แล้วก็มีเรื่องดีๆให้ทำ
พี่โต..อุไรวรรณ แจ้งมาว่า สถานพิินิจจังหวัดสงขลาอยากได้หมอไปตรวจเด็กรับใหม่ตามสวัสดิการ ผมซึ่งเคยอาสาไปตรวจเมื่อหลายปีก่อน แล้วเลิกไปเพราะต้องเป็นหัวหน้าภาคฯแบบกระทันหันและเรียนต่อ ถึงตอนนี้เรียนจบแล้วก็อยากจะกลับไปตรวจต่อ พอได้ข่าวก็รีบตอบตกลงทันที ทั้งๆที่เพิ่งได้ข่าวเด็กที่นี่หนีไปเมื่อต้นเดือน
ผมชวนอาจารย์เชอรี่..สุนิสา ฉัตรมงคลชาติ อาจารย์หมอภาควิสัญญีไปเป็นเพื่อน เพราะเคยชวนกันไว้แล้ว แล้วก็มีทีมจากคณะพยาบาลที่กำลังทำเรื่องจิตอาสาอีก ๕ คนมาสมทบ มีพี่นิด..อาจารย์ขนิษฐา นาคะ อาจารย์หญิง..กิตติกร นิลมานัต อาจารย์บี..โขมพักตร์ มณีวัต อาจารย์ป้อม..ปิยาภรณ์ บุญพัฒน์ และน้องประไพพรรรณ ศรีเมธาวรคุณ
ตอนผมไปถึง พี่จ๋อ..สุมนา จงรุ่งโรจน์ ผอ.สถานพินิจสงขลา และทีมพยาบาลได้ลงมือตรวจไปล่วงหน้าก่อนแล้ว
วันนี้เราใช้เวลาช่วยกันตรวจแบบคัดกรองและตรวจโรคทั่วไปสำหรับเด็กที่ไม่ สบายรวมแล้วกว่า ๕๐ คน ในเวลาร่วม ๓ ชั่วโมงตอนบ่าย ไม่ค่อยมีเวลาคุยกันเท่าไรเหมือนคราวก่อนๆ เพราะเด็กมากตกค้างไม่มีหมอพยาบาลไปตรวจอยู่หลายเดือน
น้องๆพวกนี้อายุไม่ถึง ๑๘ ปี มีทั้งไทยพุทธ อิสลาม มอญ ลาว ถูกจับด้วยคดียาเสพย์ติดโดยเฉพาะยาบ้าเป็นส่วนใหญ่ นอกนั้นก็เล่นการพนัน ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย ไปจนถึงพยายามฆ่า คนที่อายุน้อยที่สุดแค่ ๑๒ ปีเท่านั้น
ไม่ว่าน้องๆกลุ่มนี้จะทำผิดอะไร ผมยังเชื่อว่าพวกเขาล้วนเป็นผู้ถูกกระทำ ด้วยสังคมที่ขาดการดูแลเยาวชน เด็กบางคนดูแก่เกินวัย แน่นอนครับเพราะเขาต้องปากกัดตีนถีบทำมาหาเลี้ยงชีวิตตนเองตั้งแต่ไม่จบชั้น ประถมด้วยซ้ำ
จะทำยังไงให้น้องๆ เมื่อออกจากสถานพินิจแล้ว ไม่ต้องหวนกลับมาที่นี่อีก เหมือนคำอวยพรกึ่งแหย่พวกเขาของเรา ตอนจะกลับออกมา
เด็กคนหนึ่ง เล่าให้ผมฟัง พ่อบอก อยู่ในนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็มีข้าวกิน