รอยใหม่ ตำนานคำพยากรณ์ พระศรีอาริย์ท่ามกลางศาสนา


ก็อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้ว ถึงวิธีการตามรอยสถูปใต้ดินของพระเจ้าอโศก ซึ่ง อาศัยการฟังจากทุกแหล่ง แล้วนำมาประมวลด้วยปัญญา. ไม่ด่วนสรุปไปก่อนล่วงหน้า ก่อนที่จะได้พิจารณาให้ถ่องแท้ด้วยปัญญาเสียก่อน

เรื่องตำนานก็ดี คำพยากรณ์ก็ดี ก็เป็นคำบอกเล่าประเภทหนึ่ง จะแต่งขึ้นด้วยเหตุอะไรนั้น มันก็มีเป็นไปต่างๆ. มีจริงบ้าง เท็จบ้าง คละเคล้ากันไป. อันนี้ไม่สำคัญ รับเอาไว้ก่อน พิจารณาก่อน ถี่ถ้วนดีแล้ว หากไม่สมจริง จึงทิ้งไป.

จะกล่าวไปใยถึงตำนานหรือคำพยากรณ์. ที่แท้แล้ว แม้แต่พระไตรปิฎกที่เราศึกษากันอยู่นี้ ก็ไม่พ้นการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นสิ่งที่แต่งขึ้น เพียงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสั่งสอนคนให้เป็นคนดีเท่านั้น คือ โดยที่แท้แล้ว พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ชนิดที่เป็นอุดมคตินั้น ไม่มีอยู่จริง. ตั้งแต่พระไตรปิฎกนี้ เขายังคิดกันได้.

ในขณะที่คนอีกส่วนหนึ่ง ก็เชื่อมั่นแน่นแฟ้นทีเดียว ว่า พระไตรปิฎกนี้ ไม่ใช่เรื่องแต่งมาหลอกเด็ก เขาเชื่อว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริง และทำให้สำเร็จได้จริง.

นี่ ลองนำไปเทียบกับเรื่องราวต่างๆในโลกนี้ดูสิ ไม่มีสิ่งไหนปรากฏต่างกันเลย. แม้แต่คำพยากรณ์และตำนาน ก็ปรากฏคล้ายกัน คือ คนกลุ่มหนึ่ง พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นฐานะที่จะเป็นไปได้ และมาจากมูลอันเป็นจริง. แต่อีกกลุ่มหนึ่งว่า เป็นเรื่องแต่งขึ้นมาหลอกให้คนทำความดี.

มาดำเนินเรื่องต่อไป

หลังจากที่ข้าพเจ้าศึกษาพระไตรปิฎกได้ระยะหนึ่งแล้ว ในครั้งนั้น ประมาณปี 2542 ข้าพเจ้ากำลังสนใจเกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของพระพุทธศาสนา ที่ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก.

ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ข้าพเจ้าได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่ง เขียนโดย รหัสยญาณ สำนักพิมพ์ลานอโศกเพรสกรุ๊ป , หนังสือชื่อ "พระศรีอารย์เจ้าโลก". เป็นหนังสือเล่มบางๆ ปกสีน้ำเงินเข้ม มีรูปเทพบุตรศรีอาริย์ สิงห์และลูกโลกที่หน้าปก.

ในช่วงนั้น ข้าพเจ้าอ่านพระสูตรและอรรถกถาบางส่วน จนพอที่จะรู้จักบ้างแล้วว่า พระศรีอาริย์คือใคร? จึงได้สนใจใคร่รู้ว่า เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ จะกล่าวถึงพระศรีอารย์ว่าอย่างไร จะเหมือนกับที่ข้าพเจ้าได้เคยอ่านพบในพระไตรปิฎกหรืออรรถกถาบ้างหรือไม่?

เมื่อเปิดอ่านแล้ว ปรากฏว่า เรื่องราวเป็นอีกส่วนหนึ่ง ต่างไปจากที่เคยได้อ่านพบมา คือ ในหนังสือกล่าวว่า เป็นตำนานที่บันทึกไว้ในใบลาน มีอยู่ในทั้งไทย พม่า ลาว. และแม้แต่ใน จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เอง ก็มีเรื่องราวตำนานที่บันทึกไว้คล้ายกันนี้. เป็นลักษณะคล้ายคำพยากรณ์ถึงพระศรีอารย์ที่จะปรากฏในท่ามกลางพระพุทธศาสนา.

นอกจากหนังสือชื่อพระศรีอาริย์เจ้าโลก เล่มนี้แล้ว ก็มีอีกเล่มหนึ่ง เขียนโดย ส. พลายน้อย, รู้สึกว่า หนังสือจะชื่อ "พระศรีอารย์" ก็กล่าวถึงเนื้อเรื่องคล้ายๆกับหนังสือพระศรีอารย์เจ้าโลกนั้น. คือ กล่าวถึงคำบันทึกในใบลาน ซึ่งถือเป็นเรื่องเล่าพื้นบ้าน เพราะไม่ปรากฏแพร่หลาย เขาจึงว่า เป็นเรื่องส่วนท้องถิ่น นิยมอยู่เฉพาะในท้องถิ่นนั้นๆ แต่ไม่นิยมนับถือในที่ทั่วไป. คือ คนทั่วไปว่างมงาย แต่คนพื้นถิ่นนี้ เชื่อว่า จะเป็นไปได้จริง.

เนื้อความโดยสรุป กล่าวว่า พระศรีอารย์นั้น จะลงมาเกิดในช่วงกึ่งกลางอายุพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นพระราชาจักรพรรดิ(ไม่ใช่เป็นพระพุทธเจ้า) แล้วจะเชิดชูพระพุทธศาสนา ทำพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองไปทั้งโลก ซึ่ง ภาษาถิ่นบางแห่ง ก็ใช้คำว่า มาเลิกศาสนาของพระพุทธโคดม. (เลิก = ปัดฝุ่น,ชำระให้บริสุทธิ์เช่นเดิม) แต่ ก่อนที่จะเป็นพระราชานั้น พระศรีอารย์ในตำนานนี้กล่าวว่า ท่านจะมาเกิดเป็นคนยากจน รูปลักษณะไม่สวยงามก่อน เพราะต้องบุพพกรรม, ภายหลังจึงจะมีรูปงาม เมื่อได้กินมะม่วงลอกคราบจากพระอินทร์.

ในเบื้องต้น ข้าพเจ้าอ่านแล้ว รู้สึกต่อต้าน. คิดแต่ว่า เป็นไปไม่ได้ๆ อย่างเดียวเท่านั้น. คือ ถือเอาตามเรื่องพระมาลัยขึ้นไปถามพระศรีอารย์บนสวรรค์นั้นเป็นเกณฑ์. ซึ่ง ในตำนานพระมาลัยนั้นเอง ไม่มีกล่าวเลยว่า พระศรีอารย์จะลงมาเกิดในโลกมนุษย์ในช่วงกึ่งกลางพระพุทธศาสนานี้. อีกอย่างหนึ่ง ก็ถือเอาตามที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวไว้ด้วย ท่านว่าพระศรีอารย์ไม่ลงมาเกิดหรอก หากจะมีก็มีแต่ภาษีอาน. สิ่งเหล่านี้มันฝังหัวอยู่ก่อน.

แต่ต่อมา ข้าพเจ้าก็พิจารณาว่า นี่ไม่เป็นธรรมเลย กับการที่ปฏิเสธสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก่อนที่จะได้พิจารณาตรวจสอบดูด้วยปัญญาของตนเองให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ไม่ใช่หลับหูหลับตาเชื่อไปตามปากของคนอื่น จึงลองเพิกความยึดมั่นถือมั่นในสุตตะอันก่อนนั้น แล้วลองเปิดใจให้กว้าง เปิดรับเข้ามา แล้วพิจารณา ว่า จะมีเหตุผลกลใด ที่จะทำให้มันเป็นไปได้อย่างนั้นบ้างไหม? ใช้คาถาสมเด็จโต "พิจารณา มหาพิจารณา พิจารณา มหาพิจารณา..."

ที่เปลี่ยนความคิดมาคิดในแบบหลังนี้ ส่วนหนึ่ง ก็เพราะว่า ความถือตัวเองว่าเป็นคนที่เรียนมาในความเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่ง ไม่ยอมปฏิเสธอะไรหรือยอมรับอะไรง่ายๆ จนกว่าจะได้พิจารณาไตร่ตรองจนเห็นแจ้งชัดกับตนเองเสียก่อน จึงจะน้อมใจไป.

อีกอย่างหนึ่ง เพราะเคยอ่านพระสูตรที่พระพุทธเจ้าอบรมชาวกาลามะ เรื่องความเชื่อนั้น แล้วน้อมเข้ามาเตือนตน. อิทธิพลหนึ่ง ที่ทำให้ระลึกถึงกาลามสูตร ก็เพราะเคยอ่านผ่านๆตาในผลงานของหลวงพ่อพุทธทาส. ซึ่ง ก็ยอมรับว่า มันเป็นลักษณะการคิดแบบนักวิทยาศาสตร์.

ข้าพเจ้าก็คิดว่า ตนเองเป็นคนสมัยใหม่ เป็นนักวิทยาศาสตร์ ต้องเปิดใจให้กว้าง หาเหตุหาผลมาว่ากัน ไม่ใช่ดึงดันหัวชนฝา. เรื่องนี้เป็นอย่างนี้

เนื้อความตำนานพระศรีอาริย์กึ่งพระพุทธศาสนานี้ แสดงในความเห็นถัด
ไป

หมายเลขบันทึก: 154057เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2007 00:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2019 14:44 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
คนรักพระศรีอาริย์

ระวังมหันตภัย....ครั้งใหญ่ หลังกึ่งพุทธกาล มันมาแล้ว ลางบอกเหตุเกิดขึ้นแล้ว ปลาวาฬเกยน้ำตืนร่วม 20 กว่าตัว ที่ทะเลสาบบางแสน ค้างคาวแม่ไก่ นับแสนตัวอพยพมาอาศัยสวนผลไม้ชาวบ้านที่สมุทรสาคร คาร์บอม ที่ปากีสถาน นมผงที่จีนแผลงฤทธิ์ เด็กป่วยร่วม 6 หมื่นราย เรือ ล่ม เครื่องบินตก ฯลฯ และอีกไม่นานนับจากคืนนี้เป็นต้นไป ให้ผู้ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทุกท่าน อย่ากระพริบตา เฝ้าระวังอุทกภัยครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ชนิดที่ "สึกนามิเรียกคุณพ่อ " นากิส ยังอาย ช่วงระยะเวลาเกิดเหตุตั้งแต่คืนนี้ไป 24 กันยายน 2551 จนถึง 5 ตุลาคม 2551 สิ่งศักดิ์สิทธิ์เริ่มส่งสัญญานลงมาเตือนแล้ว ศีล 5 รักษาให้มั่น การเจริญธรรมอย่าได้ขาด แล้วท่านก็จะเป็นผู้ที่โชคดี ได้พบกับผู้แทนพระพุทธองค์สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย์ ที่สมเด็จพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ แห่งภัทรกัปล์ ส่งลงมาเชื่อมโยงพระพุทธศาสนาของสมเด็จพระพุทธเจ้าสมณโคดม และพระพุทธองค์สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย์ ให้เป็ฯเนื้อเดียวกัน เพื่อสีบทอดพระพุทธศาสนาไปจนถึง 5 พัน ปี.......เขมานานแล้ว แต่รอลิขิตสวรรค์กำหนดการปรากฏกาย.......เขาจะพาท่านทั้งหลายเดินไปตามถนนสายสีขาว เส้นทางแห่งความเป็นจริง พระพุทธศาสนา พระธรรมคำสั่งสอนอยู่ที่เดิม แต่เพียงเปลี่ยนศาสดาเท่านั้นเอง เพราะทุกวันนี้ผู้ปฏิบัติธรรมได้ตีกรอบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เข้าหาตัวเอง หาประโยชน์ให้ตัวเอง....เลยเกิดการบิดเบื่อนพระธรรมคำสั่งสอนที่แท้จริง.......อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือถนนแห่งความเป็นจริง

คนรักพระศรีอาริย์

ท่านเสด็จมาแล้วจริง ๆ เพราะขณะนี้ทั่วฟ้าเมืองไทย โดยเฉพาะที่กรุงเทพ ได้มีการตื่นตัวเรื่องสมเด็จพระพุทธองค๋ศรีอริยเมตไตรย์ เมื่อมีการมาปรากฎตัวของช่ายวัยกลางคนอายุราว 45 ปี หนวดเครายาวรุงรัง ครองด้วยผ้าครองสีแดงสวมหมวกสีแดงคล้ายของพระโพธิสัตว์จี้กงทับด้วยมงกุฏสีเงิน เล่นเอาคนแตกตื่นกันไปทั่ว หลังเขปรากกกายขึ้นที่ inhous หลังเดะมอลสาขางามวงศ์วาน กรุงเทพ ด้วยการรักษาโรคให้กับผู้คนหายอย่างน่าอัศจรรย์ คนแล้วคนเล่า ทั้งวิบากกรรม และคุณไสย์ มนต์ดำต่าง ๆ และที่สำคัญ ธรรมอันสุดวิเศษที่ตรัสออกมาไม่กี่คำ แต่มีความละเอียดลึกซึ้ง สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างดียิ่ง เล่นสะกดเอาผู้คนทั้งหลายที่หลงแต่เปลือกของธรรมต้องหันมาตามหาแก่นธรรมที่แท้จริงจากท่านผู้นี้........ต่อมาท่านปรากฏกายมาที่ดังกล่าวอีก ผู้คนที่นี่เรียกพระนามท่านว่า พระพุทธองค์ศรีอริยเมตไตรย์ และได้ทราบข่าวว่าราวๆวันที่ 8-20 มิถุนายนนี้ ท่านจะเดินทางไปแสดงธรรม พร้อมช่วยรักษาโรควิบากกรรมให้กับผู้คนทั้งหลายที่ inhous หลังเดอะมอลล์สาขางามวงศ์วานดังกล่าวอีกด้วย ผู้ใดที่เป็นโรคที่วงการแพทย์รักษาไม่ได้ลองไปพบท่านผู้นี้บางทีท่านอาจจะได้รับการบำบัดให้ก็ได้เพราะท่านไม่เรียกเก็บค่ารักษาใด ๆ ทั้งสิ้น...คนรักพระศรีอาริย์

บุญนั้นสำเร็จแล้วแก่เธอ

ยังไงศาสนาพุทธ ก็สอนให้คนเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

มี่จิตสำนึกอยู่เสมอ ในเหตุ และผล ทำตัวให้รู้อยู่ในสติเสมอ

แค่นั้นแหละ จะมัวมาว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้งมงายกันอยู่ทำไม

มองวันนี้และพิจารณาวันนี้ เราไม่สามารถบังคับจิตใจคนอื่นให้เชื่อเรื่อง

โน่นนี่นั่นได้ เพราะแม้แต่ตัวเราเอง ยังห้ามความหิวไม่ได้

ฉันฑ์ใดก็ฉันฑ์นั้นแหละ

พระศรีอารย์มาแล้วแต่จะเป็นองค์ใดท่านใดนั้น ขอให้มวลมนุษย์พิจารณากันเทอญ ความดีพระองค์ท่านจะปรากฎแก่สายตาชาวโลกมิใช่เพียงแต่ประเทศไทยแต่ประเทศเดียว

สื่อจากพระศรีอารย์

น่าเห็นใจพระศรีอารย์เป็นอย่างมากที่จะมาช่วยโลกคงจะต้องเหน็ดเหนื่อยมากเพราะมนุษยืในยุคนี้กิเลสหนาปัญหาเยอะ

สื่อจากพระศรีอารย์

ท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมปฏิบัติชอบทั้งหลายลองพิจารณาให้ดีว่ามวลมนุษย์ชาติกำลังก้าวเข้าสู่อารยสมัยเมื่อเปรียบเทียบกับสมัยพุทธกาลราว 2553 ปี มาแล้วนั้น ยุคกาลนี้คนเราสะดวกสบายกว่าคนยุคนั้นเพียงใด เดินทางไปไหนก็มีเครื่องบิน รถยนต์ รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถมอเตอร์ไชค์ แล้วแต่วาสนาแต่ละบุคคล มีไฟฟ้า ประปาลองรับ ไม่ต้องจุดไฟหาความสว่างให้ลำบากหรือแบกน้ำมาใช้เป็นระยะทางไกลๆๆ มีโทรศัพท์มือถือ ทีวี วิทยุ เสมือนหูทิพย์ตาทิพย์ทั้งๆๆที่ไม่ต้องปฎิบัติธรรมขั้นสูง มีไฟฟ้าใช้สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน มีอะไรมากมายอีกนับนานาประการตลอดจนบัดนี้อาจมีอายุเป็นร้อยๆปีจากการค้นพบเทคโนโลยีทางการแพทย์จะสามารถสเตมเซลล์มาใช้ใหม่แทนอวัยวะที่สึกหรอ และจะทำให้ดูหนุ่มสาวมากขึ้นเกินอายุจริงก็เป็นไปได้มากเลย ขาดสิ่งเดียวที่หายไปจากการทำนายของทุกศาสนาก็คือ ด้านจิตใจซึ่งก็ไม่ยากเลยเพียงท่านทั้งหลายศึกษาทำความเข้าใจในสาสนานั้นๆๆโดยเฉพาะศาสนาพุทธ ท่านทั้งหลายสามารถบวชทางใจให้พ้นจากทุกข์ได้ถ้าไม่มีโอกาสต้องบวชเข้าไปศึกษาในวัด ที่บ้านของท่านและทุกสถานที่ก็เป็นวัดทั้งสิ้น ดังนั้นท่านสามารถบวชใจ ทำงานหน้าที่ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ และจะดำรงชีวิตอย่างมีความสุขแท้ๆๆโดยไม่ยึดติดสิ่งๆๆบนโลกไปนี้เลย และไม่ร้อนใจจะอยู่เย็นเป็นสุขแม้ว่ากายจะเจ็ปปวดเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บแต่ใจจะไม่ทุกข์กับสิ่งเหล่านี้แม้ความตายมารอตรงหน้าก็จะไม่ทุกข์เช่นกัน แล้วท่านทั้งหลายจะทราบและรู้สึกได้ทันทีว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีจริง พระอรหันต์ทั้งหลายมีจริง และพระศรีอารยเมตไตรย ที่ทุกศาสนาที่รอคอยมีจริง แต่จะมาช่วยโลกเมื่อใดนั้นไม่สำคัญเท่าท่านทั้งหลายเริ่มเข้าศึกษาธรรมให้ชำระล้างจิตหมดจากความทุกข์ได้รึยัง

สื่อจากพระศรีอารย์

สำหรับเรื่องต้นกัลปพกฤษ์ที่กล่าวกันนั้นสมัยพระศรีอารย์นั้น ท่านทั้งลองพิจารณาก่อนว่าเป็นเพียงอุปมาอุปไมยเท่านั้นความจริงนั้นน่าจะเป็นศูนย์การค้าต่างๆๆในปัจจุบัน เช่น สยามพารากอน เซ็นทรัล โลตัส แคร์ฟูล บิ๊กซี เดอะมอลล์ แม้แต่ต้นกัลปพกฤษ์ต้นขนาดเล็กแบบ seven eleven ก็ตามมีถึง5000 สาขาแล้วทั่วไทย ท่านทั้งหลายสามารถจะเอาสิ่งใดก็ไปเอาได้ตามวาสนาหรือมีเงินมากน้อยแล้วแต่ละบุคคล แต่เป็นของฟรีเลยนั้นคงต้องรอพระศรีอารย์ก่อนนะท่านจะได้มีโรงทาน อาหารทานฟรี ข้าวของแจกฟรีกันทั่วหน้าซึงเป็นไปได้สูง คงสงสัยว่าท่านร่ำรวยมหาศาลรึอย่างไร คงไม่ใช่หรอกคาดว่ามาจากการเก็บภาษีจากราษฎร และการบริหารธุรกิจเชิงบุญของท่านมากกว่า ซึ่งเป็นโชคสองชั้นเลยก็ว่าได้

สื่อจากพระศรีอารย์

สำหรับเรื่องอายุคนในสมัยพระศรีอารย์นั้น 80,000 ปีนั้น เป็นการอุปมาอุปไมยมากกว่าไม่ใช่มีเวลาอายุจริงนานขนาดนั้นซึ่งเป็นไปไม่ได้แต่เป็นการเปรียบเทียบอายุพระพุทธเจ้า 80 ปี จะมีความรู้สึกว่าเวลา 80 ปีในสมัยพระศรีอารย์นั้นมันยาวนานเสมือน80,000 ปีเลยทีเดียวซึ่งรู้สึกเป็นพันเท่าทวีคูณ ด้วยเหตุที่ว่าบุคคลเหล่านั้นมีศีลมีธรรมเป็นอริยบุคคลดังนั้นจะรอให้ชีวิตจากโลกนี้ไปเท่านั้นซึ่งชีวิตประจำวันก็ไม่ต้องดิ้นรนมากมายแต่อย่างไรเพราะมีแต่ความพอเพียงอยู่เพื่อขัดเกลาดวงจิตให้หมดจากกิเลสเท่านั้น แตกต่างจากมนุษย์สมัยปัจจุบันต้องแข่งแก่งแย่งทำมาหากินกอบโกยมีความโลภมากมายไม่พอ ระยะเวลาก็จะรู้สึกว่าวันๆๆผ่านไปรวดเร็วมากแปปๆๆก็หมดไปแล้วทั้งๆๆทีเวลาจริงเท่ากันแต่ความรู้สึกของคนต่างกัน ท่านทั้งหลายลองพิจารณาดูว่าเป็นจริงเช่นนั้นหรือไม่ ข้าพเจ้ารู้สึกได้จากการปฏิบัติธรรม วิปัสนากรรมฐานทั้งสิ้น ดังนั้นพระพุทธทำนายทีพระพุทธเจ้าทำนายก็คงจะเป็นจริง ขอบารมีพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระอรหันต์ทุกพระองค์ ตลอดจนพระพรหม พระอินทร์ เทพเทวา พญานาคคนธรรม์ พญายมราช ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ นายนิรบาลทุกท่านทุกพระองค์ โปรดแผ่เมตตาช่วยเสริมบารมีพระศรีอารย์ได้มาช่วยชาวโลกได้ส่งเสริมค้ำจุ้นพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นให้ สำเร็จและให้มวลมนุษย์เกิดความรักความมีไมตรีซึ่งกันและกันด้วยเทอญจนไปยังสัตว์เดรัจฉานทั้งหลายและสัตว์นรกให้อยู่เย็นเป็นนิพพานด้วยเทอญ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท