วันเสาร์เมื่อวาน ผมยังอยู่กรุงเทพฯไม่ได้รีบกลับหาดใหญ่หลังเสร็จงานเหมือนทุกครั้ง เพื่อรอดูการแสดงชุดสำคัญ..โขน ตอน พรหมาศ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
การได้ดูการแสดงชุดนี้ เป็นความตั้งใจมาดู ต่างจาก แม่นาคพระโขนง ที่ผมถือ เป็นโอกาส
โขนชุดนี้ผมสนใจตั้งแต่การแสดงครั้งแรกเมื่อ ๒ ปีก่อนตอนฉลอง ๘๐ พรรษาในหลวงกับ ๗๕ พรรษาพระราชินีแล้ว แต่ครั้งนั้นไม่มีโอกาส พอรู้ว่ามีพระราชเสาวนีย์ให้จัดแสดงสำหรับประชาชนทั่วอีกครั้งคราวนี้ ผมก็เกาะติดมาตลอด แล้วก็สมหวังเเพราะได้เข้ากรุงเทพฯพอดี
อะไรคือจุดเด่นของโขนชุดนี้ที่ทำให้ ต้อง ดู
เรื่องแรกคือสิ่งที่เป็นข่าว หัวและชุดโขนได้จัดทำขึ้นใหม่ด้วยฝีมือประณีตระดับวิจิตรศิลป์ ผมได้ยินเสียงบ่นมาว่า ชุดโขนของไทยซึ่งเป็นการแสดงในราชสำนักนั้น ปัจจุบันถูกลดทอนความประณีตไปมาก เพราะถูกนำไปแสดงในหลายๆงานจน..มั่ว..ไปหมด ชุดที่นักแสดงสวมใส่และการแสดงกลายเป็นของโหล จนกระทั่งมี เรื่องเล่า ต่อๆกันมาว่า ครั้งหนึ่งมีการแสดงโขนกัมพูชาในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เมื่อเราได้เห็นชุดโขนของเขา ซึ่งจะว่าไปแล้วก็..รับ..ไปจากเรา กลับงดงามนัก จนเกิดอาการ..อาย สำนึกได้ว่า ได้ปู้ยี้ปู้ยำศิลปะแขนงนี้ของชาติไปเช่นไรแล้ว ผมไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร จึงอยากจะมาดูชุดโขนในการแสดงนี้ เพื่อเปรียบเทียบกับชุดโขนที่เห็นใส่กันอยู่ในการแสดงทั่วๆไป และเพื่อจะได้เห็นรายละเอียดของชุด ผมก็อยากนั่งให้ใกล้ที่สุด ด้วยความสามารถของเพื่อนผมในการจองตั๋ว ผมจึงได้นั่งตรงกลางในแถวที่ ๓ จากหน้าสุด ซึ่งความจริงราคาจะถูกกว่านั่งแถวที่ ๔ ด้วยซ้ำ
แค่การแสดงเบิกโรงชุดแรกคือ รำประเลง พอได้เห็นหัวและชุดที่นักแสดงใส่แล้ว ก็ต้องบอกว่า เป็นบุญตาจริงๆ ..งามนัก
อีกเรื่องที่ทำให้ผมอยากมาดู ซึ่งก็คล้ายๆกับการไปดูแม่นาค คือ ดนตรี ดนตรีประกอบในการแสดงครั้งนี้เป็นแบบจารีตนิยม คือใช้วงปี่พาทย์ร่วมกับเครื่องประโคมเครื่องสูง ต่างจาการแสดงคราวที่แล้ว ที่ใช้วงโยธวาทิตแบบสากล แค่ได้มาฟังเสียงเป่าสังข์ ประโคมมโหรทึกกับหูตัวเอง ก้ต้องเรียกว่าเป็นบุญหู มันทำให้ ภาพการเคลื่อนทัพออกศึกของอินทรชิตตามท้องเรื่อง ทั้งขลังและทรงพลังจริงๆ
เรื่องต่อไปคือ ฉาก แน่นอนครับ เป็นที่คาดหวังว่า การแสดงครั้งนี้ต้อง..อลังการ แน่นอน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น แค่พอม่านถูกยกขึ้นเผยให้เห็นฉากท้องพระโรงกรุงลงกาของทศกัณฑ์แล้ว คนดูก็ปรบมือกันเกรียวแล้ว คุ้มค่าสุดๆ
ฉากอื่นๆเป็นอย่างไร ดูรูปข้างล่างที่ผมใช้มือถือถ่ายสั่นๆแบบไม่ใช้แฟลชเท่าที่เขาอนุญาต กันเองก็แล้วกันนะครับ
เรื่องสุดท้าย คือ เนื้อหา รามเกียรติ์ เป็นเรื่องราวของการสงครามระหว่าง พระเอก คือฝ่ายพระรามกับลิงที่ดูไร้ระเบียบ กับ ผู้ร้าย คือทศกัณฑ์กับยักษ์ที่ดูเป็นระเบียบแบบแผนกว่า ผมไม่ค่อยชอบเนื้อหาทำนองนี้เท่าไรที่เน้นพระเอกดีเลิศ ฝ่ายผู้ร้ายชั่วไปหมด แล้วพระเอกก็ฆ่าผู้ร้ายได้สำเร็จ คนดูก็สะใจที่คนดี..ฆ่า..ผู้ร้ายได้อย่างชอบธรรม
การแสดงชุดนี้ ไม่ได้จบตรงที่อินทรชิตถูกสังหารเหมือนข้างบน แต่จบลงตรงที่พระราม พิเภกและหนุมานสามารถหาวิธีแก้ไขช่วยชีวิตพระลักษม์และฝูงลิงให้ฟื้นกลับมาได้ ซึ่งผมก็คิดว่า..ดีจัง แถมยังแอบคิดอยู่ในใจเลยว่า การแสดงชุดนี้ ต้องยกให้ อินทรชิตเป็นตัวเอก ให้เห็นทั้งแง่ลบและบวกของตัวละครตัวหนึ่ง ซึ่งก็คือในชีวิตจริงของคนเรานั่นเอง
ความโกรธ ล้างแค้นไม่ใช่ทางออกของชีวิตทั้งลิง ยักษ์ คนและเทวดา
อิ่มอกอิ่มใจ ประทับใจจริงๆกับการแสดงโขนครั้งนี้ ผมรับรู้ความรู้สึกของคนดูที่เข้าชมจนเต็มทุกที่ได้ จากการ standing ovation เมื่อการแสดงจบแล้วอย่างยาวนาน
ผม addict โขน ตั้งแต่เด็กๆ มันเป็นมหรสพอะไรที่อลังการมากๆเลย มาสังเกตภายหลังก็ได้เห็นอีกประการหนึ่งว่า โขนนั้นจะไม่พูด ไม่จา แต่จะแสดง "อวจนภาษา" เพื่อสื่อสารอารมณ์ ความหมายทั้งหมดออกมาโดยศิลปการรำทำท่าอย่างงดงาม ลองเอาเล่นกับบ้านให้ลูกๆร้องเพลงประกอบท่าทาง เอ๊ะ ก็ไม่เลวนะ ได้เห็น concept ว่าเขาตีความหมายคำๆนี้เป็นท่าทางได้หลายๆแบบ แบบที่เรามองไม่เห็นก็มี (ผมลองให้ป๊อกแป๊ก อนุบาล 2 ทำท่าประกอบเพลงชาติ ตรงคำว่า "ไทย" แกชี้ไปที่ปาก บอกว่า "เพราะเราพูดภาษาไทย") เลยลามปามไปเล่นอย่างอื่นต่อ คล้ายๆเกมคนใบ้ เราบอกโจทย์ เช่น เสือ งู สิงโต ยีราฟ เด็กๆก็จะสำแดงท่าทางออกมา)
ชุดโชนนั้นใส่ไม่สบายเลย ใช้เข็มกลัด เข็มเย็บ เต็มไปหมด เรียกว่าการจะไปห้องน้ำนั้น เป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว (ไม่ทราบเดี๋ยวนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ หรือว่ากลายเป็น zip ไปหมดแล้ว) ผมคิดว่าการที่ผมชอบโขนจะต้องขอบพระคุณบรมครูอย่างคุณครูเสรี หวังในธรรม ที่จรรโลงและ modernize การเล่นแสดงโขนให้กระชับ ทันสมัย ไม่น่าเบื่อ และตื่นตาตื่นใจ บางทีท่านจะลงเล่นเป็นพระฤาษีแสดงตลก (ซึ่งเป็นนาฏกรรมชั้นสูง) เป็นตัวละครเดี๋ยวของโขนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงตนเอง
อิจฉาพี่เต็มที่ได้ไปชมโขนสดๆครับ เคยไปดูที่ ม.อ.จัดที่โรงยิม แต่ด้วยสภาพเนื้อที่ สถานที่ ทำให้ขาดอรรถรสไปหลายส่วน
ฮา ฮา ผมเป็นคนตีระนาดครับ ต่อหน้าพาทย์ไปนิดหน่อยเท่านั้น เพราะฝีมือไม่ได้ระดับปี่พาทย์ไม้แข็งและเล่นเพลงครูทั้งนั้น (กราวนอก กราวในตอนยกทัพนั่นแหละ)
ตอนศิริราชจัดงานแสดงของชมรมดนตรีไทยและนาฎศิลป์ ผมเป็นประธานชมรมตอนนั้น เราจัดละครนอกเรื่อง "สุวรรณหงส์ (ถูกหอกอย่าบอกใคร)" เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจครับ ได้อยู่บนเวทีบนนั้น ตามธรรมดาตอนเปิดฉากจะปิดไฟมืดหมด ให้คน concentrate อยู่ที่บนเวที แต่ด้วยความวงศิริราชเป็นมือสมัครเล่นล้วนๆ เครื่องสายจะต้องใช้สมุดโน็ต บนเวทีเครื่องดนตรีเลนแอบเปิดไฟฉายกันสว่างมลังเมลืองไปหมด ส่วนผมต้องขึ้นเดี่ยวไม้แข็งเปิดโหมโรงมืดๆประมาณ 3 บรรทัด ก็เกร็งมากเลย เพราะตีผิดไม้แข็งนี่ เสียงจะบาดหัวใจมั่กมากเลยครับ
ที่ทราบเรื่องชุด เพราะเคยเตร็ดเตร่ไปหลังเวทีที่นางรำทั้งหลายกำลังเปลี่ยนชุดแต่งตัว เลยได้เห็นอะไรๆ (ก่อนจะถูกครูรำ เชิญตัวออกมา... น่าเสียดาย) อิ อิ
ดีใจแทนอาจารย์ที่ได้ดูของดีค่ะ ที่บ้านชอบดูโขนกัน เวลามีโขนฟรีสนามหลวงเนี่ยไปนั่งเฝ้ากันยันเช้า แต่แอบไฮโซ เอาเก้าอี้งาน Jazz Festival ไปกางนั่งกับน้อง ชาวบ้านเขาปูเสื่อกัน อิ อิ ตัวเองกับน้องชายได้ดูโขนกับพวกงานเกี่ยวกับศิลปะบ่อย เพราะเดิมน้องเรียนจิตรกรรมไทยในวังชาย ทำให้มีโอกาสเข้าไปใกล้ชิด โขนอีกชนิดที่ดูสนุกแต่หาชมยากคือโขนชักรอก ได้ดูตอนงานวัดโพธิ์เมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นน้องชายไปออกร้านสาธิตการเขียนภาพไทย แต่นอกจากโขนแล้วก็มีอีกหลายอย่างน่าดูนะคะ เช่น หุ่นกระบอก หุ่นเล็ก หนังใหญ่ พวกนี้ดูสนุกถ้ารู้วรรณคดี จะชมได้อรรถรสมากทีเดียว ไว้จะถ่ายรูปหัวโขนยักษ์ที่บ้านมาให้ดู น้องชายทำเองค่ะ แต่ยังไม่ได้ปิดจอนหู ติดฟัน ปิดทองลงสี ทำไว้แต่โครงค่ะ
ถ้าอาจารย์อยากชมหนังใหญ่แนะนำวัดขนอน ราชบุรีค่ะ เล่นกันทุกเสาร์ คือไม่มีคนดูก็เล่น เขาซ้อมกัน คนที่ควบคุมการแสดงก็คือเจ้าอาวาสเอง บ้านหนูสนิทกับวัดนี้เพราะน้องชายบวชที่นี่ และเพื่อนน้องชายก็เต้นหนังกับสืบสานต่องานหนังใหญ่ของวัด (เด็กท้องถิ่นที่เจ้าอาวาสส่งเสริมไปเรียนด้านนี้โดยเฉพาะที่กทม.) เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ทำให้มีคนสืบต่อที่ตั้งใจจริง น้องแกตอกหนังอย่างกับเครื่องจักร อุตสาหกรรมคนอื่นตอกได้รู เขาตอกไปร่วมยี่สิบ ที่สำคัญคือออกแบบตัวลายได้เอง ทั้งรักษาและพัฒนาได้ ยังคุยกันเล่นๆ เลยว่า อีกสักสามสี่สิบปีข้างหน้าน้องหมูต้องได้เป็นศิลปินแห่งชาติแหงมๆ
อ่านที่อาจารย์เล่าพร้อมรูปแล้ว อยากไปดูเองจังค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะไปวันศุกร์ที่แล้ว เกิดกลัวไข้หวัด เลยไม่กล้า คงต้องหาทางไปอีกทีค่ะ
3. Phoenix
คนตีระนาดเด่นมากเลย งานนี้
4. มนัญญา ~ natachoei ( หน้าตาเฉย)
6. Sasinand
ลองแวะมาเยี่ยม มีเพื่อนค้นหาผมจากชื่อ แล้วมาเจอ เค้าโทรมาคุยด้วย ว่า มีหมอเต็ม ป้าเขี้ยว หมอเพชร อยู่ในกระทู้ เลยเดาๆว่าต้องเป็น หน้านี้ เห็น ป้าเขี้ยวเคยเล่า
ตอนนี้ คงนึกหน้าไม่ออกแล้วครับ หมอเต็ม เอิ๊กๆ
ไม่ถนัดนัก แต่จะพยายามแวะมาเยี่ยมครับ
บุญแสง
สวัสดีครับ พี่บุญแสง
หน้าและหุ่นผมเปลี่ยนไปมากครับพี่
ตอนกลับไปเลี้ยงรุ่น เพื่อนยังจำผมไม่ได้เลยครับ
ผมเป็นนักแสดงครับ (นักร้อง) จะมาประชาสัมพันธ์ให้ทราบกันอีกครั้งน่ะครับ ว่าจะมีการแสดงขึ้นอีกแล้ว ในวันที่ 19 - 25 ก.ค. นี้ รีบจองตั่ซนะครับ ใกล้หมดแล้ว คราวนี้แสดงตอนใหม่ครับ ตอนนางลอย ฉาก แสง สี นักแสดง อลังการกว่าเดิมครับ เสื้อผ้า เอฟเฟกต์ โปรดักชั่น ทำใหม่หมดครับ ใช้เสื้อผ้าจากครั้งที่แล้วแค่ ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่ง ทำใหม่ เย็บ ปักไหมทอง ดิ้นทองใหม่หมด ผมตื่นเต้นมากๆที่จะไปแสดงครั้งนี้ แต่ไม่มีโอกาสไปออกรายการคุณพระช่วย และสุริวิภา กับคณะนักแสดง เพราะติดงานที่ประเทศลาวครับ ถ้ายังไง รบกวนคุณหมอประชาสัมพันธ์ และเชิญมาชมที่ศูนย์วัฒนธรรมได้นะครับ รายละเอียดรอบการแสดง หาดูได้ที่ ไทยทิคเกตเมเจอร์นะครับ อยากให้มาดูกันเยอะๆนะครับ บัตรแพงสุด 1000 บาท เองครับ เทียบกับละครเวที หรือคอนเสิร์ตทั่วไป ผมถือว่าคุ้มมาก เพราะเพื่อนผมไปดูกินรีสีรุ้งมา บัตร 2500 กลับมาผิดหวังนิดๆ เพราะเค้าเคยไปดูที่บรอดเวย์มาแล้ว แต่ก็นะ เทียบกับของไทยไม่ได้หรอกครับ กระดูกมันคนละเบอร์กัน แต่ถ้าเทียบราคา กับคุณค่าแล้ว ผมว่า โขน นางลอย ของมูลนิธิส่งเสรมศิลปาชีพ คุ้มกว่าเยอะมากๆ
สุดท้ายนี้ขอเรียนเชิญด้วยนะครับ ขอบคุณครับ แฟนผมเป็นหมอเหมือนกัน เค้ายังไปดูเลย คิคิคิคิ เรียนเชิญด้วยนะครับ
ณัฐดนัย