บุกแดนมังกร-เยือนนครคุนหมิง


ที่มาของการไปเยือนแดนมังกรในครั้งนี้เริ่มมาจากการเข้าไปรับผิดชอบงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของน้ำมันเครื่องยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทใหญ่สองบริษัทของไทย ผลิตสินค้าภายใต้ยี่ห้อใหม่ แค่ผลิตสินค้าแล้วนำไปขาย+ประชาสัมพันธ์ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับประเทศที่มีภาษากลางที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษย่อมเกิดอุปสรรคในการทำงานอย่างมากมายมหาศาลทีเดียว

เมื่อทุกอย่างพร้อม สินค้าพร้อม สื่อพร้อม ใจพร้อม ขาดแต่ภาษาที่ไม่พร้อม ทีมเราก็ถึงกำหนดเดินทางไปยังคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน สมาชิกในทีมที่เดินทางไปล่วงหน้าเพื่อจัดเตรียมการมีเพียงสี่คน พี่แดง พี่ตุ๋ย ดาว พี่ติ่ง (ล่ามแปลภาษาทางเทคนิค เป็นวิศวรกรไทยที่จบจากไต้หวัน) และผู้เขียน การเดินทางผ่านฉลุย เป็นฤกษ์ดีที่ผู้เขียนฟลุ๊คได้รับสิทธิ์พิเศษจากแอร์สาวผู้ใจดี เห็นเลือกดูเมนูนาน นึกว่ากินไม่ได้ เลยไปเอาอาหารของบิสิเนสคลาสมาให้ อันที่จริงกำลังง่วงต่างหาก งงๆ เลยนึกไม่ออก สักพักหัวหน้าสจ๊วตก็มาคุยด้วยกับคณะเรา แล้วคะยั้นคะยอนำไวน์ของเฟิร์สคลาสมาให้ลอง เออ...โชคดีตั้งแต่ต้นทาง นั่ง Eco แต่ได้กินอาหารดีกว่าราคาตั๋วแฮะ น่าจะนับว่าเป็นลางดีได้



ผ่านไปสองชม. เครื่องร่อนลงยังนครคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนาน มองจากหน้าต่างเครื่องเห็นเมืองขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา นับว่าจีนพัฒนาเมืองได้รวดเร็วจนน่าตกใจ มองไปมีแต่ตึกสูงจำนวนมาก จากเครื่องมองเห็นทะเลสาบใหญ่ซึ่งทราบภายหลังว่าเมืองกำลังหาทางจัดการอยู่ เพราะน้ำเสียจนส่งกลิ่นเหม็นเนื่องจากไม่มีการควบคุมการบำบัดน้ำก่อนปล่อยลงสู่ทะเลสาบ เป็นภาพที่เห็นชัดของการโตโดยไม่มีการวางแผนรองรับให้ดี ทะเลสาบที่ว่านี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร แต่ก็ไม่ใหญ่พอที่จะรองรับความมักง่ายของคนในเมืองที่พัฒนาแบบก้าวกระโดด

เมื่อทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเสร็จทีมเราก็ออกเป็นชุดสุดท้ายเพราะความมากมายของกระเป๋าเดินทางและอุปกรณ์ที่นำไป ด้านนอกคุณอัสนีมารอรับไปส่งยังคุนหมิงโฮเต็ล เป็นโรงแรมใหญ่ เขาว่าสี่ดาว แต่เราให้แค่สามพอ ทั้งล็อบบี้เต็มไปด้วยควันบุหรี่ตามสไตล์คนจีนจนดูเหมือนหมอก ยืนคุยกันนานเพราะโทรไปเช็คที่โรงพิมพ์แล้วปรากฎว่าสิ่งพิมพ์ที่ส่งงานมาล่วงหน้ายังไม่เรียบร้อย ยังไม่ได้เริ่มผลิตด้วยซ้ำเนื่องมาจากติดวันหยุดยาว 101 ของจีน วันรุ่งขึ้นถึงจะเปิดทำการ ช็อคทั้งยืน เหงื่อตกทั้งๆ ที่อากาศเย็นเจี๊ยบ งานเข้าแล้วตรู



เมื่อแก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่สามารถไปโรงพิมพ์ได้ก็ต้องเช็คอินก่อนแล้วเลื่อนไปวันรุ่งขึ้นแทน ซึ่งวันพรุ่งนี้คำนวณดูแล้วก็แสนสาหัส เพราะเราต้องไปบริษัทปริ้นท์อิงค์เจ็ทก่อนเพื่อส่งงานที่จะนำไปใช้ตกแต่งบู๊ธให้ผลิต จากนั้นก็ไปโรงพิมพ์ และต้องเดินทางต่อไปยังจิ่งหงตอนบ่ายสองโมง ตารางแน่นเอี๊ยดทีเดียว วันนั้นสี่โมงเราเลยตัดสินใจไปเดินชมเมืองยังย่านถนนคนเดินตามคำแนะนำของคุณอัสนีว่าใกล้ๆ แค่สามสี่แยก ซึ่งก็เป็นอย่างที่เรากลัว คนจีนว่าใกล้ ก็ใกล้แบบแม้ว สามกิโลกว่าได้ แต่ก็ได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศจีนแบบที่ทัวร์ไม่มีวันได้รู้รส ฟุตบาทใหญ่โต ถนนบิ๊กเอ็ม ตึกบิ๊กเบิ้ม เดินเท่าไหร่ไม่ถึงสี่แยกสักทีเพราะแวะโน่นนี่ตลอด แวะชิมแตงโมหวานเจี๊ยบถ้วยละห้าบาท แวะเข้าไปถามไปรษณีย์เรื่องการส่งเมล เพราะต้องใช้งาน



เดินไปเรื่อยๆ จนถึงถนนคนเดินก็ราวห้าโมงเย็น ตื่นตาตื่นใจกับห้างขนาดใหญ่เรียงรายสองฝั่งทางเดิน แต่มัวชมไม่ได้ ต้องมีตาเหล่ไว้หลบมอเตอร์ไซต์ที่วิ่งบนฟุตบาทตลอดเวลา แถมดันเป็นมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าซะด้วย เลยมาเงียบๆ พอถึงด้านหลังเราก็กดแตรปิ๊นให้ตกใจ แถบนี้ดูเหมือนเซ็นเตอร์พ้อยท์แต่ใหญ่กว่าสักสิบเท่าได้ คราคร่ำไปด้วยฝูงชนที่มาพักผ่อนตอนเย็น รวมทั้งเด็กแว้นซ์และสก๊อย ร้านค้าของขายกินเล่นแปลกๆ มากมายจากเมืองอื่น เช่น ผลไม้เคลือบน้ำตาลสีสวยจากปักกิ่ง โรตีจากฮ่องกง ไอติมสไตล์อิตาเลี่ยน (ดูไงก็ไม่เหมือน) หรือของกินพื้นๆ เช่น ไก่ทอดแยกชิ้นส่วน มีหัว ตรี๋น เนื้อ เครื่องในครบ แต่ที่ชอบคือมีถุงมือพลาสติกให้ใส่จับแทะ กินเสร็จก็ถอดถุงมือทิ้ง เก๋นะคะเนี่ย เราก็เดินไปเรื่อย ถ่ายรูปไปเรื่อยจนถึงประตูที่เป็นไฮไลท์ของเมือง ตะวันก็เริ่มลับขอบฟ้าไปแล้ว ได้เห็นสีสันยามค่ำคืนว่าเมืองนี้ชอบประดับไฟ สวยดีเหมือนกัน



มื้อค่ำเราตกลงใจกินกันที่ร้านขายก๊วยเฉียวหมี่เสี้ยนเก่าแก่นับร้อยปี เข้าไปแล้วก็มึน พี่แกเล่นแบ่งโซนไว้เลย นี่ราคา 8 หยวน จอกสุด 15 หยวนก็กลางๆ ส่วนโซนที่เราเลือกคือ 25 หยวน เต็มพิกัดของเครื่องปรุง ต้องจ่ายก่อนกินกันมั่ว ส่วนน้ำดื่มอย่าไปหวัง ไม่มียกมาให้หรอกถ้าไม่สั่งเฉพาะ คนที่นี่เขากินน้ำแกงแทนน้ำ ส่วนน้ำแข็งยิ่งไม่ต้องไปคิด หายากเต็มทนสำหรับร้านอาหาร หลังจากกินกันเสร็จก็เดินกลับทั้งๆ ขาจะหลุดแล้ว ผ่านน้ำพุใหญ่หน้าศาลาว่าการ เห็นฝูงชนจับกลุ่มกันเป็นวงเบ่อเริ่มออกกำลังกายด้วยการเต้นสเต็บเท้า นึกสนุกเลยไปร่วมด้วย แป๊บเดียวเหงื่อโทรม อากาศเย็นก็ช่วยได้เล็กน้อย เขาบอกว่าที่นี่เต้นทุกวันทุ่มถึงสี่ทุ่ม โห...เราเต้นแค่สิบนาทีหอบแทบตาย ป้าแกเต้นมาสามชั่วโมงแล้ว อึดจริงๆ เมื่อสนุกกันจนพอใจก็ตุรัดตุเหร่กลับโรงแรมด้วยอาการปวดขาสุดขีด

วันรุ่งขึ้นที่ประทับใจคือมองออกมานอกหน้าต่างเห็นคนยืนออกกำลังกาย และวิ่งกันบนฟุตบาทเต็มไปหมด รักสุขภาพจริงเลย แต่ที่ไม่ประทับใจก็คือได้ยินแต่เสียงแตรรถ ดังตั้งแต่ออกจากสนามบินจนกลางคืน หลับไปตื่นมาก็ยังได้ยินตลอด ขยันบีบมาก ไม่เกินห้าวิต้องได้ยินหนึ่งปิ๊น อาหารเช้าที่โรงแรมวันนั้นมีนมด้วย ใครกล้าลองหว่า สังเกตว่ามีแต่คนจีนกิน 555 นมผสมเมลามีน ดื่มแล้วแข็งแรงเหมือนจานเมลามีน



เก้าโมงก็รีบออกจากโรงแรมไปตามกำหนดที่วางไว้ และที่ออฟฟิศนี้แหล่ะที่เจอกับการทดลองห้องน้ำ local เป็นครั้งแรก สยองกว่าอะไรที่เคยเจอมาในชีวิต เหม็น ทุเรศ และอุบาทว์ที่สุด แถบที่เราไปตอนเช้าเป็นดงของร้านปริ้นท์อิงค์เจ็ท รัฐบาลเขากำหนดโซนให้มาอยู่รวมกัน มีเป็นร้อย แออัดยัดเยียดเหมือนแฟลต มองลึกเข้าไปในซอยก็เต็มไปด้วยร้านพวกนี้ เที่ยงได้พักกินเข้าที่ร้านชนเผ่าแต่ไม่มีแม้แต่เวลาดูโชว์ เขาแต่งตัวไม่ทันเสร็จเราก็กินเสร็จแล้ว เผ่นไปโรงพิมพ์ที่อยู่นอกเมือง ยิ่งออกนอกเมืองยิ่งเห็นสภาพแท้จริงของเขาว่าต่างกับในเมืองลิบ บ้านส่วนใหญ่เป็นบ้านอิฐไม่ฉาบปูน ดูไปก็คิดว่าโรงพิมพ์ไปซุกอยู่ตรงไหนได้หว่า แล้วรถก็เลี้ยวเข้าไปยังซอยที่มีโรงงานที่ก่อด้วยอิฐแดงใหญ่โต ดูเหมือนโรงบ่มใบยาสูบมากกว่า เจ้าของโรงพิมพ์มาต้อนรับ ตกใจกันหมดทั้งคณะเลย พี่แกเล่นใส่ชุดทหารกันทั้งโรงพิมพ์ อะไรเนี่ย คุยธุระเสร็จเขาพาชมโรงพิมพ์ ได้กลิ่นยาจีนฉุนมากเพราะเป็นโกดังเก็บยาเก่า มีเครื่องพิมพ์ไม่กี่เครื่องแต่ทันสมัยใช้ได้ Made in China ตามระเบียบ 

คนขับรถยืนไม่เป็นสุขแล้วกลัวส่งเราไม่ทันขึ้นเครื่อง มาเร่งใหญ่ ก็เลยรีบเผ่นไปสนามบินเพราะเช็คเอ้าท์มาหมดแล้ว โกลาหลอยู่ที่สนามบินพักใหญ่เพราะตั๋วออกผิดคนไปหนึ่งใบ มีตั๋วของคนที่จะตามมาคืนนี้ แต่ไม่มีของพี่ตุ๋ย เวรล่ะ ในที่สุดก็แก้ตั๋วออนไลน์มาได้ คนอื่นเขาขึ้นเครื่องไปหมดแล้ว เรายังไม่ได้ผ่านเข้าข้างในเลย แถมตอนผ่านเครื่องตรวจก็ดันเป็นเรื่อง แจ๊คเก็ตที่ใส่มันซิปเยอะ ร้องระงม เห็นคนอื่นโดนตรวจเยอะยังแอบขำ เจอเองขำไม่ออก ลูบหน้าลูบหลัง กางขาลูบทีละข้าง เป้ายันเท้า เท้ายันเป้า ลูบจนร้องเสียวเว้ย พอตรวจเราเสร็จพี่เจ้าหน้าที่แกหน้ามืดเพราะต้องลุกขึ้นลง แต่ไม่มีเวลาดูแล้ว เผ่นแนบ เจ้าหน้าที่ประตูต้องเรียกรถไปส่ง วนหาเครื่องบินตั้งนานกว่าจะเจอ ขึ้นไปชาวจีนมองกะเหรี่ยงไทยกันตาเขียว แถมที่นั่งเราอยู่หลังสุดกันด้วย เออ...มองกันให้พอ ไม่เคยเห็นคนมาสายเหรอ 555 เครื่องเหินขึ้นฟ้าได้ก็ถอนหายใจ เฮ้อ สุดๆ รอดหวุดหวิด

ติดตามการเดินทางต่อไปยังเมืองจิ่งหง (เชียงรุ้ง) ได้ตอนหน้า coming soon
* กลับมางวดนี้พบว่าประสาทสัมผัสไวขึ้น เพราะต้องคอยเต้นแท้บชักเท้าหลบคนขากถุย

หมายเลขบันทึก: 217008เขียนเมื่อ 16 ตุลาคม 2008 18:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

สวัสดีค่ะ
อ่านสนุก ตามสไตล์คนเล่าค่ะ เหมือนกับสมัยพี่ไปมาเมื่อ 5 ปีก่อน แต่คงเจริญกว่ามาก (เฉพาะสิ่งปลูกสร้าง)
5 ปีที่แล้ว ไปติดๆกัน 3 หน เพราะคุณหมอ ไปติดต่องาน บ้านเมืองเขาพัฒนาแบบก้าวกระโดดจริงๆค่ะ
แต่ที่ชอบคือ เขามีใจชอบออกกำลังกายกันจริงๆ ทุกอายุเลย ไม่เหมือนบ้ารเรา ไม่ค่อยชอบออกกำลังกายนะคะ
 Beijing2008

+ หวัดดีค่ะ..คุณพี่ซูซาน...

+ อ๋อยอ่านจากในอนุทินบ้างแล้วค่ะ....สนุกมากค่ะ..

+ ขำ ๆ ที่เด็กน้อยมาปล่อยระเบิด...แล้วพ่อเดินมาเอาทิชชู่เก็บทิ้งถังขยะนะค่ะ...

+ อ๋อยชอบธรรมชาติของเมืองจีนหลาย ๆ ที่นะค่ะ...

+ ชอบนี่ไม่ได้หมายความว่าไปมาแล้วนะค่ะ....

+ แค่ดูรายการแนะนำท่องเที่ยว สารคดี จากทีวีนะค่ะ...

+ พี่ซูซษนหายเหนื่อยแบบมีความสุขหรือยังค่ะ...

+ ฝากหอมแก้มหลานรักด้วยค่ะ...จุ๊บ ๆ

สวัสดีค่ะ

แวะมาเที่ยวคุนหมิงด้วย ... ดูภาพก็อิ่มตาอิ่มใจแล้ว

เคยไปเมื่อปี 2531 ตั้งแต่เด็ก ๆ ดูภาพแล้วเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ

รออ่านต่อค่ะ..^_^..

  • อิจฉาๆ ครับ
  • อยากไปบ้าง
  • แต่ยังไม่มีโอกาส
  • ขอบคุณสำหรับ ภาพสวยๆ
  • และข้อมูลครับ

ซูซาน อ่านไป ขำๆไปแต่เช้าเลย...โดยเฉพาะ เรื่องเจ้าของโรงพิมพ์ใส่ชุดทหาร แฟชั่นอะไรเนี่ย สงสัยเป็นทหารเก่าหรือเปล่า..เสียดายชุดเลยเอามาใส่

คุนหมิง เีคยไปนานแล้วเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าน่าจะใช่โรงแรมเดียวกันหรือเปล่า ...ถนนคนเดินน่าสนุกเนอะ... พี่เข้าใจว่าเค๊าน่าจะสร้างแนวๆนี้ทุกๆเมืองเลยนะ จำได้ว่าตอนไปเฉิงตูก็ใหญ่โตสวยงาม...เวลาไปเที่ยวเมืองจีนทุกครั้งก็ต้องคิดหนักทุกครั้ง เพราะเรื่องห้องน้ำ ต้องเลือกเอาระหว่างธรรมชาติที่สวยงามกับกลิ่นและภาพที่ไม่พึงประสงค์ พอมานั่งนึกๆดู 3-4 รอบที่ไปมา...แม่นแล้ว..เพราะไม่เคยต้องจ่ายเงินไปเองเลยซักครั้งมีสปอนเซอร์ตลอด มิน่าไม่ต้องเสียเวลาตัดสินใจนานเท่าไหร่ พี่ก็ยังทำใจไม่ได้เหมือนกันถ้าต้องวางแผนไปเที่ยวกันเอง

 

คุณซูซานเล่าเรื่องได้สนุกจังค่ะ

ขำเหมือนคุณอุ๊เลย...เรื่องชุดทหารเนี่ย 555

พี่ศศินันท์: คนที่นั่นเขาขยันออกกำลังกายจริงๆ ค่ะ และไม่ค่อยเห็นคนอ้วนด้วย หายากทีเดียว เรื่องความเจริญนี่ก้าวไปมาก บางตึกที่เห็นตอนไปคนจีนบอกว่าเมื่อ 6 เดือนที่แล้วพึ่งสร้างเอง เร็วจนชักจะน่ากลัว ไม่รู้ว่าได้บดอัดฐานให้ดินเซ็ตตัวก่อนหรือเปล่า หลายตึกที่เห็นว่ายังไม่เก่าแต่รัฐบาลก็มีโครงการจะทุบทิ้งแล้วปรับโซนใหม่ ใครก็ห้ามหือทั้งนั้น เดี๋ยวจะเล่าเรื่องโครงการอสังหาให้ฟังค่ะ พอดีได้ไปดูงานมาด้วย

คุณอ๋อย: ก็เล่าสู่กันฟังขำๆ และเล่าในสิ่งที่เห็นว่ามันแปลกดี เป็นประสบการณ์ที่ต่างจากการไปเที่ยวหรือไปกับทัวร์ เวลาได้ไปทำงานลงพื้นที่ตะลอนกับคนจีนนี่มีอะไรสนุกเยอะเหมือนกัน

คุณคนไม่มีราก: อย่าว่าแต่คนไทยที่เคยไปเมื่อนานมาแล้วเลยค่ะ คนจีนเองยังบอกว่าเปลี่ยนทุกเดือน เมืองกำลังโตไม่หยุด อีกสักสามเดือนที่จะไปครั้งหน้า หลายอย่างอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้

ครูโย่ง: ไม่ต้องอิจฉาไปค่ะ ถ้าไปเที่ยวสนุกก็ควรอิจฉาอยู่ แต่ไปทำงานรากเลือดแบบนี้ ไม่หนุกเท่าไหร่ ไม่อยากไปแต่โดนบังคับ เลี่ยงไม่ได้ต่างหาก

พี่อุ๊: เออ เรื่องทหารนี่ฮามาก สงสัยจะเป็นยูนิฟอร์ม ไม่กล้าถามง่ะ แต่ไม่ใช่ชุดทหารจีนหรอกนะ เหมือนชุดทางบ้านเรามากกว่า ใส่หมดยันแม่บ้านเลย คนงานทุกคน เจ้าของ เหมือนเป็นค่ายทหารมากกว่าโรงพิมพ์ มีเลี้ยงหมาอัลเซเชี่ยนตัวเบ่อเริ่มด้วย ถ้าที่กั้นประตูเข้าโรงพิมพ์เป็นแบบค่ายทหารจะไม่แปลกใจเลยนะ ส่วนอาคารเหมือนที่ตั้งกองกำลังผิดกฏหมายอะไรสักอย่างนี่ล่ะ ตอนไปถึงเรายังไม่ยอมเดินเข้าไป ทีมก็ชะงักกันหมด แต่ในที่สุดเราก็ออกนำเป็นคนแรก ไม่ใช่ว่ากล้าหาญหรอกนะ คือโดนคนอื่นดันหลังอ่ะ 555

เรื่องส้วมนี่เกินบรรยาย นอกจากโรงแรมกับสนามบินแล้ว อีกสองครั้งที่เข้าก็คือที่เล่ามา กับที่งานในวันเซ็ตบู๊ธที่ยังไม่มีผู้หญิงใช้ห้องน้ำ นอกนั้นอั้นเจ้าค่ะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ วิ่งลงทุ่งยังดีซะกว่า โล่งโปร่งสบาย ห้องน้ำนี่ทำให้คิดหนักถ้าจะเดินทางไปเที่ยวแชงกรีล่าอย่างที่ตั้งใจไว้

คุณแม่นีโอ: เรื่องขำๆ ยังมีอยู่ค่า รออ่านตอนจบ จะพยายามเขียนให้จบในอีกตอนเดียว

อ.ประจักษ์: ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนสองนะคะ หนุกแน่

  • ขอบคุณครับสำหรับภาพสวยๆ และเรื่องราวดีๆ จากแดนมังกร
  • ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะครับ

น้องเล่าสนุกจังค่ะ เก่งจังสำหรับวัยขนาดนี้ ..ขาลุย..รออ่านตอนสองและตอนอื่น ๆค่ะ

สวัสดีจ้าน้องซูซาน

พี่ไปคุนหมิงเมื่อ 4 ปีที่แล้วมังค่ะ ตอนนั้นที่ไปก็เจอตึกใหญ่ๆ เยอะแยะไปหมด ความยิ่งใหญ่ของสถานที่และสิ่งก่อสร้าง เป็นสิ่งที่เห็นและรับรู้ได้ทุกครั้งที่ไปจีน (คุนหมิง เฉิงตู จิ๋วไจ้โกว หนานนิง นานกิง เชี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซิ่นเจิ้น รวม 6 ครั้งไม่ซ้ำเมือง)

ดีใจที่น้องซูซานได้มีโอกาสไปใช้บริการห้องน้ำแบบดั้งเดิม ... อิอิ

จะรอตามอ่านตอนสองนะจ้ะ

โอ้โห.............เจ๊เล่าซะเห็นภาพเลย อิอิ

ก็ไปมาด้วยกันนี่เนอะ

กลับมาดาวหลับเป็นตายเลย อาหารอย่างแรกเป็นส้มตำแน่นอนจ้า

คุณ liverbird: ขอบคุณที่มาอ่านค่ะ
คุณภูสุภา: เล่าแต่หนุกๆ ให้ฟังค่ะ อันไหนไม่หนุกก็ไม่เล่า เดี๋ยวเครียด เอ่อ จะบอกว่าวัยก็ไม่น้อยแล้วค่ะ ไม่วัยรุ่นแล้ว
พี่แป๋ว: แหม...หนุกบนฟามทุกข์น้องนะ แต่ห้องน้ำเนี่ย อี๋จริงๆ อยากแบ่งปันโอกาสให้พี่ได้มีประสบการณ์ร่วมบ้างจัง ขอให้พี่เจองวดหน้านะ ; P
ดาวๆ (ซิงๆ): แม่น เจ้กลับมาขนาดไม่พิศวาทส้มตำนะ ยังอดไม่ได้ โซ้ยไปหนึ่งเหมียนกัล พี่กลับมาก็หลับนะ อยากนอนตื่นสายหน่อยก็ไม่ได้เพราะตรงกับวันทำงาน โดนคนโทรตามแต่เช้าเลย เศร้า T_T

สวัสดีจ้ะ น้องเล็ก

  • บันทึกนี้สุดยอด...ชอบตอนสุดท้ายน่ะ...มีขากๆๆๆๆ...ถุยด้วยเหรอ....

น้องเล็กแก้มป่อง

เล่าเรื่องเหมือนฉายหนังให้ดู

ว่าแต่สาวสวยที่ชี้ชวนดูผลไม้แช่อิ่มเหมือนอมยิ้ม ใครกันนะ?...คุ้นๆอยู่น่า :)

ขนาดไปทำงานนะคะเนี่ย

น้อง Little Jazz ยังเก็บข้อมูลมาเล่าได้สนุกสนาน

แถมภาพสวยๆ อีก

ชอบค่ะ ชอบ

พี่หญิงใหญ่: ชอบขากถุยก็ไม่บอก ทีหลังจะจัดให้นะ 555 อ๊วกง่ะ แค่คิดก็หยองแล้ว อย่าลืมตามไปอ่านตอนจบนะ
ศิษย์พี่ใหญ่: เล่าแบบพาทัวร์ค่ะ ให้คนที่ไม่ได้ไปก็หนุกไปด้วยกัน ส่วนสาวในรูปนั่นสาวจีนค่ะ หน้าตาดีมากทีเดียว ศิษย์พี่ใหญ่เห็นด้วยมั้ยคะ เหอๆๆ
คุณ tuk-a-toon: ไปทำงานค่ะ ยืนยัน เดี๋ยวคนอื่นนึกว่าไปเที่ยว แต่จะเล่าเรื่องงานมันก็น่าเบื่อ เล่าเรื่องที่ไปเจอมันสนุกกว่าเยอะ

  • ตามมายิ้มๆกับทัวร์ของน้องซูซาน

ไปอ่านตอนไปจิ่งฮุ่งก่อนแล้วถึงมาอ่านตอนนี้ ช่างเล่าได้เห็นภาพมากเลยค่ะ น่าเหน็ดเหนื่อยเอาการอยู่นะคะ

ไปเมืองจีนต้องทำใจหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความสะอาด เขาไม่มีเซ้นส์เรื่องสุขอนามัยเท่าไหร่

ตอนพี่ไปหังโจวในการประชุมระดับนานาชาติเขามีอาสาสมัครเป็นนักศึกษาเอกภาษาอังกฤษมาช่วยในงาน พี่ว่าเขาก็พยายามพัฒนาคนอย่างเร่งด่วนค่ะ

เรื่องบ้านใหญ่โตนั้นพี่ก็สงสัยเหมือนกันเพราะเห็นหมู่บ้าน และบ้านเดี่ยวหรูๆเยอะมาก ทั้งๆที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ร่ำรวยนัก เขาว่าอสังหาริมทรัพย์ที่คุนหมิงแพงมากๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท