ทำชีวิตการงานให้งอกงามไปด้วยกัน : วงคีตาญชลี


....เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของสังคมให้บูรณาการทั้งสมองและหัวใจ รวมทั้งแปรวิธีคิดที่เป็น ๑ ใน ๓ หลักปฏิบัติในพุทธศาสนาซึ่งคนส่วนใหญ่มีประสบการณ์อยู่ คือ หมั่นทำจิตใจให้เบิกบานแจ่มใสอยู่เสมอ...

พี่สาวที่ผมเคารพนับถือมากคนหนึ่ง กำลังทุ่มเททำศูนย์ปฏิบัติธรรมเพื่อให้เป็นมรดกแก่ชุมชนและกลุ่มคนที่มุ่งวิถีแห่งการภาวนา ทำในสภาพที่พี่เขาเองมีสุขภาพที่ย่ำแย่และคู่ชีวิตของพี่เขาก็ดำเนินชีวิตในแบบเดียวกัน  

เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อนระหว่างที่ทำกิจกรรมชมรมชีวเกษม ที่อำเภอพุทธมณฑล และในมหาวิทยาลัยมหิดล จังหวัดนครปฐม ผมกึ่งถามกึ่งสนทนาพลางก็ทำงานหลังเก็บข้าวของที่ขนไปช่วยกันทำกิจกรรมว่า เป้าหมายของชีวิตที่ทำให้มาทำสิ่งต่างๆของพี่อยู่นี้คืออะไรหรือ พี่เขาตอบว่า ขอให้ชีวิตมีโอกาสได้เข้าถึงธรรม อย่างอื่นก็ไม่หวังอะไร

จากนั้น ก็ยังเห็นทั้งสองท่านทุ่มเททำสิ่งต่างๆมากมาย กระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ พี่ผู้ชายก็บอกแก่ผมระหว่างการพูดคุยกันครั้งหนึ่งว่า พี่เขาสุขภาพแย่ลงไปเรื่อยๆ แล้วก็บอกฝากกันอย่างไม่ประมาทไว้ว่า หากต้องเป็นอะไรไปก็ขออย่าได้มีพิธีกรรมและจัดงานให้สิ้นเปลืองไปกับอย่างอื่นเลย ให้เก็บไว้ใช้ในกิจกรรมศูนย์ปฏิบัติธรรมสำหรับคนที่เขาสนใจ หากจะทำ อย่างมากก็ขอให้มีแค่เอาวงดนตรีคีตาญชลี มาเล่นให้คนฟังก็พอ ใครได้ทราบสิ่งที่บอกฝากกันนี้ก็คงประหลาดใจ แต่ผมพอจะทราบถึงที่มาแห่งแรงบันดาลใจนี้

ความจริงนั้น พี่เขาสร้างความสุขจากการได้ทำงานไม่ให้มือว่าง จึงไม่ชอบสิ่งบันเทิงเริงรมย์ อีกทั้งไม่เคยรู้จักวงคีตาญชลีมาก่อน ผมเป็นคนชวนพี่และกลุ่มสมาชิกชมรมชีวเกษม รวมทั้งชาวบ้าน ให้ไปฟังอยู่สอง-สามครั้ง ครั้งหนึ่งก็ในงานสัมมนาวิชาการของที่ทำงานผม อีกครั้งในเวทีชมรมชีวเกษมกลางสนามหญ้าและใต้ร่มไม้หน้าสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นที่ทำงานผม

แล้วก็อีกครั้งหนึ่ง ก็ระหว่างไปเล่นในกิจกรรมที่พวกผมไปจัดให้เยาวชนที่มาบำบัดรักษาตนเองจากการไปติดยาเสพติดที่โรงพยาบาลตุลาการเฉลิมพระเกียรติ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และหลังสุดก็ในเวทีเรียนรู้งานวิจัยชุมชนลุ่มน้ำท่าจีน-แม่กลอง ทุกครั้งผมจะนำเข้าสู่รายการโดยคุยถึงเรื่องราวของวงคีตาญชลีและวิธีฟังดนตรีให้ได้พลังชีวิตและเกิดแรงบันดาลใจแก่ตนเอง

 

                            

 

คีตาญชลี เป็นวงดนตรีแนวให้การเรียนรู้เสริมกำลังใจให้คนได้ออกไปเป็นพลังสร้างสรรค์ให้กับสังคม คนทั่วไปอาจจะเรียกว่าวงเพื่อชีวิต สมาชิกวงมีแค่ ๒ คนคือสมศักดิ์ อิสมันยี และคุณครูสุรินทร์ อิสมันยี ต่อมาก็มีลูกสาวซึ่งก็เติบโตและเป็นลูกไม้ไม่ไกลต้น ร่วมเป็นสมาชิกไปตามโอกาสที่จะว่างจากการเล่าเรียนมาเล่นได้ คือ น้องข้าว ซึ่งเล่นซอ กับน้องเกลือซึ่งเล่นไวโอลิน แต่เดิมนั้น วงคีตาญชลีชื่อวงว่า สายทิพย์ ต่อมาก็เปลี่ยนใช้ชื่อวงว่า คีตาญชลี เป็นชื่องานเขียนของมหากวีชาวอินเดีย รพินทรนาถ ฐากูร ซึ่งเป็นนักเขียนรางวัลโนเบลคนแรกของเอเชีย แปลว่า การคารวะด้วยดนตรี  

เพลงที่เป็นที่รู้จักกันดีของนักฟังดนตรีในแนวนี้ก็คือ เพลงแสงดาวแห่งศรัทธา | เพลงนกเขาเถื่อน ซึ่งท่วงทำนองและเนื้อหาเป็นเพลงกล่อมลูก เพลงอยากให้ความรักแก่คนทั้งโลก  ในปีสองปีหลังพี่เขาก็อุตส่าห์แต่งเพลง ดอกไม้แห่งเอเชีย ที่มีความเป็นนานาชาติมาเล่นให้แก่เวที

ในทรรศนะผมนั้น ความเป็นดนตรีและพลังชีวิตดนตรีของวงคีตาญชลีนั้น ไม่ใช่เพียง ๓-๔ เพลงที่เป็นเพลงดังเหล่านี้เท่านั้น แต่เป็นทุกเพลง ที่สำคัญคือวิธีการคุยแลกเปลี่ยนกับคนดูอย่างชาวบ้านคุยกัน ผสมผสานกับการได้เรียนรู้ความเป็นวงคีตาญชลีที่ดำเนินชีวิตและทำงานสร้างสรรค์สังคมด้วยดนตรี  

สมศักดิ์ อิสมันยี หรือพี่อ๊อด จะเล่นกีตาร์ เม้าท์ออร์แกน สลับกับการพูดคุยและร้อง คุณครูสุรินทร์ อิสมันยี นอกจากเป็นนักร้องหลักแล้วก็ตีกลองบองโก้และเครื่องเคาะให้จังหวะไปด้วย ซึ่งในฐานะที่ผมพอจะเล่นดนตรีได้แม้จะงูๆปลาๆ แต่ก็รู้ว่าการแยกทักษะทำไปด้วยกัน ๓ อย่างในเวลาเดียวกันอย่างที่คุณครูสุรินทร์ อิสมันยี ของวงคีตาญชลีทำ คือ มือซ้ายตีกลองบองโก้  มือขวาก็เขย่าลูกซัด ผสมผสานกับจังหวะการตบเสียงคอร์ดกีตาร์พี่อ๊อดก็ทำให้เป็นเสียงเพอร์คัสชั่นที่สมบูรณ์ 

ขณะเดียวกันก็ร้องเพลง โดยมากก็จะมีการเอื้อนและทอดเสียงล้อไปกับจังหวะกลองซึ่งวิธีร้องและเล่นไปด้วยอย่างนี้ต่อให้เก่งระดับนักร้องอาชีพอย่างทั่วๆไป ถ้าไม่ร้องคร่อมจังหวะก็คงต้องตีกลองล้มอย่างแน่นอน เวลาที่พี่เขาร้องพร้อมกับตีกลองและเขย่าลูกซัดผสมผสานกันไปอย่างกลมกลืนบนเวที เลยทั้งไพเราะและดูเหมือนเป็นการร่ายรำอันงดงามไปด้วย

คุณครูสุรินทร์ อิสมันยี นั้น เป็นครูโรงเรียนประถมศึกษา ที่อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี บ้านเดียวกับปู่เย็นแห่งลุ่มน้ำเพชรบุรี ดังนั้น จึงเป็นทั้งครูสอนหนังสือและดูแลเด็กให้เติบโต กับเป็นครูทางจิตวิญญาณที่ให้การเรียนรู้แก่ผู้คนทั้งสังคม สูงส่งอย่างเป็นการงานแห่งชีวิตทั้งสองด้าน

ทุกครั้งที่เชิญมาเล่น ผมจะขอให้พี่สมศักดิ์และคุณครูสุรินทร์ คุยและเล่นอย่างคนที่นำเอาความรู้สึกดีงามมาฝากกัน การได้ฟังพี่ทั้งสองเขาคุยก็เลยทำให้ได้เรียนรู้ไปด้วยว่า พี่สมศักดิ์ อิสมันยีนั้นเป็นนักคิด นักอ่าน และช่วงหนึ่งของชีวิตก็เคยเป็นนักเคลื่อนไหวที่ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีสังคมอย่างจริงจัง แต่ต่อมาก็มุ่งเปิดกว้างในทางความคิด เน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แตกต่างแต่ไม่แตกแยก ซึ่งตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผมประทับใจและศรัทธาต่อแนวการดำเนินชีวิต เพราะนอกจากพื้นฐานดังกล่าวนี้แล้ว ครอบครัวของคีตาญชลีนั้นเป็นมุสลิมอีกด้วย ทำให้เราสามารถได้ความดีงามและมีความศรัทธาจากความแตกต่างอย่างลึกซึ้ง ทั้งบทเพลงและการดำเนินชีวิตของคีตาญชลีทั้งวง จึงมีพลังชีวิตและให้แรงบันดาลใจมากอย่างยิ่ง

ก่อนที่จะได้ฟังและก่อนที่จะคุยให้การเรียนรู้ไปด้วยนั้น พอบอกว่าจะมีดนตรีคีตาญชลีมาให้ชมและฟัง ผู้คนที่ร่วมกิจกรรมเวทีผมทั้งชาวบ้าน นักวิชาการ นักพัฒนาสาขาต่างๆ รวมทั้งเด็กๆและเยาวชน ก็จะทำท่าประหลาดใจและออกอาการเหมือนกำลังชวนไปสัมผัสกับสิ่งน่าเบื่อ เพราะคนโดยมากจะไม่ชอบเพลงเพื่อชีวิตและไม่ค่อยมีใครคอยชี้แนะวิธีฟังเพลงให้ได้ความรื่นรมย์จากภายใน แต่พอให้วิธีมองและได้นั่งฟังเหมือนกับได้อยู่กับตนเองพร้อมกับได้ภาวนาไปด้วยกันแล้ว ทุกคนก็ชอบและประทับใจทั้งนั้น หลายคนรวมทั้งพี่ที่ผมกล่าวถึง ถึงกับน้ำตาเอ่ออย่างปลื้มปีติ

ผมเป็นแม่งานจัดสัปดาห์วิชาการประจำปีของที่ทำงานผมอยู่หลายปี รวมทั้งมักได้ไปทำเวทีประชุมและเวทีชุมชนในแบบของผมหลายโอกาสทั้งในมหาวิทยาลัยมหิดลและชุมชนโดยรอบ เมื่อจะต้องจัด ผมก็มีวิธีคิดว่าเราเป็นสังคมในโลกตะวันออกซึ่งในเรื่องทางวัตถุและวิทยาการสมัยใหม่นั้นอาจจะล้าหลังและขาดแคลนหลายอย่าง ทว่า การพัฒนาทางจิตใจ ทุนมนุษย์ และทุนทางสังคมสำหรับการอยู่ร่วมกันให้มีศานติและมีความสุขขั้นสูงได้นั้น เรามีอยู่อย่างมั่งคั่งและเป็นผู้นำให้กับคนอื่นเขาได้หลายเรื่อง สังคมโลกต้องอยู่กันด้วยการแลกเปลี่ยนความแตกต่าง

โดยเฉพาะสังคมไทยนั้น เรามีพระศาสนาและผู้คนก็มักมีวิธีคิดร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งที่มีนัยยะต่อความเป็นตัวตนของสังคมมากว่า ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ หรือ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ดังนั้น เพื่อร่วมส่งเสริมการอยู่ร่วมกับสังคมโลกได้อย่างสมดุลทั้งการเป็นผู้ให้และผู้รับจากเขา เราก็ควรจะต้องผสมผสานวิถีสังคมอย่างนี้ให้สะท้อนสู่กิจกรรมต่างๆที่ทำ ซึ่งจะเป็นการช่วยกันทำสิ่งที่สังคมเชื่อ ให้ปรากฏบนการปฏิบัติต่างๆว่าเราสามารถใช้สร้างความเป็นจริงของสังคมได้

การทำงานวิชาการและการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างสังคมแห่งความรู้ก็เช่นกัน ผมก็มีความคิดว่า ความรู้และวิชาการต่างๆที่จะมีการเผยแพร่แก่สังคมนั้น ควรได้งอกงามขึ้นบนฐานจิตใจที่งดงาม แช่มชื่นเบิกบาน ให้ทั้งสมองและจิตใจได้เป็นกำลังทวีคูณเพื่อฟันฝ่าสิ่งที่ยากต่างๆสำหรับทุกคน พร้อมกับสื่อแสดงสิ่งดีงามที่สังคมมีอยู่ให้ได้สัมผัสอย่างซาบซึ้ง เพื่อผู้คนจะได้เรียนรู้สังคมและพัฒนารสนิยมในการดำเนินชีวิตที่ดีไปด้วย

ดังนั้น องค์ประกอบเชิงกระบวนการของกิจกรรมการเรียนรู้ จึงควรจะมี ๓ ด้านที่สำคัญเป็นอย่างน้อย คือ การทำให้จิตใจมีความอิ่มเต็มและปีติสุขจากการได้ใคร่ครวญภายใน การเรียนรู้และความรู้จากการวิจัยที่หลากหลาย และการทำให้เวทีเป็นกระบวนการทางสังคม ซึ่งทั้ง ๓ ด้าน จะเป็นสภาพแวดล้อมพัฒนาทั้งจิตใจ สมอง และเครือข่ายปฏิบัติการเชิงสังคม เพื่อให้ได้สิ่งดี จริง งามที่บูรณาการไปด้วยกันอยู่เสมอ แม้นเล็กน้อยแต่ก็เป็นโอกาสช่วยกันสร้างสังคมดีในที่ซึ่งเราทำได้ทุกหนแห่ง

เมื่อมีแนวคิดอย่างนี้ งานประชุมและเวทีวิชาการทั้งของผมเอง ของมหาวิทยาลัยมหิดล หรือของหน่วยงานใดก็ตามที่ดันให้ผมไปออกแบบความคิดให้ ก็มักจะมีหน้าตาแปลกๆ คนที่ร่วมกิจกรรมก็มักสะท้อนให้ฟังว่าประทับใจและได้รับสิ่งที่เราต้องการอยากให้ ซึ่งก็แสดงว่าเป็นคนแปลกไปด้วยเหมือนกัน

องค์ประกอบ ๓ อย่างที่ว่านั้น ผมก็มักกระจายให้เป็นกิจกรรมที่เสริมกันเหมือนกับการปรุงรสอาหารให้กลมกล่อมหรือจัดองค์ประกอบภาพให้ทุกอย่างอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว

บางครั้งผมก็เปิดและปิดเวทีด้วยการอ่านบทกวีกัน บางปีผมชวนละครคนหน้าขาวให้มาถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆด้วยอวัจนภาษาหรือละครไบ้ บางปีผมชวนคณะตลกมาเล่นโดยย่อยข้อมูลและนั่งสรุปสิ่งที่เป็นความคิดให้พวกเขาคิดสร้างสรรค์สิ่งที่อยากจะให้เวทีเอง บางปีก็ขอให้วงแซกโซโฟนของ ดร.สุกรี เจริญสุข มาเล่นเปิดประชุม บางเวทีก็อาราธนาพระและผู้ที่นำภาวนาได้มาเปิดหรือปิดประชุม ทำไปก็ได้เรียนรู้และเห็นความลงตัวบางอย่างของกิจกรรมทางวิชาการกับการสร้างการเรียนรู้อย่างรื่นรมย์ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของสังคมให้บูรณาการทั้งสมองและหัวใจ รวมทั้งแปรวิธีคิดที่เป็น ๑ ใน ๓ หลักปฏิบัติในพุทธศาสนาซึ่งคนส่วนใหญ่มีประสบการณ์อยู่ คือ หมั่นทำจิตใจให้เบิกบานแจ่มใสอยู่เสมอ มาสู่การปฏิบัติไปด้วย

ในจำนวนหลายครั้งที่กล่าวถึงนั้น รูปแบบที่ผมเชิญวงคีตาญชลีมาเป็นส่วนหนึ่งของเวทีประชุมวิชาการกับเวทีเรียนรู้สาธารณะของชุมชนนั้นมีมากกว่ารูปแบบอื่นๆ เพราะนอกจากได้รับเสียงสะท้อนดีมากทุกครั้งแล้ว ความเป็นวงคีตาญชลีอย่างที่กล่าวถึงในข้างต้นนับว่ามีหลายอย่างที่ไปกันได้ดีกับเวทีวิชาการโดยเฉพาะทางด้านสุขภาพและการพัฒนาสาธารณสุขชุมชน กำลังพอเหมาะพอดีสำหรับการค่อยๆเรียนรู้และพัฒนากิจกรรมความรู้ให้กลมกลืนไปกับวิถีชีวิตของคนในสังคมสมัยใหม่  ทำไปก็คิดซักซ้อมประสบการณ์ไปอยู่เสมอ พอมีกิจกรรมในทำนองเดียวกันอีกก็ปรับปรุงบทเรียนและพัฒนาไปเรื่อยๆ

ในอนาคตก็จะไม่เจาะจงว่าต้องเป็นคีตาญชลีอย่างเดียว ซึ่งจะว่าไปแล้ว ผมก็เห็นเป้าหมายไกลๆอย่างวิธีคิดดังที่กล่าวถึงในข้างต้นอยู่มากเหมือนกัน แต่ก็เป็นเป้าหมายเพื่อที่จะทำและพัฒนาอย่างสะสม ในแต่ละครั้งก็มีภารกิจจำเพาะของตัวมันเอง ดังนั้นจึงทำได้แค่ไหนก็พอใจ สิ่งใดที่แจ่มชัดอยู่ในเป้าหมายชีวิต หากยังทำไม่ได้ก็ทดไว้ก่อนเพื่อย่อยเป็นขั้นเล็กๆให้สะท้อนสู่ทุกอริยาบทของการทำงาน ทำไปก็เรียนรู้และพัฒนาไปตลอดชีวิต

ความตั้งใจแต่เดิมของผมนั้น ผมจะนำเอาวงคีตาญชลี และวงดนตรีกลุ่มอื่นๆ รวมทั้งงานให้การเรียนรู้ด้วยใจแบบต่างๆ มาเป็นส่วนหนึ่งของเวทีวิชาการระดับประเทศอย่างของสถาบันและเวทีอื่นๆที่ผมได้ทำอยู่เสมอ ผมคิดว่าผมควรทำอย่างนี้ให้กับมหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งทุกหนแห่งที่ผมผ่านไป เหมือนกับขอเป็นเศษเส้นด้ายเล็กๆที่เชื่อมประสานและถักทอความหลากหลายของสังคม ให้ได้เป็นพลังสร้างสิ่งดีงามด้วยกันอย่างผสมผสาน เพราะผมเล่นแตรวงตั้งแต่เด็ก แล้วก็เรียนศิลปะที่เพาะช่าง ตามด้วยเรียนทางด้านศึกษาศาสต์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วก็เรียนปริญญาตรีและปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยมหิดล จึงเป็นความสำนึกส่วนตัวว่าการผสมผสานกันอย่างนี้ผมควรทำให้กับสังคมได้ที่มหาวิทยาลัยมหิดล

แต่ในระยะหลังก็จำเป็นต้องละวางและยอมเว้นว่างไปบ้าง เพราะความเป็นจริงอย่างหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังเวทีวิชาการและเวทีชุมชนที่ทำมานับ ๑๐ ปีนั้น ลำพังงบประมาณของราชการและการดำเนินการจากค่าลงทะเบียนแล้ว ก็จะไม่พอที่จะให้ทำในรูปแบบนี้ได้ จะผลักดันให้มีโดยถือเงื่อนไขนี้เป็นเหตุผล คนส่วนใหญ่ก็ไม่คุ้นเคย และเมื่อต้องลดค่าใช้จ่ายแล้วก็มักจะหลุดไปก่อนกิจกรรมอื่นทุกที แต่ระบบสังคมของเราก็เป็นอยู่อย่างนี้ จะยอมให้เป็นอุปสรรคก็คงจะทำอีกหลายอย่างไม่ได้ เมื่ออยากทำเพื่อให้สิ่งดีแก่ผู้คน เราก็ต้องทำเองด้วยสิ

ดังนั้น เบื้องหลังการจัดทุกครั้ง มากกว่าครึ่งหนึ่งจึงเป็นความรับผิดชอบด้วยตัวผมเอง ซึ่งก็น้อยอยู่ดี ถึงแม้วงดนตรีและกลุ่มคนที่มาทำกิจกรรมลักษณะนี้กับผมจะไม่เรียกร้องเลย แล้วแต่เราจะจัดให้ ยิ่งไปกว่านั้น วงคีตาญชลีอยู่เพชรบุรี ต้องเดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อจะไปเล่นปิดท้ายเวทีที่ผมจัดขึ้น ซึ่งบางทีก็มีเวลาทำได้ไม่ถึง ๑ ชั่วโมง รวมๆแล้วก็เลยไม่สามารถทำได้ทุกปี

กระนั้นก็ตาม ทั้งหมดกว่า ๑๐ ปีที่ได้ทำบ้างนั้น เพียงได้ทราบว่าได้ก่อเกิดกำลังใจและให้พลังชีวิตแก่คนหนึ่งคน ทว่า เป็นผู้ซึ่งได้ทำสิ่งต่างๆมากมายเพื่อชุมชนและผู้อื่นอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งไม่เคยรู้จักวงคีตาญชลีเลย เมื่อได้สัมผัสกับเพลงของคีตาญชลีเพียง ๒-๓ ครั้ง ขณะที่ตกอยู่ในสภาพทุกข์ยากต่อชีวิตมาก คีตาญชลี หรือการคารวะกันด้วยดนตรี ก็ถูกเลือกเป็นมงกุฏดอกไม้สำหรับประดับชีวิตงามของคนตัวเล็กๆคนหนึ่งอย่างพี่เขา ผมก็ถือว่าได้เห็นความสำเร็จที่ให้ความมั่นใจต่อการทำเวทีวิชาการที่จะให้ทั้งสมอง จิตใจ และการเรียนรู้ทางสังคม มากแล้ว.

หมายเลขบันทึก: 299204เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2009 13:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีค่ะอาจารย์

เคยได้ยินชื่อวงค่ะ มารู้จักละเอียดขึ้นก็จากบันทึกนี้

ภาพวาดลายเส้นของอาจารย์มีเสน่ห์เสมอเลยค่ะ

สวัสดีครับคุณณัฐรดา

  • คนส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยรู้จักดนตรีแนวนี้ครับ 
  • ภาพวาดลายเส้นทั้งหมดชุดนี้วาดจากความทรงจำครับ เรื่องราวส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่เราประทับใจ ปีสองปีนี้จะให้เวลากับการถอดบทเรียนตนเองและทำงานเขียนกับใช้ประสบการณ์ครับ เลยทำงานเหล่านี้ผ่านการวาดรูป เลยก็ได้สิ่งอื่นไปด้วยหลายสถาน
  • ขอบคุณจังเลยครับที่แวะมาเยือน

สวัสดีค่ะ

มาอีกครั้ง แต่คราวนี้ตามมาจากบ้านโอเค

สวัสดีครับคุณณัฐรดา : ที่บ้าน silpa ในโอเคเนชั่นกลายเป็นคึกคักกว่าบ้านแมกไม้บนรายทางไปแล้วครับ แต่เดิมนั้น การสร้างทรรศนะกับเรียนรู้พัฒนาชีวิตกับสังคมในบ้านแมกไม้บนรายทางชีวิตคนสนใจคึกคักมากว่าหลายเท่า ผมเลยคิดว่าเรื่องศิลปะจะคุยได้แต่จำเพาะในแวดวงคนทำงานศิลปะเท่านั้น แต่ไปๆมาๆตอนนี้บ้านศิลปะมีคนเข้ามาแซงเป็นสองเท่าเลย

ขอคารวะและสานความทรงจำกันไว้ด้วยเพลงและดนตรี

สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔ นี้ ผมจะขออำลากรุงเทพฯและไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดเป็นบั้นปลายของชีวิต ครูอาจารย์ ผู้บังคับบัญชา เพื่อนๆ และพี่ๆน้องๆกลุ่มเล็กๆ มาชวนผมขอนั่งกินข้าวและนั่งคุยกันในหมู่คนทำงานแนวเดียวกัน แล้วก็ขอให้ผมกันเวลาไว้ในวันอาทิตย์ เสร็จแล้วก็ให้ผมได้รู้บ้าง ไม่ให้รู้บ้าง คล้ายกับจะให้เซอร์ไพรซ์ แต่ผมก็ได้รู้อยู่ดี เพราะพวกที่บอกต่อๆกันบางคนก็ไม่รู้ทางกันจึงเผลอบอกแก่ผมโดยตรงอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาโทรถามผม ผมก็เลยถามไถ่ ไปๆมาๆ ก็แทบจะรู้เกือบหมดแล้วว่าใครจะทำอะไร และส่วนใหญ่ ก็ดูจะเหมือนการถือเป็นเหตุให้ได้มาพบเจอและเสวนาสังสรรค์กันบ้าง 

ผมก็เลยนึกสนุกด้วย เลยขอว่า จะเป็นการทำให้สิ่งที่เตรียมมาเสียบรรยากาศไหมหากผมอยากจะขอแจมด้วยสักรายการหนึ่ง คือ ไหนๆก็จะอำลากันและเป็นโอกาสที่ได้พบกันกับหมู่มิตรทางการทำงานแล้ว ผมก็เลยอยากขอเชิญพี่ผู้หญิงท่านหนึ่งที่ผมได้กล่าวถึงในข้างต้น มาร่วมงานด้วย และจะขอเชิญวงคีตาญชลี มาเล่นให้พี่เขาได้ฟัง พร้อมกับผมก็จะขอนำเสนอ ชวนให้ชาวมหิดล คนพุทธมณฑล กับคนทำงานและหมู่มิตรที่ถือโอกาสมาเจอกัน ได้ร่วมฟังไปด้วยกัน จำเพาะรายการนี้ ผมจะขอชวนฟังเพลงและสนทนาไปกับคตีตาญชลีให้

เมื่อทีมที่คิดว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องหลักไม่ขัดข้อง ผมก็เลยติดต่อและขอเชิญวงคีตาญชลีมาเล่นดนตรีและสนทนาไปกับเสียงเพลงกับพวกเรา พี่อ๊อด : สมศักดิ์ อิสมันยี แห่งคีตาญชลี ให้ผมเล่าแนวคิด เนื้อหาของงาน บรรยากาศ ลักษณะของกลุ่ม กับการเชื่อมโยงกับแนวเพลงของคีตาญชลี ให้ฟัง เสร็จแล้วก็บอกว่ายังไม่ติดคิวที่ไหน อีกทั้งนอกจากได้ทราบบรรยากาศของงานแล้ว ก็เป็นวันหยุดอีก คีตาญชลีเลยบอกว่าจะชักชวนพรรคพวกมาเต็มที่เลย รู้สึกเต็มที่-และมันดี

เรียน อ.ผศ.วิรัตน์

ขอบคุณที่นำ ๓ องค์ประกอบนี้ (คือ การทำให้จิตใจมีความอิ่มเต็มและปีติสุขจากการได้ใคร่ครวญภายใน การเรียนรู้และความรู้จากการวิจัยที่หลากหลาย และการทำให้เวทีเป็นกระบวนการทางสังคม ซึ่งทั้ง ๓ ด้าน จะเป็นสภาพแวดล้อมพัฒนาทั้งจิตใจ สมอง และเครือข่ายปฏิบัติการเชิงสังคม เพื่อให้ได้สิ่งดี จริง งามที่บูรณาการไปด้วยกัน) มาเผยแพร่ค่ะ

ด้วยความเคารพ

สวัสดีครับคุณกอไผ่ใบตาลครับ
ต้องขอบคุณคุณกอไผ่ใบตาลด้วยเหมือนกันครับที่ได้เข้ามาอ่านและทักทายกัน ทำให้ผมได้นั่งอ่านอีก เมื่ออ่านแล้วก็ได้เป็นโอกาสรำลึกถึงผู้คนและการทำงานต่างๆ ทำให้มีความสุขครับ ดีใจครับที่มีคนชอบเหมือนกัน

อรุณสวัสดิ์ศุกร์สดใสค่ะท่านอาจารย์เซียนศิลป์

มาชม มาอิ่ม ความงดงาม แห่งชีวิตเจ้า ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท