียงและกร่อนเสียงลงจาก "Yehudi" แปลว่า "คนของตระกูลยูดาห์" ซึ่งจากการไปศึกษาต่อก็ได้พบว่ามีรากศัพท์จากคำว่า "Yehudah" อันเป็นชื่อของยูดาห์ ซึ่งมีความหมายว่า "praise God" หรือ "ผู้สรรเสริญพระเยโฮวาห์" ความหมายต้นทางจากชื่อนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนต่างชาติเรียกคนเหล่านี้ว่ายิว รวมถึงตัวเขาเองด้วย

- ช่วงที่กษัตริย์โซโลมอนสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เกิดวุ่นวายรบรากัน ชาติอิสราเอลถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คืออิสราเอล (เรียกว่าสะมาเรีย) ตั้งอยู่ทางเหนือ และยูดาห์อยู่ทางใต้ (1 พงศ์กษัตริย์ 12:1-20) ประมาณ 922 ก่อนคริสตกาล พวกที่แยกไปตอนแยกแผ่นดิน มีเพียง 10 เผ่า + เลวีบางส่วนซึ่งไม่นับ (จากเดิมเข้าใจผิดที่ตอบพี่ชิวไปว่ามี 11) เพราะฉะนั้นทางใต้จะมีเหลือแค่ เผ่ายูดาห์ และเผ่าเบนยามิน + เผ่าเลวีและเผ่าสิเมโอนที่เหลือบางส่วน ประวัติช่วงนี้วุ่นวายมากต้องลองอ่านลิงค์เพิ่มเติม และมีตำนานเรื่องเล่าสารพัดเกี่ยวกับสิบเผ่าที่แยกไป

Image:Levant 830.svg 

หลังจากช่วงนี้ไปสองร้อยปี อัสซีเรียมาตีสะมาเรีย กวาดต้อนคนไป แล้วก็มีคนต่างชาติอพยพเข้ามาปนอยู่ในดินแดนตอนเหนือ ชาวยูดาห์เลยรังเกียจว่าพวกอิสราเอล (สะมาเรีย) ว่าเป็นพวกลูกผสม ต่อมายูดาห์ทางใต้ก็แตกเพราะอาณาจักรบาบิโลนเช่นกัน ภายหลังเมื่อได้กลับคืนถิ่นก็เกิดเหตุการณ์ระหองระแหงกินใจกันเนื่องจากยิวไม่ให้พวกสะมาเรียร่วมสร้างพระวิหาร ถือว่าเป็นคนต่างชาติ พวกยิวเขาภูมิใจว่าตัวเองเป็นชนชาติที่พระเจ้าเลือก เป็นเลือดบริสุทธิ์ เลยรังเกียจชนชาวสะมาเรีย


และพอจะสรุปได้ว่า...ถ้าเรียกภาษาก็ต้องเรียกภาษาฮีบรู เพราะทุกส่วนที่แตกแขนงไปจากอันแรกเขาใช้ร่วมกัน ไม่น่าเรียกคนยุคนี้ว่าชาวฮีบรู เพราะเป็นคำที่ต่างชาติใช้เรียกเขาเมื่อนานมาแล้ว

แต่ถ้าเรียกคำว่าชาวยิวก็คงเป็นการเรียกคนชาติอิสราเอลในปัจจุบัน ซึ่งเดิมหมายถึงคนที่อยู่ในแคว้นยูดาห์เท่านั้น แต่ตอนหลังมันแตกกระสานซ่านเซ็น ทั้งเหนือทั้งใต้ พอกลับมารวมกันก็ไม่รู้อีท่าไหนกลายเป็นเรียกคนทั้งหมดบนแผ่นดินนั้นว่ายิว ถ้าให้เดาก็คงเป็นเพราะการที่ต้องการเคลมว่าตัวเองเป็นชนชาติที่พระเจ้าเลือก บริสุทธิ์ ไม่มีมลทิน ไม่มีเลือดต่างชาติมาปน อีกสิบเผ่าที่แยกไปตั้งแต่แรกในความรู้สึกมันไม่บริสุทธิ์แล้ว เลยไม่มีใครอยากเป็น หรืออีกกรณีก็อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นการเรียกเพราะตีความหมายจากคำ ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้สรรเสริญพระเยโฮวาห์" แต่ที่ยังเรียกประเทศว่าอิสราเอลในปัจจุบันก็คงเป็นเพราะมาจากชื่อชนชาติหลักดั้งเดิมของบรรพบุรุษที่ถูกเรียกไว้ อันนี้ไม่กล้าสรุปชัดเพราะไม่ถนัดประวัติศาสตร์ในช่วงยิวคืนถิ่น


ขอขอบคุณ:
- Bible
- อ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์   ประธานคณะกรรมการประสานงานคริสตจักรโปรเตสแตนส์แห่งประเทศไทย
- อ.ดารณี วรเศรษฐ์   คริสตจักรวัฒนา
- Wikipedia

หมายเลขบันทึก: 193826เขียนเมื่อ 12 กรกฎาคม 2008 17:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 08:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

สวัสดีค่ะ
ได้ความรู้ดีนะคะ แม่จะค่อนข้างงงอยู่บ้าง
คือเท่ากับ  ชาวยิวคือ คนที่มีเชื้อสายมาจาก ancient Jewish people ซึ่ง ก็คือ มาจาก  the Hebrews of the Old Testament ใช่ไหมคะ

ออกจะงงค่ะ

เคยอ่านและศึกษาเหมือนกันค่ะ ตอนที่เรียนจิตวิทยาให้คำปรึกษาใหม่ๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อน (สมัยเรียน ป.โท) และมีการศึกษาถึงคำสอนในแต่ละศาสนา และพี่กะปุ๋มก็เลยเถิดศึกษาต่อไป... แต่ขอสารภาพว่า ไม่เข้าใจ...

แต่พอมาอ่านบันทึกนี้ ได้มองเห็นความตั้งใจพยายามเรียบเรียงให้ได้เห็นภาพที่กระฉับขึ้น จึงรู้สึกขอบคุณมาก...หากมีเวลาเขียนให้ได้เรียนรู้ร่วมด้วยอีกนะคะ

(^____^)

พี่ศศินันท์: คำว่ายิวก็นำเสนอไว้สองมุมตามที่เขียน แต่ก็มาจากบรรพบุรุษเดียวกันค่ะ ถ้านับย้อนง่ายๆ ก็ยาโคบ>อับราฮัม ก็ได้ต้นตระกูลฮีบรูแล้ว ไม่อยากอธิบายลึกกว่านี้ ยิ่งลึกยิ่งมึน เอาเป็นว่าพอให้จำแนกออกก็โอแล้วค่ะ

พี่กะปุ๋ม: เป็นธรรมดา ถ้าคนที่เป็นคริสต์แต่ไม่ได้เรียนไบเบิ้ลแบบลงลึกยังไม่รู้เรื่องเลย ส่วนใหญ่จะได้แต่เรื่องคำสั่งสอนใน New Testament เหตุการณ์ที่เรานำมาเขียนนี่อยู่ในหมวด Pentatuke หรือ Five Books ของ Old Testament และบางส่วนจาก 1,2 Kings ซึ่งเป็นเชิงประวัติศาสตร์ซะส่วนใหญ่ ก็กะว่าเขียนแล้วคนอ่านต้องเกิดอาการงง นอกจากคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์อารยธรรมในแถบนี้มาก่อน จะพอเข้าใจได้ อาจจะเป็นบันทึกเฉพาะกลุ่มที่สนใจ ส่วนที่เขียนนี่แค่ขยายความกระจิ๊ดเดียวเอง ยังมีอีกหลายส่วนที่น่าสนใจ เช่น โบสถ์คริสต์ก็พัฒนามาจาก วิหารของยิว และพัฒนามาจากพลับพลาอีกที มีที่มาทั้งนั้น แต่ถ้าเรียบเรียงไม่ดีคนอ่านจะงงเต๊ก

ปกติเขียนเรื่องเล่า เรื่องสบายๆ ก็ขอสลับเอาความรู้มาไว้บ้างแล้วกันนะ ถัวๆ กันไป อาจจะเกิดประโยชน์กับคนที่ต้องการข้อมูลด้านนี้ค่ะ

ประวัติศาสตร์กับเรื่องสังคมศาสตร์เป็นจุดอ่อนของพี่เลย แต่เรื่องนี้อ่านดูแล้วเป็นเรื่องยากจริงๆ เพราะเป็นเรื่องที่ยาวนานมาแล้ว

ได้เรียนรู้เรื่องใหม่อีกเรื่องวันนี้ ^ ^

เริ่มแล้ว!!!! : ) เอาอีกๆ

ไว้จะมาต่อยอดนะคะ มัทอ่านเรื่อง Canaan ไว้เมื่อเดือนที่ค้างแล้วพอดี แต่ยังอ่านไม่จบ

วันนี้ฝากลิงค์นี้ไว้ก่อน พี่อาจจะอ่านแล้วเพราะมัทก็กูเกิ้ลมาแล้วมันขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ มัทชอบอ่านที่คนเขียนเม้นท์ด้วย การเรียกชื่อนั้น มีการเมืองการแบ่งพวกให้ชัดผสมอยู่ มี hidden agenda มีที่มาให้น่างงจริงๆค่ะ คือพยายามแบ่งพวกให้ชัดเลยยิ่งไม่ชัด เหอะๆ

จริงๆมันมี 3 คำเลยที่ใช้แล้วงงได้คือ Hebrew, Jew, Israelite

 

 

  • คนเชื้อชาติ Hebrew หลายๆคนชอบให้เรียกเค้าว่า Hebrew เพราะเป็นคำกลางๆและน่านับถือเพราะเป็นเชื้อชาติที่มีมาแต่โบราณ (the Hebrews of the Old Testament) หรือเรียกว่า หรือ Israelite ไปเลย เป็นการแบ่ง State ไป
  • คนนับถือศาสนาคริสต์ช่วงหนึ่งสนับสนุนให้เรียกคนพวกนี้ว่า Jews เพราะต้องการแยกได้ชัดว่าเป็นพวกกลุ่ม Hebrew ใหม่ที่ต่อต้านพระเยซู (แต่เรียกไปเรียกมากก็เหมารวมไปหมด)
  • คำว่า Jews จึงมี negative connotation ติดอยู่ โดยเฉพาะช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมาถึงช่วง 90's
  • คนชนชาติ Hebrew บางคน (โดยเฉพาะในอเมริกา) อยากให้เรียกเค้าว่า Hebrew เฉยๆหรือเรียกว่า  “non-Jewish Hebrews" หรือ “Jewish Hebrews” ไปเลย
  • แต่แล้วคนชนชาติ Hebrew เองอีกพวกก็บอกว่า ไม่ต้องกลัว เราต้องภูมิใจที่เป็นยิว การเปลี่ยนชื่อให้เรียน Hebrew เหมือนเป็นแค่การเล่นภาษา ไม่ได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ คน Hebrew (โดยเฉพาะคนที่เคร่งศาสนา) จึงสนับสนุนให้เรียกทุกคนที่มีที่มาจากดินแดนผืนนั้นว่า Jews
  • อย่างตอนนี้คนในประเทศอิสราเอลเองก็แบ่งเรียดได้เป็น "Secular Jewish" กับ "Religious Jewish"

เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป แต่อย่างลิ้งค์ที่มัทอ่านเจอ เค้าลองดูจากชื่อองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องว่าใช้ชื่ออะไรบ้าง น่าสนใจดีค่ะ ดูแล้วจะรู้ว่าองค์กรนั้นคิดอย่างไรกับชื่อพวกนี้

เช่น

  • The Union of American Hebrew Congregations, the Hebrew Free Loan Society, the Hebrew Immigrant Aid Society ในอเมริกา
  • "Sociedad Israelita de..."/ "Israelite Society of..." ใน Spain และ Latin America
  • ส่วนในแวนคูเวอร์นั้นใช้คำว่า Jewish เป็นส่วนใหญ่ค่ะ เช่น Jewish Federation of Vancouver, Jewish Film Festival, Jewish Family Service Agency เป็นต้น คำว่า Hebrew ที่เห็นใช้มีแค่ Vancouver Hebrew Academy คือใช้ในบริบทที่เป็นการเรียนการสอนภาษา Hebrew เท่านั้น
  • เรื่องภาษานี่ก็มีต่อ มัทยังไม่ได้ศึกษาแต่ว่าคนไข้ที่รพ.ยิวที่มัทเคยทำงานนั้นพูดทั้งภาษา Hebrew และ Yiddish มัทยังไม่รู้ว่ามันมีที่มาต่างกันยังไงเลยค่ะ คนไข้บางส่วนก็พูดภาษารัสเซียด้วย นอกจากภาษาอังกฤษแล้วก็มี 3 ภาษานี้แหละค่ะที่คนที่ในชุมชนนั้นพูดกันเป็นส่วนใหญ่ มัทต้องหาล่ามเป็นประจำ

 

พี่ตุ๋ย: เอาน่า ใจเย็น เดี๋ยวจะพยายามอธิบายให้ง่ายขึ้น เข้าห้องเรียนให้ 5 คะแนน ตั้งใจให้อีก 5 อ้อ...แต่งตัวเรียบร้อยให้อีก 5 หน้าตาถูกระเบียบให้อีก 5 เห็นมะ ได้ไป 20 คะแนนแล้ว ฟรีๆ มีกำลังใจขึ้นหรือยัง : ) แต่ถ้าหลับแล้วกรนในห้องเรียนต้อง -30 เนื่องจากผู้สอนเสียสมาธิ ถ้าหลับอย่างเดียวไม่ว่ากัน พอรับได้ ; P

น้องมัท: เออ ดีจัง คือพี่เขียนจากการศึกษาพระคัมภีร์และเรื่องทางประวัติศาสตร์ ว่าต้นทางมันมีที่มาแบบนี้ แต่ถ้าเรื่องเกี่ยวกับคน ณ ปัจจุบันน้องมัทใกล้ชิดกับกลุ่มพวกนี้มากกว่า น่าจะให้ข้อมูลได้ดี ส่วนเรื่องการใช้เรียกคนในช่วงหลังจากที่ได้คืนถิ่นฐานแล้วนี่ยากเหมือนกัน เพราะมันมีหลายแนวคิดมาก การเมืองก็มาเกี่ยวด้วยเยอะ แม้แต่ตัวคนยิวเองยังคิดไม่เหมือนกันเลย คนอื่นก็สรุปลำบาก แต่ก็พอเข้าใจความรู้สึก มันเหมือนลูกจีนรุ่นที่สามในไทยไง ใครเรียกเราว่าคนจีนก็คงไม่ชอบใจนัก แต่ถ้าบอกว่าคนไทยเชื้อสายจีนก็อาจจะพอรับได้ ส่วนคำว่ายิวก็คงไว้เรียกกับคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินนั้นเลยอาจจะดีกว่า หรือคนที่ยังถือสัญชาติอิสราเอลอยู่ ถ้าอ.บัญชามาอ่านก็น่าจะพิจารณาส่วนนี้เพราะบริบทที่ถามถึงน่าจะเป็นการใช้ในปัจจุบันซึ่งเกินกว่าที่พี่ทราบ

มีไรก็มาต่อยอดกันอีกนะ สนุกดี เมื่อวานพี่อ่าน Exodus อยู่ น่าสนใจเรื่องพลับพลามาก มันเป็นวิวัฒนาการต่อเนื่องไปเป็นวิหารแล้วในที่สุดก็เป็นโบสถ์อย่างที่เราเห็น แต่รายละเอียดที่บอกไว้นั่นแหล่ะสำคัญ ว่าทำไมต้องมีนั่นนี่ อะไรมีหน้าที่อย่างไร สำคัญยังไง แล้วหลังสมัย OT. ทำไมพระวิหารเปลี่ยนไป โหย...และแค่เรื่องหีบพันธสัญญาในพลับพลาก็ตื่นเต้นแล้ว

อ้อ...ลืม Israelite เป็นการเรียกแทนตนว่า "บุตรแห่งอิสราเอล" ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะเป็นเชื้อสายของยาโคบ (อิสราเอล) ขยันตั้งชื่อเรียกกันจังเลยเดือดร้อนชนรุ่นหลังนิ เรื่อง Canaan ที่อ่านถ้าศึกษาแล้วก็จะรู้ว่ามีชนดั้งเดิมอยู่ก่อนหน้าแล้ว คือชาว Cananite เป็นกลุ่มชน Semitic เดี๋ยวจะลองไปหาอ่านเพิ่มเติมดู เผื่อจะได้แลกเปลี่ยนกัน

อยากรู้เรื่องนี้มานานแล้ว

คนข้างกายชอบมาก ฝากบอกว่า"ขออีก ๆ" เขาเป็นคนที่ชอบอ่าน,ศึกษา เรื่องทางนี้และเล่าให้พี่ฟังอีกที **Five Books ของ Old Testament **1,2 Kings เคยแว่วว่าได้ยิน

เขียนอีกนะคะ (น้องมัทด้วย) รู้ว่า ยากส์ แต่เชื่อมือน้องซูซานค่ะ

พี่หมอจริยา: ก็จะพยายามเขียนเรื่อยๆ ค่ะ วันนี้พึ่งได้หนังสือมาใหม่อีกสองเล่ม "Studying The Synoptic Gospels" กับ "Christian Doctrine & Systematic Theology" น้องๆ เห็นซื้อแล้วเบ้หน้าหนี เอิ๊ก อ่านแล้วมาสอนด้วยนะ ยากง่ะ 555 ก็ยากจริงอย่างที่น้องมันว่า แต่ดีมากทั้งสองเล่ม ถ้ามีอะไรน่าสนใจ อ่านแล้วจะนำมาถ่ายทอดเชิงวิเคราะห์ให้ง่ายขึ้นค่ะ

...พอมาอ่านแล้ว...ดีจัง..ทำให้รู้รายละเอียดลงไปจากที่ซูซานเล่าให้เข้าใจง่ายขึ้น...เลยได้รู้เรื่องยิวกับอิสราเอลมากขึ้นด้วย...พี่ไม่แน่ใจว่าคนที่นับถือคริสต์ทุกคนต้องศึกษาพระคัมภีร์ลึกซึ้งแบบซูซานหรือเปล่านะ...อยากรู้...เห็นที่นี่เด็กๆ..ก็มีไปเรียนคลาสไบเบิ้ลกัน..ไม่รู้ว่าที่เรียนนั้นเป็นแนวเดียวกันหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับที่เล่าด้วยหรือเปล่า..ถามแบบคนไม่รู้จริงๆ.. :)

บันทึกนี้ พี่ซูซาน ออกแนวนักประวัติศาสตร์ ปนๆ นักล่าสมบัติเลยนะครับพี่ อิๆๆ (แซวๆ)

ประวัติยาวนานขนาดนี้ไม่รู้บ้านเมืองปัจจุบันเค้าเป็นยังไง น่าบินไปถ่ายภาพที่นั้นจริงๆ

พี่อุ๊: ไม่ทุกคนหรอก คริสเตียนถือว่าพระคัมภีร์เป็นพระวัจนะพระเจ้าซึ่งต้องอ่านอยู่แล้ว แต่เราสนใจเรื่องการศึกษาพระคัมภีร์เฉพาะด้านมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะในทางประวัติศาสตร์ ที่เขาเรียนๆ กันก็เรียนในทางการแปลความหมายหรือเรียนเพื่อให้รู้ว่าควรหรือไม่ควรทำอะไร ประมาณนั้นแหล่ะ เราเรียนเยอะหน่อยก็เลยได้ติดตัวมาจนทุกวันนี้ ขยันอ่านด้วยล่ะ ยังอ่านหนังสือพวกนี้อยู่ประจำ เดี๋ยวเราจะเขียนเรื่องพระคัมภีร์ จะได้รู้จักกันเพิ่มมากขึ้น ว่าแค่ Bible ก็มีการแบ่งมากมายทีเดียว ต่างนิกายก็ไม่เหมือนกันแล้ว

น้องโก้: น่าไปเที่ยวมาก แต่แถบนั้นไม่ค่อยสงบ ก็เสียวๆ เหมือนกันนะ ไหนสมบัติง่ะ ไม่เห็นมีเลย ; P

คำว่า "ฮีบรู" หรือ "เฮ็บราย" แปลว่า ผู้ที่ข้ามมาจากอีกฟากของแม่น้ำ ถูกพบครัั้งแรกในพระธรรมปฐมกาล 14:13 เป็นคำที่ชาวดินแดนคานาอันใช้เรียกอับราฮัม คาดว่าคำนี้แผลงมาจากคำว่า เอเบอร์ หรือ เฮเบอร์ หรือ เอเบระ ตามสำนวนการแปลในภาษาต่าง ๆ ซึ่งเอเบอร์เป็นชื่อที่พบในพระธรรมปฐมกาล 10:21-25 และเป็นบรรพบุรุษของอับราฮัม ที่สืบทอดมาจากโนอาห์

ที่ว่าข้ามมาจากอีกฟากของแม่น้ำ คือ บ้านเดิมของอับราฮัมที่เมืองเออร์ แผ่นดินเคลเดีย ที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไทกรีสและยูเฟรติส ปัจจุบันคือประเทศอิรัก หลังจากพระเจ้าได้เรียกอับราฮัมให้ออกจากญาติพี่น้องของเขา (ปฐมกาล 12) เขาก็ไม่รอช้าที่ไปยังฮารานและอยู่ที่นั่นจนเธราห์บิดาตาย แล้วจึงเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน ฉะนั้นเมื่อเดินทางจากบ้านเดิมมายังแผ่นดินคานาอันจะต้องข้ามแม่น้ำยูเฟรติส นั่นเป็นความหมายของคำว่าฮีบรู

ข้อมูลจาก The New Bible Dictionary - William B. Eerdmans Publishing Company, Reprint 1967 หน้า 511

ลองศึกษาเรื่องพวกนี้จากอัลกุรอ่านดูบ้างครับ

ขอบคุณนะคะ ได้ความรู้ดีมากเลยค่ะ

น่าสนใจมากครับ เรื่องนี้ แต่ผมว่าคิดเรื่องปัจจุบันดีก่า อิอิ เตรียมตัวกับการมาของพระองค์ผู้สร้างภาษาทุกภาษาของมนุษย์ และทุกสิ่ง เตรียมตัวกับวันสิ้นยุค

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท