ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น : หนังสือที่เปิดมุมมองใหม่ทางพุทธศาสนา วิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนามีส่วนเกี่ยวข้องกันมากน้อยเพียงใด เป็นศาสตร์ที่อยู่คนละขั้วกันหรือไม่ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น เป็นหนังสือที่จะช่วยอธิบายให้เราได้เห็นคำตอบ
เป้าหมายของวิทยาศาสตร์คือต้องการกำจัดทุกข์ทางกายให้มนุษย์ สิ่งที่วิทยาศาสตร์คิดขึ้นก็เพื่อเอาชนะธรรมชาติ และมีส่วนเกี่ยวพันกับมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย วิทยาศาสตร์ช่วยให้ผู้ที่มีบุตรยากมีบุตรได้ด้วยวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ ช่วยให้มนุษย์แก่ช้าลง รักษาอาการเจ็บป่วยทุกข์ทรมานต่าง ๆ หรือแม้แต่คิดจะให้มนุษย์เป็นอมตะไม่มีวันตาย วิทยาศาสตร์จึงมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้มนุษย์ได้รับความสะดวกสบาย และมีความสุข
วิทยาศาสตร์อำนวยความสะดวกให้เราแทบทุกด้าน เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าปัจจุบันนี้เรามีความเป็นอยู่ดีกว่าฮ่องเต้เสียอีก เรามีทีวี มีเครื่องปรับอากาศ เตาไมโครเวฟ ตู้เย็น และเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย
แต่เราเคยสงสัยไหมว่าทำไมเรายังโหยหาความสุข ทำไมเรายังรู้สึกว่าใจเราไม่อิ่มเต็มเสียที และทำไมใจเรายังเป็นทุกข์ รู้หรือไม่ว่าพระพุทธเจ้าหาคำตอบไว้ให้เราแล้ว ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น เป็นหนังสือที่อธิบายเชื่อมโยงให้เราได้เห็นถึงแนวคิดของวิทยาศาสตร์กับศาสนาอย่างชัดเจน ไอน์สไตน์พบอะไร พระพุทธเจ้าเห็นอะไร และไอน์สไตน์ได้พบสิ่งที่พระพุทธเจ้าเห็นหรือไม่ เราจะได้คำตอบจากหนังสือเล่มนี้
แน่นอนว่าการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นการค้นพบทางนามธรรม ซึ่งยากต่อการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์ แต่จะมีใครรู้หรือไม่ว่าเมื่ออัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ค้นพบและคิดทฤษฎีสัมพัทธภาพขึ้น การหยั่งรู้ส่วนหนึ่งของพระพุทธเจ้าและหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนา จึงไม่ใช่ความเชื่อที่ขาดเหตุผล แต่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ ดังที่ไอน์สไตน์ได้กล่าวไว้ว่า
"ศาสนาแห่งอนาคตเป็นศาสนาแห่งจักรวาล ศาสนาซึ่งตั้งอยู่บนประสบการณ์ ซึ่งปฏิเสธความเชื่อที่ไร้ข้อพิสูจน์ ถ้าจะหาศาสนาที่มีหลักการสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์แล้วละก็ ศาสนานั้นน่าจะได้แก่พุทธศาสนา"
วิทยาศาสตร์ทำให้เราพ้นทุกข์ชั่วขณะได้ แต่ไม่ได้ช่วยให้เราหลุดพ้น เชื่อหรือไม่ว่า การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสสาร พลังงาน จักรวาล ปรมาณู การยืดหดของเวลา ฯลฯ ทั้งหลายเหล่านี้ พระพุทธเจ้าเคยตรัสมาก่อนแล้วทั้งสิ้น แต่พระองค์ไม่ได้นำมาสอน เพราะความจริงเหล่านั้นไม่เป็นไปเพื่อความเข้าใจอันถ่องแท้ของพุทธศาสนา หัวใจของพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่การตอบสนองทางกายภาพเหมือนวิทยาศาสตร์ แต่เป็นการกำจัดทุกข์ทางใจด้วยการเจริญสติ จนขจัดอวิชชาได้หมด และพบความสุขที่แท้
หนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนได้อธิบายให้เราเห็นว่าวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ความจริงที่พระพุทธองค์ตรัสไว้เมื่อกว่าสองพันห้าร้อยปีว่าถูกต้องและเป็นไปได้จริง ๆ
“เป็นบุญของพวกเราทุกคนที่ได้เกิดมาพบกับหนทางแห่งมรรค ทางปฏิบัติไปสู่ความเข้าใจในความจริงแท้ ซึ่งแม้แต่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็ไม่ได้รับโอกาสแบบนี้ ถ้าเราละเลยไป ไม่รู้ต้องเกิดอีกกี่พันกี่หมื่นภพชาติที่เราจะได้รับโอกาสเช่นนี้อีก หรืออาจไม่มีโอกาสนี้อีกเลยก็ได้ พระพุทธองค์ทรงชี้หนทางแห่งความหลุดพ้นให้เราแล้ว หนทางแห่งความสุขที่เป็นอมตะนิรันดร์กาล
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เรายังไม่บรรลุสัจธรรมความจริงแท้ ยังมีเกิดมีดับ มีชีวิตอยู่บนโลก ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์บนโลก ไม่ฝืนโลก หรือดำเนินชีวิตอย่างดูผิดปกติจากคนทั่วไป เราสามารถดำเนินชีวิตไปควบคู่กับการปฏิบัติธรรมได้ รู้เท่าทัน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อย่างมีสติ ไม่ใช่ปฏิเสธจนดูเป็นคนขวางโลก แม้ว่าเราจะรู้ว่า มีสัจจธรรมความจริงแท้ที่เหนือกว่าโลกก็ตาม เช่นเดียวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพที่แสดงให้เห็นถึงความจริงแท้ด้านเวลาและแรงโน้มถ่วง ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนในระดับจักรวาลสี่มิติ แต่ในทางปฏิบัติแม้นักวิทยาศาสตร์จะรู้ว่า กฎของนิวตันไม่ถูกต้องในระดับจักรวาล แต่การคำนวณที่เกี่ยวกับสภาพการณ์บนโลก นักวิทยาศาสตร์ทุกวันนี้ก็ใช้กฎของนิวตันในการคำนวณ เพราะกฎของนิวตันเข้าใจง่ายในระดับบนโลกสามมิติ เรามีชีวิตอยู่บนโลกต้องยอมรับกฎเกณฑ์ทางโลกียะของโลกสามมิติ เพียงแต่ขอให้มีสติรู้เท่าทัน และไม่เขวออกไปจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นก็คือ มรรคผลนิพพานนั่นเอง”
ที่กล่าวทั้งหมดมานี้ คุณจะเชื่อหรือไม่ ศาสนาพุทธไม่ต้องการให้หลงเชื่อสิ่งใด ๆ โดยไม่ใช้ปัญญา ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น จึงเป็นหนังสือที่ท้าให้คุณ “พิสูจน์” ด้วยตัวเอง
มาเยี่ยม...
ธรรมดา สายน้ำไหลอยู้ใต้ผืนดิน...ถ้าขุดไปถึง...
อยู่ใต้ เหนือ อิสาน กลาง ตก ก็ต้องเจอสายน้ำนั้นเหมือนกันนะครับ
โลกเป็นบันไดให้บางคนก้าวขึ้น และสำหรับบางคนก้าวลงเมื่อสมัครใจ.
ไม่สบายหายหรือยังครับอาจารย์
สุดยอดครับ การที่มีผลขึ้นมาใดในปัจจุบัน ย่อมต้องมีเหตุทำให้เกิดผลนั้น (พุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง)
ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
(พุทธองค์ทรงเป็นสัพพัญญูเห็นแจ้งในทุกสิ่ง แต่มหาบุรุษสอนเส้นทางหลุดพ้นเท่านั้น ดังคำกล่าวที่ว่า สิ่งที่พระองค์พบเห็นเหมือนดังใบไม้ในป่าทึบ แต่สิ่งที่ทำให้หลุดพ้นและนำมาสอนนั้น มีแค่ใบไม้ในกำมือ)