เด็กไทยไม่โง่ : Smart mom บทบาทคุณแม่กับการพัฒนาสมองลูก


"ฝากให้คุณแม่ ขยัน เลี้ยงลูก ประเด็นนี้ก็ท้าทาย คำว่า ขยัน ก็คงต้องมีรายละเอียด อยู่ที่เราศึกษาเพื่อสืบเสาะหาสิ่งดีๆที่มาปฏิบัติกับลูก การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสมองของเขา นับตั้งแต่ อาหาร การพักผ่อน ขยันทำอาหารที่หลากหลาย ขยันเล่านิทาน"

 Mok

น้องมุก (ดญ.โชติรสา วณิชฤทธา)สาวน้อยวัย ๘ ขวบ อารมณ์ดี ยิ้มง่าย  นักเต้นบัลเลย์ ผลการเรียนที่ดีเยี่ยมรวมถึงความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่วในชีวิตประจำวัน....เมื่อใครได้พบสาวน้อยคนนี้ก็ต้องแอบหลงรักเพราะความน่าเอ็นดู รวมถึงการช่างเจรจาของสาวน้อย ทำให้บรรยากาศรอบข้างไม่เคยเงียบเหงา

 

ผมนัดพบกับ อาจารย์ธันยพร  วณิชฤทธา หรือคุณน้ำฝน ในวันสบายๆหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจ บรรยากาศที่ผ่อนคลายผมจึงขอให้เธอช่วยเล่าเรื่อง การเลี้ยงดูลูก แบบเจาะลึกเพื่อจะได้นำเรื่องราวของคุณแม่ยังสาวท่านนี้เป็นกรณีตัวอย่างในการเลี้ยงลูกแบบ Smart mom

 12345

อ.ธันยพร สาวสวยที่ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมีลูกสาววัยแปดขวบ บุคลิกที่เชื่อมั่น เป็นสาวยุคใหม่ นอกจากจะสวยแล้ว ผมยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เก่ง มีความคิด ทัศนะที่พัฒนากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆได้ตลอดเวลา  และทึ่งมากขึ้นเมื่อเธอบอกกับผมเสมอว่า เธอเลี้ยงลูกมากับมือ แม้จะเป็นการเลี้ยงด้วยตำรา แต่คุณแม่ยุคใหม่แบบเธอนั้น เป็นคุณแม่ "ขยัน"  น้องมุกลูกสาวคนเดียวของเธอจึงเป็นผลผลิตที่น่าชื่นใจ และมีเรื่องดีๆให้เธอและสามีชื่นชมอยู่เสมอ

 1234

"ตัดสินใจลาออกจากงานเมื่อ ตอนท้องได้ ๖ เดือน" อ.ธันยพร เล่าให้ฟังประโยคแรกในการตัดสินใจเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ เธอเล่าต่อว่าถึงแม้เงินเดือน และตำแหน่งหน้าที่การงานในขณะนั้นจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในระดับของเธอในตอนนั้น แต่ตัดสินใจลาออกเพื่อที่จะได้มีโอกาสดูแลครรภ์อย่างเต็มที่

 

"ช่วงตั้งครรภ์ ยังเป็นช่วงที่ยังรู้สึกงงๆกับตัวเองอยู่ เพราะเป็นคุณแม่มือใหม่ ยังรู้สึกตื่นเต้น ไม่รู้จะทำอะไรดี"

 

"สิ่งที่ทำก็คือตะลุยอ่านหนังสือคะ อ่านหมดทั้งนิตยสารรักลูก ตำราทั้งภาษาไทย ทั้งภาษาอังกฤษในการดูแลในระหว่างตั้งครรภ์ การกินอาหาร การพักผ่อน อ่านตำราแบบ How to เลย ทำตามนั้น รู้ว่าอ่านและเก็บข้อมูลเยอะมาก (หัวเราะ) เมื่อขนาดของท้องเริ่มขยายเราก็เริ่มรู้สึกว่า มีสิ่งมีชีวิตอีกชีวิตหนึ่งในร่างกายของเรา ความรู้สึกรักและอยากดูแลเขาอย่างดีที่สุดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามขนาดของท้องที่โตขึ้น"

 

เธอเล่าไปพลางนั่งคิด ทบทวนเรื่องราวในอดีตที่ยังแจ่มชัด แล้วยิ้ม หัวเราะอย่างมีความสุข  ผมได้แต่นั่งฟังและจดประเด็นที่น่าสนใจไปเรื่อยๆ

 

"อุปกรณ์ที่ซื้อมาตอนนั้น รู้สึกว่าเป็นชุดเครื่องมือคุยกับลูก ลักษณะเป็นรูปทรงกรวยสองด้านมีสายเชื่อมกันเหมือนหูฟังของคุณหมอเลย แบบนั้นหละ มีไว้คุยกับลูกในท้อง คือจะเล่านิทานให้เขาฟังทุกวันคะ จะเล่าเป็นภาษาไทยบ้าง ภาษาอังกฤษบ้าง ทำเสียงโทนต่างๆ เสียงต่ำ เสียงสูง หรือไม่ก็อ่านหนังสือทั่วไปก็อ่านออกเสียง พูดคุยกับเขานี่ทำมาโดยตลอดช่วงตั้งท้อง"

 

แล้วเขาจะรับรู้บ้างหรือเปล่า เวลาเราเล่านิทาน อืมม...ถามง่ายๆว่า เขารู้บ้างไหมว่าเราเล่านิทานให้เขาฟัง มีการตอบโต้อะไรบ้าง?  ผมถามคำถามต่อ

 

" เขารู้นะคะ เมื่อขนาดท้องใหญ่ขึ้น เขาก็ดิ้นมากขึ้น หากเราพักผ่อนลูกก็จะพักผ่อนไปด้วยไม่ดิ้น หากเราตื่นเขาก็จะตื่น เห็นชัดว่าเมื่อเรานำเครื่องมือพูดคุยกับลูก พร้อมกับเล่านิทาน เขาจะดิ้นและรับรู้เหมือนกับว่าเวลาฟังนิทานเรื่องโปรดเขามาอีกแล้ว รับรู้ได้คะ"

 

อ.ธันยพร เล่าต่อว่าช่วงคลอดเธอต้องผ่าคลอดด้วยเหตุผลว่า เมื่อน้ำเดิน ปากมดลูกเปิด เด็กไม่หมุนตัว การผ่าคลอดใช้เวลาไม่นาน น้องมุกลูกสาวแข็งแรง ผิวสีชมพู ร้องดังจ้า น้ำหนักอยู่ที่ ๒,๘๐๐ กรัม ถือว่าน้ำหนักไม่มากเกินไปและไม่น้อยจนเกินไป

 

"เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตลอดคะ เพราะว่าเราลาออกจากงานเพื่อจะมาเลี้ยงเขาโดยเฉพาะ จึงทุ่มเทเต็มที่ให้นมแม่อย่างเดียวเกือบปี เราก็มีความสุขนะคะ นอกจากเลี้ยงลูกที่บ้านแล้ว ยังรับงานแปลให้กับสำนักพิมพ์วัฒนาพาณิชอีก เรียกว่าไม่เบื่อ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆที่ได้ดูแลเขาแบบใกล้ชิดทำหน้าที่แม่เต็มที่"

 

" เราเปิดเสียงนิทาน เสียงเพลงให้เขาฟังตลอด ว่างๆก็นั่งเล่านิทานเหมือนที่เขาได้ฟังตอนอยู่ในท้อง  สังเกตว่าเขาสนใจไม่งอแง จะนอนนิ่งๆฟังเสียงของแม่ เมื่อถึงบทตื่นเต้นก็จะยิ้มๆหัวเราะ นี่แสดงว่าเขารับรู้ และสนุกไปกับโทนเสียงที่เราเล่าให้เขาฟัง"

 

"หากถามเรื่องอาหารของลูก จะเปิดตำราอีกแล้วคะ" เธอยิ้มๆ เมื่อผมถามถึงการดูแลเรื่องอาหาร

 

"อาหารนอกจากนมแม่แล้ว เมื่อเขาเริ่มทานอาหารอ่อนๆได้แล้ว ก็เน้นผักต้มบดกับหมูสับ ข้าวกล้องต้ม ที่บ้านทานข้าวกล้องนะคะ เลยให้เขาได้ทานด้วย  ผักส่วนใหญ่ก็เป็นพวกตำลึง ฟักทองบด แครอท เรียกได้ว่าใช้ผักเป็นส่วนผสมทุกอย่าง เมื่อเขาโตขึ้นก็เพิ่มปริมาณผักเรื่อยๆ นอกจากเขาไม่ท้องผูกแล้ว ถึงตอนนี้น้องมุกก็กินผักได้ทุกชนิดไม่มีเขี่ยทิ้ง"

 

น้องมุกนอกจากจะเลี้ยงง่าย เป็นเด็กที่อารมณ์ดีแล้ว ยังสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วย พัฒนาการค่อนข้างเกินวัย อ.ธันยพร มีเคล็ดลับมาบอกครับ

 

"ปกติจะซื้อของเล่นที่เกินพัฒนาการมาให้เล่น เพราะทราบไงคะว่าอายุเท่านี้จะทำอะไรได้บ้าง น้องมุกเขาทำได้เร็วและก่อนช่วงอายุจากที่อ่านในตำรา ก็เลยพยายามซื้อของเล่นที่เกินพัฒนาการมาให้เขาได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง"

 

"ส่วนกิจกรรมที่ให้เขาได้เรียนรู้ อันนี้ขอข้ามมาเมื่อน้องมุกโตแล้วนะคะ อายุได้ ๒ ขวบ ให้เขาฝึกตัดกระดาษโดยใช้กรรไกรแล้ว ซึ่งกิจกรรมนี้อันตรายต้องมีผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะใช้ทั้งการบังคับกล้ามเนื้อและสมาธิของเด็ก อีกกิจกรรมหนึ่งก็ให้เขาได้วาดสีน้ำ เขาจับพู่กันได้เมื่ออายุ ๒ ขวบเช่นกัน"

 

"เรื่องภาษา ที่บ้านใช้สองภาษาก็คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย เพราะคุณแม่เป็นครูอังกฤษ คุณยายก็เป็นครูภาษาอังกฤษ เราก็เลยใช้กันบ่อยเรียกได้ว่าควบทั้งสองภาษา เล่านิทานก็เล่าสองภาษา น้องมุกเขาสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่ก่อนเข้าอนุบาล และตอนนี้ก็เป็นตัวแทนโรงเรียนในการนิทานภาษาอังกฤษด้วย"

 

"ตอนนี้น้องมุกเรียนชั้น ป. ๒ แล้ว ผลการเรียนดีเยี่ยม ได้ ๔.๐๐ มาโดยตลอด และสิ่งที่ให้ความสำคัญอีกอย่างคือการให้เขาทำกิจกรรมที่หลากหลายพัฒนาทั้งร่างกายและอารมณ์เช่น ว่ายน้ำ บัลเลย์ วาดรูป เทควันโด้  งานศิลปะที่เด็กๆสามารถทำได้ กิจกรรมที่หลากหลายทำให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองได้ดี" 

 

123  Mok1 

ผมถามถึงความคาดหวังของ อ.ธันยพร ในการเลี้ยงลูก แบบคุณแม่มือใหม่ใจเกินร้อย

 

"ถามว่า อยากให้ลูกเป็นจีเนียส หรือเปล่า ก็ไม่นะคะ  แต่อยากให้เขาเติบโตอย่างมีคุณภาพ ผลพลอยได้จากการเลี้ยงเขาแบบใส่ใจก็คือ เขาเป็นเด็กที่ร่าเริง มีความสุข มีทัศนคติที่ดีกับสิ่งรอบข้างเขา มีสมาธิในการทำกิจกรรม จินตนาการที่ดี เรียกว่าเขา คอนเซนเทรดกับกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้ามาก ส่วนผลการเรียน ความสามารถทางสมองของเขานั้นเป็นผลพลอยได้ต่างหาก"

 

แล้ว อ.ธันยพร มีอะไรจะฝากให้กับคุณแม่ หรือผู้ปกครองท่านอื่นๆบ้างครับ ในส่วนของการเลี้ยงดูลูก คำถามสุดท้าย

 

 "เรื่องเวลาคะ เราต้องให้เวลากับบทบาทที่สำคัญนี้ แต่ก็พูดยากนะเรื่องเวลา อยู่ที่เราจะบริหารเวลากันมากกว่า"

 

"ฝากให้คุณแม่ ขยัน เลี้ยงลูก ประเด็นนี้ก็ท้าทาย คำว่า ขยัน ก็คงต้องมีรายละเอียด อยู่ที่เราศึกษาเพื่อสืบเสาะหาสิ่งดีๆที่มาปฏิบัติกับลูก การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสมองของเขา นับตั้งแต่ อาหาร การพักผ่อน ขยันทำอาหารที่หลากหลาย ขยันเล่านิทาน"

 

ผมนั่งฟัง อ.ธันยพร พูดถึงเรื่องการเลี้ยงลูกแบบเพลิดเพลิน บทสนทนาของเราในสถานที่นัดพบของวันสบายๆ ของผมและเธอในวันนี้ ได้สาระมากมาย และเป็นสาระที่สำคัญสำหรับการเลี้ยงลูก การเลี้ยงดูเด็กที่จะเป็นอนาคตของชาติที่มีคุณภาพต่อไป

 

แง่มุมดีๆของคุณแม่ยังสาว อ.ธันยพร น่าจะให้ความรู้กับผู้สนใจได้บ้าง ก่อนจะลากลับเธอบอกว่า กำลังจะมีโครงการเขียนหนังสือประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกออกมาในไม่ช้านี้...ผมเห็นด้วยครับ นอกจากบทสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการในวันนี้ ผมก็ได้ความรู้ที่มากมาย พร้อมเทคนิคที่สกัดออกมาเป็นความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติของ Smart mom ท่านนี้หากเขียนเป็นหนังสือเชื่อว่า How to เล่มนี้น่าสนใจมากเลยทีเดียว

 

บันทึกที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง

 สมอง กับ...การเรียนรู้

กระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาสมองเด็ก

กระบวนการพัฒนาเด็กปฐมวัย...ทำอย่างไรให้เด็กไม่โง่

แผนการจัดประสบการณ์เด็กปฐมวัย...เรื่องใหม่ที่ผมได้เรียนรู้

 

 -------------------------------------------------------------------------------------------------

*** บทสัมภาษณ์นี้ จะนำไปเป็นเอกสารประกอบการบรรยายพิเศษ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเด็น "Brian Based Learning" 

 

ภายใต้ โครงการวิจัยและพัฒนาศักยภาพครูปฐมวัยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำแพงเพชร เขต ๒

วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๑โรงเรียนอนุบาลคลองลาน

 

 

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

๑๙ มีนาคม ๒๕๕๑

    KPI.Bangkok

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 172086เขียนเมื่อ 21 มีนาคม 2008 13:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)

ขอบคุณพี่เอกมากค่ะ สำหรับเรื่องราวดีมากๆๆนี้ เป็นเรื่องที่พ่อแม่ยุคใหม่ควรจะได้อ่านมากๆ....ค่ะ

แม้ว่าหนูยังเป็นนักศึกษาอยู่อีกก็ตาม....แต่หนูว่า เรื่องนี้...เป็นเรื่องสมควรอ่านได้ทุกคนค่ะ...โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่คนค่ะ....

สวัสดีค่ะ

บันทึกนี้น่าสนใจค่ะ ตรงกับที่ดูแลหลานอายุ 1ขวบ 8 เดือนอยู่พอดี เด็กๆอยากรู้อยากเห็นไปทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนี้พูดคล่อง ประโยคยาวๆ พอพระจันทร์ จะวิ่งไปจับมือลากทุกคนมาดู พร้อมพูดว่า  มาๆ มาดูพะจันกันนะ สวยๆๆ

ตอนนี้ไปเล่น ที่ Play Group 2 แห่ง สนุกสนานดีค่ะ มีสอนให้ระบายสีและทำกิจกรรมด้วย สนุกๆ แบบเด็กๆ ไปเล่นอย่างเดียวกับฝึกเข้ากลุ่มเพื่อนๆ  ถ้าอ.ธันยพร เขียนหนังสือก็ดีเลยค่ะ อุดหนุนแน่นอน

 ประโยคว่า...ขยันทำอาหารที่หลากหลาย...นี่จริงเลยค่ะ ที่บ้าน ต้องเปลี่ยนเมนูบ่อยมาก เด็กเบื่อง่ายค่ะ ยิ่งโตยิ่งมีความเป็นตัว ของตัวเองมากขึ้น  มีความชอบ ไม่ชอบ จะไปชักจูงให้ทานอะไรง่ายๆแบบเดิมๆ   ไม่ค่อยได้แล้วค่ะ

ขอนำรูปการทำกิจกรรมครั้งแรกของเขามาฝากค่ะ เมื่อก.พ.2008 นี่เอง

First%20day%20at%20school%20at%20kid,s%20academy%20-5-02-2008

สวัสดีค่ะ คุณเอก

ดีจังเลยค่ะ หัวข้อนี้ เป็นคุณแม่ยุคใหม่จริงๆค่ะ และจริงอย่างที่สุดคือ

 "เรื่องเวลาคะ เราต้องให้เวลากับบทบาทที่สำคัญนี้ แต่ก็พูดยากนะเรื่องเวลา อยู่ที่เราจะบริหารเวลากันมากกว่า"

คุณแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นเด็กมีคุณภาพ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการบริหารเวลาให้กับลูก

คุณแม่ท่านนี้มีบล็อกหรือเปล่าค่ะคุณเอก อยากจะตามเข้าไปอ่านค่ะ :)

สวัสดีครับ น้อง วาดะห์ * ~Wardah~*

เคยเจอกันที่ useable lab ใช่มั้ยครับ

พอดีผมจะไป แลกเปลี่ยน เป็นบรรยายเล็กๆให้กับ คุณครูปฐมวัย ที่กำแพงเพชร ในอีกสามสี่วันที่จะถึงนี้ จึงได้ไปสัมภาษณ์ อ.ธันยพร เพื่อเป็นประโยชน์ เอาความรู้จากการปฏิบัติจริงมาเล่าสู่กันฟังครับ

สวัสดีครับ อ.ดร. จันทวรรณ ปิยะวัฒน์

อ.ธันยพร เป็น Blogger ครับ P น้ำฝน แต่เขียนทางด้าน "การท่องเที่ยว" ผมกำลังเชียร์ให้เธอเขียนเรื่องราวด้านการเลี้ยงดูลูกอยู่ครับ

สวัสดีครับ พี่ศศินันท์

รู้สึกเคยเห็นภาพหลานชายในหลายๆบันทึก ดูเขาร่าเริงและท่าทางจะซนไม่ใช่ย่อย

เด็กซน คือเด็กที่ฉลาด ดังนั้น การจัดสภาพสิ่งแวดล้อมให้เขาเพื่อให้เขาได้เรียนรู้จึงน่าจะเป็นประเด็นสำคัญ

ผมกำลังชวนให้เขาเขียนหนังสือครับ เท่าที่ผมคุยกับ อ.ธันยพร เขามีเรื่องราวดีๆอีกมากที่อยากถ่ายทอด ยิ่งได้สัมผัสน้องมุกก็เห็นว่า นั่นคือ ความตั้งใจในการสร้างคนที่มีคุณภาพ อย่างใส่ใจจากคุณแม่และครอบครัว

ภาพกิจกรรมของหลานชาย น่ารักมากครับ แสดงถึงจินตนาการที่ไม่มีขีดจำกัด :)

 

สวัสดีครับพี่อุ๊

ผมสนใจประเด็นการพัฒนาเด็กมานานแล้วครับ โดยเฉพาะ การพัฒนาสมอง ซึ่งสำคัญที่สุดเพื่อเราจะมีคนคุณภาพในอนาคต

และสมองสามารถพัฒนาได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

อ.ธันยพร เธอขยันทำอาหารครับ และเธอบอกว่า อาหารเมนูของเธอต้องมีผักเป็นองค์ประกอบหลักครับผม

ขอบคุณพี่อุ๊ครับ

เป็นเรื่องที่น่ารักมากค่ะ ความเสียสละของคุณแม่เริ่มต้นตั้งแต่เริ่มตั้งท้องเลย ทำให้มีเวลาที่จะเอาใจใส่การพัฒนาของลุกน้อยในครรภ์ การดูแลลูกรักจนเติบโตมีพัฒนาการดีเยี่ยมอย่างนี้เขียนบล็อก เขียนหนังสือ และไปบรรยายแบ่งปันประสบการณ์เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเลยค่ะ

คุณธันยพรนั้นเป็นคนทุ่มเทกับสิ่งที่ทำ ได้เห็นจากการเรียนปริญญาโท ทุ่มเท มุ่งมั่น ตั้งใจอย่างที่คนเรียนปริญญาเอกหลายคนยังต้องอาย เป็นคุณสมบัติประจำตัวของเธอนะคะ ทำอะไรจะต้องพยายามทำให้ดีที่สุด

คุณเอกก็เป็นกัลยาณมิตรชวนให้ทำประโยชน์ได้กว้างขวาง

  • สวัสดีค่ะคุณเอก ชื่นชมกับความสามรถของคุณแม่
  • คุณครูธันยวีร์ ที่เลี้ยงดูน้องมุกได้ดีมาก น้องมุกเก่งจริงๆพูดได้ถึง 2 ภาษา ในวัยเพียง 8 ขวบเท่านั้น
  •  เสียดายที่คุณแม่ด่วนออกจากงานไปก่อน
  • เคยร่วมโครงการพัฒนาสมองและศักยภาพของเด็กไทยตามฐานความรู้ BBL อยู่ช่วงหนึ่ง
  • ขออนุญาตเสริมเรื่องอาหาร นอกจากประเภทผัก และข้าวกล้องแล้ว อาหารที่หาได้ง่าย และไม่แพงก็คือ นม ไข่ ปลา ช่วยในด้านความคิดความอ่าน กล้วย ส้ม ผักบุ้ง และน้ำทำให้ท้องไม่ผูก ปลา วิตามินช่วยบำรุงสมอง
  • คุณเอกเป็นผู้ที่สนใจ และมีความตั้งใจ เข้าถึงทุกเรื่อง
  • เป็นผู้ที่มีส่วนในการจัดระเบียบของสังคมคนหนึ่ง
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ อ.ดร.ยุวนุช

ผมตั้งใจจะนำบันทึกนี้ ให้คุณครูที่ผมไป แลกเปลี่ยน ที่กำแพงเพชรได้อ่านกันครับผม คิดว่าจะเกิดประโยชน์ในการนำไปประยุกต์กับการเรียนการสอน การพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อสมอง BBL.

โดยยก case ของ อ.ธันยพร ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จัก สนิท ผมคิดว่าแง่มุมของเธอจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจมาก

วันว่าง วันหยุด ผมกับ อ.ธันยพร  จะไปทักทายอาจารย์ที่บ้านริมน้ำครับผม

พี่เอื้องแซะ

ผมสนใจประเด็น"การพัฒนาสมองเด็ก" ครับ และเรื่องราวเหล่านี้เป็นศาสตร์ที่ผมเรียนมาโดยตรง ที่ผมทำงานทุกวันนี้ไม่ตรงสาขาที่เรียนครับ :)

ช่วงที่อยู่แม่ฮ่องสอน ก็สอนคุณครูปฐมวัยครับ ประเด็น การพัฒนาเด็กปฐมวัย และได้เน้นประเด็น BBL. เป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งรวม การจัดสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อสมองเด็กด้วย

ก็เป็นการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องครับ ส่วนหนึ่งก็ได้จากการค้นคว้าจากตำรา และส่วนหนึ่งจากการสกัดความรู้จากผู้มีประสบการณ์ นำไปสู่บทเรียนการแลกเปลี่ยนในกลุ่มเป้าหมาย ผมได้เรียนรู้โดยตลอดจากการเรียนรู้ทั้งหมดครับ

และนำเรื่องราวบางส่วนมาแลกเปลี่ยนในพื้นที่ตรงนี้ด้วย

ขอบคุณครับ มาแลกเปลี่ยนกันต่อครับ

 

พี่เหลียง สิทธิรักษ์ ครับ

เรื่องของสมอง เชิญชวนไปอ่านเพิ่มเติมที่

เรื่องบางเรื่องที่เราอาจยังไม่รู้...เกี่ยวกับสมอง

แล้วมาแลกเปลี่ยนกันครับผม

น้องจตุพรคะ

พี่ต้องปรับปรุงการเลี้ยงลูกชาย 3 คนใหม่แล้วค่ะ โดยเฉพาะคนโตสุด ยิ่งแก่ยิ่งดื้อ

อยากให้บันทึกต่อไปเป็นวิธีการดูแลสามี ไปช่วยเก็บข้อมูลมาเล่าให้ฟังบ้างค่ะ

สวัสดีครับพี่ไหมแก้ว

กรณียิ่งแก่ ยิ่งดื้อ ผมก็เป็นครับ

ส่วนกรณีวิธีการดูสามีนั้น ผมเคยได้ฟังจากท่านผู้รู้ท่านบอก แบบนี้ครับ

 

เรือน 3 น้ำ 4

น้ำ 4 นั้น ได้แก่. น้ำกิน; น้ำใช้; น้ำเต้าปูน; น้ำใจ
เรือน หญิงไทยที่ดีจะต้องมีเรือน 3 คือ


1.เรือนผม หมายถึง ผมสะอาดงดงาม
2.เรือนกาย หมายถึงร่างกายสะอาดการแต่งกายดี
3.เรือนที่อยู่หมายถึง เป็นผู้ดุแลรักษาบ้านเรือนสะอาดสวยงาม


ส่วนน้ำ 4 หมายถึงคุณสมบัติของหญิงมีดังต่อไปนี้


1.น้ำมือ หมายถึง การทำอาหาร การเย็บปักถักร้อยมีฝีมือเยี่ยม
2.น้ำใจ หมายถึง เป็นผู้มีจิตใจอันประเสริฐ
3.น้ำคำ หมายถึง เป็นผู้มีวาจาอันไพเราะ
4. น้ำเต้าปูน หมายถึง น้ำที่หล่อเต้าปูนที่ใช้กินกับหมาก ประเพณีเดิมของไทยเวลาแขกมาบ้านจะต้องต้อนรับด้วยการเชิญกินหมากเป็นอันดับแรก ข้อนี้หมายถึง การมีกิริยามารยาทในการต้อนรับแขกได้เป็นอย่างดี เป็นแม่บ้านที่มีความรอบคอบดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง



3 นั้น ได้แก่. เรือนผม; เรือนไฟ; เรือนนอน. เรือนทั้งสามนี้ต้องรักษาให้สะอาด

จะลิขิต เรื่อง “เรือนสาม” และ “น้ำสี่”

แม้ผู้เฒ่า เล่าความ นมนานปี

ด้วยศรัทธา กุลสตรี ที่ชื่นชม

เรื่องเรือนสาม ตามภาษิต ลิขิตไว้

คือเรือนช่อง ห้องอาศัย ให้เหมาะสม

สองเรือนครัว ดูผักปลา น่านิยม

สามเรือนผม สวยสะอาด ดูบาดใจ

น้ำคำเอ่ย เผยไพเราะ เสนาะพริ้ง

น้ำใจหญิง ยิ่งงดงาม กว่าน้ำไหน

น้ำใช้สอย คอยตรวจตรา น่าชื่นใจ

น้ำมือใคร อร่อยเท่า กับข้าวนาง

เรือน 3 น้ำ 4
คำว่าลูกผู้หญิงต้องเพียบพร้อมไปด้วย “เรือนสามน้ำสี่” หมายความว่าอะไร ตอบคำว่า “เรือนสามน้ำสี่” มักจะได้ยินเวลาที่ผู้หลักผู้ใหญ่อวยพรให้กับเจ้าสาวเป็นหลักยึดในการครองชีวิตคู่ หลังจากแต่งงานออกเหย้าออกเรือนไป


เรือนแรก คือ บ้านเรือน ผู้หญิงจะต้องทำความสะอาดเช็ดกวาดถูบ้านเรือนให้สะอาดตลอดเวลา รวมไปถึงการจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ไม่ให้เกะกะรกหูรกตา ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย


เรือนที่สอง คือ เรือนผม ผู้หญิงจะต้องมีเรือนผมที่สะอาด ดูดีเรียบร้อย ทั้งก่อนเข้านอนและหลังจากตื่นนอนแล้ว


เรือนที่สาม คือ เรือนกาย เรื่องนี้สำคัญ เพราะผู้หญิงที่เนื้อตัวดูสกปรกมอมแมม ย่อมไม่น่ามองนัก


ส่วนน้ำสี่นั้น

น้ำแรก คือ น้ำใจ ฝ่ายหญิงจะต้องรู้จักการมีน้ำใจต่อสามี บุตรธิดา รวมไปถึงพ่อแม่ของฝ่ายสามีและญาติพี่น้อง เช่น ให้การต้อนรับที่ดี สำรับคาวหวานต้องไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อไปเยี่ยมญาติพี่น้องก็ต้องแสดงน้ำใจอาจมีของฝากเป็นเสื้อผ้าหรือผลไม้


น้ำที่สอง คือ น้ำคำ ผู้หญิงต้องมีมุธรสวาจาไพเราะเสนาะหู อ่อนหวาน ไม่ว่าจะโอภาปราศรัยกับสามี ญาติพี่น้องหรือบุคคลอื่น งดการนำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจต่างๆมาพูดให้สามีฟัง ถ้าจะพูดต้องดูกาลเทศะให้ดี


น้ำที่สาม คือ น้ำมือ ลูกผู้หญิงต้องมีฝีมือในการทำอาหารการกิน รสชาติต้องอร่อย สะอาดสะอ้าน รู้ใจคนในบ้านว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร รู้จักการทำแบบประหยัดแต่มีคุณค่า


น้ำที่สี่ คือ น้ำเต้าในปูน สมัยก่อนทุกบ้านเรือนจะมีเต้าปูนแดงที่ใช้กินกับหมาก เจ้าปูนแดงนี้จะต้องมีน้ำหล่ออยู่เสมอ ปูนแดงจะได้ไม่แห้งแข็ง เวลาใช้ไม้พายป้ายปูนใส่ใบพลูจะได้ปาดได้เรียบ ถ้าเต้าปูนบ้านใครเมื่อยกมารับแขกแล้วน้ำในเต้าปูนแห้ง ถือว่าลูกสาวบ้านนี้ขี้เกียจ หรือแม่บ้านบกพร่อง

สำหรับ ข้อเสนอแนะข้างบน เป็นคำสอนของท่านผู้ใหญ่มาแต่อดีต เดี๋ยวนี้ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ทั้ง ชาย - หญิง ต้องปรับตัวเข้าหากัน ทั้งนี้ใช้ "ความรัก" และ "ความเข้าใจ" ในการร้อยรัดสายใความผูกพัน

รักอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องเข้าใจด้วยครับผม

แอบมาดูน้องเอก ผู้รอบรู้

สวัสดีครับพี่สิทธิรักษ์

บันทึกนี้จะนำไปประกอบการบรรยาย BBL. ที่ จ.กำแพงเพชร ครับ เอกสารประกอบการเรียนรู้ผมอยากเขียนให้ไม่เป็นวิชาการมาก เพื่อเร้าการต่อยอดความรู้ให้เกิดขึ้นง่ายๆและสนุกครับ

บางทีผมผมก็รู้แต่ "ทฤษฎี"ครับ พี่ สิทธิรักษ์
ก็ได้แต่สกัดองค์ความรู้ ท่านผู้รู้ มาถ่ายทอด เล่าสู่กันฟัง

แวะมาเยี่ยมค่ะ ได้ความรู้มากมายเลยค่ะ

* ผลผลิตแห่งความรัก  กำลังแตกกิ่งก้านสาขา

งอกงาม งดงาม และเติบโต เพื่อรอคอยการขยายพันธุ์ต่อไป

ขอบคุณค่ะ 

 

  • เยี่ยมเลยครับน้องเอก
  • ขอเอาไปแนะนำคุณครูนะครับ
  • แต่พี่ไปที่นี่
  • น้องอนุวัฒน์  
  • น้องเขายังไม่มีบันทึก
  • ไปเก้อเลย
  • วัยรุ่นเซ็ง
  • อิอิๆๆ

หวัดดีจ้ะ...น้องเอก

  • ตามหนุ่มพเนจรคนข้างบนมาอ่ะจ้ะ อิอิ
  • สบายดีนะจ้ะ
  • น้องไปแล้ว ทางนี้วุ่นวายใหญ่เลย ดีนะช่วงน้องอยู่เหตุการณ์ร้าย ๆ รุนแรงทางนี้ไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่
  • ไม่อย่างนั้นล่ะ...ได้สัมผัสของจริงแน่ ๆ อิอิ
  • บทบาทของคนเป็นพ่อและแม่สำคัญต่อลูก ๆ มากเลย
  • พี่ไม่มีลูก มีแต่หลาน ๆ ที่กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่น และยังเล็ก อยู่นะจ้ะ...พูดถึงหลาน ๆ แล้วเหนื่อยใจ เด็กสมัยนี้ ทำไมดื้ออยางนี้นะ อิอิ  
  • ขอบคุณมากจ้ะ...สำหรับสาระดี ๆ ที่นำมาฝากกัน เป็นตัวอย่างของคุณแม่ที่ดีจริง ๆ ในการเลี้ยงดูลูก 

สวัสดีครับครูเอ ครับ

ผลผลิตของความรัก เป็นผลผลิตที่ดี และมีคุณค่า สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมต่อไป

เด็กเป็นทั้งปัจจุบันและอนาคต

การลงทุนด้านการพัฒนามนุษย์ จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญที่สมองเด็กครับ

เก็บมาฝากครับ

จิตแพทย์ระบุการอ่านหนังสือ ช่วยพัฒนาสมอง เด็ก
การเลือกหนังสือให้เหมาะกับวัยของลูกน้อย มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาสมองเด็กโดยผ่านการอ่าน
             

“นพ.อุดม เพชรสังหาร” ผอ.ศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็กและเยาวชน สถาบันรักลูก ได้กล่าวถึงความสำคัญ ของการปลูกฝังเรื่องการอ่านแก่เด็กว่า การอ่านหนังสือก่อให้เกิดพัฒนา การในการเรียนรู้ รวมทั้งส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมความคิด และจินตนาการควบคู่กันไป แต่การจะทำให้ สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้นั้น ต้องอาศัยเครื่อง มือหลายอย่างมาช่วยขับเคลื่อน รวมถึงหนังสือ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างพัฒนาการของเด็กได้ในทุกๆด้าน

คุณหมออุดมยังย้ำว่า โดยธรรมชาติแล้ว เด็กจะเรียนรู้ผ่านการปฏิสัมพันธ์ หนังสือภาพสำหรับเด็กจึงเป็นสื่อที่เหมาะสมกับเด็กก่อนอายุ 20 ปี เพราะเป็นวัยที่อารมณ์มาก่อนเหตุผล การจะสอนเด็กวัยนี้ต้องสัมผัสเรื่องอารมณ์ให้ได้ หนังสือเด็กที่ดีต้องนำไปสู่การทดลองคิด ทดลองทำ ท้าทายให้เด็กอยากรู้ อยากทดสอบ เป็นกฎของ “เบรน เบส เลิร์นนิ่ง” ว่าอะไรก็ตามที่ท้าทายเด็ก ทำให้เด็กอยากรู้ เด็กจะพบว่าสิ่งนั้นมีความหมาย และจะเก็บข้อมูลไว้ในสมอง ทางที่ดีที่สุดในการพัฒนาสมองเด็กก็คือ ต้องพยายามให้เด็กเข้าถึงสิ่งต่างๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงธรรมชาติ, องค์ความรู้, ภาษา และการใช้เหตุผล

ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กยังเจาะลึกถึงความละเอียดอ่อน ของการอ่านที่มีส่วนสำคัญในการสร้างสมองด้วยว่า จริงๆการอ่านช่วยพัฒนาทุกด้าน เช่น เมื่อพ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟัง จะทำให้เกิดความผูกพันระหว่างกัน เด็กจะรู้สึกว่าพ่อแม่รัก มีความรู้สึกอบอุ่นขึ้น ก่อให้เกิดกลไกสำคัญที่สุดที่ทำให้เด็กมีพัฒนาการอย่างเต็มที่ เด็กจะค่อยๆสะสมภาษาพูดทีละคำสองคำ จนเกิดเป็นภาษาที่สมบูรณ์ ภาษาจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในการเรียนรู้ของมนุษย์ เมื่อพ่อแม่ชี้ให้เด็กเห็นภาพ เห็นตัวหนังสือ ก็จะทำให้เกิดภาษาอ่าน ภาษาพูด และเป็นที่มาของภาษาเขียน การที่เด็กได้เรียนรู้อย่างอบอุ่นจากแม่ ส่งผลให้เด็กบ่มเพาะนิสัยรักการอ่าน และแสวงหาความรู้ ซึ่งจะต่อยอดถึงการใฝ่รู้ใฝ่เรียนไปตลอดชีวิต



 
   

พี่ อ.ขจิต ฝอยทอง

พรุ่งนี้จะเดินทางไปกำแพงเพชรครับ 

ส่วนน้องอนุวัฒน์นั้น เขามาแลกเปลี่ยนกับผมบ่อยๆครับ ใน MSN และบันทึกครับ

กิจกรรมการแลกเปลี่ยนกับคุณครูที่กำแพงเพชรจะนำมาเขียนเพื่อบอกเล่าบรรยากาศในบันทึกต่อๆไปครับ 

:))

สวัสดีครับพี่สาว อ้อยควั้น

หลังจากกลับมายะลา ทราบจากข่าวทางสื่อก็ตกใจเหมือนกัน ทางโน้นคงสุขสบายดีทุกท่านนะครับ

ขอฝากขอบพระคุณท่าน ผอ.เกษตร จ.ยะลา พี่ไมตรี และพี่ๆเกษตรทุกคนที่ให้ความสะดวกในการเก็บข้อมูลเป็นอย่างดีครับ

มีโอกาสมาทาง กทม.ก็มาแวะทักทายกันบ้างนะครับ

ขอบคุณครับผม

สวัสดีครับ คุณเอก ....

ขอบคุณครับ :)

อาจารย์ Wasawat Deemarn

ผมยังไม่ทราบเลยครับ ว่าผมมีอายุครบรอบ 2 ปีในวันนี้ วันที่อาจารย์มาทักทายและแจ้งให้ทราบ(24 มีค.51)

ยาวนานพอสมควรและมีความสุขครับ กับการที่ได้โลดแล่น แลกเปลี่ยนที่นี่

มีเพื่อนที่ดีเช่นอาจารย์

ขอบคุณเนื้อหา BBL.มากนะครับ

ทฤษฎีการเรียนรู้ตามธรรมชาติสมอง (Brain-Based Learning : BBL)

ผมส่งหนังสือไปที่ มหาวิทยาลัย ได้รับแล้วแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ

"อุปกรณ์ที่ซื้อมาตอนนั้น รู้สึกว่าเป็นชุดเครื่องมือคุยกับลูก ลักษณะเป็นรูปทรงกรวยสองด้านมีสายเชื่อมกันเหมือนหูฟังของคุณหมอเลย แบบนั้นหละ มีไว้คุยกับลูกในท้อง คือจะเล่านิทานให้เขาฟังทุกวันคะ จะเล่าเป็นภาษาไทยบ้าง ภาษาอังกฤษบ้าง ทำเสียงโทนต่างๆ เสียงต่ำ เสียงสูง หรือไม่ก็อ่านหนังสือทั่วไปก็อ่านออกเสียง พูดคุยกับเขานี่ทำมาโดยตลอดช่วงตั้งท้อง"

:) ใช้เหมือนกันเลยค่ะกับน้องภู

ผลลัพธ์ น้องภูเรียกแม่ได้เมื่อเจ็ดเดือนเต็ม มีพัฒนาการด้านภาษาชัดเจนค่ะ สนใจภาษา ชอบแต่งเพลงสั้น ๆด้วย (ไม่รู้รำคาญแม่ที่ชอบร้องผิดคีย์)

..จริง ๆ คุณพ่อเขาร้องเพลงให้ลูกฟังผ่านสายคุยนี่แหละค่ะ ทุกคืนทุกวันก็ว่าได้

และ พ่อเขาเป็นนักฟังเพลงตัวจริง ฟังมากร้องมาก

เสียงดีใช้ได้ค่ะ :)

สายที่ว่า ตอนหลังเก่าและลูกโต ก็เอามาให้เขาเล่นกับน้ำแบบกาลักน้ำ สอนวิทยาศาสตร์แฝงไปด้วย แหม เล่าได้อีกเยอะ ถูกใจเพิ่งมาเจอบันทึกนี้

มาตอบพี่หมอเล็ก  ภูสุภา
ช้าไปหน่อย...

ต้องหาโอกาสสัมภาษณ์พี่หมอเสียแล้ว...

มาอ่านย้อนรำลึกความหลังตอนตั้งครรภ์น้องแสตมป์

ปฏิบัติตาม ต้องการให้ลกเก่งคุยกับลูก สมัยนั้นยังไม่ทันสมัย ไม่มีเครื่องช่วยใฟ้ลุกฟังเสียงพ่อแม่ ใช้วิธีสัมผัสท้องและคุยให้ลูกฟัง แต่พี่ชอบฟังเพลงมากกว่า แสตมป์ โตขึ้นชอบฟังเพลงมาก

มีโอกาส + เวลา พี่ ประกาย   ช่วยถอดบทเรียนเรื่องเหล่านี้มาเขียนบันทึกด้วยก็จะดีมากๆนะครับ เพราะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับ คุณแม่มือใหม่

ขอบคุณครับ

บังเอิญไม่มีประสบการณ์การเป็นแม่หรอกนะคะ แต่ชอบอ่านจิตวิทยาเกี่ยวกับเด็ก เพราะเลี้ยงหลาน ตั้งแต่ เป็นสาว มหาลัย ปี 3 ม. 4 ป. 5 และคนสุดท้าย ป. 1 หน่ะคะ เลยต้องอ่านเพราะบางทีก็วุ่นวายพอสมควร ดีนะคะ พอดีน้องทที่ทำงานด้วยกันกำลังท้อง จะก๊อปไปฝากน้องให้เขาอ่าน ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ นะคะ

บันทึกนี้น่ารักและสร้างแรงจูงใจได้ดีมากๆเลยนะคะ คุณเอก ท่าทางน้องมุกจะขี้เล่นเสียด้วย พี่โอ๋ยังจำบันทึกแรกที่ได้ทักทายคุณเอกได้เลย เรื่องนี้ยิ่งส่งเสริมยิ่งมีประโยชน์ค่ะ สนับสนุนเต็มที่ ถ้าเราเสริมพลังความคิดและคุณภาพในเชิงคุณธรรม ความดีให้เด็กๆรุ่นใหม่ได้มากได้ดีเท่าไหร่ สังคมก็จะค่อยๆเข้มแข็งขึ้นต่อๆไปนะคะ 

คุณchem

ขอบคุณครับ นำไปเผยแพร่ได้เลยครับ หรือหากสนใจอยากคุยกับ อ.ฝน โดยตรงเธอก็ยินดีครับ

ขอบคุณมากครับ พี่ โอ๋-อโณ ครับ

ประเด็นการพัฒนาเด็ก โดยเฉพาะเด็กปฐมวัยนี่ ผมสนใจเป็นเบื้องต้นครับ ถือว่าเป็นประเด็นสร้างชาติกันเลยทีเดียวครับ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท