รวมตะกอนเด็ด วาทะเด่น ผลึกผล ทางการศึกษาไทย ใน G2K ตอนที่ 3


อยากจะเชิญชวน พวกเราชาว G2K ทุกท่าน มาโพสต์มุกเด็ดๆ ตะกอนที่กลั่น หรือกวนกันจนตกผลึก มารวมๆ กันไว้ โดยมีเงื่อนไขง่ายดังต่อไปนี้ครับ

สวัสดีครับทุกท่าน

          สบายดีกันไหมครับผม    เนื่องจาก

     อยากจะเชิญชวน พวกเราชาว G2K ทุกท่าน มาโพสต์มุกเด็ดๆ ตะกอนที่กลั่น หรือกวนกันจนตกผลึก ผมขอเรียกเป็น ผลึกผล (เลียนแบบผลิตผล) ก็แล้วกันนะครับ มารวมๆ กันไว้ โดยมีเงื่อนไขง่ายดังต่อไปนี้ครับ

  1. ประโยคเด็ดๆ หรือข้อความเด็ดๆ ที่ท่านชอบ แล้วโดนๆ (หากเป็นประโยคเด็ดๆ หลายๆข้อความ ในบทความเดียวกัน ก็ใส่หลายๆ ท่อนได้เลยครับ)

  2. จากบทความไหน อาจจะเป็นลิงก์ หรือชื่อบทความแล้วลิงก์ไปยังบทความนั้น (นำไปสู่การถกและประชาสัมพันธ์กันต่อ)

  3. ชื่อบล็อก หรือ รูปภาพ หรือ ทั้งชื่อและรูปภาพ เพื่อชื่นชมครับ อาจจะไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ในชื่อบทความก็ได้ครับ อยู่ในส่วนของการแสดงความเห็นก็ได้นะครับ

หมายเหตุ หากบทความไหนที่เจ้าของบทความ หรือเจ้าของความเห็นรู้สึกว่า ไม่สมควรหรือโพสต์ที่นี่แล้วไม่สบายใจ ก็แจ้งบอกมาได้นะครับ ผมยินดีจะเอาออกให้นะครับ แจ้งไว้ทางโพสต์คำถามเลยก็ได้นะครับ 

ปล. คำว่า ผลึกผล  คงทำให้หลายท่านงง ครับ คือจริงๆ ไม่มีอะไรนะครับ อาจจะเป็นผลผลึกก็ได้ครับ เลียนแบบ ผลิตผล หรือ ผลผลิต หรือ ผลิตภัณฑ์ แต่ อันนี้ เป็น ผลึกผล(ทางความคิด) เลยของตั้งให้ แปลกสมอง (เลียนแบบแปลกหู แปลกตา ครับ) หน่อยละกันนะครับ ไม่ว่ากันนะครับ  

ขอบคุณทุกท่านมากๆ และล่วงหน้า ที่ให้ความร่วมมือนะครับ

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์

หมายเลขบันทึก: 102160เขียนเมื่อ 9 มิถุนายน 2007 22:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 10:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (223)

P

http://gotoknow.org/blog/higher-edu/102131

พื้นที่ กับ การอุดมศึกษา
ปัญหาเรื่องบรรยากาศการศึกษาเป็นปัญหาที่ต้องแก้ร่วมกันระหว่างสถานศึกษา นักศึกษา และชุมชนรอบๆ ไม่มีทางที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะทำแต่ผู้เดียวได้

จากบันทึกของคุณ P Conductor เรื่องเกร็ดประวัติศาสตร์ Google กับบรรยากาศการเรียน ที่กล่าวถึงการมีบรรยากาศในการเรียนจะสร้างเสริมการเรียนรู้  ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ สร้างผลงานที่กระทบคนทั้งโลกได้ ทำให้ดิฉันคิดถึงเรื่องพื้นที่ของมหาวิทยาลัยที่จะนำมาสร้างบรรยากาศในการศึกษา
P
  • สวัสดีครับพี่กมลวัลย์ สบายดีไหมครับ
  • ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่หยิบเรื่องรั้วมาคุยกันต่อครับ
  • รั้วในความหมายผม เป็นทั้งรั้วจริงและรั้วนัย ครับ พูดง่ายๆ คือ รั้วล้อมสถาบันการศึกษา และรั้วในใจของคนในสถาบันการศึกษาครับ
  • สำหรับเรื่องความไม่พอเพียงเรื่องใดๆ ก็ตามเช่น พื้นที่ไม่พอ เงินไม่พอ ผมว่าตรงนี้เพราะขาดความสมดุลเกิดขึ้นในระบบนะครับ เลยเกิดปัญหานี้ขึ้นมาครับ
  • ถามว่าทำไมมหาวิทยาลัยรับจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทั้งๆที่ทราบว่าศักยภาพในการรับเด็กมีจำกัด เราได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาดีแค่ไหน ตั้งแต่ระดับรัฐบาลมาเลยครับ การศึกษาอยู่ในอันดับเท่าไหร่ในวาระแห่งชาติ อันดับแรก หรือท้ายสุดครับ.....หรือว่าแค่ห้อยไว้ให้สวยงาม...
  • เน้นปริมาณหรือคุณภาพกันแน่ หรือจะเน้นปริมาณที่มีคุณภาพ
  • เพราะเรามีรั้วกันระหว่างองค์กรสถาบันการศึกษา กับ เอกชนหรือเปล่าครับ รั้วทั้งภายในและภายนอก ถึงทำให้ไม่เกิดความร่วมมือ บริษัทในประเทศต้องซื้อเทคโนจากต่างชาติเข้าไป วนเวียนว่าย งูกินหางอย่างที่พี่ว่านะครับ เมื่อไหร่ จะเกิดการทำเองคิดเองใช้เองแก้ปัญหาเองครับ
  • ทุนที่มีการสนับสนุนให้นักวิชานักวิชาการทำวิจัย เป็นเสมือนทุนจำลองหรือเปล่าครับ จำลองให้ทำ ทั้งๆ ที่ทุนที่แท้จริงน่าจะเป็นทุนที่เกิดจากความต้องการของสัมคมภายในหรือภายนอก สอดรับกับการไว้ใจนักวิชานักวิชาการไทยให้ทำเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันครับ เอกชนก็ได้ประโยชน์ อาจารย์ได้ผลงานวิชาการ ได้งบมาพัฒนาวิจัย เงินทุนหมุนเวียนในระบบประเทศ
  • หากการทำวิจัยเราเอาเงิน หรืองบประมาณมาเป็นกำแพงกั้นแล้ว เราไม่มีทางเกิดงานวิจัยได้เลยครับ ผมว่าเราก็ซื้อกันต่อๆ ไป ดังที่เคยทำมานะครับ
  • ยังมีโครงการอีกมากมาย ที่จะเกิดขึ้นเพราะต้องการจะเอาเครื่องมือไปประดับองค์กรครับ ความมีหน้ามีตา แล้วถามว่าในที่สุดแล้วประชาชนได้อะไร
  • ผมเองยังหัวโบราณอยู่ด้วยประโยคที่ว่า การศึกษาที่แท้จริงต้องมีการให้ฟรี ครับ....และผมยังเชื่อว่า การทำวิจัยแบบศรัทธาวิจัย ยังเกิดได้ครับ
  • ผมพูดมาทั้งหมด ผมต้องเริ่มที่ตัวผมครับ
  • สำหรับปัญหาการสร้างบรรยากาศในการเรียนนั้น หากยกรั้วออกจากในอก และนอกอก ออกได้แล้ว ผมเชื่อว่า บรรยากาศในการเรียนจะดีขึ้นครับ สถาบันการศึกษาไม่ใช่สร้างรั้วหรือห้องไว้ขังนักเรียนหรือนักศึกษาครับ ขังในเรื่องการเรียนรู้ ไม่ใช่ขังแต่เอกสารที่ใช้สอน ไม่ใช่ขังเฉพาะความคิดที่อาจารย์สอนเท่านั้น เลิกขังนักศึกษาได้เมื่อไหร่ บรรยากาศจะเกิดขึ้นครับ
  • ข้อสำคัญ อาจารย์จะต้องไม่ขังตัวเองไว้ในกรอบแคบๆ ตรงนี้คือบรรยากาศจะเกิดครับ
  • นักศึกษา และนักวิจัยผมว่า เป็นเหมือนเพื่อนกับอาจารย์ที่ปรึกษา  หากช่องว่างระหว่างนักเรียนกับครูลดลงได้ ผมก็เชื่อว่าบรรยากาศในการเรียนจะน่าเรียนมากขึ้น เพราะเรามองผ่านทะลุกำแพงห้อง เรามองทะลุรั้วโรงเรียน เราเป็นชาวบ้านทำนา เรามีโอกาสไปเกี่ยวข้าวกับชาวนา
  • ธรรมชาติควรมีอยู่ในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ชุมชนอย่างปราชญ์ชาวบ้าน มีสิทธิ์สอนนักศึกษาไหมครับ หรือว่าต้องฟังจากครูอย่างเดียวครับ
  • หากคนเราไม่เสียสละ เป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กบนยอดดอยจะมีโอกาสเรียนหนังสือ เพราะเราติดภาระกิจของเราในครอบครัวของตัวเองแล้วเราไปไหนไม่ได้แล้วหรือครับ
  • ผมได้ข้อสังเกตหนึ่งในเยอรมัน โปรเฟสเซอร์แต่ละคน จะเลื่อนขั้นได้ ต้องมีตำแหน่งว่างที่นั่นที่เปิดรับ แล้วคนที่จะปรับได้ก็ต้องเปลี่ยนย้ายสถานที่สอนและทำวิจัย ประมาณว่าต้องย้ายกัน สองสามครั้ง กว่าจะเป็น ศาสตราจารย์เต็มขั้น ถามว่าความลำบากใครได้ ศ.ผู้นั้นรับไปเต็มๆ และทุกคนต้องทำแบบนี้ หากจะปรับขั้น ไปอยู่ก็สองสามปีอย่างน้อย จนกว่าจะเป็นแบบ ศ.เต็มขั้น ก็อยู่ที่นั่นแบบปักหลักได้ถาวรตามวาระ
  • ลองคิดดูซิครับ ว่าทำไมเค้าทำได้ แล้วสิ่งที่ดีๆ ประโยชน์ตกอยู่กับใครครับ ตกที่ประเทศชัดๆ การที่โปรเฟสเซอร์แต่ละคนจะย้ายไปแต่ละที่ เค้าได้เครือข่าย ได้เพื่อนร่วมงานวิจัย ได้นักศึกษาที่ทำงานกับเค้าที่จบไปทำงานในองค์กรต่างๆ ย้ายไปสามที่ คิดดูนะคับ ว่าเครื่องข่ายเค้าแน่นขนาดไหนครับ
  • หากเรารักสะดวกเป็นที่ตั้ง ประเทศเราก็จะลำบากอยู่อย่างนี้ตลอดไปครับ  หากเรายอมลำบากบ้างตามความเพียงพอเหมาะสม ประเทศชาติจะอยู่ได้เอง และดีขึ้นเองครับ ปัญหาอยู่ที่การจัดการมากกว่าเงินและพื้นที่ครับ ผมมองแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าจะผิดหรือเปล่าครับ
  • ท้ายสุด อิๆ ไม่รู้จะยกอะไรครับ ขอจบด้วยปณิธานอันนี้ครับ
  • "ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัว เป็นที่สอง
    ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง
    ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง
    ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ ให้บริสุทธิ์"
    ...มหิดล...

  • ขอบคุณมากครับพี่ อิๆๆ เข้ามาก่อกวนแค่นี้ก่อนนะครับ

P
บ่าววีร์
เมื่อ ส. 09 มิ.ย. 2550 @ 22:23 [287700]
แต่เท่่าที่เห็นปัจจุบันคือ แค่นั้นยังไม่พอ ยกตัวอย่างเช่น เลิกเก็บภาษีให้คนบริจาคเงิน ให้รัฐแทน กรุงฯ ก็อาจจะแตกกันวันนี้เลย (แต่ก็ไม่แน่?) http://gotoknow.org/blog/higher-edu/102131
 
P
คนไร้กรอบ
อริยชน
Essay แบบธรรมชาติ กับ แบบ Format
คนเราขาด sensing ไปพร้อมกับ บริโภคนิยม

ผมจำได้ว่า สมัยเป็นนักเรียน  ครูสอน เรียงความ ทั้ง ไทย และ อังกฤษ    มัก  จะ เข้มงวด กับ   การจัดประโยค  การรักษารูปประโยค ( เช่น มีประโยคประธาน ย่อย  คำนำ  บทสรุป  )  ฯลฯ    จนทำให้   แค่ คิดจะเขียนอะไร  ก็  "ค้าง"   เขียนไม่ออก   นักเรียนเกร็งกันไปหมด

จนโตขึ้น หลายคน   พอให้เขียนเรียงความ หรือ  เขียน blog  ก็จะกลายเป็น ของขม ของที่ไม่อยาก   ฯลฯ

 http://gotoknow.org/blog/chokthumrong/102167

Pนาย โชคธำรงค์ จงจอหอ
คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ยาใจคนจน

  ทำงานธรรมาพากเพียรใฝ่รู้ ให้ถึงซึ่งญาณประตู ศิษย์ปูฐานธรรมสง่า ในหนึ่งชีวิต มุ่งคิดช่วยงานธรรมฟ้า ไม่เหนื่อยกายใจล้า ทำหนอสัตย์ซื่อมือสร้าง ปัญหามากมายพาใจศิษย์ล้า เสมือนได้สอบปัญญา อดทนหนาและพาใจว่าง เป็นห่วงศิษย์รัก รากเดิมฐานธรรมถอยห่าง อุปสรรคปิดบังกั้นทาง ขอยังมีรักเมตตา


     ยืนหยัดมั่นไว้ สัมภาระให้ทิ้งสิ้น โลกบนแดนดิน เคล้ากลิ่นหยาดของน้ำตา อย่ามัวแคลงใจ เดินไปให้ทันพุทธา งานใดมีใจจทุ่มหนา เบื้องฟ้ามอบผลธรรรมผ่อง


     * ทำงานธรรมาทุ่มเทแบกรับ จับมือสานใจยืนยง อย่าหลงถ้อยคำยกย่อง อย่ามุ่งส่วนตน ทุกคนสมานปรองดอง รวมใจเพื่อธรรมนั้นได้ ครองใจทุกคนบนแดน

ถนนสายธรรมชาติ "วังเวียง - กุ้ยหลิน เมืองลาว"

P

ซำบายดี   

http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/102142

ด้วยการเดินทางที่ยาวนาน ก็เหน็ดเหนื่อยกะจะเขียนบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้ประเด็น "การท่องเที่ยวโดยชุมชน" ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่มาเยี่ยมลาวในครั้งนี้

แต่ช้าก่อนครับ ...กระผมยังเหนื่อย ยังไม่ทันได้วางสัมภาระ

ขอนำภาพเส้นทางที่สวยงามและประทับใจ ระหว่าง แขวงหลวงพระบาง - วังเวียง จนถึงแขวงเวียงจันทร์มาให้ชมเป็นตัวอย่างนำเรื่องก่อน

เราออกเดินทางจากหลวงพระบางมาแต่เช้า เพื่อจุดหมายปลายทางที่เวียงจันทร์ ว่ากันว่าเดินทางทั้งวัน ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะขนาดไหน

เส้นทางจากแขวงหลวงพระบางเป็นเส้นทางลาดยางมะตอยที่ไม่ค่อยเรียบเท่าไหร่ ถนนเลนเดียวกับทางคดเคี้ยวขึ้นดอยสูง เล่นเอาพวกเราใจหายใจคว่ำเหมือนกัน

แต่ทราบมั้ยครับว่า สิ่งที่พวกเราลุ้นและไม่คุ้นชินคือการขับรถพวงมาลัยซ้าย เวลารถสวนมาแต่ละที เหมือนจะวิ่งมาชนเรา ผมนั่งอยู่หน้าสุดของรถ ย่อมลุ้นมากกว่าท่านอื่นๆในคณะ

  

ไม่ผิดหวังครับ....ถึงแม้ว่า กว่า 1 วันที่นั่งรถยาวนาน วิวสองข้างทางระหว่าง แขวงหลวงพระบาง - วังเวียง -เวียงจันทร์ สวยน่าประทับใจ ให้ผมคิดไปถึงเมืองกุ้ยหลินที่จีน สวยงามด้วยภูเขารูปทรงแปลกตา ป่าที่เขียวขจี สลับกับบ้านเรือนเล็กๆกระจายตามสองข้างทาง

ผมกดชัดเตอร์จากหน้ารถแทบไม่ยั้งมือ หลายครั้งที่ตื่นตะลึงกับทิวทัศน์สวยงามเบื้องหน้า

อย่ากระนั้นเลย ก่อนที่จะเขียนบันทึกต่อๆไป นำภาพมาให้พี่น้อง gotoknow ชมกันก่อนครับผม

 http://gotoknow.org/blog/ooydiary/102190

Pสิริพร กุ่ยกระโทก
สังกัด สพท.กทม.เขต2

ขอเวลาทบทวน   ที่อยากจะทำ   และยังไม่ได้ทำ  
ขอเวลา   กับการทำในสิ่งที่มีความสุขกับตัวเอง  
หยุดกับการท้อแท้  และสิ้นหวัง   ก้าวย่างอย่างมีคุณค่าและทรนง  
ปัญญา สติ ความยั้งคิด  ติดตามตัวมาเสมอ   
ขอบคุณกับเวลา  ที่ท่านผู้อ่านได้ให้   ได้มีโอกาสทบทวน
P
Conductor
เมื่อ อา. 10 มิ.ย. 2550 @ 00:59 [287830]

 http://gotoknow.org/blog/higher-edu/102131

 เรื่องพื้นที่คับแคบ ทำแบบศาลพระภูมิ™ได้ไหมครับ ข้างล่างแคบ แต่ไปบานข้างบน ;-)

ความคับแคบของพื้นที่เป็นข้อจำกัดจริงๆ ครับ แต่บางทีหากการเรียนการสอน เปลี่ยนแนวจาก lecture และ course work เป็นการเน้นแนวปฏิบัติมากขึ้น ทำ lab ทำโครงงาน ก็อาจจะช่วยให้นักศึกษาได้เข้าใจในศักยภาพของตนได้เร็วขึ้นนะครับ 

อาจารย์ที่ปรึกษาของ ชมรม ชุมนุม ต่างๆ อาจจะช่วยได้ดีขึ้นถ้าหากไม่รอจนนักศึกษามาปรึกษา แต่เสนอความคิดเกี่ยวกับกิจกรรมปฏิบัติโดยไม่ต้องรอให้นักศึกษาเดินมาหา ประยุกต์เอาตามข้อจำกัดของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งครับ

หรือทำโครงงานข้ามมหาวิทยาลัยจะดีไหมครับ ขยาดของเครือข่ายความรู้จะกว้างขึ้น

แหม เสนอความคิดนี่ ง่ายกว่าทำจริงๆ เลยนะครับ

P
สิทธิรักษ์
เมื่อ อา. 10 มิ.ย. 2550 @ 14:52 [287947]

จาก http://gotoknow.org/blog/higher-edu/102131 

สวัสดีครับคุณ

P

 และหลายท่านที่ให้ความเห็นเข้ามา

 แก่นปัญหา เรื่องพื้นที่การศึกษา และบรรยากาศการศึกษา

  • เป้าหมายหลักที่ได้แลกเปลี่ยนกันมา คงจะมีเป้าหมายเพื่อการศึกษา
  • การแก้ปัญหาได้ถกเถียงกันพอสมควร   ถ้าเป้าหมายเดียวกัน แต่มุมมองวิธีแก้ที่แตกต่างกัน
  • ตัวผมเอง มองในมุมที่ว่า ถ้าจุดประสงค์ต้องการแก้ปัญหาการศึกษา บรรยากาศการศึกษา คงไม่พ้นในความหมายที่ต้องการให้นักศึกษามีบรรยากาศในการเรียนที่ดี และซึมลึกต่อความรู้ทีครูบาอาจารย์ถ่ายทอดให้
  • ถ้าความหมายเช่นนี้ ความต้องการใช้พื้นที่มากมาย  ใช้ตึกเรียนกว้างๆ คงไม่ใช่ปัญหาหลักในการแก้ปัญหา
  • แก่นแท้ในการแก้ปัญหา อยู่ที่เราใช้หลักความคิดอย่างไร ใช้อะไรเป็นจุดศูนย์กลางในการแก้ปัญหา
  • สังคมเปลี่ยนไป  วิถีชีวิตเปลี่ยนไป การเคลื่อนไหวในการดำรงค์ชีพเปลี่ยนไป  ความคิดเปลี่ยนไป  ระดับการคิดในการแก้ปัญหาก็เปลี่ยนไป  
  • ตราบใดที่เราใช้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางแห่งความคิดเพื่อนำไปแก้ปัญหา  ตราบนั้นก็ไม่สามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
  • ปัจจุบัน พวกเราถูกล้อมรั้วล้อมคอก กัน
  • รั้วมหาลัย  รั้วโรงเรียน รั้วทหาร รั้วความคิด รั้วความรู้สึก  รั้วความรัก รั้วความเข้าใจ รั้วเอื้ออาทร รั้ว..........................
  • ทุ่งนาครับ  ไปสอนไปเรียนกันได้
  • หุบเขาครับ ไปสอนไปเรียนกันได้
  • ในหมู่บ้านครับ ไปสอนไปเรียนกันได้
  • ในตลาดครับ ไปสอนไปเรียนกันได้
  • ผมอยู่นอกรั้วมหาวิทยาลัย 
  • อยากผ่านรั้วมหาวิทยาลัย
  • แต่ปัจจัยหลายอย่างที่ไม่สามารถผ่านได้
  • มีรั้วกั้นอยู๋
  • รั้วที่แข็งแรงมาก มาก
  • ขอบคุณมากครับที่ให้โอกาสคนนอกรั้วมหาวิทยาลัยได้ออกความเห็นด้วย
P
Little Jazz \(^o^)/
เมื่อ ส. 09 มิ.ย. 2550 @ 21:12 [287615]
วันนี้พึ่งประชุมเกี่ยวกับงบประมาณในการผลิตสื่อที่ม.เกษตร คืออาจารย์หลายท่านมีแนวคิดแบบ conservative คือควรจะใช้งบประมาณจากภาครัฐ ทั้งๆ ที่ไม่เพียงพอ เลยต้องหาทางตัดบางส่วนทั้งที่จำเป็นต้องทำออก เราก็เสนอวิธีแก้ปัญหาที่มีโอกาสทำได้แน่ๆ ที่เหลือก็อยู่ที่การตัดสินใจของมหาวิทยาลัยเอง อาจารย์บอกว่าไม่สะดวกใจที่จะไปขอเอกชน ไม่ใช่แนวทางที่เคยปฎิบัติ เดี๋ยวจะมีคนครหา

ตัวเองกลับมองว่า มหาวิทยาลัยควรหาช่องทางแก้ปัญหา ไม่ใช่จบง่ายๆ ที่งบประมาณไม่พอ ไม่มี ไม่รู้จะทำอย่างไร กลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นก่อนลงมือทำ ไม่ยอมรุก ตั้งอยู่ในที่มั่นเป็นฝ่ายรับ มันจะเดินช้าเหมือนที่ระบบราชการไทยเป็น

ความเป็นจริงควรจะให้โอกาสภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุน (ไม่ใช่เฉพาะเรื่องที่ไปประชุมนะคะ) ซึ่งเอกชนรายใหญ่ๆ มีงบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรืองบเพื่อสังคมตั้งไว้ทุกปีอยู่แล้ว บางที่หลายสิบล้าน เพียงแต่ว่าจะเอาไปใช้กับเรื่องอะไรเท่านั้น ถ้าไม่นำแผนมาเสนอ อยู่ดีๆ คงไม่มีใครนำเงินไปมอบให้ถูก

ปีๆ หนึ่งมหาวิทยาลัยผลิตบุคคลากรให้สำเร็จการศึกษาออกไปสู่ภาคเอกชนมากมาย อาจารย์ทำงานวิจัย ผลิตผลงานช่วยเหลือให้บริษัทเอกชนนำไปต่อยอดผลิตเป็นสินค้าและบริการ แต่ทั้งหมดเป็นการให้ฝ่ายเดียว มหาวิทยาลัยได้แต่ชื่อเสียง คำชม และความภูมิใจกลับมา

ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยเมืองนอกไม่แปลกเลยที่ภาคเอกชนจะมาลงทุนในงานวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งผลงานที่ได้รับสิทธิ์ร่วม หรือเข้าไปให้ทุนนักศึกษาเพื่อจะได้บุคคลากรที่มีคุณภาพมาทำงานในองค์กร หรือเข้าไปมีส่วนสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

รู้สึกมานานแล้วว่าระบบมหาวิทยาลัยเมืองไทยแปลก บรรดาอาจารย์รู้สึกว่าต้องป้องกันชื่อเสียงและภาพลักษณ์มหาวิทยาลัยเป็นอันดับแรก จนหลายครั้งมองข้ามโอกาสดีของการร่วมมือกันกับภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้ระบบการศึกษามีทุน support มากกว่านี้ ...แต่ก็อย่างว่านะคะ เวลามีคนลุกขึ้นมาทำอะไรดีๆ ก็จะมีคนจ้องจับผิดตั้งทัพรออยู่ก่อนเสมอ เพราะติมันง่ายกว่าทำค่ะ เป็นธรรมชาติของมนุษย์บางประเภท : (

นี่เป็นเพียงความเห็นหนึ่งของคนที่อยู่ในฝั่งภาคเอกชนค่ะ ขออภัยที่พิมพ์ยาว เพราะอึดอัดใจ และหงุดหงิดแทนระบบความคิดในการบริหารงานของมหาวิทยาลัยค่ะ
แนวคิดดีของคุณซูซาน จาก http://gotoknow.org/blog/higher-edu/102131

P
ท่านป๋าดัน  กำลังจะถูกดัน  http://gotoknow.org/blog/yahoo/101939
เนื่องมาจากวงจรหน้าจืด (จืดสนิทจริงๆ) ช่วยผมด้วยนะครับ บันทึกของนักศึกษาปริญญาเอกภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของ blogger ใน gotoknow
มัทนา
เมื่อ ส. 09 มิ.ย. 2550 @ 03:26 [
286728]
ตอนพานักศึกษาไปออกชุมชนแถวลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี ก็พบปัญหานี้เช่นกันค่ะ ทีนี้ปัญหาที่ไปพบที่ร้ายมากคือการขายที่นา เอาเงินมาใช้หนี้ค่ะ  (ไม่มีนา แต่แทบทุกบ้านที่เป็นหนี้มีมือถือค่ะ  มีสิ้นค้าขายตรงพวกแอมๆ จิ๊ฟๆใช้ด้วย!) ทีนี้พอไม่มีที่นาเป็นของตัวเอง ก็ต้องไปรับจ้างทำนาที่อื่นๆ บางทีไปถึงชัยนาท นครสวรรค์ ใึครไปเช้าเย็นกลับก็ยังไม่เท่าไหร่  ครอบครัวยังเป็นครอบครัว แต่หลายๆบ้านไปนาน บางทีไปหางานอื่นทำ ในหมู่บ้านมีแต่คนแก่กับหลาน

ถ้ายังมีที่ดิินทำการเกษตรอยู่ ยังไงซะยังพอหาทางออกได้ แต่นี่ หน้าจืดสนิทค่ะ

กมลวัลย์
เมื่อ ส. 09 มิ.ย. 2550 @ 08:30 [
286794]

อ่านแล้วรู้สึกจืดสนิทเหมือนกันค่ะ... ดูวงจรแล้วมันวนไม่มีสิ้นสุดเลย แต่ละรอบที่วน ต้นกับดอกก็จะสูงขึ้นๆ คนเป็นหนี้ก็จะเป็นหนี้แบบไม่มีสิ้นสุด...ไม่มีงานในชุมชน --> ไม่มีเงินใช้ --> ออกไปหางานที่อื่น --> เงินเดือนที่ได้ไปหมุนอยู่ในชุมชนอื่น เช่นกรุงเทพ (ที่ค่าครองชีพแพง) ไม่กลับมาที่บ้านเกิด --> ซื้อมือถือ ทีวี ฯลฯ --> ไม่มีคุณภาพชีวิต ไม่มีเงินเช่นเดิม --> กู้เงิน ....  เข้าสู่วงจรหน้าจืด...ทำอย่างไรถึงจะให้ชาวบ้านช่วยเหลือตัวเองได้..มีรายได้อยู่ในชุมชนของตัวเอง การช่วยเหลือต้องเป็นการสร้างอาชีพ ไม่ใช่การให้กู้ แล้วมายกหนี้ พักชำระหนี้ แล้วก็ให้กู้อีก

การช่วยเหลือจะต้องสร้างเศรษฐกิจในชุมชน..ต้องมีงาน..สร้างงาน... แต่ปัญหานี้ ใหญ่มากจริงๆ นี่ก็กำลังดูรายการเปิดบ้านพิษณุโลก นายกสุรยุทธ์กำลังพูดถึงการสร้างชุมชนเข้มแข็ง แต่ก็ยังไม่เห็นทางออกที่ชัดเลย...

 

 

 

เบิร์ด
เมื่อ ส. 09 มิ.ย. 2550 @ 09:18 [
286823]

สวัสดีค่ะพี่บางทรายตอนนี้เบิร์ดก็กำลังเจอ " วงจรหน้าจืด " ในชุมชนเหมือนกันค่ะ..ทำเอาเบิร์ดหน้าจืดสนิทเลย...ต้องค่อยๆดูทีละปม..ตอนนี้ยังไม่ได้แก้ไขอะไรเพราะยังแกะไม่ออกมีคำแนะนำมั้ยคะ...เบิร์ดมึนตึ้บเลยค่ะมีหนี้แม้แต่ค่าโทร.มือถือ !        

   แสดงว่าเราพบวงจรหน้าจืด  จืดสนิท แบบนี้ในเกือบทุกที่ของเมืองไทย  อยากได้วิธีการแก้ปัญหา  ขอความกรุณาผู้รู้ เข้ามาแสดงความคิดเห็นให้หน่อยครับ ว่าเราควรแก้ปัญหานี้อย่างไร ขอบคุณครับผม  

ขอบคุณ บันทึกนี้ของพี่บางทราย    ท่านอาจารย์มัทนา ท่านอาจารย์กมลวัลย์    คุณเบิร์ด มากครับผม

 http://gotoknow.org/blog/yahoo/101939

บทความข้างต้น  บ่งแสดงถึงอะไรต่ออะไรเยอะแยะ

  • สังคมแห่งการบริโภค นิยมในวัตถุ
  • วิถีชีวิต การครองชีวิต
  • ความรู้  ปัญญา การรับรู้
  • การแก้ปัญหา ต่อแต่ละปัญหา
  • วัฒนธรรม การเปลี่ยนแปลง
  • สื่อที่มีอิทธิพล ต่อ ผู้คน
  • ความเอาใจใส่และการแก้ปัญหาด้วยความจริงใจของรัฐ
  • การรวมตัวของชุมชน ด้วยการแก้ปัญหา

ไม่ใช่เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้  ไม่ใช่ปัญหาโลกแตก  ไม่ใช่ปัญหาที่เกินกว่ากำลังในการแก้ 

ปัญหาของปัญหาคืออยู่ในปัญหาที่มาในปัญหา

 http://gotoknow.org/blog/higher-edu/102131

P
sasinanda
เมื่อ อา. 10 มิ.ย. 2550 @ 15:13 [287986]

และอีกประเด็นหนึ่งที่อยากจะให้ความเห็นคือ  สถานการณ์ครอบครัวไทย อ่อนแอ จนน่า วิตก          มิติของการบริโภคปัจจุบัน  เด็กไทยกำลังเผชิญกับกระแสวัฒนธรรม กิน ดื่ม เดินซื้อของ อันเป็นตัวเร่ง                 ให้เกิด  ค่านิยมในการบริโภคอย่างมหาศาล          มิติด้านสื่อ มีการแสดงออกทางเพศมากเกินไป  มิติการเสี่ยงโชค  ก็มีวัยรุ่นอยู่ในวงจรนี้มากขึ้น                    เราต้องช่วยกันรักษา สถาบันหลักๆของเราค่ะ---สถาบันชาติ   วัฒนธรรมของชาติ   เยาวชนของชาติ  สถาบันครอบครัว และสถาบันการศึกษา   รวมกันเป็น การสร้างสังคมคุณธรรมค่ะ       มีอีกเรื่อง ขอแถม ขอนอกเรื่องหน่อยค่ะ   จริงๆไม่ค่อยอยากพูด เพราะพูดไป มีแต่เข้าตัว กล้าพูดเฉพาะคนสนิทๆ  ในแวดวงอาจารย์มหาวิทยาลัย  ก็คุยกัน แต่เฉพาะเพื่อนๆที่เป็นอาจารย์      แต่อยากให้มีการปรับปรุงในส่วนนี้บ้างค่ะคือ ครู อาจารย์บางคน  ถึงเวลาสอนก็มา ไม่ถึงเวลา หายจ้อยเลย  ส่วนใหญ่ไปรับงานส่วนตัว หรือ ไปขายของ ถ้า เราจะมีระบบ Child Center นั้น  จะได้ผลอย่างที่อยากได้หรือคะ ทางออกน่า จะยกย่องครูให้มีสถานภาพทางสังคม มากกว่านี้  มีเงินเดือนมากกว่านี้ จะได้มีเวลามาเอาใจใส่เด็กๆมากขึ้นค่ะ

Pอรฤดี ศรีธราพิพัฒน์
คณะบัญชี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
การทำงานเพื่องาน
ทำชีวิตให้ได้ดีและมีสุข
จากหนังสือทำชีวิตให้ได้ดีและมีสุขของ ดร.สนอง วรอุไร ....ได้อ่านแล้วพบว่ามีข้อคิดดีดีที่สามารถนำไปปฏิบัติกับการทำงานได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น การทำงานเพื่องานจะทำให้เราทุ่มเทกับงานได้เต็มที่  มีความขยันมาก  และทำงานมีความสุข  ผลงานเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด งานจะกลายเป็นยาชูกำลังของชีวิต  ยิ่งทำมากชีวิตยิ่งสดใสเพราะได้เรียนรู้   ได้เพิ่มพลังให้กับจิตใจและชีวิตตลอดเวลา
(ที่มา:หนังสือทำชีวิตให้ได้ดีและมีสุข 2548 หน้า 157)

สุดยอด สุดยอด

Ppaew
ภาควิชาสัตวศาสตร์
ข้าวยำ....แสนอร่อย...ภาคสอง

ดูหน้าตาความน่าอร่อยตามภาพต่อไปนี้นะค่ะ

 


งานฉลองวันรัฐธรรมนูญ ณ สวนลุมพินี


ยังมีรถรางวิ่งผ่านหน้าสวนลุมฯ



ถนนเยาวราชยังไม่เนืองแน่นไปด้วยรถราเหมือนปัจจุบัน
มีสามล้อถีบด้วย คิดถึงจัง




มองจากฝั่งพระนคร ยังเห็นฝั่งธนบุรีเป็นป่าเขียวพรึ่ด



รถรางทำหน้าที่รับส่งผู้โดยสารบนถนนราชดำเนิน



ของที่ขายกันข้างทางยังบรรจุด้วยวัสดุธรรมชาติ
ไม่มีถุงพลาสติกหรือกล่องโฟม



ช่วงหนึ่งของถนนเจริญกรุง นึกไม่ออกเลยว่าตรงแถบไหน


มีโรงงิ้วเพื่อให้ความบันเทิง ได้รับความนิยมไม่แพ้โรงภาพยนตร์
เคยเห็นตอนเด็กๆ เหลืออยู่โรงนึง ปัจจุบันสาบสูญไปแล้ว




อันนี้ไม่แน่ใจ แม่บอกว่าน่าจะเป็นตลาดบางรักค่ะ

http://gotoknow.org/blog/littlecorner/102194

http://gotoknow.org/blog/higher-edu/102131

P

P

สวัสดีครับพี่กมลวัลย์

พอดีผมติดใจเรื่องหนึ่งในส่วนนี้ เลยขอยกมาพูดคุยกันต่อครับ ไม่งั้นนอนไม่หลับครับ

เรื่อง "ถามว่าทำไมมหาวิทยาลัยรับจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทั้งๆที่ทราบว่าศักยภาพในการรับเด็กมีจำกัด เราได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาดีแค่ไหน ตั้งแต่ระดับรัฐบาลมาเลยครับ การศึกษาอยู่ในอันดับเท่าไหร่ในวาระแห่งชาติ อันดับแรก หรือท้ายสุดครับ.....หรือว่าแค่ห้อยไว้ให้สวยงาม..." นั้นพี่ว่าเป็นปัญหาโลกแตกค่ะ พี่ก็อยากจะรับน้อยๆ ให้ได้คุณภาพอยู่หรอกค่ะ แต่นโยบายคือเราต้องรับเยอะขึ้นเพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาค่ะ และถ้าเราไม่รับเด็กเข้ามาเรียน ก็เหมือนไม่เปิดโอกาสให้เด็กที่จะพอเรียนได้ให้ได้เรียน คำถามก็คือ แล้วเขาจะไปเรียนที่ไหน ต้องไปเรียนในที่ที่สอนแย่กว่าเราสอนหรือเปล่า... อย่างที่บอกค่ะ ...ปัญหาโลกแตกค่ะ..

  • ผมมองว่าทุกๆ ที่มีศักยภาพในการสอนแตกต่างกัน มีความถนัดในแต่ละสาขาคณะแตกต่างกันไปครับ โดยเฉพาะการมีนโยบายในการกระจายการศึกษาออกสู่ภูมิภาคให้ทั่ว โดยลดการวิ่งเข้าเมืองของนักศึกษาด้วย
  • หากมีคณะไหนที่มีศักยภาพ อาจจะเข้าร่วมสอนหรืออบรมอาจารย์ในคณะนั้นๆ ของมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดได้ด้วยครับ ควรจะมีการเกื้อกูลกันครับ อาจจะทำ MOU สร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเครือข่าย ในด้านเดียวกันก็ได้ครับ
  • ผมว่ามหาวิทยาลัยเก่าแก่ใน กทม. ควรจะช่วยเหลือในส่วนนี้ โดยการถ่ายทอดความรู้ต่างๆ เพื่อปรับสภาพให้ลดช่องว่างระหว่างสถานที่เรียนครับ ไม่งั้น คณะหรือมหาวิทยาลัยของพี่ก็จะต้องรับมากขึ้น เช่นหากตอนนี้พี่รับอยู่ปีละ สามพันคน ผมถามว่า ต่อไปหากมีนโยบายใหม่ ให้รับ ปีละหนึ่งหมื่นคน พี่จะต้องรับหมดหรือครับ พี่ไม่กลัว กทม. กลายเป็นเมือง อกแตก (ตาย) หรือครับ อิๆๆ แซวเล่นแกมเอาจริงนะครับ ฮี่ๆๆๆ
  • ดังนั้น ผมยังมีความหวังนะครับ ว่าเรามาช่วยสละกันคนละนิดนะครับ อาจจะทำโครงการถ่ายทอดความรู้ ร่วมกัน ใช้เครื่องมือร่วมกัน ที่ไหนมีเครื่องมือ ก็ทำวิจัยร่วมกันระหว่างคณะ สถาบันร่วมกันได้ครับ จะได้ไม่ต้องซื้อเครื่องมือซ้ำซ้อนให้ฝรั่งกิน เขมือบงบประมาณบ้านเราอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ครับ
  • แนวทางออกหลายๆ อย่างในการทำศึกษาโดยไม่ต้องให้คนมากองอยู่ในห้องเรียน อันนี้ผมว่ามีทางออกเยอะครับ เหมือนอย่างที่คุณเบิร์ดเสนอ ก็แนวทางหนึ่งซึ่งมีศักยภาพและทำได้
  • หากมีปัญหาเรื่องรั้วมากๆ หรือพื้นที่มากๆ ขอแนะนำให้ยกรั้วออก พังรั้วออกเลยครับ พี่จะได้พื้นที่ของมหาวิทยาลัย เท่ากับพื้นที่ประเทศไทยไปเลยครับ ทุกมหาวิทยาลัยมีพื้นที่เท่ากัน
  • เพราะเรียนรู้ร่วมกัน ไม่มีรั้วกัน ปัญหาอะไรจะตามมา หากเราสร้างคนคุณภาพ เราจะกลัวอะไรใช่ไหมครับ
  • ขอบคุณมากครับ ได้ตอบแล้ว ผมเชื่อว่าคงนอนหลับแล้วครับ คืนนี้ อิๆๆ โชคดีนะครับ

รูปเม้ง  รูปใหม่นี้  ผมเห็นแล้วรู้สึกจำเม้งไม่ค่อยได้เลย

เพราะว่า  รู้สึกว่า  จะเจ้าเนื้อกว่าที่เคยพบ  และขาวกว่าที่เคยเห็น

P
นายขำ
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก

พ่อเป็นมัคนายก...

แม่เป็นชาวนาผู้ยากจน...ซื่อสัตย์...มีน้ำใจ...ที่ลูกได้เยี่ยงอย่างมาไม่น้อย

ประชาชนที่เก็บความสงสัย คาดหวัง และความต้องการแสดงออกถึงความต้องการของตัวเองในเชิงปัญญา...ก็จะได้มั่นใจว่า...เขาสามารถ...มีส่วนร่วมได้อย่างแท้จริง... และมีเวทีสภาองค์กรชุมชนรอพวกเขาอยู่...โดยที่ไม่ต้องไปเข้าสู่เส้นทางการเมืองที่หวังผลประโยชน์ตอบแทนจนสร้างปัญหากันไม่หยุดหย่อนจนถึงทุกวันนี้....

P
กมลวัลย์
เมื่อ อา. 10 มิ.ย. 2550 @ 21:09 [288314]

สวัสดีค่ะคุณ P สิทธิรักษ์

เห็นด้วยค่ะว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากๆ ในการเรียน

แต่เรื่องพื้นที่ที่ดิฉันพูดถึงในที่นี้คือ พื้นที่พักผ่อนของนักศึกษาค่ะ เช่น รูม หรือโต๊ะที่เขาสามารถมารวมกลุ่มสังสรรค์ อ่านหนังสือกันได้..พื้นที่ห้องสมุด พื้นที่ห้องคอมพ์...พื้นที่จัดกิจกรรม สันทนาการ เล่นกีฬาค่ะ ... ตอนเขียนคิดถึงพื้นที่กับ facilities พวกนี้ พอกลับไปดูที่เขียนไว้ พบว่าตัวเองไม่ได้อธิบายชัดเจนค่ะ ต้องขอโทษด้วยค่ะ

พื้นที่ห้องเรียน...สำหรับที่สถาบัน มีพอ ถึงจะไม่ทันสมัย หรือเป็นพื้น slope (สำหรับห้องใหญ่) ก็ยังสอนกันได้ ถ้าอาจารย์ตั้งใจ และนักศึกษาส่วนใหญ่ร่วมมือค่ะ...

แต่ที่ปัจจุบัน สำหรับกรณีของตัวเองเลยคือ ขาดพื้นที่ห้องปฏิบัติการค่ะ .... เรามีนักศึกษาต่อห้องมากขึ้นเป็นเท่าตัวจากที่เคยรับในสมัยก่อน.. อุปกรณ์กับพื้นที่ของเรา...เท่าเดิมค่ะ เพราะฉะนั้นโอกาสที่นักศึกษาจะได้ฝึกปฏิบัตินั้นน้อยลงทันตาเห็น แปลว่าเขาได้เรียนจากกระดาน แต่ไม่ได้ลองทำเองจริงๆ..เพราะไม่มีเครื่องมือให้เขาค่ะ เช่น นักศึกษาไม่มีโอกาสได้ฝึกผสมปูนเอง(ทุกคน) ไม่ได้โอกาสลองทำงานเชื่อมเอง ไม่ได้โอกาสทำงาน....สารพัดเอง เพราะเราไม่มีพื้นที่และเราไม่มีเครื่องมือพร้อมสำหรับทุกคนในเวลาเดียวกันค่ะ... อันนี้เป็นปัญหาที่รุนแรง เพราะกลายเป็นว่านักศึกษาได้สัมผัสจากกระดานเท่านั้น ไม่ได้สัมผัสด้วยมือ หรือได้ทำเองจริงๆ น้อยมาก ค่ะ แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาของบางสาขาเท่านั้นค่ะ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ และแพทย์ศาสตร์ (ซึ่งต้องมีรพ.สำหรับหมออินเทอร์น) แต่ถ้าเป็นสาขารัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ ปัญหาน่าจะน้อยกว่านี้ค่ะ ...

เรื่องรั้วที่กลายเป็นกำแพงกั้นไม่ให้คนในออก คนนอกเข้า อันนี้เป็นเรื่องน่าเศร้าค่ะ ไม่อยากให้ใครถูกกักด้วยรั้วอันนี้เลยค่ะ...

ขอบคุณนะคะ สำหรับความตั้งใจและความทุ่มเทในการพัฒนาการศึกษาด้วยกันนะคะ..

http://gotoknow.org/blog/higher-edu/102131

P
sprite
เมื่อ อา. 10 มิ.ย. 2550 @ 21:30 [288345]

ขอแชร์ประสบการณ์เพิ่มเติมนะคะ อ. ขจิต  ว่าช่วงนี้ทำวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยการทำบัญชีครัวเรือน  อยากบอกว่าคุยแบบกันเอง ไม่เป็นทางการกับลุงป้าน้าอาทุกท่านแล้ว ละเหี่ยใจ คำตอบเหมือนอย่างกับความเห็นของท่านทั้งหลายที่ได้ให้ไว้ 

สิ่งที่ยังฝังใจในความเข้าใจของชาวบ้าน คือเรื่อง เงินกองทุนหมู่บ้าน เชื่อไหมคะ  ว่าแกเข้าใจว่าหลวงให้ฟรี  ไม่ต้องคืนหรอก บอกว่าต้องคืน ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร  ดังนั้นเรื่องบัญชีไม่ต้องจัดทำก็ได้  เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่จำเป็นต้องใช้  ส่วนที่อ. ขจิตถาม เรื่องแนะนำ blog  ไม่ขัดข้องหรอกค่ะ  แต่แปลกใจว่าพี่ ๆ น้องก็เขียนแบบธรรมดา  แต่ก็ปลื้มใจจนต้องขอไปโฆษณาเผื่อจะได้คนในชุมชนเพิ่ม มากขึ้นค่ะ 

http://gotoknow.org/blog/yahoo/101939

P

สวัสดีครับพี่สอน  http://gotoknow.org/blog/ChareVision/102257

  • ชุมชนเข้มแข็ง โรงเรียนเข้มแข็ง ครอบครัวเข้มแข็ง วัดศาสนาเข้มแข็ง หากทำเหล่านี้เข้มแข็งได้ก็จบ  หลักๆ จริงๆ อันดับแรกคือ ครอบครัวเข้มแข็ง
  • P
    Thawat
    เมื่อ อา. 10 มิ.ย. 2550 @ 21:06 [288306]

    รูปเม้ง  รูปใหม่นี้  ผมเห็นแล้วรู้สึกจำเม้งไม่ค่อยได้เลย

    เพราะว่า  รู้สึกว่า  จะเจ้าเนื้อกว่าที่เคยพบ  และขาวกว่าที่เคยเห็น

    • สวัสดีครับพี่ธวัช จริงๆ แล้วผมก็จำตัวผมเองไม่ค่อยได้ครับพี่ เพราะผมสั้นกับผมยาว มันจะต่างกันคนละคนเสมอครับ
    • วันก่อนไปหา ดร.ท่านหนึ่งต่างเมือง เค้าก็จำไม่ได้ครับ  คุยกับโปรเฟสเซอร์ท่านก็คุยไปมองผมไปครับ
    • สำหรับเรื่อง เจ้าเนื้อ นี่ใช่ครับ เพราะ 75 kg ครับ ได้กำไร 10 kg ครับ นับว่าไม่ขาดทุนแล้วครับพี่
    • สำหรับเรื่องขาวนี่ ไม่จริงครับ เพราะดำเหมือนเดิม ในรูปอาจจะมีแฟลชช่วยครับ
    • พี่สบายดีไหมครับ คิดถึงหนองปลาคลั๊ก ที่พี่ไปวิดมาวันนั้นจังครับ ขอบคุณมากครับ

     http://gotoknow.org/blog/thawatmatte/102328

    PThawat
    Knowledge Management Institute

    แต่พอผมมีลูก  พ่อ - แม่  ก็มาอยู่ด้วย มาช่วยดูแลหลาน    บริเวณชุมชนที่ผมอาศัยอยู่   ก่อนหน้านั้น  ผมรู้จักเพื่อนบ้านไม่กี่คน  และก็ไม่ได้สนิทลึกซึ้งมากเท่าที่ควรจะเป็น    แต่พอพ่อ กับแม่ขึ้นมาอยู่ด้วย   ผมเริ่มสังเกตเห็น  และเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง  ที่เขาเรียกกันว่า "ภาษาคน"

     http://gotoknow.org/blog/lifediagram/102327

    P

     เวลา...ศัตรูที่แท้จริงของชีวิต

    ภายใต้โลกแห่งการแข่งขันและการต่อสู้ที่ซับซ้อน จะมีใครที่เข้าใจและได้ตระหนักรู้ว่า ชัยชนะที่แท้จริงนั้นคือการ ชนะใจ ตนเอง ให้อยู่เหนือความปรารถนาที่นำมาซึ่งความทุกข์ ผู้คนที่เราคิดว่าเป็น ฝ่ายตรงข้าม ย่อมไม่ใช่ คู่ต่อสู้เพราะ  ศัตรู ที่แท้จริงของชีวิตคือ เวลา ที่กลืนกินสรรพชีวิตและสรรพสิ่ง.... 

     กัลยาณมิตรควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า

    เวลาที่ล่วงไป... ล่วงไป 

    บัดเดี๋ยวนี้...เราทำอะไรอยู่   

     http://gotoknow.org/blog/buddhaza/90277

    PMan In Flame

    boo33mst 

    สิ่งที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือ มนุษย์ ผู้หลงคิดว่า ตนเป็นสัตว์ประเสริฐ ในบางแง่บางมุมแล้ว กลับโง่กว่าเต่ากว่าปลา กว่าหมากว่าแมวสัตว์พวกนี้ถ้ารู้ว่าสิ่งไหนคือยาพิษ มันจะหลีกเลี่ยงไม่ยอมแม้แต่จะเข้าไกล้คนเราสามารถเดินทางไปไกลถึงดาวดวงไหนๆ แต่กลับไม่สามารถทำตัวให้ปากห่างจากขวดเหล้าหรือบุหรี่แม้แต่คืบเดียว คงไม่มีใครสามารถบังคับจับขวดเหล้าจับบุหรี่ใส่ปากเราได้หรอกนะ นอกจากตัวเราเองทั้งนั้น รู้ว่านี่คือยาพิษ ทำลายสมองทำลายตับ ทำลายปอด ก็ยังไม่ยอมหนีไปไหนห่าง แม้แต่รัฐเองยังแสวงหาผลประโยชน์ ภาษีเงินสกปรกจำนวนแสนๆหมื่นล้าน จากยาพิษเหล่านี้ รณรงค์กันให้ตายก็ไม่มีวันหมดจากผืนแผ่นดินไทย  ถามจริงๆเถอะ ถ้าประเทศไทย ไม่มีหรือไม่ได้รายได้จากภาษีพวกช้างสาร เสือสิงห์กระทิงแรด พวกสัตว์ป่าดุๆเหล่านี้ ประเทศชาติจะล่มจมไหม ปีใหม่ เทศกาล จะมีคนตาย สี่ร้อยห้าร้อยคนเพราะอุบัติเหตุที่มีสาเหตุจากสุราไหม ปีหนึ่งๆจะมีคนตายเพราะถุงลมโป่งพอง,ตับแข็ง อุบัติเหตุจากสุรา ทะเลาะวิวาท ครอบครัวแตกแยกเพิ่มขึ้นไหม ฯลฯ  ภาษีที่ได้มา กับงบประมาณ,ชีวิตทรัพย์สิน ปัญหาสังคมและคราบน้ำตาที่สูญเสียไป มันคุ้มกันไหม          

    ปัญญาประดิษฐ์จึงกลายเป็นปัญหา ถ้าไม่เรียก ว่า โง่กว่าหมากว่าแมว หรือสมองหมาปัญญาควาย แล้วจะให้เรียกว่าอะไร

    ต่อให้ได้ใบปริญญามาสองสามใบ หรือมีมันสมองแบบ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)  ก็ยังเป็นเพียงความจุของความจำ การเชื่อมโยงและกระบวนการทางความคิดที่เป็นเลิศ "ปัญญา"ที่มีแบบนี้ จึงเป็นได้เพียง"ปัญญาประดิษฐ์"เท่านั้นเอง

     

    น่าเสียดายที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ มีเวลาได้ศึกษาพุทธศาสนาในบั้นปลายของชีวิตเท่านั้น

     http://gotoknow.org/file/sasinanda/view/84799

    Psasinanda
    vichitranand property co;ltd
    เอื้องกุหลาบน่าน เป็นดอกกล้วยไม้ที่มีกลิ่นหอม ลักษณะของดอกจะคล้ายๆ เอื้องมาลัยแดง ครับ แต่ดอกของเอื้องกุหลาบน่านดอกในช่อจะโปร่งกว่า ดอกสีชมพู ดอกบานทนได้หลายวัน

     http://gotoknow.org/blog/LifeLearning/102308

    P
    Mr.Direct
    TELECOM

    "ก้าวแรก" ว่ายากแล้ว "ก้าวสุดท้าย" สิยากกว่า...

    ผมเห็นหลาย ๆ คนผ่านก้าวแรกมาได้อย่างลำบาก แต่ก็พยายามก้าวมาได้เรื่อย ๆ และก็ก้าวมาได้ไกลแล้ว แต่มาหยุดอยู่ที่ก้าวสุดท้าย เพราะไม่มั่นใจในผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น และไม่มั่นใจว่าตัวเราจะยอมรับผลลัพธ์นั้นได้มั้ย...

                  ก้าวแรกว่ายากแล้ว ก้าวสุดท้ายสิยากกว่า แต่ในเมื่อเราพยายามก้าวมาจนถึงตรงนี้ แค่อีกก้าวเดียวเราก็จะถึงจุดหมาย ผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไรก็ก้าวไปเถอะครับ เตรียมใจยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นเพราะยังงัย เราก็ได้ทำเต็มที่แล้ว... 

     http://gotoknow.org/blog/edkm-sn/102334

    Pแขไข
    โรงเรียนเซนต์นิโกลาส

    การแข่งขันระดับประเทศเป็นสิ่งที่ผู้สวดมนต์หมู่อยากไปให้ถึง เมื่อมาถึงระดับที่ฝันไว้  ก็รู้ว่าเป็นโอกาสจริง ๆ จะชนะหรือแพ้ก็จะไม่เลือกร้องไห้  เพราะมาถึงจุดนี้ได้ก็เก่งแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ตั้งใจ  ฟิล์มจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดอีกครั้ง ผลออกมาได้รางวัลชมเชยอันดับหนึ่ง ฟิล์มดีใจมาก

      สรุปแล้วฟิล์มอยากให้ทุกคนที่อ่านเรื่องนี้แล้วคิดว่าตอนนี้คุณใฝ่ฝันอยากเป็นอะไร  ต้องทำให้เป็นจริงอย่าท้อกับความล้มเหลวแต่อยากให้เก็บมันเป็นบทเรียนและเอาชนะมันให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  หากสิ่งที่ผู้อ่านหวังเป็นสิ่งที่ดี จงทำต่อไป ฟิล์มจะคอยเป็นกำลังใจให้... สู้ สู้ 

    P

    สวัสดีครับเพื่อน

    • ก้าวแรก ว่ายากแล้ว ก้าวสุดท้าย สิยากกว่า
    • การมีรัก ว่ายากแล้ว การครองรัก สิยากกว่า
    • การมีภรรยา ว่ายากแล้ว การมีแม่ของลูกที่ดี สิยากกว่า
    • การมีลูก ว่ายากแล้ว การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี สิยากกว่า
    • การเป็นคนดี ว่ายากแล้ว การเป็นคนดีตลอดไปและมั่นคง สิยากกว่า
    • การทำสิ่งที่ยาก ว่ายากแล้ว การประสบความสำเร็จไม่ได้ยากกว่าที่คิด หากเราตั้งใจเต็มที่และจริงจัง
    • สู้ต่อไป นะโรบิ้น...  http://gotoknow.org/blog/LifeLearning/102308
    P

    สวัสดีครับน้องเม้ง

    • สุดยอดเลย น้องเม้งเอาชุดความรู้มาแลกเปลี่ยน
    • พี่เห็นด้วยครับว่าฐานของการเปลี่ยนแปลงนั้นอยู่ที่ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน ที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเด็ก และขยายวงไปที่ชุมชน
    • หากเราเข้าไปอยู่ในชุมชนแล้วอ่านชุมชนตามที่เราเห็นและหากฝังตัวเพื่อซึมลึกถึงเหง้าของเขา เราก็จะเห็นความสัมพันธ์กับสังคมเมืองที่เป็นท่อน้ำดีและท่อน้ำเสียที่ไหลเข้าสู่ชุมชน  แต่ชุมชนแยกไม่ออก  หรือรู้ๆแต่ไม่แยกออก นี่คือความยากของการทำงาน
    • น้ำเสียที่ไหลเข้าชุมชนคือไวรัสที่เข้าทำลายภูมิคุ้มกันของคน ของสังคม ทั้งกายภาพ ทั้งทางจิตใจ และทางสมองที่น้องเม้งกล่าวถึง
    • ไวรัสนี้ร้ายกว่าที่คิด เพราะเมื่อไวรัสเข้าไปชุมชนแล้วมันแตกตัวออกไปอีกและแผลงฤทธ์ไปสู่คนรอบข้างมากมาย
    • ที่สำคัญคือ ความไม่รู้เท่าทัน แยกออกยาก หากจิตใจไม่ผ่านการสังเคราะห์และตกผลึกจริงๆแล้ว ต่างก็โอนเอียงไปตามพายุของความทันสมัย
    • ดังนั้น กล่องสีเขียวที่ควรจะใส่เข้าไปคือ การปลุกจิตสำนึก ซึ่งพวกเราเรียกว่า Conscientization Process เพราะหากสำนึกไม่มีแล้วก็จะไม่มี resistant
    • เราไม่ได้ปฏิเสธความทันสมัย แต่เราไม่เห็นด้วยกับความไม่สมดุล  ระหว่างแรงดึงของความทันสมัย กับจิตใจที่เข้มแข็งที่ยืนอยู่บนความพอดีกับตนเอง กับครอบครัว กับชุมชน
    • ทั้งหมดนี้พูดได้ และง่ายที่จะพูด  แต่ทำยาก
    • แต่มีบทเรียนที่เราน่าจะศึกษากระบวนการทำงานของท่านมิชชั่นนารีทั้งหลายที่สามารถเปลี่ยนชาว้ขาที่นับถิอผีไปนับถือพระเจ้าได้ ท่านเหล่านั้นใช้วิธีอะไร ?? ท่านทำด้วยชีวิต และเป็นวิถีชีวิต ศรัทธา ทุ่มเท เชื่อมั่น อดทน และจริงใจ เวลาจากวันเป็นเดือน เป็นปี หลายๆปี ผีก็ไม่อยู่แล้วพระเจ้ามาแทนที่
    • งานพัฒนาบ้านเราโดยระบบนั้นห่างไกลมากๆกับกระบวนวิธีของท่านมิชชั่นนารี  แม้จะเอาหน่วยงานต่างๆมาบูรณาการเต็มรูปก็ตาม เพราะผู้ทำมีคุณสมบัติต่างกันทั้งฐานะ ความคิด ระบบคิด ฐานสำนึก ....
    • พี่เคยสรุปแล้วว่าระบบราชการไม่มีทางทำงานพัฒนาชุมชนแบบการสร้างสำนึกได้ เพราะระเบียบข้อบังคับ และอื่นๆอีกมากมาย ระบบนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทำงานพัฒนาชุมชนครับ  แต่เหมาะที่จะเป็น Resources และให้องค์กรพัฒนาเอกชนเข้าไปทำงานแบบ "คนใน" จะมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะองค์กรพัฒนาเอกชนไม่มี 8.30 น. 16.30 น. ไม่มีเสาร์-อาทิตย์ ไม่ต้องมีเบี้ยเลี้ยง ไม่ต้องรออนุมัติน้ำมันรถ พนักงานขับรถ..
    • สำนึกหากเกิดขึ้นจะเป็นภูมิคุ้มกันอันยิ่งใหญ่ เพราะคือการสร้างเกราะกรองสิ่งที่มาจากภายนอก เพราะเราไม่สามารถห้ามความทันสมัยได้ แต่สร้างภูมิคุ้มกันได้
    • งานพัฒนาชุมชนจึงหมายถึงคนทั้งชุมชนมิใช่เพียงพ่อบ้าน  แต่ทุกคนในครอบครัว รูปแบบการจัดทัศนศึกษาจึงเปลี่ยนไปจากเอาสมาชิกกลุ่มไป เป็นการเอาครอบครัวไปด้วยกันเลย เยาวชนคือเป้าหมายการผลิตใหม่ (reproduction) จึงต้องทำกิจกรรมสร้างคนรุ่นใหม่ด้วยโดยมีรากเหง้าจากภูมิปัญญาของชุมชน อย่างที่น้องเม้งกล่าวแล้ว
    • ดีมากครับน้องเม้งครับ
    • ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนสิ่งดี ดี ครับ
    • http://gotoknow.org/blog/dongluang-1/101890

     http://gotoknow.org/blog/cbtnorth/102351

    PCBT_North
    เก็บตกบทเรียนรายทาง

                    การก้าวเดินของโครงการพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถเก็บเกี่ยวความรู้และได้บทเรียนหลายประการ สามารถสรุปได้ ดังนี้

     

                    ประการแรก คือ ผู้นำที่เข้มแข็ง และแกร่งกล้าทั้งปัญญาและพลังใจ เป็นปัจจัยสำคัญ

    ประการที่สอง คือ ทำให้ทราบว่าการทำงานไม่สามารถสำเร็จลงได้ด้วยคนเพียงคนเดียว ในโครงการวิจัยนี้ทุกคนล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนงานให้เดินต่อ เช่นเดียวกับในชุมชน ผู้นำเพียงคนเดียว ย่อมไม่สามารถนำพาชุมชนไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ต้องประกอบด้วยพลังใจ และพลังกายของทุกคนร่วมกันก้าวเดิน และฟันฝ่า

     ประการที่สาม คือ การทำงานต้องสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จึงจะสามารถเดินไปด้วยกัน เพราะต่อให้มีผู้นำเข้มแข็ง มีความร่วมมือจากคนในชุมชน แต่หากขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คิดกันไปคนละทาง มองกันคนละเรื่อง ในไม่ช้าความคิดย่อมแตกแยก

    ประการที่สี่ คือ การยอมรับฟังความคิดของผู้อื่น

    ประการสุดท้าย คือ การให้โอกาสเรียนรู้ จากโครงการวิจัยครั้งนี้จะเห็นได้ว่า ผู้ร่วมทีมมิใช่มีเพียง ผู้รู้ และ ผู้ชำนาญ เท่านั้น หากแต่ผสมผสานกันระหว่าง ผู้รู้ กับ ผู้เริ่มเรียนรู้ ดังนั้นการให้โอกาสผู้เริ่มเรียนรู้ให้เข้ามาทำความเข้าใจ ให้ที่ยืนแก่บุคคลเหล่านี้ทีละเล็กละน้อย นับเป็นการเปิดโอกาสให้เขาก้าวไปสู่แวดวงการเรียนรู้ ช่วยเปิดโลกทัศน์เขาเหล่านั้นให้กว้างขึ้น ก่อนที่จะไต่เต้าไปสู่ความเป็นผู้รู้ ซึ่งจะเข้ามาร่วมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้กว้างขวางขึ้นต่อไปในอนาคต

     http://gotoknow.org/blog/siriluckkumlar/102249

    Pนิสิตช่วยงาน
    มหาวิทยาลัยนเรศวร

    อยากทำงานเป็นนักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอกที่เก่ง ดี มีคุณภาพ

    เมื่อฟังจบก็นำกลับมาคิดว่า ถ้าเราทุกคนเป็นอย่างนี้กัน (พี่แอ้กับพี่ไก่ประจำกลุ่มบอกว่าเป็นการกระหายดี) มีน้ำใจให้ใจไปกับสิ่งที่จะทำเมื่อคิดว่าจะทำแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ สังคมไทยก็จะยิ่งน่าอยู่มากขึ้นเรื่อย ๆ และยังคิดว่า จะนำกลับมาปรับใช้กับทางมหาวิทยาลัยนเรศวรบ้างเลยล่ะค่ะ

             หวังว่าเรื่องนี้คงไม่ทำให้ออกซ์โดนทางมหาวิทยาลัยว่านะคะ ขอบคุณค่ะ

     http://gotoknow.org/blog/ranong-ph-kapoe/102443

    Pอรุฎา นาคฤทธิ์
    สำนักงานสาธารณสุขอำเภอกะเปอร์

    เริ่มกันเลยดีกว่ากับ การเข้าร่วมอบรม ผู้ตรวจสอบ ประเมินคุณภาพงานสุขศึกษาระดับจังหวัด ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2550 ณ โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี  ซึ่งจัดโดยกลุ่มงานพัฒนาคุณภาพงานสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข  โดยเอกสาร สามารถดาวโหลดได้จากเว็ปไซด์ ของกองสุขศึกษา

                 ประเด็นสำคัญที่ได้จากการเรียนรู้ในครั้งนี้             

                 1. แนวคิดหลักการ และมาตรฐานงานสุขศึกษา ของสถานบริการสาธารณสุขซึ่งประกอบด้วย มาตรฐาน 9 องค์ประกอบ ด้วย

    1) นโยบายการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ

    2) ทรัพยากรการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ

    3) การพัฒนาข้อมูลระบบสารสนเทศด้านการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ

    4) แผนการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ

    5) กิจกรรมสุขศึกษา

    6) การนิเทศงานสุขศึกษา

    7) การประเมินผลการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ

    8) การเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ

    9) การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขศึกษาและพฤติกรรมสุขภาพ


                   2.รับฟังแนวคิดจากการอภิปรายกลุ่ม เรื่อง ทำอย่างไรถึงได้มาตรฐาน ? เป็นการนำประสบการณ์จากผู้ปฏิบัติงานจริง (ทั้งในระดับของผู้สนับสนุน สสจ.,สสอ.และผู้ปฏิบัติอย่าง สถานบริการเอง)

                  3.ฝึกปฏิบัติภาคสนามการตรวจประเมินคุณภาพ/อภิปรายกลุ่มย่อย/วิพากษ์ และการสรุปผลการประเมิน

                  งานนี้เกี่ยวเนื่องจากงานสุขศึกษาประชาสัมพันธ์ ที่ผู้เขียนรับผิดชอบ อีกทั้งการพัฒนาคุณภาพงานสุขศึกษา ก็สอดคล้องกับการพัฒนามาตรฐาน PCU พอดิบพอดี และที่สำคัญ หากมีการบูรณาการ งานให้เข้ากับงานประจำได้ก็จะเกิดประโยชน์ ทั้งผู้ปฏิบัติ และผู้รับบริการแน่นอน

    วิศวกรซ่อมบำรุงระบบขนส่งสาธารณะบริษัทเอกชน กรุงเทพฯ

    เมื่อ gotoknow คือ "ตัวปลา" แล้วอะไรคือ "ห้วปลา" และ "หางปลา" ว่าด้วย "โมเดลปลาทู"
    ผมเข้าใจว่า gotoknow คือส่วนของ "ตัวปลา" แล้วอะไรคือส่วนของ "หัวปลา" และ "หางปลา" ครับ...

                 ผมเข้ามาในเว็ปนี้เกือบ 4 เดือนแล้ว มีหลายคนพูดถึง "โมเดลปลาทู" ซึ่งเป็นโมเดลการจัดการความรู้...

                  ส่วนของ "หัวปลา" หมายถึง ส่วนที่เป็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์หรือทิศทางการจัดการความรู้....

                   ส่วนของ "ตัวปลา" หมายถึง ส่วนของการแลกเปลี่ยนความรู้ โดยเฉพาะความรู้ซ่อนเร้นที่มีอยู่ และอำนวยให้เกิดการเรียนรู้แบบเป็นทีม เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนความรู้และเกิดนวัตกรรมในที่สุด..

                   ส่วนของ "หางปลา" หมายถึง ส่วนของคลังความรู้ที่ได้จากการเก็บสะสม เกร็ดที่ได้จากกระบวนการแลกเปลี่ยนความรู้...

                   ผมเข้าใจว่า gotoknow คือส่วนของ "ตัวปลา" แล้วอะไรคือส่วนของ "หัวปลา" และ "หางปลา" ครับ...

    Pviolet
    มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
    ร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น

                เกี่ยวเนื่องมาจาก blog ของคุณภีม ที่ได้เกริ่นนำในเรื่องนี้ไปแล้ว จึงขอนำเสนอในส่วนของเนื้อหาของ พรบ. นี้กันเลยนะคะ  เนื้อหาของ พรบ.ฉบับนี้ได้แบ่งหมวดไว้ 4 หมวด คือ หมวด 1 สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นตำบล  หมวด 2 สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นจังหวัด  หมวด 3 สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นแห่งชาติ  หมวด 4 สำนักงานสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นแห่งชาติ ขอนำเสนอเนื้อหาสาระของ ร่าง พรบ. เป็นหมวด ทั้ง 4 หมวด แบ่งเป็นตอนทั้งหมด 4 ตอน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่ายในเนื้อหาสาระ(ที่ค่อนข้างเป็นวิชาการ) ท่านที่สนใจสามารถติดตามอ่านได้ทั้ง 4 ตอนคะ            

                     วันนี้มาเริ่มตอนแรกกันเลย  คือ หมวด 1 ว่าด้วยเรื่อง สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นตำบล ประกอบไปด้วยมาตรา ๕ ถึง มาตรา ๒๐ เนื้อหาใจความหลัก กำหนดให้ในตำบลหนึ่ง มีสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น 1 สภา ต้องมีผู้เข้าร่วมจากหมู่บ้านในตำบล อย่างน้อยร้อยละ 60 ของจำนวนหมู่บ้านทั้งหมดในตำบล สมาชิกของสภาฯ ประกอบด้วย

             1.      สมาชิก ซึ่งเป็นผู้แทนขององค์กรหมู่บ้าน ชุมชน ในตำบล ไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันเลือกสมาชิก และได้มาโดยการเลือกกันเองของที่ประชุมสมาชิก / ตามจารีต ขนบธรรมเนียมประเพณี / ตามวิถีของชุมชนหรือหมู่บ้านที่มีอยู่เดิม ให้มีจำนวนตามที่ชุมชนท้องถิ่นเห็นว่าเหมาะสม แต่ไม่เกิน 100 คน

               2.      สมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิ ให้สมาชิกตาม (1) ดำเนินการสรรหาและแต่งตั้ง ให้มีจำนวนตามที่สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นเห็นเหมาะสม แต่ไม่เกิน 1 ใน 5 ของสมาชิกในข้อ (1) ทั้งนี้การสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ  ต้องพิจารณามาจากบุคคลซึ่งเป็นข้าราชการ ปราชญ์ชาวบ้าน พระภิกษุ  ผู้นำทางศาสนา หรือบุคคลที่เป็นที่เคารพของชุมชน

                 วาระ: กำหนดให้สมาชิกอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกสมาชิก เมื่อตำแหน่งสมาชิกว่างลง จากการครบวาระ ให้สรรหาสมาชิกใหม่ภายใน 45 วัน หากว่างจากเหตุอื่น ให้สรรหาภายใน 60 วัน

                อำนาจหน้าที่: ให้สภาฯ มีประธานสภา 1 คน และรองประธานสภา 2 คน โดยเลือกจากสมาชิกในคราวที่ประชุมสภาฯ ครั้งแรก โดยอำนาจหน้าที่ของประธานสภา มี 6 ประการ คือ เรียกประชุมสภาฯ และดำเนินการประชุม, ควบคุมและดำเนินกิจการของสภาให้เป็นไปตามข้อบังคับและมติของสภาฯ , ออกคำสั่งเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในการประชุม , เป็นผู้แทนสภาในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก , แต่งตั้งเลขานุการสภาโดยความเห็นชอบของสมาชิก และมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้  สำหรับอำนาจหน้าที่ของรองประธานสภา คือ ช่วยประธานสภาในกิจการอันเป็นอำนาจหน้าที่ของประธานสภา หรือปฏิบัติการตามที่ประธานสภามอบหมาย  ส่วนอำนาจหน้าที่ของเลขานุการ คือ รับผิดชอบงานธุรการ  จัดการประชุมและงานอื่นใดตามที่สภามอบหมาย

                   ทางด้านอำนาจหน้าที่ของ สภาฯ ประกอบด้วย 10 ประการ คือ 1) จัดทำแผนแม่บทชุมชนในเขตพื้นที่ตำบล 2) ให้คำปรึกษา แนะนำ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทำแผนปฏิบัติการ และข้อบัญญัติหรือเทศบัญญัติ 3) จัดประชุมสมัชชาชุมชนท้องถิ่นตำบล เพื่อพิจารณายับยั้ง ยกเลิก แผนงาน โครงการ กิจกรรม หรือการกระทำใด ๆ ที่ส่งผลกระทบเสียหาย หรือพิจารณาเรื่องอื่นที่สภาเห็นสมควร 4) พัฒนาองค์กรชุมชนให้เข้มแข็ง รวมถึงรับรองหรือยกเลิกสถานภาพองค์กรชุมชนท้องถิ่นในตำบล 5) ประสานและร่วมมือกับสภาฯตำบลอื่น สภาฯจังหวัด และสภาฯแห่งชาติ 6) วางระเบียบ ข้อบังคับ ในการดำเนินกิจการของสภาฯตำบล 7) ติดตามผลการดำเนินงานตามแผนงาน โครงการที่ดำเนินการอยู่ในท้องถิ่นตำบลนั้น 8) จัดทำรายงานประจำปีของสภาฯ ตำบล รวมถึงสถานการณ์ชุมชนท้องถิ่นตำบลด้านต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปทราบ 9) เสนอรายชื่อสมาชิกสภาฯ ตำบล ให้เป็นสมาชิกสภาฯ จังหวัด จำนวนไม่เกิน 2 คน 10) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ตาที่สภาฯแห่งชาติ และสภาฯ จังหวัดมอบหมาย ทั้งนี้สภาฯตำบล อาจมีหนังสือเชิญส่วนราชการ / หน่วยงานของรัฐ / รัฐวิสาหกิจ / ราชการส่วนท้องถิ่น / องค์กรอื่นของรัฐ มาร่วมแสดงความคิดเห็น หรือให้เอกสารได้ตามที่เห็นควร

                    การประชุม: สภาฯ ต้องจัดให้มีการประชุมอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง และประชุมในกรณีที่สมาชิกเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ร้องขอให้เปิดการประชุม การประชุมต้องมีสมาชิกเข้าร่วมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด  การลงมติให้ถือเสียงข้างมาก  สมาชิกสภาตำบลคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน หากมีคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมมีสิทธิออกเสียง เป็นเสียงชี้ขาด

                  สุดท้ายในเนื้อหาสาระของหมวด 1 กล่าวถึง  คณะกรรมการสภา ให้สภาฯตำบลเลือกกันเอง ตามจำนวนที่เหมาะสม ไม่เกิน 25 คน และให้คณะกรรมการสภา เลือกกันเอง เป็นประธานคณะกรรมการสภา รองประธานคณะกรรมการสภา และกรรมการเลขานุการ คณะกรรมการสภา ต้องจัดทำรายงานผลการดำเนินงานเสนอต่อที่ประชุมสภาฯในคราวที่มีการประชุมทุกครั้ง และให้มีการประชุมคณะกรรมการสภาอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง http://gotoknow.org/blog/rviolet/101814

     หมวด 2  ว่าด้วยเรื่อง สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นจังหวัด ประกอบไปด้วย มาตรา  21 ถึง มาตรา 25 เนื้อหาสาระกล่าวถึง

                  การจัดตั้งสภาฯ จังหวัด  ได้นั้น  มีหลักเกณฑ์ คือ จังหวัดนั้นต้องมีการจัดตั้งสภาฯ ตำบล ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนตำบลที่มีอยู่ในจังหวัด  จังหวัดหนึ่งให้มีสภาฯ จังหวัดได้ 1 คณะ และในสภาฯ จังหวัด ประกอบด้วย

                 1)      สมาชิก ได้รับการเสนอชื่อมาจากสภาฯ ตำบล ตำบลละไม่เกิน 2 คน

                2)      สมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิ ได้มาโดยสมาชิกตาม 1) ดำเนินการสรรหาเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของสภา จำนวนไม่เกิน 1 ใน 5 ของสมาชิกตาม 1) ทั้งหมด โดยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาสมาชิกให้เป็นไปตามระเบียบที่สภาฯ จังหวัดกำหนด โดยความเห็นชอบของสภาฯ แห่งชาติ

                 การประชุม สภาฯ จังหวัดต้องจัดให้มีการประชุมอย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง

                 อำนาจหน้าที่ของสภาฯ จังหวัด ประกอบด้วย 9 ประการ ดังนี้ 1) จัดทำแผนแม่บทชุมชนระดับจังหวัด เพื่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการระดับจังหวัดนำไปทำแผนปฏิบัติการ 2) ให้คำปรึกษา แนะนำ แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด  ผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการระดับจังหวัดในการจัดทำแผนปฏิบัติการ 3) จัดประชุมสมัชชาชุมชนจังหวัดเพื่อพิจารณา ยับยั้ง ยกเลิกแผนงานโครงการ กิจกรรม หรือการกระทำใด ๆ ที่ส่งผลกระทบ เสียหายแก่ชุมชนท้องถิ่นจังหวัดมากกว่าหนึ่งตำบล หรือพิจารณาเรื่องอื่นใดที่สภาเห็นสมควร 4) ประสานและร่วมมือกับสภาฯ ตำบล สภาฯ จังหวัดอื่น และสภาฯ แห่งชาติ 5) วางระเบียบ ข้อบังคับ ในการดำเนินกิจการของสภาฯ จังหวัด 6) ติดตามผลการดำเนินงานตามแผนงานโครงการที่ดำเนินการอยู่ในท้องถิ่นจังหวัดนั้น 7) จัดทำรายงานประจำปีของสภาฯ จังหวด รวมถึงสถานการณ์ชุมชนท้องถิ่นจังหวัดด้านต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปทราบ 8) เสนอรายชื่อสมาชิกเพื่อเป็นสมาชิกสภาฯ แห่งชาติจังหวัดละ 2 คน 9) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตาม พรบ. นี้

                    การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ของ ประธานสภา รองประธานสภา เลขานุการสภา การประชุมสภาฯ จังหวัด การเลือก และการดำเนินงานของคณะกรรมการสภาฯ จังหวัด ที่มิได้บัญญัติไว้ในหมวดนี้ให้นำบทบัญญัติในหมวด ๑ มาบังคับโดยอนุโลม http://gotoknow.org/blog/rviolet/102401

      หมวด 3 สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นแห่งชาติ ประกอบด้วย มาตรา ๒๖ ถึง มาตรา ๓๐ กล่าวถึงเรื่อง

                   การจัดตั้งสภาฯ แห่งชาติ เมื่อจัดตั้งสภาฯ จังหวัดไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนจังหวัดที่มีอยู่ ให้จัดตั้งสภาฯ แห่งชาติได้ และให้มีสภาฯ แห่งชาติ ได้ 1 คณะ ประกอบด้วย

                          1)      สมาชิก ได้รับการเสนอชื่อจากสภาฯ จังหวัด จังหวัดละ 2 คน

                         2)      สมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิ ได้มาโดยสมาชิกตาม 1) ดำเนินการสรร จำนวนไม่เกิน 1 ใน 5 ของสมาชิกตาม 1) ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาให้เป็นไปตามระเบียบที่สภาฯ แห่งชาติกำหนด

                   การประชุม สภาฯ แห่งชาติต้องจัดประชุมอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

                  อำนาจหน้าที่ของสภาฯ แห่งชาติ ประกอบด้วย 11 ประการ คือ 1) ส่งเสริม สนับสนุนการจัดตั้ง และพัฒนาสภาฯ 2) จัดทำแผนแม่บทชุมชนท้องถิ่นระดับชาติ 3) ให้คำปรึกษา เสนอแนะ คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม ในการบริหารราชการแผ่นดิน 4) จัดประชุมสมัชชาชุมชนท้องถิ่นระดับชาติ เพื่อกำหนดแนวนโยบายของสภาฯ แห่งชาติ 5) ประสานและร่มมือกบสภาฯ ตำบล และจังหวัด 6) วางระเบียบ ข้อบังคับ ในการดำเนินกิจการของสภาฯ แห่งชาติ หรือตามที่ พรบ.นี้กำหนด 7 ) วางระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติงานของสำนักงานสภาฯ แห่งชาติ 8) วางระเบียบเกี่ยวกับการเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงินและการจัดหาผลประโยชน์ของสำนักงานสภาฯแห่งชาติ 9) วางระเบียบการพิจารณาอนุมัติจ่ายเงิน เพื่อสนับสนุนสภาองค์กรชมชนท้องถิ่น 10) ติดตามผลการดำเนินงานของส่วนราชการ องค์กรของรัฐ รัฐวิสาหกิจ 11 ) จัดทำรายงานประจำปีของสภาฯ แห่งชาติ รวมถึง สถานการณ์ชุมชนท้องถิ่นด้านต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ

                  การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ ของประธานสภา รองประธานสภา เลขานุการสภา การประชุมสภาฯแห่งชาติ การเลือก และการดำเนินงานของคณะกรรมการสภาฯ แห่งชาติ ที่มิได้บัญญัติไว้ในหมวดนี้ให้นำบทบัญญัติในหมวด 1 มาบังคับใช้โดยอนุโลม            http://gotoknow.org/blog/rviolet/102425

     หมวด ๔  สำนักงานสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นแห่งชาติ ประกอบด้วยมาตรา ๓๑ ถึง มาตรา ๔๑ มีสำระสำคัญ ดังนี้สำนักงานฯ ถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ไม่เป็นส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ และกิจการของสำนักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์

              อำนาจหน้าที่ของสำนักงานฯ 1) ปฏิบัติงานธุรการของสภาฯ แห่งชาติ 2) ประสานและดำเนินการให้มีการจัดตั้งสภาฯท้องถิ่นระดับต่าง ๆ รวมทั้งเผยแพร่ กิจการของสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น 3) รวบรวมข้อมูล ศึกษาวิจัย/พัฒนาเกี่ยวกับงานของสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น 4) ประสานและร่วมมือกับราชการส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชนและภาคประชาคม ในการดำเนินการตาม พรบ. 5) จัดทำงบประมาณเสนอเพื่อขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเกี่ยวกับภารกิจของสภาฯ แห่งชาติ จังหวัด และตำบล

                ทุนและเงินทรัพย์สินในการดำเนินกิจการของสำนักงาน ได้มาจาก 1) เงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิม 2) เงินอดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี 3) เงินอุดหนุนจากภาคเอกชนหรือองค์กรอื่น รวมทั้งรัฐต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ และเงิน/ทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ 4) ค่าธรรมเนียม บำรุง ตอบแทน บริการหรือรายได้จากการดำเนินการ 5) ดอกผลของเงินหรือรายได้จากทรัพย์สินของสำนักงาน 6) รายได้อื่น ๆ

                  นอกจากนี้ยังมี บทเฉพาะกาล ที่ระบุถึง คณะกรรมการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่แทนสภาฯ แห่งชาติ ในระหว่างที่ยังไม่มีสภาฯแห่งชาติ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานกรรมการ ให้สำนักงาน พอช. ทำหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น  และให้ผู้อำนวยการ พอช. เป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น จนกว่าจะมีการจัดตั้งสำนักงานสภาฯ แห่งชาติ

    http://gotoknow.org/blog/rviolet/102435

     http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/53108

    P

        คนเมืองปาย "อำเภอปาย" จังหวัดแม่ฮ่องสอน

    เวลา...ยาเสพติด วิทยานิพนธ์ และชุมชนเข้มแข็ง

    ...ทำอย่างไรให้ชุมชนเข้มแข็ง? ทำอย่างไรให้ชุมชนเหล่านี้ปลอดยาเสพติด?

    ทำอย่างไรให้ชุมชนเหล่านี้พึ่งตนเองได้?

    เหมือนจะเป็นคำถามที่เราถามกันบ่อยครั้งในห้วงนั้น..

    เราทบทวนกันดูอย่างใจเป็นกลาง

    เราได้ข้อสรุปร่วมกันว่า กระบวนการการทำงานเพื่อพัฒนาของทหารยังมีจุดอ่อนอีกมาก ในเรื่องของวิธีคิด ความเข้าใจ และเข้าถึงชุมชน ดังนั้นแล้ว การพัฒนาที่ยังไม่เข้าใจ เข้าถึง ไม่ได้ยั่งยืน ชุมชนเข้มแข็งได้ไม่นาน หากโครงการเสร็จชุมชนก็อ่อนแอเช่นเดิม

     งานวิจัยเพื่อท้องถิ่น เป็นกระบวนการที่พวกเราคุยกันต่อหลังจากนั้น ด้วยความเชื่อมั่นว่า งานวิจัยแบบนี้จะช่วยให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการอย่างเต็มที่ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์ ปัญหาก็มาจากชุมชนเอง...ที่สำคัญ เรายังมีพี่เลี้ยงซึ่งเป็นนักวิจัยที่เป็นรุ่นพี่ และพี่เลี้ยงจาก ศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นแม่ฮ่องสอน ช่วยในการให้ข้อเสนอแนะ และเต็มเติมกระบวนการการวิจัย...งานศึกษา

     

              หนึ่งปีต่อมา....

    จากวันนั้นถึงวันนี้ ปัญหายาเสพติดหมดสิ้นไป ความสงบบนดอยกลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมกับ ปัญญา ที่ก่อเกิดจากกระบวนการศึกษาวิจัย ชุมชนบนพื้นที่สูงได้เรียนรู้กระบวนการวิจัย ได้ใช้กระบวนการดังกล่าวแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในชุมชน...

    สร้างสรรค์ปัญญาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น

     

    P
    หนุ่มไฟแรง
    ปลูกคน ควรจะ ใส่ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยอินทรีย์ ดีกว่ากันครับ

    สิ่งที่ผมอยากเห็นคือ มีใครกล้ายกรั้วของสถาบันการศึกษาออกบ้างครับ แบบไม่มีรั้วกั้นนะครับ นั่นคือ  สถาบันการศึกษา ชุมชน แหล่งส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม และครอบครัว

    คุณคิดกันอย่างไรบ้างครับ

    หันมาดูกันตั้งแต่ที่บ้านเลยครับ ว่าปลูกเด็กแต่ละคน ใส่ปุ๋ยอะไรกันแน่ ระหว่างปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์เห็นอย่างนี้แล้วคุณคิดว่าอย่างไรครับ

    P
    P

    สวัสดีครับพี่หนิง

    • ไม่ใส่ปุ๋ยเลยหรือครับพี่ แล้วกินอะไรครับ
    • กินข้าว กินผัก กินแกง ก็คือการใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือเปล่าครับ
    • ให้น้ำเกลือ หายใจเอาอากาศเข้าไป ก็คือใส่ปุ๋ยเคมี หรือเปล่าครับ
    • ท้ายที่สุดแล้ว เข้าสู่เส้นเลือด เป็นสารอาหารในเส้นเลือดเหมือนๆ กันครับ มีสารอาหารเหมือนกัน
    • หากต้นไม้ ใส่ปุ๋ยคอก ก็คือการให้ปุ๋ยอินทรีย์ พืชต้องใช้จุลินทรีย์ช่วยย่อย กว่าจะได้ ไนเตรด ที่พืชดูดซึมได้ใช่ไหมครับ
    • http://gotoknow.org/blog/mrschuai/102160

    sasinanda
    vichitranand property co;ltd

    P

    http://gotoknow.org/blog/goodliving/102625

    ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 40 น่ะ ล้าสมัยแล้ว ไม่มีใครรู้ลิขิตแห่งฟ้า วันนี้ยังไม่สายที่เราจะวางแผนการออม ต้องเริ่มออมตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน มิฉะนั้นจะสายเกินไป และทางเลือกในการออมจำกัดเข้าทุกที
    เรื่องนี้ สำหรับบางคน อาจดูไกลตัว แต่ดิฉันว่า อย่าประมาท ดีที่สุด บางคนอาจถูกเกษียณก่อนกำหนดโดยไม่ทันตั้งตัวก็ได้ เพราะมันจะส่งผลลบอย่างรุนแรงมาก กับปัญหาการเงินและการนับถือตัวเองของเรา ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้นค่ะ

           เราควรวางแผนชีวิตไว้ตั้งแต่อายุเท่าใด   จึงจะอยู่อย่างสบายพอสมควรเมื่อ     

     http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/102584

    Pเบิร์ด
    -จิตเวช  รอบรู้กล้าแกร่ง

    คนไทยน่ารักหลายเรื่อง     แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ไม่ถูกต้อง    ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ..... วินัย ....ที่มาร่วมกับการควบคุมตนเองและความรับผิดชอบ

    • เรารู้ว่าการไม่ตรงต่อเวลา ผิด.............แต่ก็ทำ
    • เรารู้ว่าจอดรถในที่ห้ามจอด ผิด..........แต่ก็ทำ
    • เรารู้ว่าขับรถผิดกฎจราจร ผิด .............แต่ก็ทำ
    • เรารู้ว่าโกงข้อสอบ ผิด.........................แต่ก็ทำ
    • เรารู้ว่าเมาแล้วขับ ผิด..........................แต่ก็ทำ
    • เรารู้ว่าซื้อสิทธิ ขายเสียง  ผิด..............แต่ก็ทำ
    • เรารู้ว่าความฟุ่มเฟือย ผิด.....................แต่ก็ทำ
    • เรารู้ว่าข้ามถนนในที่ๆไม่ใช่ทางข้าม ผิด.............แต่ก็ทำ
    • เรารู้ว่าความไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ผิด.................แต่ก็ทำ
    • เรารู้ว่าทะเลาะวิวาท  ขโมย  ปล้น  ฆ่า  ผิด.............แต่ก็ทำ
    • เรารู้ว่าโกง  ยักยอก  ฉ้อราษฎร์บังหลวง ผิด............แต่ก็ทำ !

      เรามีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย  มีน้ำใจให้แก่กัน  ยิ้มง่ายด้วยความจริงใจและไมตรีจิต  มีความเมตตากรุณาต่อกัน  มีความศรัทธาต่อสถาบันหลักได้แก่ บ้าน  ศาสนา  โรงเรียน และพระมหากษัตริย์....สิ่งดีๆเหล่านี้คนไทยมีครบหมด...จะขาดก็เพียง วินัย   ...ซึ่งเป็นปัญหาสังคมที่กัดกร่อนประสิทธิภาพในการทำงานและดำเนินชีวิตของเรามานานปี...... 

      ถ้าดูอย่างนี้  การสร้างวินัยในสังคมไทย......ยังมีความหวังไหมคะ ?

     http://gotoknow.org/blog/beyondkm/102621

    PbeyondKM
    สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม

    ปัจจัยที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหมู่ครูอาจารย์
             ต่อเนื่องจากคำถามใน บันทึกก่อนหน้านี้ ที่ว่า "มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหมู่ครูอาจารย์" ผมได้ลองเปิดประเด็นนี้ที่โรงเรียนสตรีประเสริฐศิลป์ จังหวัดตราด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พบว่ามีข้อเสนอดีๆ หลายอย่าง ลองประมวลได้เป็นประเด็นหลักๆ ดังนี้:
    • ผู้บริหารให้ความสำคัญกับกิจกรรมนี้ เข้ามามีส่วนร่วม ส่งเสริมสนับสนุน ชมเชย ให้รางวัลผู้เข้าร่วม
    • พัฒนาคุณอำนวยให้มาช่วยหมุนกระบวนการ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นทางการ ให้สนุกสนานแต่ได้สาระ
    • เน้นให้ครูเห็นประโยชน์จากการเป็น แก้วที่น้ำยังไม่เต็มและผลที่ได้จากการที่ทุกคน เปิดใจ
    • มีเป้าหมายร่วมกัน เห็นชัดเจนว่าแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปเพื่ออะไร นำสิ่งที่ได้ไปใช้ปฏิบัติ ติดตาม และขยายผลให้เห็นเป็นรูปธรรม

     

    • เพียงมีความสุขกับทุกๆ วัน เอาไว้ได้คิดถึงและสะสมเป็นทุนสำหรับวันพรุ่งนี้
  • http://gotoknow.org/blog/brightlily/102632

  • PBright Lily
    Lily Property & Pools
    •  สัตว์เลี้ยงก็มีหัวใจนะคะ
    • อย่ารักเค้าเฉพาะตอนเมื่อเค้ามีรูปโฉมน่ารักใคร่
    •   อย่าทอดทิ้งเค้าเมื่อเค้าเจ็บป่วยและว้าเหว่ค่ะ

     

     

     http://gotoknow.org/blog/princessnoonny/102630

    P
    PrincessNOONNY
    Mahidol University

    การตัดสินใจ

    อยากบอกว่า ฉันเจ็บทุกครั้งที่เห็นหน้าคนที่ฉันรัก แต่ไม่มีแม้แต่คำพูดเดียวที่จะบอกว่าเราใส่ใจพวกเขามากเพียงใด มีหลายๆคืนที่นอนร้องไห้ และยิ้มต่อสู้วันใหม่ ...............อาการแบบนี้ฉันเป็นอยู่จนเป็นนิสัย หรือวัฏจักรก็เรียกได้

         หนูสัญญาว่าหนูจะภาคภูมิใจในสิ่งที่หนูเป็นและหนูทำได้ หนูจะหาเวลาและจะกลับไปดูแลนะคะ..คุณพ่อ คุณแม่

    น้องนุ่น รักคุณพ่อคุณแม่ มากที่สุดค่ะ

     http://gotoknow.org/blog/bmchaiwut/102628

    PBM.chaiwut

    ปรัชญามงคลสูตร ๒๖ : การตระเตรียมเข้าสู่ปัจฉิมวัย (ต่อ)

    อนึ่ง การมีความเคารพ ก็คือการยกย่องบางสิ่งบางอย่างให้สูงขึ้นไป... ส่วนนัยตรงข้ามก็คือการกำหนดตนเองให้ต่ำลงมา นั่นคือ การถ่อมตน นั่นเอง  

     http://gotoknow.org/blog/yutkpp/102626

    Pสิงห์ป่าสัก
    สำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร

    ชุมชนนักส่งเสริมการเกษตร

    สำหรับผมก็จะเป็นอีกแรงหนึ่งที่จะคอยให้กำลังใจและสนับสนุนผ่านทางบล็อกนี้เท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อสร้างชุมชนเสมือนแห่งนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรให้ก้าวหน้า เกิดประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติอย่างเต็มความสามารถ เท่าที่พลังจะมีอยู่นะครับ

    P
    สิทธิรักษ์
    เมื่อ จ. 04 มิ.ย. 2550 @ 14:08 [282175]

    น่าสนใจมากครับ

    การพัฒนาการศึกษาน่าจะเป็นประเด็นหลักในการพัฒนา  ทำให้ก่อเกิดความสมดุลย์ในภาคต่างๆ

    ผมยังมีความรู้สึกว่า ทำไมความสนใจในการศึกษาได้รับความสนใจจากผู้มีอำนาจน้อยมาก

    พวกเราลองไปพิจรณาดูครับ ทุกยุคทุกสมัย การพัฒนาการศึกษาจะไปอยู่อันดับท้ายๆ 

    ขอบคุณครับ

    ความเห็นจากเล่าฮู แห่งเชียงแสน http://gotoknow.org/blog/mrschuai/100642

    http://gotoknow.org/blog/mrschuai/100642

    P
    เบิร์ด
    เมื่อ ส. 09 มิ.ย. 2550 @ 15:53 [287314]

    สวัสดีค่ะเล่าฮู

  • มีสภาองค์กรชุมชน แล้ววางแผนพัฒนาภายในชุมชน
  • มีหน้าที่ประชุมสภาฯของภายในชุมชน
  • เพื่อที่จะรวบรวมปัญหา และทิศทางการพัฒนาเป็นแนวทางให้ส่วนบริหารในชุมชนนำไปปฏิบัติให้เป็นจริง
  • โดยที่สภาชุมชนไม่มีอำนาจสั่งการ

    แล้วใครมีอำนาจสั่งการล่ะคะ ?..เท่าเห็นก็ดูจะ " สั่งการ " ไม่เป็นกันทั้งนั้น  เอ ! หรือเป็นแต่ไม่สามารถสั่งการที่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติได้

    เอาอีกค่ะเล่าฮู

  • P
    P
    P

    สวัสดีครับคุณเบิร์ดและคุณพี่เหลี่ยง

    • ว่าไปแล้วเรื่องสั่ง อำนาจสั่ง และการทำเนี่ย...น่าสนใจครับ ว่าปัญหาเกิดจากอะไร
    • ผมชอบการสั่งด้วยการกระทำมากกว่าครับ คือ ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง คนศรัทธา ลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานศรัทธา ก็มาช่วยกันทำ คือแต่ละคนรู้หน้าที่ตัวเองอยู่แล้วครับ
    • ชี้นิ้วตัวเองใครก็ชี้ได้ ง่ายนิดเดียวใช่ไหมครับ แต่ใครกล้าจะชี้นิ้วให้ตัวเองทำบ้าง
    • งานในระดับชุมชน ต้องชี้นิ้วให้ตัวเองทำผมว่างานถึงจะเกิด จริงๆ ก็ระดับอื่นด้วยครับ
    • ตอนช่วงที่ที่บ้านผมมีปัญหาความเดือดร้อนเรื่องฝุ่นจากโรงโม่หิน มีเจ้าหน้าที่ในระดับอำเภอเข้าไปเยี่ยมตรวจสภาพความเดือดร้อน แม่ผมพาท่านๆ เหล่านั้นไปเดินในสวนยาง กางเกงสกปรกหมดเลย อิๆ ต้องเชิญท่านๆ มาจับฝาหม้อข้าว ว่ามีฝุ่นเกาะอยู่เท่าไหร่ แล้วที่เราหายใจเข้าไปหล่ะมันเท่าไหร่
    • ถามว่าใครจะมาเป็นกระบอกเสียงให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อน หากเราไม่เดินเรื่องเอง....
    • เราจะสร้างชุมชนอย่างไรให้คนที่จริงใจอยากจะช่วยเหลือคนในชุมชนออกมาทำงานเพื่อชุมชนอย่างแท้จริง แล้วได้พลังจากชาวบ้านเป็นแนวร่วมในทางที่ดี เพื่อสร้างชุมชนเข้มแข็ง
    • เราไม่ได้เลือกนักการเมืองเพื่อเอาไว้กราบไหว้นะครับ แต่เราเลือกเค้าไปทำงานแทนเรา เป็นปากเป็นเสียงเรา ไม่ใช่จะมีโอกาสพูดกับตัวแทนของเรา เราต้องประท้วงล่ารายชื่อ แบบนี้ก็ไม่ไหวครับ
    • จริงๆ แล้วควรจะให้สิทธิ์คนในชุมชน มีสิทธิ์ปลดตัวแทนของตัวเองได้ด้วย แต่คนที่เสนอตัวเองเข้าไปช่วยไม่มีสิทธิ์ปลดตัวเอง...เพราะคุณต้องคิดดีแล้วว่าคุณต้องเข้าไปรับใช้สังคม ไม่ใช่ไม่พอใจอะไรจะอ้างลาออก รับผิดชอบ การรับผิดชอบ ไม่ใช่ต้องลาออก แต่คุณต้องทำให้เต็มที่.... หากจะลาออกก็ได้แต่ต้องจำคุกหรือได้รับโทษ หรือต้องจ่ายภาษีคืนกลับให้กับประชาชนที่คุณไม่ได้ทำงานให้กับเค้าแทน... แบบนี้ มีใครกล้าจะลาออกไหมครับ อิๆๆ
    • ว่าแต่ว่า ผมมาปล่อยฟิวส์ เองแล้ว ฮ๋าๆๆๆ
    • ขอชาเย็นๆ ซักจอก ครับ
    • P
      เบิร์ด
      เมื่อ ส. 09 มิ.ย. 2550 @ 17:04 [287388]

      สวัสดีค่ะคุณเม้งและเล่าฮู

      เสริฟน้ำเย็นๆให้ก่อนค่ะ...เอาน้ำชากุหลาบเย็นๆกับชิฟฟอนเค้กส้มนะคะ

      เรามาดูกัน...เบิร์ดมองว่าแผน ฯ คือแนวทางการปฏิบัติ ไม่ใช่ " ผล " ของการปฏิบัติ..โดยเฉพาะแผนฯที่เป็นภาพรวมของประเทศจะเป็นแผนกว้างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติเท่านั้น...ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีแผนย่อยๆรองรับลงไปเพื่อเข้าสู่การขับเคลื่อนที่แท้จริง มีหน่วยงานไหนบ้างที่ทำวิสัยทัศน์ และมีแผน ฯ รองรับอย่างชัดเจน ?...ขนาด ก.ศึกษา ฯ วิสัยทัศน์กระทรวงคืออะไรคะ ? และมีแผน ฯ ในการปฏิบัติแค่ไหน ? รวมทั้งสำนักเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆทั่วประเทศมีแผนปฏิบัติอย่างไร ?...ลงไปถึง รร.ในพื้นที่เลย...

      ซึ่งหน่วยงานหรือคนที่จะทำแผนย่อยๆเหล่านี้ต้องลงรายละเอียดเพื่อที่จะสามารถวัดผลได้ ยิ่งองค์กรเล็กเท่าไหร่แผนปฏิบัติต้องชัดและสามารถปฏิบัติได้...มีใครทำแผนแม่บทชุมชนบ้าง ?...มีแต่แผนสำเร็จรูปที่ได้จากอำเภอ ก็อปไฟล์กันมาแล้วสิ่งไหนคือความต้องการของประชาชน ?

      ที่เล่าฮูบอกว่า " สภาองค์กรชุมชน " ..เบิร์ดขอคำอธิบายค่ะว่ามีสิ่งใดแตกต่างจากประชาคมหมู่บ้าน ? และถ้าไม่มีอำนาจใดๆตั้งขึ้นมาทำไม ? ถ้าเพื่อรวบรวมความเห็นแล้วส่งต่อใช้ไปรษณีย์ก็ได้มั้งคะ ไม่เห็นต้องมีสภาเลย...อรรถาธิบายหน่อยค่ะเล่าฮู ^ ^

    • P
      สิทธิรักษ์
      เมื่อ ส. 09 มิ.ย. 2550 @ 18:38 [287480]

      สวัสดีดี๋ดี

      ท่านผู้รู้ ท่านผู้แก่กล้า ท่านผู้มีวิสัยทัศน์ ท่านผู้มีความรัก ท่านผู้มีจิตศรัทธา และท่าน........................จิตวิทยา

      บางครั้งคนเรามองปัญหา การแก้ปัญหา จะใช้มาตรฐานเดียวกันไม่ได้ แม้แต่การดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องคล้ายๆกันก็ยังไม่ได้

      ปัญหาชุมชน การแก้ปัญหาชุมชน การยกระดับการรับรู้ของชุมชน วันเวลาผ่านไป ปัญหาก็เปลี่ยนไป

      จำได้ไหมว่า ที่คุณพูดถึงประชาคมหมู่บ้าน ลองย้อนหลังถึง เมื่อตะก่อน ไม่มี อบต. อบจ. ปัญหาชุมชนเป็นอย่างไร

      วันเวลาเปลี่ยนไป การเคลื่อนไหวทางสังคมเปลี่ยนไป การค่อยเป็นค่อยไป ในชุมชนได้แปรเปลี่ยนสู่การเมืองที่ซับซ้อนขึ้น  การได้มาของ อบต. อบจ. กับอำนาจการปกครอง การใช้งบประมาณ การรักษาผลประโยชน์ถูกโยกย้ายถ่ายเท  จากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่ง การมองปัญหาก็ได้เปลี่ยนแปลงไป  การใช้ผลประโยชน์ในชุมชน จากเป็นลักษณะของประชาคมได้แปรเปลี่ยนสู่อำนาจของการปกครอง

      การพัฒนาต่างๆของสังคมเมืองกับสังคมชนบท ได้เชื่อมโยงกัน  การพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจชุมชนกำลังไปสู่เศรษฐกิจทุน

      อำนาจชี้เป็นชี้ตายกำลังเข้าสู่ระบบ

      สภาชุมชน ทำไมน่าจะช่วยได้

      บางครั้งเหมือนกับว่าไม่มีอำนาจ ก็ไม่น่าเป็นไปได้ในการนี้

      การไปสู่อำนาจของ อบต.อบจ. เป็นยังไง

      การเข้าร่วม สภาชุมชน เป็นอย่างไร

      เส้นทางเดิน จุดมุ่งหมายต่างกัน  เป้าหมายต่างกัน

      ปราชญ์ชาวบ้านพอใจในสภาชุมชน

      ปราชญ์ชาวบ้านไม่ต้องการแหล่งอำนาจ เส้นทางอำนาจ ไม่ต้องการการเลือกตั้งสู่กองผลประโยชน์

      การวางนโยบายความต้องการในชุมชน เป็นสภาพัฒน์น้อยๆ  พร้อมกับ วางแนวการพัฒนาชุมชนอย่างมีแบบแผน ความต้องการ 1 , 2, 3, 4   ไม่มีอำนาจสั่งการแต่มีอำนาจตรวจสอบ

      ไม่ต้องการสร้างแต่ถนน  สร้างที่ทำการหรูๆ ติดแอร์เยอะๆ แต่ต้องการสร้างโรงเรียน ต้องการสร้างห้องสมุด

      ผลที่ตามมา การเลือกตั้งครั้งต่อๆไปมีผลแน่นนอน

      การมีสภาชุมชนอย่างมีกฏหมายรองรับ ถึงแม้จะไม่ได้ผลเด่นชัดแต่มีผลต่อการพัฒนาการรับรู้ ปัญญาให้แก่ชุมชน  ติดอาวุธทางปัญญา 

      กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆทาง การเมืองก่อป้ญหามากมาย  แต่การพัฒนาการทางการเมืองภาคประชาชน และชุมชนจะต้องพัฒนาไป  ไม่ใช่อันไหนดีหรือไม่ดีกว่ากัน แต่พัฒนาการการรับรู้และกระบวนการแก้ปัญหาจะต้องตามให้ทัน

      ขอบคุ๊ณ ขอบคุณ  ข้าผู้น้อยมิบังอาจ

      ดื่มน้ำชาสักจอกเป็นไง ..............น้อรก.................

    • P
      เบิร์ด
      เมื่อ ส. 09 มิ.ย. 2550 @ 19:08 [287501]

       

      P

      สวัสดีค่ะเล่าฮูแพนด้า

      เอาน้ำชามาคารวะ แถมกอดอีกที..เพราะจะถามต่อค่ะ

      เบิร์ดชอบคำว่า " อำนาจตรวจสอบของสภาประชาชน "..

      ตามร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังเสนอกันอยู่ในขณะนี้  สภาประชาชนมีเงินเดือนให้มั้ยคะ  ถ้ามีเงินเดือนมาจากไหน ? และจำนวนสมาชิกเท่าไหร่ ? เลือกอย่างไร ? แล้วชนกลุ่มน้อยล่ะคะจะมีสภานี้ได้มั้ย ?

      ขยายความอีกค่ะเล่าฮู..

    • P
      mr. สุมิตรชัย คำเขาแดง
      เมื่อ อ. 12 มิ.ย. 2550 @ 01:56 [289758]

      ไม่ได้เข้ามาบันทึกนี้นานแล้ว แหมออกรส ๆ

               ผมเห็นด้วยกับ สภาองค์กรชุมชน หรือถ้า อ.ประเวศเสนอว่าให้เป็น สภาผู้นำชุมชน ก็คงชัดเจนขึ้นไปอีก  เพราะไม่ต้องตีความว่าองค์กร คำว่าผู้นำชัดเจนกว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำทางการแต่งตั้ง เลือกตั้ง แต่ผู้นำทางธรรมชาติ หรือผู้ที่ประชาชนทัวไปให้ความเคารพเช่น ไวยาวัจกรในวัดก็น่าจะใช่

               การเมืองภาคประชาชนอย่างไรเสียก็ต้องเกิด เพื่อ

                1. สร้างระบบอำนาจที่สมดุลให้ได้ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ  เห็นมั้ยครับมันสามเศร้า  มันเศร้าครับ  ระบบการปกครองประชาธิปไตยพวกนักเลือกตั้งอ้างว่าเป็นอำนาจตัวแทนคือการเลือกตั้ง แต่ปัญหาคือการผูกขาดตามมา ยิ่งในสังคมที่ระบบตรวจสอบอ่อนแอด้วยแล้ว ก็เป็นใบ้ เป็นง่อยกันไปหมด  คราวนี้เราจะไปหาช่องทางไหนที่จะดูแลผลประโยชน์เรา ประเทศเรานอกจาก สส.ไม่กี่คนนั่น

                 มีสภาที่มาจากภาคประชาชน แม้ไม่ใช่อำนาจในระบบโดยตรง  หรอกครับเพราะโดนตัดข้อความที่เป็นอำนาจของสภานี้ออกหมดแล้ว  แต่อำนาจความคิดเห็น กับอำนาจความถูกต้อง ( เชื่อว่าในสภาที่ไร้ผลประโยชน์คงมีคนเสียสละซะส่วนใหญ่ ) ของประชาชน ก็จะช่วยให้สังคมมีทางออกได้ครับ

                 2. สร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองแบบก้าวกระโดดและเป็นรูปธรรม  ตรงนี้ผมว่าก็ดีกว่าการไปสังกัดพรรคการเมืองได้บัตรมา แล้วก็ได้ค่าจ้างเวลาต้องการมวลชนจัดตั้ง

                 3. สร้างเครือข่ายความรู้ทางการเมืองการปกครองและความรู้เรื่องอื่นๆ ด้วย รวมทั้งการศึกษา วัฒนธรรม  เพราะว่าเนื้อหาเรื่องราวในสภานี้ถกกันได้ครอบคลุมทั้งหมดครับ  แม้ว่าข้อสรุปจะไปบังคับสั่งการอะไรได้ แต่ความต้องการที่แท้จริงของประชาชนจะถ่ายทอดออกมาได้

                  ปัจจุบันแม้มีประชาคมหมู่บ้านแต่ก็ถูกเคลื่อนโดยระบบราชการสุดท้ายกลายเป็นเครื่องมือซักฟอกผู้บริหารให้ตัวเองสะอาด เป็นข้ออ้างความชอบธรรมโดยมีลายเซนต์กับบันทึกการประชุม  ประชาชนในประชาคมไม่กล้าพูดเสียงดังมากเต็มที่นักครับเพราะไม่มีเอกสิทธิคุ้มครองใด ๆ

                  4. เป็นการจัดการเครือข่ายภาคประชาชนต่าง ๆ ครับ เพราะทุกวันนี้มั่วมากๆ ครับ นั่นก็องค์กรนี่ก็องค์กร  ถูกกฎหมายบ้างไม่ถูกบ้างนึกตั้งกันเอาเองก็มี

                   ต่อไปองค์กรภาคประชาชนต่าง ๆ จะมีระบบการตรวจสอบกันเองและเปิดเผยมากขึ้น

  • P
    สิทธิรักษ์
    เมื่อ จ. 04 มิ.ย. 2550 @ 14:21 [282189]
    • ผู้มีอำนาจมาแล้วก็ไป
    • ประชาชนเป็นกระโถนรองรับทุกยุคอำนาจ
    • หนุนเก้าอี้ให้
    • ถวายชีวิตให้
    • แต่ฐาน อำนาจความคิด ความรู้ ไม่เคยสนใจให้
    • แม้แต่ฐานความรู้การดำรงค์ชีวิตอย่างสงบสุขยังไม่ให้
    • ถึงเวลาก็จะให้เทคะแนนให้
    • มาเขมือบแล้วก็ไป
    • ไปเตรียมตัวตั้งกลุ่มกันใหญ่ (ที่ปากเหม็นว่าเป็นพรรค)
    • จะมาโกยอีกแล้ว
    • โกยเสร็จก็ผลัดกัน
    • แล้วพวกเราอยู่กันอย่างไร
    • เราต้องอยู่ตลอด
    • เราไปไหนไม่ได้
    • ความรู้ก็ไม่มี
    • ความเข้าใจก็ไม่ชัด
    • อะไร อะไร ก็พัฒนาเศรษฐกิจ
    • เศรษฐกิจของใคร
    • ของใคร ????????????
    • ไหนพูดชัดๆไปเลย

    ฟิวส์ขาดแล้วครับ ท่าน

    ความเห็นจากเล่าฮู แห่งเชียงแสน http://gotoknow.org/blog/mrschuai/100642

     http://gotoknow.org/blog/mrschuai/100642

    P
    mr. สุมิตรชัย คำเขาแดง
    เมื่อ อ. 12 มิ.ย. 2550 @ 01:56 [289758]

      ปัจจุบันแม้มีประชาคมหมู่บ้านแต่ก็ถูกเคลื่อนโดยระบบราชการสุดท้ายกลายเป็นเครื่องมือซักฟอกผู้บริหารให้ตัวเองสะอาด เป็นข้ออ้างความชอบธรรมโดยมีลายเซนต์กับบันทึกการประชุม  ประชาชนในประชาคมไม่กล้าพูดเสียงดังมากเต็มที่นักครับเพราะไม่มีเอกสิทธิคุ้มครองใด ๆ

       ต่อไปองค์กรภาคประชาชนต่าง ๆ จะมีระบบการตรวจสอบกันเองและเปิดเผยมากขึ้น

    ขอแจมด้วยกับข้อเขียนยาวๆครับ

    พรบ.สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นในฐานะhardware เสริมการจัดการความรู้เมืองนคร

         

    งานพัฒนาชุมชน/สังคมกรณีจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยการนำของผู้ว่าราชการจังหวัด   มีเป้าหมายเพื่อสร้างชุมชนอินทรีย์เพื่อนำไปสู่วิสัยทัศน์เมืองแห่งการเรียนรู้ น่าอยู่ และยั่งยืน

    ชุมชนอินทรีย์คือชุมชนที่มีชีวิต มีการเรียนรู้อย่างเป็นปกติอยู่ในวิถีชีวิต คือ รู้เท่า รู้ทัน รู้กัน รู้แก้ และมีวิถีชีวิตพอเพียงตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

    เพื่อที่จะขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ท่านสรุปจากประสบการณ์ได้ 5 ปัจจัย แต่ผมขอย่อเหลือ 4 คือ

    1)มีคณะผู้นำที่มีคุณภาพและมีการสืบทอด

    2)มีกระบวนการจัดทำแผนแม่บทชุมชน

    3)มีสถาบันการเงินเพื่อสวัสดิการชุมชน

    4)มีการจัดการความรู้(เพื่อนำแผนสู่การปฏิบัติและสร้างการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง)

    ในการขับเคลื่อนงานให้บรรลุผล ท่านใช้การจัดการความรู้โดยเน้นการสร้างความเข้าใจ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ทั้งราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น รวมทั้งภาคชุมชน ประชาสังคมและภาคีวิชาการ โดยการประสานความร่วมมือ อาศัยระบบหรือกลไกที่มีอยู่ทั้งหมด ตลอดจนทักษะการเป็นผู้นำโดยทำให้ดูเป็นตัวอย่างและการสร้างความสัมพันธ์แนวระนาบอย่างยากที่จะหาผู้ว่าราชการจังหวัดคนใดทำได้ โดยท่านหวังว่ากระบวนการทางสังคมที่ขับเคลื่อนร่วมกันอย่างขนานใหญ่ด้วยการจัดทำบัญชีครัวเรือน และแผนแม่บทชุมชนระดับหมู่บ้าน ตำบลทั่วทั้งจังหวัดจำนวน 165 ตำบล 1,551 หมู่บ้าน จะมีพลังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงระบบจนเป็นกระแสที่ทำให้บุคคลที่เข้ามาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคนต่อไปต้องร่วมดำเนินการด้วย สรุปคือ ท่านเห็นว่าแม้ขบวนการจะเริ่มจากผู้นำแต่ก็ไม่ควรขึ้นอยู่กับผู้นำหลังจากดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ผมพบว่าอุปสรรคของระบบราชการหรือ   ที่ผมเรียกว่าhardware มีความรุนแรงมากจนทำให้ความตั้งใจดีของผู้นำและข้าราชการจำนวนมากที่เข้าร่วมขบวนการเกิดความท้อแท้ สิ้นหวัง แม้ว่าอุปสรรคในการดำเนินงานมิใช่มาจากปัญหาของระบบทั้งหมด หลายประการมาจากเจตคติและทักษะความรู้ของคนทำงาน               (ซึ่งก็เนื่องมาจากระบบอยู่มากนั่นเอง) ผมเองเข้าร่วมขบวนการในฐานะผู้สนับสนุนกระบวนการเรียนรู้คนหนึ่ง พยายามทำความเข้าใจระบบหรือกลไกที่เป็นอุปสรรคเหล่านี้เพื่อหาทางคลี่คลายด้วยวิธีการต่างๆตามแนวทาง การจัดการความรู้ ดังนี้

    เป็นที่ทราบดีว่า ระบบราชการที่เราเกี่ยวข้องอยู่มีการคลี่คลายตัวมาตามลำดับ             ถ้าวิเคราะห์ตามทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่คือ สภาพสังคมเปลี่ยน กลไกบางกลไกอาจหมดหน้าที่หรือไม่มีความจำเป็นในการดำรงอยู่ต่อไป ถ้าว่าด้วยเรื่องของการช่วงชิงพื้นที่เพื่อการดำรงอยู่      ก็เป็นการต่อสู้ของอำนาจเก่ากับอำนาจใหม่ ทั้งหลายทั้งปวงมาจากแนวคิดเรื่องการแข่งขันที่น่าจะมีรากฐานมาจากทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วินนั่นเอง

    กลไกของระบบราชการคือ ราชการส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น โดยที่ราชการส่วนภูมิภาคถือเป็นแขนขาของราชการส่วนกลางและเป็นกลไกที่ยังยึดลูกที่เป็นราชการส่วนท้องถิ่นไว้กับสายสะดือ มีอุปสรรคสำคัญ3ประการคือ

    1)หน่วยจัดการอยู่ที่ส่วนกลางในระดับกรมที่แยกส่วนกันทำแม้ในกระทรวงเดียวกัน

    2)กระบวนการเลือกตั้งของท้องถิ่นยึดโยงกับการเมืองระดับชาติซึ่งเป็นเรื่องของ

    ผลประโยชน์ต่างตอบแทนส่วนบุคคลและเครือญาติซึ่งทำให้เกิดการแตกแยกในชุมชนค่อนข้างมาก

                3)กระบวนการทางงบประมาณรายปีที่ไม่กระจายอำนาจและไร้ประสิทธิภาพ

    ที่จริงราชการส่วนท้องถิ่นก็มีวิวัฒนาการที่ก้าวหน้ามาตามลำดับ ตั้งแต่หัวหน้าราชการส่วนภูมิภาคเป็นประธานโดยตำแหน่ง มาเป็นการเลือกตั้ง แล้วเลือกนายกภายในสภาท้องถิ่น จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นการเลือกนายกฯท้องถิ่นโดยตรง ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องหน่วยจัดการให้ย้ายมาอยู่ในท้องถิ่นอย่างชัดเจนขึ้นมาก แต่ก็ยังติดอยู่กับอุปสรรคในข้อที่2และ3 ที่ทำให้งบประมาณของรัฐเป็นเพียงเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ทางแก้ด้วยการผ่าตัดไม่สามารถทำได้แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่มีอำนาจล้นฟ้าอย่างรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ผ่านมา (ซึ่งผมเห็นว่ามีความตั้งใจในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก) การรวบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดซีอีโอเป็นผู้แก้ปัญหาความซ้ำซ้อนและมีอำนาจบัญชาการอย่างเป็นเอกภาพและเบ็ดเสร็จก็ทำได้อย่างจำกัดด้วยระเบียบที่ผูกมัดไว้          

    อีกช่องทางหนึ่งที่รัฐบาลใช้คือ การจัดตั้งองค์การมหาชน เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ(สทบ.) เป็นต้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐ ซึ่งแม้ว่าจะทำให้การทำงานคล่องตัวขึ้นและเป็นผลในการกระตุ้นระบบราชการที่มีอยู่เดิมให้เกิดการเปรียบเทียบ แต่ระบบทั้งหมด       ที่กล่าวถึงก็ไม่สามารถคลี่คลายอุปสรรคในการดำเนินงานจัดการความรู้เพื่อสร้างชุมชนอินทรีย์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากอุปสรรค เป้าหมายและกระบวนการที่พวกเราใช้ในการขับเคลื่อนชุมชนอินทรีย์ในจังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว ผมเห็นว่าพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นถือเป็นhardware ตัวใหม่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะเข้ามาเสริมhardwareตัวอื่นๆเพื่อช่วยคลี่คลายอุปสรรคสำคัญ3ข้อข้างต้นเพื่อขับเคลื่อนงานไปสู่เป้าหมายได้เป็นอย่างดีสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นคือองค์คณะของผู้นำกลุ่มองค์กรในชุมชนท้องถิ่นที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นเวทีในการเรียนรู้ พัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตนเอง มีบทบาทหลักในการจัดทำแผนแม่บทชุมชนเพื่อกำหนดทิศทาง เป้าหมายและการเรียนรู้เพื่อนำไปสู่ความอยู่เย็นเป็นสุขของคนในชุมชนโดยเน้นการพึ่งตนเองและพึ่งพากันเป็นหลัก ถ้าจะมีงบประมาณก็เพื่อการจัดทำแผนพัฒนาชุมชนตามภารกิจหลักที่กำหนดไว้ เมื่อได้แผนมาแล้วองค์กรก็เอาไปใช้ประโยชน์โดยดำเนินการกันเองหรือร่วมกันทำแบบเครือข่าย โดยมีการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเรียนรู้ระดับจังหวัดและระดับชาติ      โดยเนื้อหาหลักก็มีเพียงเท่านี้ ส่วนอื่นๆที่จะเป็นผลพลอยได้คือส่วนเสริม เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจเห็นว่าแผนงานหรือกิจกรรมใดมีประโยชน์ก็อาจจะให้การสนับสนุนหรือเข้ามาร่วมดำเนินการตั้งแต่ต้นเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งก็เป็นการร่วมงานแบบสมัครใจและได้ประโยชน์ร่วมกัน ในส่วนของกำนันผู้ใหญ่บ้านก็อาจจะเป็นหนึ่งในกรรมการสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นที่ไม่ได้ยึดโยงกับกระทรวงมหาดไทยและการเมืองเรื่องเลือกตั้งทั้งสภาท้องถิ่นระดับตำบล จังหวัดและระดับชาติ เพราะเป็นเรื่องของชุมชนท้องถิ่นที่มาจากผู้นำองค์กรชุมชนและสมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิที่องค์กรชุมชนท้องถิ่นสรรหาโดยตรง ถ้าจะนับว่าเป็นการเมืองก็น่าจะเป็นการเมืองตามแนวทางสมานฉันท์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้นำที่ไม่ชอบการเมืองเรื่องเลือกตั้งได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตนอย่างต่อเนื่อง ผลดีที่อาจจะเกิดขึ้นคือ สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นอาจเป็นเวทีฝึกฝนและควบคุมการเป็นผู้นำในสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการขึ้นเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านให้เข้าไปทำหน้าที่เพื่อท้องถิ่นของตนเองด้วยคุณธรรมและความสามารถโดยไม่เกิดความแตกแยก ดังกรณีตัวอย่างที่ตำบลควนรู อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เป็นต้น

    ตามแนวทางการจัดการความรู้ การย้ายงานพัฒนาให้องค์กรชุมชนท้องถิ่นเป็นเจ้าภาพดำเนินการคือการระบุบุคคลสำคัญที่จะมีบทบาทในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นได้ตรงเป้าหมายที่สุด ซึ่งศัพท์เทคนิคด้านการจัดการความรู้เรียกว่า คุณกิจ(กรรม) บทบาทของส่วนราชการในฐานะผู้สนับสนุนการเรียนรู้หรือ คุณอำนวย ซึ่งโครงการKMเมืองนครโดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัด      ได้ลงทุนลงแรงและสติปัญญาสร้างความเข้าใจมากว่า3ปีก็จะเป็นจริงขึ้นโดยง่าย โดยที่การขยายผลให้เกิดขึ้นในจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศก็จะทำได้โดยไม่ยากเย็นนัก จากการสรรหาตัวช่วยในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของชุมชนตามที่กำหนดไว้ในพรบ. โดยใช้กระบวนการจัดทำแผนแม่บทชุมชนเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้จักตนเอง รู้จักชุมชนท้องถิ่นของตน และรู้จักโลกภายนอกที่กว้างไกลออกไปจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ชุมชนท้องถิ่นเกิดการเรียนรู้ในการพัฒนาตนเองเพื่อก้าวไปสู่ชุมชนอินทรีย์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

    การตราพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นจึงถือเป็นยุทธศาสตร์รุกแบบตั้งรับของรัฐบาล โดยการรุกให้องค์กรชุมชนท้องถิ่นเป็นเจ้าภาพ(คุณกิจ) ถัดมาคือการสนับสนุนกำลังคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับชุมชนท้องถิ่นทั้งหมดให้พร้อมรับเพื่อเป็นตัวช่วยในฐานะผู้สนับสนุนการเรียนรู้(คุณอำนวย)ที่มีความสามารถทั้งทักษะและความรู้อย่างพอเพียง

    ผมเห็นด้วยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมาก แต่เชื่อว่า เมื่อคณะรัฐมนตรีเข้าใจเจตนาและร่วมกันแก้ไขอย่างดีแล้ว    ก็คงจะให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญฉบับนี้ ซึ่งจะพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปอย่างมากทีเดียว

     
    P

    สวัสดีครับคุณภีม

    • กราบขอบพระคุณมากครับ ที่เอาเรื่องนี้เข้ามาร่วมกันนะครับ
    • เชิญตรงนี้ด้วยนะครับ http://gotoknow.org/blog/mrschuai/100642
    • อยากจะลองให้ถกกันให้พรุนกันในเรื่องนี้ ก็ดีนะครับ ว่าด้วยเรื่องสภาชุมชน ครับ
    • กราบขอบพระคุณมากครับ

     http://gotoknow.org/blog/handyman/101905

    Phandyman
    * There is no man on the road from whom you can’t learn something of value.
    * ทุกชีวิต ล้วนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

    ไม้เขี่ยหมาเน่า

    เคยเป็นบ้างมั้ย เวลามีใครมาทำให้เราโกรธ จนเรื่องต่างๆ เหตุต่างๆที่ทำให้เราโกรธมันดับไปหมดแล้ว แต่เราก็ยังเก็บมาคิดมาแค้นอยู่นั่นแหละ ไม่รู้เสียดายอะไร ทั้งๆที่รู้ว่าทำให้เป็นทุกข์ แต่ก็เก็บความคิดแค้นมาเผาใจอยู่เรื่อยๆ  หรือไม่ต้องเรื่องโกรธก็ได้... เรื่องอะไรๆที่มันผ่านไปแล้ว แต่หลายครั้งเราก็ยังเก็บโน่นเก็บนี่มาคิด มากังวล มาเสียใจอะไรก็แล้วแต่  ฉันคนหนึ่งล่ะที่เคยเป็น แล้วฉันก็คิดว่าทุกคนก็คงเคยเป็น 
         คราวหลังถ้าเป็นอีกลองบอกตัวเองสิว่า...
     แน่ะ... หยิบไม้เขี่ยหมาเน่ามาดมอีกแล้วนะเรา
    คนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม้เหม็นแต่ก็ยังเก็บมาดมอยู่ได้เนี่ย...ไม่โง่ก็โรคจิตนะ

         ดูซิว่ายังจะอยากเก็บไม้เหม็นๆไว้ดมอีกมั้ย :)

    เบิ่งราตรีที่ "หลวงพระบาง" ม่วนซื่นแท้น้อ

     แต่จุดหมายในราตรีนี้ของผม ไม่ใช่ที่ตลาดแห่งนี้ครับ

    แม่นแล้วครับท่านเดาในใจถูกแล้ว

    หนุ่มลาวสองคนที่คุ้นเคยกับคณะพวกเราดี มากระซิบว่าไป เบิ่งสาวลาวใน "ดิสโก้" กันดีกว่า

    พอได้ยิน "ดิสโก้" ก็หูผึ่งเลยครับ อยากรู้จังเลยน้อ...ไอ่ดิสโก้ๆ มันเป็นยังไง

    อืม...แสงสี ใช้ได้เลยทีเดียว เห็นผู้สาวลาวนุ่งซิ่น เสื้อแขนกุดเดินขวักไขว่ มีคำถามในใจว่านุ่งซิ่นแบบนี้เข้าดิสโก้เหรอ??? ใช่ครับเธอนุ่งซิ่นแบบนี้หละครับ เข้าไปรำวง และเต้น

     

    ที่หมายของเราคืนนี้ "ราตรีเมืองลาว"

    สองหนุ่มลาวที่เป็นไกด์เราคืนนี้ บอกว่า ออกไปรำวงเถอะ...ครั้งแรกผมปฏิเสธครับ เพราะรำวงบ่เป็น (หรือ เบียร์ลาวยังไม่เต็มดีกรีก็ไม่ทราบได้)

    จนท้ายสุดปฏิเสธไม่ได้ครับ  จำเป็นต้องออกไปขยับแข้งขยับขา ไม่ยอมกลับที่นั่งเสียแล้ว จนรำวงเลิก ตอน ๕ ทุ่ม ปิดท้ายด้วยเพลง "ลาก่อน"

    เราค่อยๆเดินกลับออกมา ...อย่างสงบเสงี่ยมคล้ายขาเข้ามา เพราะเป็นการรักษาภาพลักษณ์แล้วถามหาร้านข้าวต้ม (อ้าว....ไม่ไช่ครับ)กลับเฮือนพัก (โรงแรม)ครับผม

     

     http://gotoknow.org/blog/66489/102760

    Pนายศักดิ์ณรงค์
    ท้องถิ่นอำเภอปางมะผ้า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
    เคยผ่านงานในบริษัทเอกชนยักย์ใหญ่ของประเทศในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบริหารงานองค์กร และปัจจุบันรับราชการสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยโดยมีภารกิจหลักที่สำคัญการส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเข็มแข็งสามารถตอบสนองและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่
    อำนาจหน้าที่หลักของสภาองค์กรชุมชน ตามร่างฉบับแรก และฉบับปรับปรุงใหม่
    ปมประเด็นสำคัญที่เกิดความขัดแย้งระหว่างสององค์กร

    ร่างฉบับแรก

    ประเด็นสำคัญ คือ สภาองค์กรชุมชนมีอำนาจในการจัดทำแผนให้คำปรึกษา แนะนำ ยกเลิกแผนงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและจังหวัด ที่ส่งผลกระทบต่อความเสียหายต่อชุมชนท้องถิ่นระดับตำบลและจังหวัด มีการจัดตั้งส่วนราชการขึ้นมาดูแล

    มาตรา 18 ให้สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นตำบล มีอำนาจหน้าที่ดังนี้

    1. จัดทำแผนแม่บทชุมชนในเขตพื้นที่ของตำบล เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำไปจัดทำแผนปฏิบัติการ
    2. ให้คำปรึกษา แนะนำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจำทำแผนปฏิบัติการ และข้อบัญญัติ หรือเทศบัญญัติ
    3. จัดประชุมสมัชชาชุมชนท้องถิ่นตำบล เพื่อพิจารณายับยั้ง ยกเลิก แผนงาน โครงการ กิจกรรม หรือการกระทำ ใดๆ ทีส่งผลเสียหาย หรือพิจารณาเรื่องอื่นใดที่สภาเห็นสมควร เพื่อประโยชน์ของชุมชนท้องถิ่นตำบล และประเทศชาติ
    4. พัฒนาองค์กรชุมชนให้เข็มแข็ง รวมถึงรับรองหรือยกเลิกสถานภาพขององค์กรชุมชนท้องถิ่นในตำบลนั้น
    5. ประสานและร่วมมือกับสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่น หรือตำบลอื่น สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นระดับจังหวัด สถาองค์กรชุมชนท้องถิ่นแห่งชาติ
    6. วางระเบียบ ข้อบังคับ ในการดำเนินกิจการของสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นระดับตำบล
    7. ติดตามผลการดำเนินการตามโครงการที่ดำเนินการอยู่ในท้องถิ่นหรือตำบลนั้น
    8. จัดทำรายงานประจำปีของสภาองค์กรชุมชนเพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชนทั่วไป

    มาตรา 19  สภาองค์กรชุมชนตำบลอาจมีหนังสือเชิญส่วนราชการหรือหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือส่วนราชการท้องถิ่น หรือองค์กรอื่นของรัฐมาร่วมแสดงความคิดเห็นหรือให้เอกสาร หรือข้อมูลตามที่เห็นสมควร

    มาตรา 20 ให้สภาองค์กรชุมชนระดับจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ดังนี้

    1. จัดทำแผนแม่บทชุมชนระดับจังหวัด เพื่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดและส่วนราชการระดับจังหวัดนำไปจัดทำแผนปฏิบัติการ
    2. ให้คำปรึกษาแนะนำ แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการระดับจังหวัดในการจัดทำแผนปฏิบัติการ
    3. จัดประชุมสมัชชาชุมชนเพื่อพิจารณา ยับยั้ง ยกเลิก แผนงานโครงการ กิจกรรมหรือการกระทำใดๆ ทีส่งผลกระทบเสียหายแก่ชุมชนท้องถิ่นจังหวัดมากกว่าหนึ่งตำบล หรือพิจารณาเรื่องอื่นใดที่สภาเห็นสมควร เพื่อประโยชน์ของชุมชนท้องถิ่นจังหวัดและประเทศชาติ
    4. ประสานและร่วมมือกับสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นตำบล สภาองค์ชุมชนท้องถิ่นจังหวัดอื่น และสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นระดับชาติ
    5. วางระเบียบ ข้อบังคับ ในการดำเนินกิจการของสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นระดับตำบล
    6. ติดตามผลการดำเนินการตามโครงการที่ดำเนินการอยู่ในท้องถิ่นหรือตำบลนั้น
    7. จัดทำรายงานประจำปีของสภาองค์กรชุมชนเพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชนทั่วไป
    8. เสนอรายชื่อสมาชิกเพื่อเป็นสมาชิกสภาองค์กรชุมชนแห่งชาติจังหวัดละ 2 คน

    ร่างฉบับปรับปรุงใหม่

    ประเด็นสำคัญ คือ ตัดอำนาจจัดทำแผน และให้คำปรึกษา แนะนำ ตัดอำนาจยับยั้ง และยกเลิกแผนงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงจังหวัด คงหรือ การเข้าไปมีส่วนร่วม รายละเอียดดังนี้

    มาตรา 19 ให้สภาองค์กรชุมชน มีอำนาจหน้าที่ดังนี้

    1. ส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนอนุรักษ์ฟื้นฟูจาริต ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะวัฒนธรรมอันดีของชุมชนของชาติ และมีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน
    2. เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาตำบลเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
    3. ให้ความเห็นและเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมทั้งการจัดทำนโยบายสาธารณะของหน่วยงานภาครัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต การเมือง และสิ่งแวดล้อม
    4. จัดให้มีเวทีสมัชชาชุมชนเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ความคิดเห็นต่อการดำเนินโครงการหรืกิจกรรมของหน่วยงานภาครัฐ หรือเอกชน ที่มีผลหรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ทั้งนี้ให้หน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ดำเนินการหรือเป็นอนุญาตให้เอกชนดำเนินการต้องนำความคิดเห็นมาประกอบการพิจารณาด้วย
    5. ส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรชุมชนในตำบลเกิดความเข็มแข็งสามารถจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน
    6. ประสานและร่วมมือกับสภาองค์กรชุมชนอื่น สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นระดับจังหวัด สภาองค์กรชุมชนระดับชาติ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนและชุมชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่ดำเนินการอยู่ในตำบล รวมทั้งตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    7. วางระเบียบ ข้อบังคับ ในการดำเนินกิจการของสภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นระดับตำบล
    8. ติดตามผลการดำเนินการตามโครงการที่ดำเนินการอยู่ในท้องถิ่นหรือตำบลนั้น
    9. จัดทำรายงานประจำปีของสภาองค์กรชุมชนเพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชนทั่วไป
    10. เสนอรายชื่อสมาชิกเพื่อเป็นสมาชิกสภาองค์กรชุมชนจังหวัด จำนวนไม่เกิน 2 คน

    มาตรา 25  ให้สภาองค์กรชุมชนจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

    1.  ส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนอนุรักษ์ฟื้นฟูจาริต ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะวัฒนธรรมอันดีของชุมชนของชาติ และมีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน
    2. เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด เพื่อพัฒนาจังหวัด
    3. ให้ความเห็นและเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมทั้งการจัดทำนโยบายสาธารณะของหน่วยงานภาครัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต การเมือง และสิ่งแวดล้อม

    P
    เบิร์ด
    เมื่อ ส. 09 มิ.ย. 2550 @ 08:25 [286791]
    P

    สวัสดีค่ะพี่แอมป์

    กอดหนึ่งทีด้วยความรักและเพื่อทักทายค่ะ

                                                     ชีวิต

                                   คำสั้นสั้นคำนี้มีความหมาย
                                   มีบทเรียนมากมายที่รออยู่
                                   บททดสอบความอดทนเป็นบทครู
                                   ฝึกให้รู้ความหมายของ "ชีวิต"

    ...................................................................................

    พี่แอมป์สรุปสั้นๆ แต่ได้ใจความดีเหลือเกินค่ะ..

    เบิร์ดรู้สึกว่า....

    ในโลกแห่งความจริงนั้น

    ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยง่ายดาย

    ทุกอย่างต้องลงทุน ลงแรงทั้งสิ้น

    ไม่ว่าเก่งกาจ สามารถเพียงใด

    ต้องเรียนรู้ที่จะอดทน อดกลั้น

    จนกว่าผลของความพยายามนั้นจะตอบสนองกลับคืนมา

    การรู้จักอดทน รอคอย

    คือการชนะ...โดยเริ่มต้นที่ " การชนะใจตนเอง "

    ..............................................................................

    ขอบคุณมากค่ะที่พี่แอมป์แวะเข้ามาทักทายด้วยความรัก  ความอบอุ่นเหมือนทุกๆครั้ง

    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/101701

    P
    Little Jazz \(^o^)/
    เมื่อ พ. 13 มิ.ย. 2550 @ 01:34 [290982]
    เห็นด้วยกับคุณเม้งอย่างนึงว่าเรื่องการปักปันเขตแดนเป็นเรื่องที่มนุษย์สมมุติขึ้นทั้งสิ้น ลองดูภาพถ่ายจากอวกาศดูสิคะ จะเห็นเลยว่า ไม่มีเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศเหมือนในแผนที่

    เราทั้งหลายเหมือนฝุ่นผงเล็กๆ ในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ สิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างคือ ทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องตาย ไม่มีใครที่ยิ่งใหญ่เหนือกฎแห่งธรรมชาติ รู้อย่างนี้แล้วจะมัวมาแบ่งเขาแบ่งเราทำไม

    ไม่มีบุคคลใด หรือชนชาติใดที่อยู่ค้ำฟ้า มาแล้วก็ไปด้วยกันทั้งนั้น นี่เป็นอุทาหรณ์ที่ได้จากแผนที่นี้ อดีตเคยเกรียงไกรแต่เดี๋ยวนี้ก็สิ้นสูญ http://gotoknow.org/blog/mrschuai/102900

    P

    KM ตู้เย็น  http://gotoknow.org/blog/mrschuai/102900

    จากอดีตถึงปัจจุบัน เรายังจมอยู่กับสิ่งเหล่านี้หรือเปล่าหนอ.... มองลงไปให้ถึงระดับครอบครัว..มีไม่น้อยที่มีปัญหาสู้รบกันเรื่องนี้.... บนดินก็ต่อสู้กันไป หารู้ไหมว่า บนฟ้าอากาศไม่ได้แบ่งแยกอะไรกันเลย รวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวทั้งโลกจะดีกว่าไหม....พี่น้อง....

    หรือว่าท้ายที่สุดแล้วมนุษย์เรา หนี้ไม่พ้นเขตแดน ดังต่อไปนี้

    • เขตแดนทางชื่อเสียง เกียรติยศ

    • เขตแดนทางทรัยพ์สิน ลาภ ดินแดน

    • เขตแดนทางอำนาจ

    P
    สิทธิรักษ์
    เมื่อ อ. 12 มิ.ย. 2550 @ 20:36 [290667]
    สวีดัสสวัสดีท่านวิหกเหิน

    P
    • วินัย วินัย วินัย
    • ถ้าเราเข้าใจเรื่องวินัยดีก็จะทราบว่าเราไปปนกับการกระทำที่ผิดกฏหมาย
    • ผิดวินัยบางเรื่องก็ไม่ผิดกฏหมาย
    • ผิดวินัยบางเรื่องก็ผิดกฏหมาย
    • วินัย จึงเป็นกฏของสังคมที่คิดและกำหนดขึ้นเอง  ไม่ใช่กฏของบ้านเมืองเลยสักทีเดียว
    • สถานะการณ์เป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่เอื้อในการมีวินัยหรือไม่มีวินัย
    • ในสังคมที่สงบสุข ร่มเย็น ประชาชน จะมีวินัย
    • สถานะการณ์สู้รบ  ประชาชนจะมีวินัย
    • สถานะการณ์ ตรึงเครียด สังคมจะอ่อนวินัย
    • สถานะการณ์ ยุ่งเหยิง วินัยจะหาดูได้ยาก
    • บางคนที่เรียกร้องให้มีวินัย ส่วนใหญ่เป็นคนที่เพียบพร้อม ไปทุกสิ่งทุกอย่าง
    • คนที่ไม่รักษาวินัย ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีปัญหาต่างๆในสังคม
    • สังคมเรา เหลื่อมล้ำกันมาก  ความมีวินัยมีปัญหามาก
    • แล้วเราจะเรียกร้องให้ทุกๆคนมีวินัย จึงควรทำอย่างไร
    • ทุกๆคนจะมีสำนึกเท่าเทียมกันอย่างไร
    • เรามาแก้กันที่ตรงนี้ได้ไหมจ๊ะ

    เล่าฮูยอดคัมภีร์ จากดอย http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/102584

     ครูบาฯ ปราชญ์ชาวบ้าน

    P
    ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์
    มหาชีวาลัยอีสาน

    ออกไปลุย!
    ทุกคนพูดเสียงเดียวกันว่าหนุ่มสาวหายไปไหน ในหมู่บ้านมีแต่คนแก่และเด็กๆ คนที่หายไปส่วนหนึ่งก็คงจะเข้าโรงงาน หางานทำในกรุงเทพ สิ่งเหล่านี้เกิดจากการรวมศูนย์ทุกอย่างไว้ในกรุง ทุกอย่างจึงไปอัดแน่น รถติด คนติดกันเป็นตังเม อยู่กันแออัดยังกะหนอน

    เช้านี้แต่ละกลุ่มนำเสนอมุมมองเรื่องสถาบันหลักทั้ง3 ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่กำลังสั่นคลอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าเราชำเลืองดูประเทศรอบข้าง หลังจากหมดยุคสงครามเขาก็ก้มหน้าทำมาหากิน จะมีก็แต่ไทยแลนด์นี่แหละที่กำลังลากไส้ให้กากิน แผ่นดินร้อนระอุไปด้วยลมปากและแรงยุกันเอง ไม่มีใครเอาประเทศไทยเป็นตัวตั้ง มีแต่แย่งประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ไม่แน่นะต๋อย อาจจะมีปัญหาต้องไปร้องเพลงชาติไทยให้คนชาติอื่นฟังทั้งน้ำหูน้ำตาก็ได้  ทำเป็นเล่นไปเถอะ พ่อมหาจำเริญทั้งหลาย

     จอมยุทธเหินฟ้า

    P
    ความสุข .. 

    เคยวางของสำคัญไว้แล้วหาไม่เจอมั้ย ?

    ไม่ว่าจะค้นหาที่ไหน..ทั้งใต้กองหนังสือ..ทั้งที่ชั้นวางของ..ที่ห้องนอน..ที่บ้าน..ที่รถ..ที่ทำงาน  แต่หายังไง..ก็หาไม่เจอ ..จนเวลาผ่านไปสักพักก็พบว่าของสำคัญที่เรามองหานั้นอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง..แต่ทำไม..เมื่อครู่กลับมองไม่เห็น

    หากของวางอยู่ข้างหน้าเรา..แต่เรากลับมองไม่เห็น ..หาข้ามไปข้ามมา..จนเวลาล่วงเลย..  เป็นไปได้มั้ยว่า..สิ่งที่เราขาดหายไปในการค้นหาในครั้งที่แล้ว..คือ" การปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ " ..

     

    " ความสุข " ก็เป็นเหมือนของสำคัญที่เราหาไม่เจอ..

    เหมือนกันตรงที่..เมื่อหาไม่เจอก็กระวนกระวายใจ

    เหมือนกันตรงที่..เรามั่นใจว่ามันเป็นของเรานี่แหละไม่ได้หายไปไหน

    แต่บางครั้ง..หายังไง..ก็หาไม่เจอ

    และ เหมือนกันตรงที่..ต้อง " ปรับเปลี่ยนมุมมอง " ..

     http://gotoknow.org/blog/uthaiunphim/102896

    Pนายอุทัย อันพิมพ์
    มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

    คนทำงานเพื่อชุมชน

    จากแนวทางการทำงานดังกล่าวจึงทำให้ผมได้มานั่งทบทวนตัวเองครับว่า ตนเองก็เรียนมาเยอะพอสมควร แถมยังต้องกินเงินภาษีของพี่น้องประชาชนอยู่ทุกวัน และที่สำคัญเกิดมาทั้งทีจะไม่สร้างความดีให้กับสังคม ชุมชน ได้จารึกใว้บ้างเชียวหรือ

     http://gotoknow.org/blog/goaround1/102908

    Pสิริพร กุ่ยกระโทก
    สังกัด สพท.กทม.เขต2

    โอ....ไม่อยากจะคิดเลย...ขอให้มีแต่ชีวิตไปวันหนึ่ง....จะได้หรือ   ในเมื่อ...หู..ยังได้ยินเสียงวิจารณ์ถึง  การศึกษาไทยที่ล้าหลังและไม่ได้ผล  เมื่อเทียบเคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน

    ยินดีครับ การแลกเปลี่ยนจะทำให้ชุมชนเข็มแข็งมากขึ้น

     http://gotoknow.org/blog/mrschuai/100642

    P

    พรบ.สภาองค์กรชุมชนท้องถิ่นน่าจะเป็นกฏหมายที่ย้ายน้ำหนักกลับมาอยู่ที่ชุมชนท้องถิ่นโดยขึ้นต่อรัฐส่วนกลางน้อยที่สุด จึงเป็นพรบ.เชิงกระบวนทัศน์หรือการช่วงชิงพื้นที่ นิยามความหมายของการพัฒนาครับ

    P

    สวัสดีครับคุณศักดิ์ณรงค์

    • ยินดีต้อนรับนะครับ มาร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องนี้นะครับ
    • ขอบคุณมากครับ การศึกษา ชุมชนเข้มแข็ง
    • ขอบคุณมากครับ
    P
    สิทธิรักษ์
    เมื่อ พ. 13 มิ.ย. 2550 @ 16:17 จาก 124.157.164.245 ลบ [291599]
    P
    เบิร์ด
    เมื่อ อ. 12 มิ.ย. 2550 @ 19:39 [290610]

    สวัสดีค่ะทุกๆท่าน

      เล่าฮูคะ...สภาชุมชนที่เล่าฮูว่ามาดูดีและน่าทำ ( แต่ไหงไปโพสต์ไว้ที่อื่นล่ะคะ ^ ^ )

    แต่ในช่วงที่ไม่มีสภานี่ล่ะคะเราจะทำอย่างไร ? หรือกว่าสภาชุมชนที่ดูเหมือนเป็นยาวิเศษที่จะมาช่วยรักษาโรคทั้งหลายในชุมชนออกฤทธิ์ เราควรทำอย่างไร ?

    อย่างเล่าฮูอยาก พัด - กะ - นา หมู่บ้านที่เล่าฮูอยู่ เล่าฮูควรเริ่มยังไง ?...

    เพราะเบิร์ดไม่ค่อยชอบภาวะที่เฝ้าแต่รอให้มีซุปเปอร์แมนมากู้โลกน่ะค่ะ....เลยถามกลวงๆอย่างนี้แหละซุปเปอร์แพนด้าช่วยแถลงทีเถอะค่ะ

    สวัสดีครับ จอมยุทธเหิรฟ้า

    • กลไกสภาฯ เป็นกลไกในการรวบรวมผู้คน ภายใต้กฏหมายรองรับ
    •  กลไกสภาฯรวบรวมปัญหา รวบรวมผู้รู้  รวบรวมปัญญา รวบรวมชุมชน
    • เป็นกลไกที่เป็นเวทีที่ทรงคุณค่า
    • เป็นแหล่ง ควบรวมองค์ความรู้และปัญหา
    • เป็นแหล่งรวมหมู่ปราชญ์ชาวบ้าน

    ก่อนที่ พรบ. จะผ่าน เราคงจะต้องให้ชุมชนเตรียมความพร้อม โดยที่ต้องให้รู้ว่าเวทีนี้มีประโยชน์อะไร

    ต้องทำความเข้าใจกันว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้อง ออกมาร่วมแก้ปัญหาที่หมักหมมกันมา ถ้าชุมชนไม่ออกมาแสดงความเห็นก็จะไม่มีเวทีไหนอีกแล้วที่จะพื่ง 

    ชุมชนจะสามารถแก้ปัญหาโดยตัวชุมชนเอง

    ชุมชนจำต้องเข้มแข็ง

    ชุมชนจะต้องสามัคคี

    ชุมชนจะต้องเสริมการรับรู้ ความรู้พื้นฐาน

    ชุมชนจำต้องแสดงออกในความรับผิดชอบต่อชุมชนเอง

    คุณ เบิร์ต ว่าพวกเราต้องทำอะไรบ้าง

    • การกระตุ้นความรับรู้
    • กระตุ้นถีงความรับผิดชอบตัวเอง
    • กระตุ้นเตือนถึงสัญญานที่ดีต่อชุมชน
    • ให้การศึกษาเบื้องต้น
    • ทำเอกสารที่จำเป็น ให้ชาวบ้านศึกษา
    • จัดวงสนทนา แลกเปลี่ยนความเข้าใจ จัดวงสนทนาจากเล็กสู่วงใหญ่
    • เป็นพี่เลี้ยงในเบื้องต้น

    เหล่าผู้ที่เคลื่อนไหวพัฒนาชุมชน เป็นโอกาสแล้วครับ ลองสู้กันสักตั้ง สู่หนทางที่ดีกว่า

    ขอบคุณมากๆครับ  โลกกว้างแต่ทางแคบครับ เราคงได้ทำงานร่วมกันในโอกาสต่อไป

    จากการดวลกันระหว่าง นกเหิรฟ้า กับ แพนด้าดอย ใน http://gotoknow.org/blog/mrschuai/100642

     http://gotoknow.org/blog/dongluang-1/103077

    P

     เรื่องเล่าจากดงหลวง 117 พิษของมะม่วงหิมพานต์

    ด้วยกลวิธีทางระบบบัญชีและนโยบายของธนาคารก็มีการ ปิดบัญชีหนี้สินด้วยการเป็นหนี้สิน คือมาเสนอเงื่อนไขใหม่ให้ลุงมากู้อีกหนึ่งแสน เอาแปดหมื่นใช้คืนหนี้เก่าแล้วเหลือเงินสองหมื่นเอาไปทำอะไรก็เอาไป ธนาคารก็ปิดบัญชีเรื่องมะม่วงหิมพานต์ได้แต่เปิดบัญชีหนี้สินใหม่ให้ "ลุงมา" หนึ่งแสนบาท.. 

    มันไม่ได้แก้ปัญหา

    แต่สร้างปัญหาใหม่ให้แก่เกษตรกร 

    รัฐสมควรรับผิดชอบนโยบายการส่งเสริมการเกษตรที่ล้มเหลว

    มิควรปล่อยให้เป็นภาระของเกษตรกร 

    แม้ว่าการตัดสินใจเป็นของเกษตรกรก็ตาม 

    จะมีอีกกี่โครงการที่เข้าแถวมาอย่างนี้อีกในอนาคต  

    (ผู้บันทึกต้องขออภัยเพื่อน G2K ที่ช่วงนี้เอาแต่ปัญหาชาวบ้านมาบ่นให้ฟังครับ ทุกข์ของชาวบ้านคือทุกข์ของแผ่นดิน โลกร้อนขึ้นทุกวัน ปัญหาชนบทก็ยิ่งร้อนขึ้นทุกนาทีเช่นกัน)

    P
    mr. สุมิตรชัย คำเขาแดง
    เมื่อ พฤ. 14 มิ.ย. 2550 @ 15:58 [292809]

    http://gotoknow.org/blog/mrschuai/100642

    • ระบบอำนาจในชุมชนตอนนี้เป็นอย่างไรครับ สมดุลไหมครับ ขาดอะไรบ้างครับ..... เราจะต้องอย่างไรไม่ให้เป็น สามเส้า (เศร้า) ครับ
  • คนในชุมชนพร้อมหรือยังที่จะตรวจสอบระบบเศร้าในชุมชนขอตนเอง
  • ประชาชนต้องการอะไรกันแน่ในชุมชน การศึกษา การทำมาหากิน หรือความอยู่รอด หรือว่าทรัพย์สินเงินทอง.....
  • ระบบการซักฟอกให้ผุ้บริหารขาวสะอาด จะแก้ไขอย่างไร ให้คนกล้าพูดแล้วต้องดึงคนระดับมาให้เป็นคนรับใช้และทำงานให้กับชุมชน....
  • องค์กรที่ตั้งขึ้นมาในชุมชนทั้งหมด มีอะไรบ้างครับ แล้วจะเชื่อมโยงทั้ง GO, NGO ให้เข้ากันได้อย่างไร แบบไหนคือจุดที่ชาวบ้านต้องการครับ
  • ข้อสำคัญ คนในชุมชนพร้อมแล้วหรือยังที่จะทำ...เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องเกิดจากไอน้ำที่ระเหยขึ้นท้องฟ้า เพื่อรอเวลาให้ตกลงมาเป็นฝนที่ชุ่มฉ่ำเย็น......
  • อีกหน่อยครับท่านวิหกเหิน

    P
    บางครั้งผมอยากสะท้อนถึงหลายเรื่องที่มีผลก่อนการใช้ความคิดในการแก้ปัญหา  พอดีไปเหลือบเห็นข้อความนี้ 

    " จิตสำนึก " ...ต้องถูกปลูกฝังและกระตุ้นให้เติบโตตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ในทุกช่วงวัย...

    อ่านแล้วนึกถึง ฯพณฯ ธานินทร์  กรัยวิเชียร ที่กล่าวถึงการปลูกฝังคติธรรมของคนอังกฤษ ซึ่งทำกันตั้งแต่เด็ก 7 ประการ คือ

    1. สัจจะ ( Truth )
    2. ความซื่อสัตย์ สุจริต ( Honesty )
    3. ความระลึกในหน้าที่ ( Sense of Duty )
    4. ความอดกลั้น ( Patience )
    5. ความเป็นธรรม ( Fair Play )
    6. การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ( Consideration for other )
    7. ความเมตตาธรรม ( Kindness )

    ทำให้นึกคิดไปเรื่อย การเรียกร้องฝีกฝนตัวเองไม่ใช่ไม่ดี  แต่ที่ผมว่าสถานะการณ์มีผลอย่างมากในการ ก่อกำเนิดการไร้วินัย หรือมีวินัย   

    ตราบใดที่นั่งวิปัสนาบนท้องถนนไม่ได้ ก็ไม่สามารถเรียกร้องให้คนมีจิตสำนึกในวินัยท่ามกลางสถานะการณ์เลวร้ายได้

    ขอบคุณมากๆครับ

    P

    http://gotoknow.org/blog/mrschuai/100642

                 "คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน เป้าหมายจึงอยู่ที่หมู่บ้าน"

    P
    สิริพร กุ่ยกระโทก
    เมื่อ อา. 15 เม.ย. 2550 @ 04:32 [224928]

    สวัสดีค่ะท่าน   สิทธิรักษ์

    • พ่อรักลูก   พันผูก   เป็นนักหนา

    ด้วยบูชา  ด้วยรัก  สมัครสมาน

    อันลูกน้อย  เติบโต  มาเนิ่นนาน

    ค่อยค่อยผ่าน  ประสบการณ์  มายาวไกล

    • โอ้ดวงใจ  ดวงน้อยน้อย  ของพ่อนี้

    อยู่ในที่  ปลอดภัย  ไกลไหนไหน

    ก็ยังอยู่  สถิตคู่  ในใจใคร

    โอ้ดวงใจ  ของพ่อนี้  มีทุกคน

    ***ด้วยความรัก**ความปรารถนาดี**จากครูอ้อย**ในวันครอบครัว

    P
    สิทธิรักษ์
    เมื่อ จ. 16 เม.ย. 2550 @ 11:26 [226242]

    รักลูกๆด้วยดวงจิตร

    อยากใกล้ชิดเป็นไหนๆ

    อยากให้ลูกอนาคตยาวไกล

    ไม่มีทุกข์ภัยตลอดกาล

    คงมีวันได้อยู่กันพร้อมหน้า

    ร่วมเริงร่าสนทนากันใกล้ๆ

    ไม่ต้องระเหินไปไหนไกล

    ไม่ต้องคิดห่วงใยใจเลื่อนลอย

    วันนี้อากาศร้อนมาก ไมได้ไปไหนอยากเข้ามาทักทายลูกๆ  ป๊าได้บันทึกไปก่อนหน้านี้ คิดว่าขาดอะไรๆ อีกเยอะ   รวบรวมสติอารมณ์ได้ก็เลยมาบันทึกต่อ

     

    • ที่ว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมมีสาเหตุของมัน  มันเกิดขึ้น ด้วยตัวของมันเองไม่ได้ 
    • ทุกข์สิ่งทุกอย่างในโลก มันเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไม่มีอะไรที่หยุดนิ่ง  แต่อยู่ภายใต้กฏของมัน
    • คนดี อาจกลายเป็นคนเลวในวันหนึ่ง
    • คนเลว อาจกลายเป็นคนดีในวันหนี่ง
    • คนรวยอาจกลายเป็นคนจนในวันหนึ่ง
    • คนจนอาจกลายเป็นคนรวยมหาศาลในวันหนึ่ง
    • คนฉลาด อาจกลายเป็นคนโง่ในวันหนึ่ง
    • คนที่ดูโง่ อาจกลายเป็นคนฉลาดมากๆในวันหนึ่ง                           

               ที่บันทึกมานี้อาจจะทำความกระจ่างไม่ได้  ก็เพราะลูกๆจะต้องปรับระบบการรับรู้เพิ่มขึ้น มีอารมณ์การรับรู้มากขึ้น  จัดแนวการรับรู้มากขึ้น  วิธีคิดจำเป็นจริงๆ  ในการรับรู้   ในเวลาต่อไปป๊าคงได้ขยายความอีก

    ไม่มีรูป
    Bee
    เมื่อ อ. 17 เม.ย. 2550 @ 13:41 [227861]
    ซึ้งแทบร้องไห้
    -----------------------------------------------------------------
    ป๊าถึงลูกๆ
    P

    สิทธิรักษ์ จากป๊า http://gotoknow.org/blog/dol3377/90226

    P
     http://gotoknow.org/blog/LifeLearning/103368

    ผมว่า...หน้าที่ของเราตอนนี้คือดูแลพ่อแม่ของเราในวัยบั้นปลายของท่านให้มีความสุข พร้อม ๆ กับการไม่ลืมที่จะเตรียมความพร้อมให้กับตัวเราเอง เพราะวันหนึ่งชีวิตของเราก็ต้องเดินทางไปถึงช่วงบั้นปลายนั้นเหมือนกัน...

    P
    sasinanda
    เมื่อ อ. 29 พฤษภาคม 2550 @ 20:17 [276176]

    สวัสดีค่ะ 

  •  http://gotoknow.org/blog/goodliving/99001
  • ไทยคิด ไทยทำ ไทยใช้ ไทยพัฒนา ไทยก้าวหน้า ไทยรุ่งเรือง ไทยเฟื่องฟู ไทยรู้รอบ ไทยยั่งยืน โดยไม่ต้องฟื้นฟู

        คุณเม้งคะ อีกข้อหนึ่ง ที่ไม่มีใครพูดถึง นอกจากเรื่องต้องส่งเสริมให้ความรู้ด้านการเมืองแล้ว คือ

        การที่ต้องเสนอรัฐให้มีการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต เช่น พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ ศูนย์กีฬา และอุทยานวิทยาศาสตร์เป็นต้นค่ะ เพราะการเรียนรู้ มิใช่มีแต่ในห้องเรียนค่ะ

  • สวัสดีครับ    ประกาศครับ หนุ่มคนนี้กำลังขอลาพัก เพื่อฟูมฟักกลับมาช่วยชาติ
    P
    P
    Miss somporn poungpratoom
    Fac. Of Pharmacy Chiang Mai University
    เรียนรู้จากเรื่อง (ความ)รัก

      อย่างไรก็ตามสิ่งที่หนีไม่พ้นในวังวนของชีวิตที่ทำให้เกิดสุขในตัวเองคือ

    • 1. ความรัก love
    • 2. ความสัมพันธ์ relationships
    • 3. ครอบครัว family
    • 4. เพื่อน friends
    • 5. ชีวิตที่เป็นสุข well-being

     

    P
    http://gotoknow.org/blog/economicmorality/103744

    สักวัน......โลกจะส่องสว่างให้กับดวงอาทิตย์

    เพียงแนวคิด.......หนึ่งในจินตนาการ

    อุดมการณ์ในอุดมคติ

    และความฝันที่ฉันกล้าจะฝัน..........เท่านั้นเอง

    http://gotoknow.org/blog/economicmorality/103744

    P
    Man In Flame
    เมื่อ ศ. 15 มิ.ย. 2550 @ 21:45 [294198]

    เคยไปปรึกษากับอาจารย์ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ ในสถาบันแห่งหนึ่ง

    คำตอบที่ได้รับคือ ไม่มีใครเขาทำแบบนี้หรอก ธุริจก็ส่วนธุรกิจ การกุศลก็ส่วนการกุศล

    เราจึงได้ยากที่จะพบ องค์กรธุรกิจที่เกิดขึ้นเพื่อสังคมและทำไมสังคมของเราจึงเป็นอย่างที่เป็นอยู่

     

    Trinity: Neo, no one has ever done anything like this.
    Neo: That's why it's going to work.

    เพียงความฝันที่ฉันกล้าจะฝัน..........เท่านั้นเอง

    P
    archanwell
    เมื่อ ศ. 15 มิ.ย. 2550 @ 00:06 [293326]

    http://gotoknow.org/blog/pilgrim/103329 

    ไม่อยากจะขัดคอว่า จะเป็นไปได้ไหมนะ ?

    อัตตานิยมที่วิ่งรอบตัวฉันทุกวันนี้ ทำให้ฉันกลัวมากทีเดียว

    วัตถุนิยมที่อยู่ในลมหายใจของคนรอบตัว แม้แต่ตัวฉันเองในบางเวลา ก็ทำให้ฉันไม่แน่ใจ

    ง่ายนิยมของเหล่ามนุษย์ตัวน้อยที่ฉันสอน ก็อีก

    ไม่ต้องบอกเธอ เธอก็คงรู้ว่า ฉันกำลังท้อว่ะ...

    ถ้าเธอเจอสวรรค์แล้ว ส่งสัญญานนะคะ ฉันจะตามไป เห็นไหม ฉันก็เป็นโรคง่ายดายนิยมว่ะ.. แต่จะเอาวัตถุต่างๆ ที่ฉันชอบไปด้วยให้น้อยที่สุด และก็สัญญาว่า จะไม่ใช้อัตตานิยมมากนัก

    Pจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
    เยือน "น้ำตกตาดสี" ผ่านแม่น้ำคานอันเงียบสงบที่เมืองลาว

                          Nam Khan  river 

    Along the Nam Khan river

    take a boat in Nam Khan

    sanook trip from Thailand.

    happy happy

    Nong Pa with P' Arunee  take a boat ride along the river

     

    Life style on the river

    Tad se  : This is not the season to go to Tad see fall

    surrounded by the forest

    You can see the most beautiful view of Tad se waterfall.

     

     

    Jatuporn Wisitchotiaungkoon,Mr.

    http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/103406

    Pอ.อาลัม
    วิทยาลัยอิสลามยะลา วิทยาเขตปัตตานี  http://gotoknow.org/blog/writing2/103762
    หนังสือเป็นมากกว่ากระดาษเปื้อนหมึก

    ตั้งใจไว้ตั้งแต่เริ่มเปิดบล็อก gotoknow ว่าหนึ่งในสิ่งที่จะบอกเล่าใน บล็อกคือเรื่องเกี่ยวกับ "หนังสือ" โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือเกี่ยวกับ อิสลาม ซึ่งตลอดชีวิตของผม ผมได้รับประโยชน์และความดีมากมาย จากหนังสือที่ได้อ่าน สำหรับผมหนังสือ

    • เป็นครูในยามที่ผมไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น
    • เป็นที่ปรึกษาเมื่อผมต้องการคำปรึกษา
    • เป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้ "ความรู้ที่ลึกซึ่ง" ประกอบการตัดสินใจ
    • เป็นเพื่อนที่สามารถพูดพูดคุยในเรื่องที่สนใจร่วมกันได้อย่างไม่มีวันเบื่อ
    • เป็นมักคุเทศน์พาผมท่องไปในที่ต่างๆ
    • เป็นหมอที่ให้ข้อมูลและคำแนะนำในการดูแลสุขภาพอย่างละเอียด
    • เป็นแรงบันดาลใจ
    • เป็นเพื่อนที่ช่วยคลายเหงา
    • เป็นผู้แนะนำให้ผมได้รู้จักกับ บุคคลต่างๆในอดีต ชีวิต และการต่อสู้ของพวกเขา
    • เป็นกำลังใจยามท้อแท้ เหนื่อยล้า และผิดหวัง
    • เป็นกระจกที่วิเศษที่สุดและซื่อสัตย์ที่สุดในการสะท้อนภาพที่เป็นจริงของผม
    • เป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดตลอดเวลาสำหรับผมเข้าไปศึกษาค้นคว้า
    • เป็นยานอวกาศที่พาผมท่องจักรวาล
    • เป็นเรือท่องมหาสมุทร์
    • เป็นเรือดำน้ำพาผมดิ่งสู่ก้นทะเล
    • เป็นเครื่องเอกซเรย์ที่ทำให้ผมรู้จักส่วนต่างๆของร่างกาย
    • เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ได้รับและที่มอบให้คนอื่น
    • เป็นนักจิตวิทยาประจำตัวที่วิเศษ
    • เป็นบอดี้การ์ด
    • เป็นคำตักเตือน
    • เป็นผู้พัฒนาและยกระดับชีวิต จิตใจให้สูงขึ้น
    • เป็นตัวช่วยที่ทำให้ผมสามารถพูดคุยกับบุคคลต่างๆมากมาย
    • เป็นวิทยากร ฝึกอบรมเกี่ยวกับ ความรู้ ทักษะ  และเรื่องของจิตใจ
    • เป็นห้องสมุดส่วนตัว
    • เป็นสมบัติและมรดกที่มีคุณค่า
    • เป็นคลังแห่งความรู้
    • เป็นอีกหลายสิ่ง มากมาย เกินกว่าที่ผมจะเขียนลงในบล็อกนี้ ได้หมด
    • ................................................................................................
    • .................................................................................................
              หมายเหตุ  ที่เว้นว่างไว้นั้นสำหรับคุณผู้อ่านครับ
    PAjanJi  ดาวจรัสดวงใหม่
     http://gotoknow.org/blog/jiraratp/103588

    "เมื่อทุกก้าวเดินคือสิ่งที่น่าจดจำ"

    อย่างไรก็ตามถึงจะสามารถถ่ายทอดข้อมูลข้ามสมองได้ จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณรับมาแต่ส่วนที่ดี?
    ความจริงแล้ว ความรู้ (knowledge) เป็นเรื่องหนึ่ง ปัญญา (wisdom) เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    จบปริญญาหลายใบมิได้หมายความว่าจะมีปัญญาโดยอัตโนมัติ

    พูดง่ายๆ ก็คือ ถึงจะถ่ายความรู้ข้ามสมองได้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์ในชีวิตจริงอย่างไร เพราะความรู้อย่างเดียวไม่มีประโยชน์หากไม่สามารถแปลงให้เป็นปัญญาได้

    คนเรียนจบสูงๆ ไม่แน่ว่าจะมีความสุขกว่าคนที่ไม่ได้เข้าโรงเรียนเลย

    เพราะลมปราณแห่งปัญญาไม่สามารถถ่ายทอดได้ แต่เพาะพรวนพอกพูนได้

    และเพราะลมปราณแห่งปัญญาไม่ได้เกิดจากสมองอย่างเดียว มันมาจากหัวใจ

     Pจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร  http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/103770

    จอมยุทธ์น้อย ในยุทธจักร Gotoknow

      

    "แม้จะเก่งกาจในเพลงดาบเพียงไร มีความหลงอวิชชา ความผยองตน   นอกจากจะเอาชนะตนเองไม่ได้แล้ว จะคิดทำการใหญ่ได้อย่างไร"

     

    "วิถีแห่งดาบ คือ การละทิ้งดาบ"

     

    P

    http://gotoknow.org/blog/dongluang-1/103772

    เรื่องเล่าจากดงหลวง 118 ช้างสารต่อสู้กันหญ้าแพรกแหลกลาน

    ประเทศต่างๆทั่วโลกต่างตื่นตัวกันมากตั้งแต่ปีหลายปีที่ผ่านมา และมาตื่นมากที่สุดในปี 49-50 นี้ แหล่งเงินทุนต่างๆทั่วโลกต่างสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวกับการรักษาระดับโลกร้อน หรือป้องกันโลกร้อน และขยายกิจกรรมไปถึงเรื่องพลังงานอันเป็นเหตุสำคัญหนึ่งของการเกิดความร้อนในโลกนี้ 

    ทางหน่วยงานผู้จัดการเรื่องนี้ได้ทำกิจกรรมกระบวนการเรียนรู้แล้วหลายรุ่นในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นที่สนอกสนใจแก่บรรดาผู้นำโดยเฉพาะชาวบ้านที่ไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อนว่าความร้อนของโลกมันมีผลกระทบต่อสรรพสิ่งอย่างไร ต่อตัวเราทุกคนอย่างไร พืชที่เกษตรกรปลูกทำมาหากินนั้นต้องกระทบกระเทือนในที่สุด โลกภัยไข้เจ็บต่างๆจะเกิดขึ้นในรูปแบบใหม่ๆมากมาย ฝนฟ้าจะแปรปรวน อากาศจะวิปริต โรคแมลงของพืชและสัตว์จะแปรเปลี่ยน จะมีสิ่งที่ล้มหายตายจากและจะมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้น วิชาการที่มนุษย์สั่งสมมานับพันปีหลายเรื่อง ต้องสิ้นสุดลง ต้องเรียนรู้ใหม่ เริ่มใหม่ ซึ่งกว่าที่จะเข้าใจได้อาจจะต้องสูญเสียชีวิตสรรพสิ่งรวมทั้งมนุษย์ไปมากกว่าสงครามโลกที่เกิดมาทั้งหมดรวมกันเสียอีก ฯลฯ   

    แต่ต้องหยุดลงฉับพลัน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงตึงเครียดทางการเมืองในกรุงเทพฯ รัฐบาลมีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของคนต่างจังหวัดที่เป็นกลุ่ม ดังนั้นการประชุม สัมมนา ศึกษาดูงาน การเดินทางไปเรียนรู้เรื่องนี้ระหว่างชุมชนต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดเจ้าของพื้นที่ก่อน ขณะที่การเตรียมการทุกอย่างชัดเจนหมดแล้วทุกฝ่ายพร้อมแต่ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดก่อน  ในที่สุดบางจังหวัดไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะท่านผู้ว่าเกรงว่าการจัดการทั้งหมดนี้จะแอบแฝงเพื่อจะนำคนไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ 

    เพื่อความสบายใจ จึงสั่งหยุดหมด ทั้งที่เป็นหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง เป็นสถาบันมหาวิทยาลัยและตรวจสอบได้หมดสิ้น ท่านก็เอาความสบายใจเป็นหลัก ความเสียหายที่เกิดขึ้นท่านไม่ได้รับรู้หรอกว่ามีเท่าไหร่ ใครต้องรองรับบ้าง...

    ล้างรถ กุศโลบาย ฝึกจิตให้ได้ ดูใจให้เป็น

      

    ผมชอบล้างรถ!!!  http://gotoknow.org/blog/delight/103803

    Pเม้ง สมพร ช่วยอารีย์
    ลงแดง (1) : ฝนพิษห่าใหญ่ไหลเข้ามาหาใครในหมู่บ้าน

    ฝนพิษห่าใหญ่ ตกลงไปท่วมชาวนา ใครเอยจะรู้ว่า น้ำที่ไหลมาคร่าชีวิตเรา

    ฝนพิษห่าใหญ่ ท่วมลงที่ใจอันอ่อนล้า ตกลงมาแต่ละครา ทั้งน้ำตาแทบกระเด็น

    ฝนพิษห่าต่อเนื่อง ท่วมนองเนืองทั่วระแหง ตกทีไรไม่เคยแจ้ง ตกแต่ละแห่งแล้งน้ำใจ

    ฝนล้างพิษห่าสุดท้าย ที่จะหวังได้ก็คือท่าน ช่วยกันตกคนละวัน ตกที่ตัวท่านสร้างชุมชน

    ฝนล้างพิษเกิดจากจิต ที่คิดใหม่ สร้างขวัญและกำลังใจ ตกครั้งใหม่เพื่อชุมชน

    ฝนล้างพิษที่ผิดพลาด คิดร่วมกันใหม่อย่างฉลาด ไม่ควรพลาดที่แล้วมา ทบทวนด้วยการพูดจา สุขถ้วนหน้าทั่วชุมชน

    ชุมชนเข้มแข็งคือคำตอบ ของคำถามทุกข้อความที่ถามมา ความสุขเกิดขึ้นที่ใบหน้า และวาจาที่ละไม.....

    ขอเป็นกำลังใจให้ทุกชุมชน ทบทวนตัวเอง ครอบครัว และชุมชน เพื่อชุมชนเข้มแข็ง ทางออกสุดท้ายที่เกิดได้และยั่งยืน

    สำหรับเรื่องนี้ ฝนพิษคืออะไร ท่านคงหาคำตอบกันได้ในที่สุดนะครับ เพราะฝนพิษที่ตกแต่ละที่นั่น ตกในรูปแบบที่แตกต่างๆกัน ต้องค้นให้เจอเพื่อค้นหาทางออกของปัญหาครับ

    P
    http://gotoknow.org/blog/teacherhealthy/103788
    ครูอ้อยต้อง...เอาชนะใจตัวเอง..ที่ไม่ต้องคิดว่า   ครูอ้อยจะชนะอะไรต่างหาก...ถึงจะกล่าวได้ว่า...ครูอ้อยชนะทุกสิ่ง

    http://gotoknow.org/blog/mrschuai/103779

    Pเม้ง สมพร ช่วยอารีย์
    ชีวิตของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ...แล้วพ่อหนุ่ม..

     

    P
    http://gotoknow.org/blog/pass/103809
    ครอบครัวอบอุ่น

    ความรักเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์เริ่มต้นของครอบครัว แต่ความยืนต้นของครอบครัวนั้น มิได้อาศัยเพียงความรัก จะต้องอาศัยน้ำ แสงแดด ปุ๋ยที่เป็นธาตุอาหารหลักและพลังงานชีวิตให้ความรักนั้นยืนต้นเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขได้

    เลือกดูนะคะเอาครอบครัวแบบไหน

        

          

    http://gotoknow.org/blog/nisachol/103856

    Pmalikaew
    โอ...วัฒนธรรมไทย?
    สำนึกที่ต้องหล่อหลอม

    ฟังข่าวย่อยว่าจะบรรจุเรื่องการแต่งกายของนักศึกษาเข้าเป็นวาระแห่งชาติ  ฟังแล้วก็ให้กลุ้มใจ กับสังคมทุกวันนี้ ทำไมกันเรียนมาจนถึงระดับนี้ ควรที่จะมีวิจารณญาณว่า เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมแค่ไหน ไม่ใช่วิ่งตามแฟชั่นจนไม่รู้เรื่องราว  สถาบันการศึกษาก็เช่นกัน หากเห็นไม่เหมาะสมก็ควรเรียกมาตักเตือน หรือเข้มงวดกันหน่อย ไม่ใช่ปล่อยเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพกันจนเกินงาม  จำได้สมัยเรียนก็มีแต่ยังมีฝ่ายปกครองคอยควบคุม  หรือเรียกผู้ปกครองมารับทราบ นั่นคือระดับมัธยม  แต่นี่ระดับที่เรียกว่าก้าวสู่ความเป็นบัณฑิตในอนาคต ไยต้องมาทำเรื่องบรรจุเป็นวาระแห่งชาติ  เป็นอะไรกันไปแล้วประเทศไทย  สำนึกนี่มันสร้างกันยากจริงๆ

    P
    สิทธิรักษ์
    เมื่อ พ. 06 มิ.ย. 2550 @ 12:06 [283918]

    ถึงลูกๆ

    ป๊าเห็น จม. ลูกบลูถึงป๊า ดีใจมาก ที่บลูได้แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีต่อป๊า

    ก่อนอื่นป๊าอยากบอกถึงฐานความคิดของป๊าที่มีต่อลูกๆ    ป๊ามีความระลึกเสมอว่า ป๊ามีภาระหน้าที่ที่จะต้องดูแลลูกๆตั้งแต่เล็กจนถึงโตใหญ่ ทั้งความรู้ ความเข้าใจ ความคิด รวมทั้งการอยู่ได้ในสังคมโลกใบนี้

    ความรู้ เป็นอาวุธที่ดีต่อการดำรงค์ชีวิตในโลกใบนี้  แต่ปัจจูบันความรู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ การรู้จักใช้ความรู้ต่างหากที่เป็นเครื่องมืออย่างดีในการอยู่รอด

    นั่นคือ คิดเป็น ทำเป็น  หรือ  วิธีคิด  ที่ถูกต้อง

    ป๊าดูแลลูกให้เติบโตได้ แต่ไม่สามารถดูแลถึงแก่ได้

    ติดอาวุธความรู้ที่ถูกต้องได้เท่านั้นที่จะดำรงค์อยู่ได้ตลอดชีวิต

    ป๊าไม่สามารถอ้างได้ว่าดูแลลูกๆได้อย่างดี อ้างว่าให้สิ่งที่ลูกๆต้องการได้ครบถ้วน  อ้างว่าให้ความรู้แก่ลูกได้รอบด้าน   แต่ป๊าสามารถยืดอก บอกได้ว่า  ป๊ามีความรักต่อลูกๆเกิน ร้อย เปอร์เซนต์

    ป๊า .

    ขุดพบที่ http://gotoknow.org/blog/knowtogo12345/100030

     

    P
    http://gotoknow.org/blog/sutthinun/103780
    ที่รักเธออยู่ไหน เมื่อไฟดับ

    ถ้าทุกสถาบันช่วยกันพัฒนาองค์กรของตน ก็จะเป็นการช่วยชาติได้อย่างตรงเป้าหมายที่สุด เพียงแต่อย่าทำแบบลิงหลอกเจ้า เหมือนที่ในระบบราชการบางแห่งทำจนนิสัยเสีย พวกสันดานเสียนี่แหละที่เป็นปัญหาพอกหางหมูระดับประชาชาติ น่ากลัวกว่าพวกม๊อบที่ไปเย๊วๆเสียอีก ที่พูดนี่ก็ใช่ว่าผมจะดีวิเศษวิโสอะไรนะครับ เพราะผมก็เป็นพวกดีแต่ปากแถมยังปากไม่เอื้ออาทรเสียอีก

     ภาพจาก ล้านนาโฟโต้คลับ โดยคุณ electone

    "ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยกจะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด" 

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    เอาเวลาที่น้อยนิด หนึ่งในชาตินี้และยังมีอีกหลายๆอดีตชาตินับไม่ถ้วน ปราชญ์กล่าวว่า "ชีวิตนี้น้อยนัก" นั้นท่านมุ่งให้เปรียบชีวิตนี้กับอดีตที่นับชาติไม่ถ้วน และชีวิตในอนาคตที่จะนับชาติไม่ถ้วนอีกเช่นกัน สำหรับผู้ไม่ยิ่งด้วยปัญญา ไม่สามารถพ้นทุกข์สิ้นเชิงได้

    P
    http://gotoknow.org/blog/agri-nature/103909
    เห็ดแครง เห็ดหูกวาง

    วันนี้กรีดยางเสร็จ ก็ไปเก็บเห็ดหูกวางในสวนข้างๆ บ้าน เนื่องจากสวนข้างบ้านมีการโค่นต้นยางพาราเอาไปขายเหลือตอต้นยางพาราอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปจนตอยางพาราเริ่มผุ เห็ดหูกวางก็ขึ้นมา เมื่อวานฝนตกหนัก วันนี้ก็จะมีเห็ดหูกวางโตพอที่จะเก็บไปกินได้ มันขึ้นอยู่นานแล้ว ได้เก็บกินอยู่เรื่อยๆ  เมนูของเห็ดหูกวางสำหรับมื้อเที่ยงคือ ผัดบวบกับเห็ดหูกวาง สำหรับมื้อเย็นแกงกระดูกหมูสะตอหน่อไม้ มันก็ยังไม่ครบสูตรถ้าขาดเห็ดแครง พอดีที่สวนหน้าบ้านมีตอต้นยางที่ถูกไฟเผา ก็มีเห็ดแครงขึ้นอยู่นิดหน่อยก็เก็บเอามาใส่ในแกง วันนี้ได้กินเห็ดถึงสองอย่าง

    รูปเห็ดแครง
     

    รูปเห็ดหูกวางยังเล็กอยู่ครับ

     

     เมื่อสมัยผมเด็กๆ เคยได้กินแกงเห็ดแครงหม้อใหญ่ที่มีแต่เห็ดแครงไม่มีอย่างอื่นปน แต่ปัจจุบันหากินยากมากครับ เพราะไม้ยางพาราราคาดี กิโลกรัมละประมาณ 3 บาท เวลาเขาโค่นต้นยางพาราขาย เขาโค่นแทบไม่เหลือตอ กิ่งเล็กกิ่งน้อยก็ขายได้หมด ยังเหลือใบยางพาราที่เขาไม่รับซื้อ

    ตอนที่หาเห็ดแครงอยู่ก็ แวะเยี่ยมผักไฮโดรโพนิกส์ ผักบุ้งสดชื่นดี ส่วนแตงกวาก็แตกยอดและมือจับ ออกมาแล้ว 

     

      

    P
    ประเสริฐ ศรีแสนปาง
    โรงเรียนมหิศราธิบดี
    ความจริง 12 ข้อของความสุข

    (1) ความสุขเป็นประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรมและสามารถวัดได้ ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การสอบถาม การวัดกระแสคลื่นไฟฟ้าในสมอง เป็นต้น นอกจากนั้นความสุขคือสิ่งที่ผกผันโดยตรงกับความทุกข์เมื่อความสุขมากขึ้นความทุกข์ลดลง

    (2) การแสวงหาความสุขเป็นธรรมชาติของคน โดยคนจะหาวิธีสร้างความสุขโดยเปรียบเทียบต้นทุนและผลที่จะได้รับจากวิธีต่างๆ

    (3) สังคมที่ดีที่สุดคือสังคมที่มีความสุขมากที่สุด ดังนั้นนโยบายสาธารณะควรมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสุขและลดความทุกข์ให้มากที่สุด

    (4) สังคมจะไม่มีความสุขเพิ่มขึ้นยกเว้นคนในสังคมมีเป้าหมายร่วมกันว่าต้องการให้สังคมมีความสุขเพิ่มขึ้น เนื่องจากความสุขของคนขึ้นกับพฤติกรรมของผู้อื่นๆ ถ้าทุกคนยอมรับเป้าหมายของความสุขในสังคม จึงจะสามารถร่วมกันจัดระบบของสังคม ให้เกิดประโยชน์สาธารณะ (common good) ขึ้นได้

    (5) มีเพื่อน มีครอบครัว มีงานทำ เป็นความสุขที่นอกเหนือจากเรื่องเงิน ดังนั้น ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไม่ใช่เป็นเพียงกระบวนการสู่เป้าหมายแต่เป็นสิ่งที่สร้างความสุขของให้คนด้วย

    (6) ความสุขของสังคมโดยเปรียบเทียบระหว่างสังคมต่างๆ สามารถวัดได้โดยเครื่องชี้ 6 ตัว ได้แก่

    1) สัดส่วนประชากรที่เห็นว่าสามารถไว้ใจคนอื่นในสังคมได้
    2) สัดส่วนประชากรที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม/องค์กรต่างๆที่รวมตัวกัน
    3) อัตราการหย่าร้าง
    4) อัตราการว่างงาน
    5) คุณภาพของรัฐบาล

    6) ความเชื่อถือในศาสนา นโยบายที่สามารถส่งเสริมความไว้ใจให้เกิดขึ้นในสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก นโยบายดังกล่าวได้แก่ การให้การศึกษาด้านจริยธรรม การสร้างครอบครัว ชุมชน และที่ทำงานที่อบอุ่นมั่นคง

    นอกจากนั้นต้องคำนึงถึงผลดีและผลเสียของการปรับสภาพการทำงานให้มีความยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลง (flexibility and change) เทียบกับความคงที่และแน่นอน (inflexibility and predictability) ให้ดี โดยเฉพาะการนำมาใช้กับภาครัฐ เนื่องจากคนจะมีความสุขและความภูมิใจในงานของตนและการช่วยเหลือผู้อื่นเป็นแรงจูงใจที่สำคัญในการทำงาน (satisfaction of professional norm) การตั้งเป้าหมายและดึงดูดใจให้ทำงานโดย pay for performance อาจทำให้แรงจูงใจเดิมลดลงและอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดของการเพิ่มปฏิรูปภาครัฐ

    (7) คนมีความทุกข์กับสิ่งที่สูญเสียไปง่ายกว่าการดีใจกับสิ่งที่ได้มาใหม่ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ต้องคำนึง เพราะคนมีความยึดติดกับสถานภาพปัจจุบัน นอกจากนั้นคนชอบสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ดังนั้นการเคลื่อนย้ายแรงงานและถิ่นฐานอาจทำให้ประสิทธิภาพของประเทศมากขึ้นแต่คนมีความสุขน้อยลง เพราะข้อเท็จจริงชี้ว่าความปลอดภัยในสังคมและสุขภาพจิตจะด้อยลงในสภาพสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง

    (8) คนใส่ใจกับสถานะทางสังคมอย่างยิ่ง คนมีธรรมชาติที่ต้องการจะดีกว่าคนอื่น นี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้สังคมไม่ได้มีความสุขเพิ่มขึ้นถึงแม้จะมีความก้าวหน้าในการพัฒนาไปมาก เมื่อมีคนรู้สึกดีขึ้น จะมีคนอื่นที่รู้สึกแย่ลงโดยเปรียบเทียบ การที่คนทำงานเพิ่มขึ้นมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ทำให้คนอื่นมี ความทุกข์มากขึ้น นโยบายสำคัญที่จะช่วยลดปัญหานี้มี 2 เรื่อง คือ 1) ภาษีจะช่วยบรรเทาการแข่งขันอย่างไม่หยุดหย่อน (rat race) ได้ และอาจเป็นสิ่งที่ดีที่คนจะลดการทำงานลงบ้างถ้าสังคมโดยรวมจะมีความสุขมากขึ้น 2) การศึกษา จำเป็นต้องสอนเยาวชนให้มีค่านิยมที่ถูกต้องในเรื่องของสถานะทางสังคมและปลูกฝังให้มีความเอื้ออาทรต่อผู้อื่น

    (9) คนมีการปรับตัวกับสิ่งใหม่อยู่เสมอ เมื่อได้สิ่งที่ดีขึ้นแล้วระยะหนึ่งก็จะรู้สึกเคยชิน ดังนั้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจึงไม่ทำให้คนรู้สึกมีความสุขยาวนาน รายได้ในปีต่อไปจะต้องเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคยได้รับคนจึงจะรู้สึกมีความสุข คนจึงเสพติดการหาเงินเช่นเดียวกับเสพติดบุหรี่ ภาษีเป็นเครื่องมือที่สามารถลดพฤติกรรมทำงานหนักจนเกินไปที่เป็นผลเสียระยะยาวต่อความสุขของบุคคลลงได้

    (10) คนยิ่งรวยยิ่งมีความสุขกับเงินน้อยลง เงินจำนวนเท่ากันจะสร้างความสุขให้กับคนจนได้มากกว่าคนรวย ดั้งนั้นนโยบายลดช่องว่างของรายได้ระหว่างชนชั้นในสังคม และระหว่างประเทศร่ำรวยกับประเทศยากจน จะช่วยเพิ่มความสุขของสังคมโดยรวม

    (11) ความสุขขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในของบุคคลมากพอกับปัจจัยภายนอก ระบบการการศึกษาควรมุ่งเพิ่มปัจจัยบวกภายในตัวคน และการฝึกจิต เช่น การนั่งสมาธิ เป็นต้น จะช่วยให้คนสามารถต่อต้านความทุกข์และเพิ่มความสุขได้

    (12) นโยบายสาธารณะมีผลต่อการลดความทุกข์ได้ง่ายกว่าการสร้างความสุข เนื่องสาเหตุของความทุกข์และการขจัดทุกข์มันเห็นได้ง่ายกว่า นโยบายสาธารณะจึงควรมุ่งไปที่กลุ่มคนที่มีความทุกข์ในสังคม

     

    P
    http://gotoknow.org/blog/mrschuai/103945

    ลงแดง (3) : ทีวี...พี่เลี้ยงจอแก้ว...ยาพิษหรือยาขม

    ภูมิคุ้มกันที่ควรจะมีให้ลูกหรือเด็กๆ ควรจะมีคำแนะนำอย่างไร ก่อนลูกของคุณจะกลายพันธุ์ หากคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาและฝากพี่เลี้ยงจอแก้วนั้นให้เป็นผู้เลี้ยงลูกคนแทน.....

     http://gotoknow.org/blog/siripornphd/103951

    Pสิริพร กุ่ยกระโทก
    สังกัด สพท.กทม.เขต2
    ถึงแม้จะจบ...ช้ากว่าเพื่อน  แต่สิ่งที่ครูอ้อยภาคภูมิใจในตัวเองก็คือ....การเรียนรู้แบบต่อสู้   ต่อสู้กับความรู้สึกภายใน   ที่ต้องเอาชนะใจของตนเอง  ไม่คล้อยตามคนอื่น  พยายามเป็นตัวของตัวเอง  

     http://gotoknow.org/blog/bouykem01/79514

    Pบ๊วยเค็ม  
    นินทาเมีย

    แม่เมียดีคนนี้ใครมีเหมือน
    อยู่กับเรือนกับเหย้านั่งเฝ้าบ้าน
    ข้าวไม่หุงมุ้งไม่กางไม่ล้างจาน
    บ่นรำคาญญาติผัวรู้ทั่วไป

    ผัวกลับจากงานมาซักผ้าก่อน
    แล้วพักผ่อนด้วยล้างจานเป็นการใหญ่
    ตื่นนอนเช้าต้องปากหวานทานอะไร
    แล้วจัดให้ตามสั่งดังว่าวอน

    ชอบนินทาชาวบ้านเป็นงานหลัก
    ไปไหนมักอวดร่ำรวยสวยไว้ก่อน
    มักหึงหวงจนเกินงามทำแง่งอน
    เวลานอนพอกหน้าสีเหมือนผีตาย
     


    ชอบแต่งตัวแข่งขันแฟชั่นเขา
    มักหูเบาไร้เหตุผลเชื่อคนง่าย
    ชอบติเตียนทั่วไปมือไม่พาย
    ชอบก้าวก่ายหน้าที่สามีตน

    ชอบเล่นไพ่เล่นหวยคิดรวยลัด
    สารพัดการพนันเมียฉันสน
    ยามเล่นได้ใช้คล่องคะนองตน
    ยามเสียบ่นลองใหม่ดวงไม่ดี

    ชอบทำร้ายสามีทั้งตีทุบ
    จนดั้งยุบใบหูก็ยู่ยี่
    ซ้ำทำร้ายจิตใจไม่ไยดี
    ว่าไม่มีน้ำยาน่าเจ็บใจ

    รันทดท้อทุกข์เข็ญไม่เป็นท่า
    แอบเขียนมารำพันยังหวั่นไหว
    หากแม้ท่านอ่านจบลบทิ้งไป
    ขืนปล่อยไว้เธอรู้เข้าเราจะซวย
     

    P
    ดอกไม้ทะเล
    เมื่อ อา. 17 มิ.ย. 2550 @ 06:51 [295266]
    http://gotoknow.org/blog/mrschuai/103779
  • แล้วเราก็จะเห็นได้โดยวิจารณญาณว่า สิ่งใดเป็นคุณ สิ่งใดเป็นโทษ  สิ่งใดเป็นพิษ  เมื่อเรานำไปใช้ หรือเข้าไปสัมพันธ์ด้วยผิดมุม  
  •  ที่พี่แอมป์ชอบที่สุด  คือหลักคิดนี้  ไม่ได้คิดเป็นราคา  แต่คุณค่าจะเกิดเอง  เมื่อผู้นำไปใช้มองเห็นมุมมองที่เป็นคุณ  ผู้นำเสนอหลักคิด    ก็ไม่ได้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของ  ไม่ได้เรียกร้องลิขสิทธิ์   และไม่หากำไรเอาจากหลักคิดนั้นแต่ประการใด  
  • ตนเป็นที่พี่งของตน

     ตรงนี้ช่างสะท้อนสังคมไทยได้ชัดแจ่มมากๆ เลย ว่าคนที่ประสบผลสำเร็จในด้านต่างๆ แล้ว จะหยุดแค่นั้น หรือจะทำเพื่อสังคมต่อไป จะทำแค่นั้นหรือจะทำเหมือนต้นไม้ที่ยกตัวอย่างมาโดยที่เทียบบุคคลเท่ากับใบไม้แต่ละใบ

    ข้อความสองเรื่องที่มีส่วนคล้ายกับมีส่วนต่าง

    พึ่งตนเองจนสำเร็จแล้วมาช่วยสังคม  แหมช่างดีแท้ๆ สังคมเราไม่มีความแตกต่างด้านความคิด ไม่ขัดแย้งความเจริญก็ไม่มี  แต่ภายใต้ความแตกต่างคงอยู่ซึ่งความสัมพันธ์   การพัฒนา การศึกษา การแลกเปลี่ยน การรวบรวมสรุป  การเปลี่ยนแปลง การถ่ายเท ไปสู่การเคลื่อนไหวไปสู่ความสำเร็จ

    http://gotoknow.org/blog/mrschuai/104000

     http://gotoknow.org/blog/goodliving/104109

    Psasinanda
    vichitranand property co;ltd

      การเลี้ยงเด็กไม่ให้แล้งน้ำใจ ไปไหนไม่ขัดสน ต้องฝึกให้เด็กมีความอดทนต่อความลำบาก ต่อความทุกข์เวทนา ต่อการกระทบกระทั่ง และต่อการเย้ายวนของกิเลส ฝึกลูกไม่ให้เห็นเงินเหนือกว่าความดี ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่บ้านเมืองเราไปไหนไม่ไกล  ทั้งที่มีทรัพยากรดีกว่าอีกหลายๆประเทศในโลกการเลี้ยงลูกหลานให้เป็นคนดี  ไม่ใช่การย้อมผ้าสี  หากผิดพลาดแล้ว แก้ไขลำบากมาก

    http://gotoknow.org/blog/p88/104110

    P
    ประเสริฐ ศรีแสนปาง
    โรงเรียนมหิศราธิบดี
    ถ้าทุกคนเต็มใจให้ด้วยความรัก ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ก็เป็นสุขได้ครับ
    เพราะการเต็มใจให้ ทั้งผู้ให้ และผู้รับก็มีความสุขที่สุดแล้วครับ
    วันนี้มีแต่เพลงนะครับ (พักผ่อนบ้างครับ.....เสียงเพลงทำให้
    สมองทางซีกซ้ายได้พัฒนาบ้างครับ จะได้เท่าเทียมกัน)

    P
    ประเสริฐ ศรีแสนปาง
    เมื่อ อา. 17 มิ.ย. 2550 @ 21:15 [295778]
    การเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กดีมีความรับผิดชอบ ต้องให้เด็กมีวินัยทั้งทางโลก เช่น วินัยต่อเวลา วินัยต่อความเป็นระเบียบ และทางธรรม เช่นการรักษาศีล 5 ( ผมอยากให้เกิดขึ้นกับเด็ก ๆ ทุกคนจังครับ)
    ผมดีใจ และชื่นชมกับอาจารย์ครับ
    อาจารย์มีเวลาดูแลเลี้ยงหลานอย่างที่ตั้งใจครับ
    ผมได้สัมผัสกับนักเรียนในระดับม.ต้น-ม.ปลาย
    มาเกือบ 15 ปี นักเรียนประมาณเกือบร้อยละ 70
    ครอบครัวแตกแยก หย่าร้าง และพ่อแม่แต่งงานใหม่ อยู่กับคุณตา คุณยาย คุณปู่ คุณย่า
    คุณอา คุณน้า และอยู่วัด ผลพลวงจากบริบท
    ทางสังคมที่เปลี่ยนไป(ธุรกิจที่กำลังกอบโกยเงิน และตอบสนองพวกเขาคือ เกม สิ่งมอมเมา
    ที่แวดล้อมคอยตักตวงเอาเงิน-ทองจากเด็กและเยาวชนอย่างไม่คิดว่าเขาเหล่านั้นจะไปเป็นกำลังของชาติ)
    ขอบคุณครับที่อาจารย์มีแนวคิดที่มานำเสนอ
    เพื่อเป็นแนวทางพ่อ แม่ มือใหม่ที่จะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากอาจารย์ นำไปใช้บ้างครับ
    ขอบคุณครับ
    http://gotoknow.org/blog/goodliving/104109
    P
    P

    สวัสดีครับท่านครูที่เคารพ

    • ขอบพระคุณมากครับ สำหรับคำเด็ดๆ

    สัตว์ทุกประเภทพึ่งตนเองได้ดี เป็นแบบอย่างมนุษย์ได้ ขอบใจที่เอาความรู้ดีๆมาฝากสม่ำเสมอ ขยันทำความดีไม่เสียหลาย ช่วยให้ผมบรรเทาโง่ได้

    • ทำให้ผมคิดถึง การที่คนคิดว่า มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ เลยครับ บางทีทำให้ผู้คิดว่าทำไมคนเราเห็นแก่ตัวจังที่จะไปว่าสัตว์ ว่า เดรัจฉาน เราคิดเอาเองหรือเปล่าครับ ท่านครู
    • ช่วยไขปัญหาหน่อยครับ ...ท่านอื่นคิดว่าอย่างไร ทั้งๆ ที่สัตว์ เค้าก็มีกระบวนการของเค้า พืชเองก็เช่นกันนะครับ
    • แต่ที่เจ็บหนักกว่านั้นคือ คนที่ได้ชื่อว่าสัตว์ประเสริฐนั้น อย่าได้คิดว่าทุกคนจะเป็นสัตว์ประเสริฐได้ และผมก็ไม่เชื่อว่าทุกคนจะเป็นสัตว์ประเสริฐได้ หากไม่พร้อมด้วย การคิดดี ทำดี แก้ปัญหาดี รับดี และให้ดี แล้ว น่าจะมีส่วนหนึ่งที่เป็นเงื่อนไขของคำว่าประเสริฐนี้ด้วยครับ
    • ท่านอื่นเห็นว่าอย่างไรครับ ร่วมแลกเปลี่ยนนะครับ
    • http://gotoknow.org/blog/mrschuai/104000

    หมู่มวล ธรรมชาติ แมกไม้ สัตว์ป่า  อยู่ได้เพราะความสมดุลย์ทางธรรมชาติ 

    แก่นของความอยู่ดีกินดี ของสังคมมนุษย์ คือ ความสมดุลย์ทางสังคม 

    การเรียกร้อง "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" "ความพอเพียง" "การทำบุญ" "บริจาค"     แก่นแท้คือ การถ่ายเทความสมดุลย์ในสังคมและความอยู่รอดของมนุษย์ชาติ  ที่บัญญัติขึ้นเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ 

    พระพุทธองค์ ไม่ได้บรรลุนิพานเพื่อตนเอง  ทรงเผยแผ่ธรรมะ มีเครื่องมือคือ ธรรมะ  มีตัวแทนพระองค์คือพระสงค์

    • พวกเราจะไปสู่หนทางแห่งความสมดุลย์แล้วหรือยัง
    • พวกเราจะเห็นถึงแก่นของมันแล้วหรือยัง
    • พวกเราจะมีวินัยกันหรือยัง
    • พวกเราจะศึกษา และ เห็นความสำคัญทางการศึกษาแล้วหรือยัง
    • พวกเราจะเข้าใจชุมชนได้ดีพอแล้วหรือยัง
    • แล้ว..........พวกเราจะไปไหนไปกันแล้วหรือยัง     http://gotoknow.org/blog/mrschuai/104000

     http://gotoknow.org/blog/ariyachon/104074

    Pคนไร้กรอบ
    อริยชน
    ดู FInal Score ชีวิตเด็ก Entrance หรือยัง
    โจทย์วิจัย อยู่ที่ ครู กับ พ่อแม่ มากกว่าเด็ก

     เป็นความคิดเห็นหนึ่งนะครับ  ---->  อย่าเชื่อถือนะครับ

    ผมได้มีโอกาส   ดู  หนัง ปีกลาย  เรื่อง Final score  ตามติดชีวิต  เด้กนักเรียน มอ หก  ห้อง 609 รร สวนกุหลาบ    สอบ เอ็นสะท้าน  ปี 48  ช่วงที่  มีปัญหา O net   / A net มั่ว ๆ

    ผมได้ ข้อคิดมากมาย

    • การศึกษาที่เอาแต่ "รับรู้"  ไม่มี "เรียนรู้" เลย  ไม่ได้สร้าง sense ให้ผู้เรียนเลย  --->   แบบนี้  ไม่แปลก ที่ บ้านเมืองออกมาอ่อนแอ ทั้ง สถาบันครอบครัว  ชุมชน  พ่อแม่  ครูอาจารย์   ฯลฯ
    • ครู  ฟิสิกส์  ตวาด นักเรียนชื่อ  Per ว่า  "ไป ...ออกไป   ไปไกลๆเลย  ไม่อยากเจอหน้า"  ...เด็ก ก็ตอบว่า  ผมออกไปอาเจียน ไม่สบาย ครูไม่รู้หรือครับ ? "   ----->   มันสะท้อน  อะไรหลายอย่าง   ไม่ว่า  การที่เราเอาครูคนหนึ่ง มาโดนกดดัน จน EQ กระเจิง   ครูมีปัญหาทางอารมณ์มากกว่าเด็กครับผม    --->  ระบบการเรียนการสอน ยังโบราณสุดๆ   ตอบสนองบริโภคนิยม เต็มรัก
    • ครูชาย คนหนึ่ง  ถาม นักเรียนว่าอยากเรียนต่ออะไร   เจ้า boat บอกว่า ประมง   แค่นั้นเอง ครู แผดเสียงว่า "หยุดๆๆ  ไม่ต้องพูดต่อ  ...   ทำไมไม่เรียนที่มันทำเงิน  !!! "    .....  วงการครู  ขาดความเข้าใจเรื่อง สุนทรียสนทนาอย่างรุนแรง   ห้ามเด็กพูดเฉยเลย    และ ที่สำคัญ  คือ ครูแต่ละท่าน แทบจะ ไม่ดูจิต เลย    .... จิตเกิดแรงๆ ใส่เด็กตลอดเวลา ...  ครูนั้นแหละ ที่ต้องเข้าค่ย ปฏิบัติธรรมให้มากๆๆๆๆๆๆ 
    • เด็กลุง (ชื่อ วรภัทร สะด้วยนะ)    ถามเพื่อนๆว่า ความรู้คืออะไร ( ฉากนี้ นึกถึง พวกเราใน GoToKnow จริงๆ)    บางคนตอบว่าไม่รู้    เจ้า Big show ไม่ตอบ เพราะ ไม่มีผลต่อการสอบ   เจ้าลุงเลย หลอกว่า  ออกสอบนะ  เพราะ Big Show บ้า entrance เต็มๆ  ....  เจ้า Per ตอบว่า "ประสบการณ์"    หลายคนตอบว่า ที่เรียนมาทั้งหมด   ที่สะสม  ที่ต้องเอาไปดูหนังสือ  .....  สุดท้าย ลุงไปถาม อาจารย์หญิงว่า ความรู้ คือ อะไร  อาจารย์  ตอบแบบ เสียไม่ได้ว่า  "ความรู้ คือ ทุกอย่าง .....  ถามทำไม ! "   ออกอาการขับไล่  .....ฟังตามคำตอบ ของ ทุกคนในเรื่องนี้   ได้แต่   ---->   อนิจจาประเทศไทย  เศร้านะ  การศึกษาไทย
    •  หนังเรื่องนี้ นักจิตวิทยา นักพฤติกรรมศาสตร์  ดูแล้ว  คง สะท้านไปหมด    ----->  "ใคร" เป็นหัวข้อวิจัย ที่ต้องนำมาศึกษา   ผมว่า "วิธีคิดของครู และ ผู้ออกแบบระบบการศึกษาไทย" นั่นแหละครับ    ที่ต้องเอามาเป็น หัวข้อวิจัย    ว่า คิดได้ไงเนี่ย      
    • เด็ก Per  เครียด   จับจิ้งจกครอบไว้ตั้งแต่เช้ากะให้ตาย  ถ่าย VDO ตนเองโดดชนกำแพงเล่น  เดินตากฝนคนเดียว  ฯลฯ   พฤติกรรมแบบนี้  ครูไทยมองไม่ออก ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไงเนี่ย
    • ครู ทำเหมือนว่า  เด็ก เข้ามาทำให้ชีวิตของท่าน เหนื่อยๆๆๆๆ  
    • ที่น่ารัก คือ ครูหญิง สอนพลานามัย   ท่านเมตตา ต่อ เจ้า BIg show มาก   ค่อยเห็นครูที่มีเมตตาบ้าง
    • ครูดนตรี   ตวาด เสียงดัง   จน นักเรียนแบบ Per งง
    • ครูแนะแนว   แนะประหลาดดี    ต้องไปดูเองครับ  หนังเรื่องนี้สอนอะไรเยอะ
    • แม่ per  ที่ไม่สนใจจะ deep listening ว่าลูกคิดอะไร   โชคดีมี พ่อ ที่ เข้าใจ Per   
    • พ่อของ per  เป็น พ่อแบบ LO & KM  คนหนึ่งเลยนะครับ
    • ขนาดไปหาหมอ  แม่ Per ยังตอบแทนลูกเลยว่า ลูกเป็นไร   จนต้องบอกว่า  ใครป่วยกันแน่ ?
    • แม่ Per   ยังต้องฝึกกาควบคุม การพูดอยู่มาก  เป็นแม่ที่รักลูกแต่ Over ไปหน่อย  รักมากจน น่ารำคาญ
    • ครู พ่อแม่  ยังเป็น แบบ Newtonian กันมากๆ  ยังควาญหา ธรรมชาติไม่เจอเลย
    • ครูยังไม่เข้าใจ การประเมิน พฤติกรรมเด็กเลย  ขาด Constructionism ทั้งครู  นักเรียน พ่อแม่ คนออกข้อสอบ สังคม ผู้บริหารการศึกษา   ฯลฯ
    • เห็น สมการเคมี  โจทย์คณิตศาสตร์แล้วงงครับ   ผมทำงาน NASA มามากมาย  ยังไม่ต้องวุ่นวาย  ใช้สมการมากมาย ขนาดนี้เลย   เป็นการเรียนเผื่อจะได้ใช้ทั้งนั้น   ---->  เมื่อไร จะ สังคายนาหลักสูตร ทุกระดับสะ  หัดฟังคนอื่นๆ นอกวงการบ้างนะ   สุนทรียสนทนาบ่อยๆนะครับ   ....  อย่าเอาอนาคตของชาติมาทำลายเล่นเลย 
    • เรียนคณิตศาสตร์  ไม่ได้แปลว่า คิดเป็นเสมอไปนะครับ   ครูคณิต ฯ ที่คิดไม่เป็นก็น่าจะมีให้เห็นมากมาย    เพราะ คิดแบบคณิต ฯ กับ คิดเป็นระบ คิดแบบโยนิโสมนสิการ คิดแบบหาเหตุผล คิดแบบจิตว่าง  ฯลฯ  เป็นอีกหลายๆรูปแบบของการคิดครับ
    • ฯลฯ

    ผมก็ไม่แน่ใจว่า หนังจะ สร้างเอง มีบทเองหรือเปล่านะ  แต่ เท่าที่ ทราบเล่นกันสดๆ 

    ผมก็ไม่ได้คิด จะโจมตีใคร    เพราะ ข้อมูลก็ตามในหนัง  หนังทำให้เราคิดแบบนั้น   เรื่องจริง ครู พ่อแม่ เด็ก  อาจจะ  ดีแสนดี  น่ารัก  ฯลฯ  และ นี่ก็ผ่านไปหลายปีแล้ว  พวกเขา คงเรียนรู้และปรับปรุงตัวได้แล้ว  

    อย่างไรก็ตาม  หากความเห็นโง่ๆของผม ผิดพลาด  ก็ขออภัยด้วยนะ   ...  ถ้าคิดเห็นต่างออกไป   ก็ยินดีแลกเปลี่ยนครับ

    เพราะ บางที ยุทธศาสตร์ ของ ครู   อาจจะต้องการให้ เด็กอดทนก็ได้นะ  ทนแรงกดดันให้ได้มากๆ    เวลาไปเป็นลูกจ้างใครจะได้อดทน  เจ้านายโหดๆ ก็คือ ครูโหดๆ ที่เคยผ่านมาแล้ว    ....  ผมคิดอย่างนี้นะ  อาจจะผิดก็ได้

     

    ----->   แต่ อยากให้ หนังเรื่องนี้ได้ เป็น กรณีศึกษา  ที่ ผู้ใหญ่ ควรจับตามอง  ----->    เราเอาอนาคตของชาติ มาฝากไว้  กับ คนกลุ่มหนึ่งที่ดูแลการศึกษา  หรือ นี่    ...... เศร้า จริงๆ

    คนวงการ KM  พลาดเรื่องนี้   เสียดายแย่เลยนะ

    P
    ธนพันธ์ ชูบุญ
    เมื่อ อา. 17 มิ.ย. 2550 @ 18:35 [295660]

    อ่านแล้วถูกใจ โดนใจ กระแทกใจผมอย่างแรงครับ

    ผมเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ได้มีโอกาสสอบสัมภาษณ์นักเรียนสอบเข้า

    เจ็บหัวใจอย่างยิ่งที่ 100% ของนักเรียนที่ผมสัมภาษณ์ (จำเป็นต้อง) เรียนพิเศษมาอย่างโชคโชน

    วิชาภาษาไทยบ้านเกิด ยังต้องไปเรียนกันเลยครับ

    ทุกวันนี้ผมเองก็ยังมีความสงสัยอยู่เหมือนกันว่า เด็กๆเราเรียนอะไรกันนักหนา ไม่รู้ว่า E=MC2 ที่สอนไป จะทำให้เด็กเราสร้างระเบิดอะตอมได้เสียอย่างนั้น

    เฮ้อ...........ขอบคุณจริงๆครับ ตรงใจ 

     http://gotoknow.org/blog/ariyachon/104074

    Pอ.อาลัม
    วิทยาลัยอิสลามยะลา วิทยาเขตปัตตานี  http://gotoknow.org/blog/alamhouse/104130
    เหรียญต่างๆ้ในยุคอิสลามรุ่งเรือง

    คุณเคยเห็นเหรียญดิรฮัมที่ใช้ในยุคอิสลามรุ่งเรืองไหมครับ? ผมพบเรื่องนี้ โดยบังเอิญ 

    สำหรับท่านที่สนใจอยากดูรายละเอียดมากกว่านี้เปิดดูได้ที่นี่ครับ 

     http://gotoknow.org/blog/pilgrim/103908

    Ppilgrim

    ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน

    เพราะนอกเหนือจากการช่วยสนับสนุนภาครัฐส่วนต่างๆ ที่กำลังทำงานให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนแล้ว ร่าง พรบ.ฉบับนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อองค์กรชุมชนที่ทำงานนี้อยู่อย่างโดดเดี่ยว หรือลำบากยากเย็นในการประสานงาน เพราะหากเป็นองค์กรชุมชน มูลนิธิ ที่มีประสบการณ์การทำงานและมีผลงานเป็นที่ยอมรับ ก็อาจขอรับการขึ้นทะเบียน ตามที่ พรบ.นี้กำหนดได้ ซึ่งจะช่วยยกฐานะให้เป็นองค์กรให้บริการ ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงยุติธรรม โดยผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการขึ้นทะเบียน จะถือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายอาญา

    นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงงบประมาณที่องค์กรให้บริการเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากรัฐอีกด้วย

    นอกจากช่วยให้เกิดความหลากหลายยิ่งขึ้นขององค์กรผู้ให้ความช่วยเหลือแล้ว ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนก็จะได้รับผลประโยชน์โดยตรง โดยเฉพาะประชาชนที่มีฐานะยากจน ที่ไม่มีเงินพอที่จะจ้างทนาย หรือใช้จ่ายในกระบวนการยุติธรรม 

    นับว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของการสร้างความยุติธรรมและสันติในสังคมไทย

    น่าจะช่วยกันสนับสนุนร่าง พรบ.นี้กันด้วยนะคะ

     
    Pนาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
    http://gotoknow.org/blog/paiboon/104237
    จดหมายถึงญาติมิตรพัฒนาสังคม ฉบับทิ่ 19 (18 มิ.ย. 50)

                กรณี ร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน คือ ความก้าวหน้า ใน ความไม่ก้าวหน้า

                    เป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์แล้วที่เรื่องของ ร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ทางโทรทัศน์ ทางวิทยุ รวมทั้งมีบทวิเคราะห์วิจารณ์ต่างๆต่อเนื่องมาทุกวัน และมีท่าทีว่าจะยังคงมีข่าวและบทวิเคราะห์วิจารณ์ต่อไปอีกระยะหนึ่งอย่างแน่นอน

                    เรื่องร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชนเริ่มเป็นข่าวหน้า 1 ครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน โดยมีเนื้อข่าวว่าร่าง พรบ. นี้ถูกคัดค้านในที่ประชุม ครม. ในขณะที่ผมได้ชี้แจงต่อ ครม. ว่าร่าง พรบ. ฉบับนี้มีความสำคัญเป็นลำดับที่หนึ่งของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกระทรวงฯที่สนองนโยบายด้านสังคมของรัฐบาลตามที่ได้แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ภายหลังการเข้ามารับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน

                    เมื่อเรื่องนี้เป็นข่าวแพร่สะพัดออกไป ก็ได้มีเสียงทั้งสนับสนุนและคัดค้านจากหลายๆฝ่าย หลายๆกลุ่ม หลายๆบุคคล

                    สื่อมวลชนส่วนใหญ่ นักพัฒนาโดยรวม นักวิชาการโดยรวม องค์กรชุมชนโดยรวม ได้ให้ความเห็นในเชิงสนับสนุน ร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน

                    ส่วนเสียงคัดค้านมาจากกระทรวงมหาดไทย สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 3 สถาบัน (ได้แก่ สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และสมาคมสันติบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย) กับสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย เป็นหลัก

                    ในจังหวัดต่างๆหลายจังหวัด ได้มีกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน

                    แต่ก็มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนหนึ่ง ตลอดจนกำนันผู้ใหญ่บ้านบางคนได้พูดสนับสนุนร่าง พรบ. ฉบับนี้ 

                    ทางด้านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีสมาชิกจำนวนหนึ่งประกาศว่าจะนำเสนอร่าง พรบ. ในสาระทำนองเดียวกันเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ด้วยไม่ว่ารัฐบาลจะเสนอร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชนตามข้อเสนอของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯหรือไม่ก็ตาม

                    สำหรับนักวิชาการ ได้มีการจัดสัมมนาพิจารณาร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชนที่จุฬาลงกรณ์มหาลัยไปแล้ว และทราบว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคจำนวนหนึ่งกำลังจะจัดสัมมนาในเรื่องนี้เช่นกัน

                    และพอจะคาดหมายได้ว่า การตื่นตัวรับรู้ การศึกษาเรียนรู้ การวิเคราะห์วิจารณ์ การพินิจพิจารณา ฯลฯ เรื่องร่าง พรบ. สภาองค์ชุมชนและประเด็นที่เกี่ยวพันกัน จะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและอย่างต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งเป็นอย่างน้อย

                    ดังนั้น แม้ว่า ครม. จะยังไม่เห็นชอบร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน และได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาประเด็นที่ขัดแย้งกันอยู่ก่อนนำมาให้ ครม. พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ยังมีเสียงคัดค้านจากกระทรวงมหาดไทย และกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่าความก้าวหน้าของร่าง พรบ. ฉบับนี้ คงต้องเกิดการสะดุดหรือชลอในช่วงเวลาหนึ่งเป็นอย่างน้อย

                    แต่จากปรากฏการณ์ดังที่ผมได้ลำดับมาโดยสังเขป อาจกล่าวได้ว่ากรณี ร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชนนี้ ได้เกิด ความก้าวหน้า ใน ความไม่ก้าวหน้า อย่างน่าสนใจและอย่างมีคุณค่าทีเดียว!

                                                                                                    สวัสดีครับ

                                                                                                           ไพบูลย์  วัฒนศิริธรรม
    P
    ดร. ทิพวัลย์ สีจันทร์
    เมื่อ จ. 18 มิ.ย. 2550 @ 12:26 [296392]

     http://gotoknow.org/blog/paiboon/104237

    กราบเรียนท่านอาจารย์ค่ะ

    นักวิชาการของสถาบันต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคกลางและตะวันตกจำนวนหนึ่งกำลังขับเคลื่อนเรื่องนีอยู่เช่นกันค่ะ โดยเราจะมีการสัมมนาเวทีนโยบายสาธารณะภาคตะวันตกเรื่อง "สภาองค์กรชุมชนสร้างความเข้มแข็งชุมชนรากฐานจริงหรือ?" ระหว่างวันที่ 27-28 มิถุนายนนี้ ที่ห้องประชุม "ภูมิแผ่นดิน" มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรีค่ะ นอกจากเวทีสัมมนาที่มีตัวแทนนักวิชาการและตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้ว จะมีการศึกษาดูงานที่ "ศูนย์เรียนรู้บ้านหนองกลางดง" ตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบฯด้วยค่ะ

    เรื่องพรบ.สภาองค์กรชุมชนนี้ เป็นสิ่งที่นักวิชาการ นักพัฒนา นักปกครอง องค์กรชุมชน และภาคีภาคส่วนต่าง ๆ คงต้อง "เรียนรู้" ร่วมกันอย่างเข้มข้นและจริงจังภายใต้ความเป็น "กัลยาณมิตร" ค่ะ ประเด็นสำคัญที่ได้เรียนให้ท่านอาจารย์ทราบแล้วในเวทีการสัมมนาสถาบันการเงินชุมชนที่บ้านหนองสาหร่าย อำเภอพนมทวนจังหวัดกาญจนบุรีเมื่อวันเสาร์ที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา คือ จะทำอย่างไรให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องสภาองค์กรชุมชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในส่วนของ "ภาครัฐ" ที่ทำงานด้านการพัฒนา การสร้าง "วงเรียนรู้" อย่างเป็นระบบและต่อเนื่องของภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีบทบาทในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนเพื่อการ "หนุนเสริม" ซึ่งกันและกันมากกว่าการขัดแย้งกัน

    ชุมชนมี "วิถี" ที่เป็นของตนเอง ภาคส่วนต่าง ๆ ที่เข้ามาทำงานในชุมชนควรทำหน้าที่เป็น "พี่เลี้ยง" สนับสนุนให้เกิด "กระบวนการเรียนรู้" ของชุมชน เพื่อให้ชุมชนเรียนรู้ที่จะ "จัดการ" ชุมชนให้เข้มแข็งภายใต้ "ทุน" ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในชุมชนและภายใต้"บริบท" ที่เป็นจริงของแต่ละชุมชน ซึ่งในพื้นที่ภาคตะวันตก(และในพื้นที่ภาคอื่น ๆ เช่นกัน)ได้มีความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ ในการทำงานด้านนี้มาระยะหนึ่งแล้วค่ะ เท่าที่ได้ลงทำงานในพื้นที่ร่วมกับองค์กรชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพบว่าอปท.หลายแห่งเข้าใจถึงความสำคัญของพรบ.สภาองค์กรชุมชนค่ะ

    ตัวเองคิดว่าการมีพรบ.สภาองค์กรชุมชนรองรับ จะช่วยทำให้การทำงานขององค์กรชุมชนราบรื่นขึ้นค่ะ เพราะหลายคนของหน่วยราชการบางแห่งยังคงเข้าใจว่าองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานเพื่อชุมชนเหล่านี้เป็นองค์กรที่สร้างปัญหา  ยกตัวอย่างช่วงที่ทำงานโครงการวิจัยเรื่องการพัฒนาขบวนการสหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี มีข้อค้นพบว่าองค์กรที่จดทะเบียนเป็น "สหกรณ์" แม้จะทำงานมีประสิทธิภาพหรือไม่เพียงใด หากแต่ได้รับการยอมรับเพราะการได้ "ขึ้นทะเบียน" ในขณะที่องค์กรชุมชนหรือ "สหกรณ์ภาคประชาชน" เช่น กลุ่มสัจจะฯ กลุ่มแผนแม่บทฯ กลุ่มเกษตรอินทรีย์ และอีกหลาย ๆ กลุ่ม ถูกกล่าวหาจากหน่วยราชการว่าเป็น "กลุ่มเถื่อน" ซึ่งคำนี้บั่นทอนกำลังใจของคนทำงานเพื่อชุมชนไม่น้อยค่ะ

    อย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับความจริงว่า องค์กรชุมชนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากนั้น หากวิเคราะห์แล้วจะพบว่าองค์กรชุมชนที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริงมีอยู่ไม่มากนัก การวางแผนงานเพื่อ "การขยายผล" จากองค์กรชุมชน "ต้นแบบ" สู่องค์กรชุมชน "เครือข่าย" จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก เนื่องจากองค์กรชุมชนส่วนใหญ่ยังคงต้องการ "การเรียนรู้" เพื่อการพัฒนาตนเองให้เข้มแข็งในอีกหลาย ๆ ด้าน เพื่อที่จะสามารถเป็น "แกน" ในการขับเคลื่อนให้เกิดความเข้มแข็งของชุมชนให้ได้จริง การมีพรบ. สภาองค์กรชุมชนเพื่อช่วยเสริมสร้างให้เกิดความเข้มแข็งขององค์กรชุมชนจึงเป็นเรื่องที่ดีและจำเป็นค่ะ ขณะเดียวกันคงต้องมาช่วยกันพิจารณาในรายละเอียดของเนื้อหาพรบ.ซึ่งเป็นภารกิจที่คงต้องร่วมทำกันต่อไปค่ะ

    หวังเช่นกันว่าว่าบ้านเมืองของเราจะมี "ความก้าวหน้า" เกิดขึ้นบ้างในความ "ไม่ก้าวหน้า" ที่เห็นและเป็นอยู่ค่ะ  

    P
    http://gotoknow.org/blog/LifeLearning/104420

      ความสำเร็จและความภาคภูมิใจในชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ไม่ใช่อยู่ที่ "ต้นทุน" แต่อยู่ที่ "คุณค่า" และ "กำไร" ของชีวิตต่างหาก...

                     

                     สำหรับบางคนแม้"ต้นทุน"ชีวิตจะน้อยกว่าคนอื่น แต่"คุณค่า"และ"กำไร"ชีวิตไม่แพ้ใครแน่นอนครับ

    PHandy
    ม.ราชภัฏจันทรเกษม
    ระวังลิฟท์ที่สนามบิน สุวรรณภูมิ .. คำเตือน เพื่อนฝากมา !
    ปรากฏสิ่งที่พบคือเเรงงานพม่าชายจำนวน 10 คนได้ยืนรออยู่หน้าลิฟท์
       รับ e-mail จากเพื่อนแล้วไม่อยากรอช้าครับ .. ลองอ่านดู เพื่อได้รู้ และ กัน ดีกว่า แก้ ครับ ..

         เมลนี้เป็นเมลที่จะเตือนภัยให้ทุกๆคนระวัง

    เรื่องก็มีอยู่ว่า มีข่าวว่าลิฟท์ชั้นสุดท้ายห้ามลง เนื่องจากมีข่าวลือมาว่ามีการข่มขืนเกิดขึ้น และเเล้วก้อได้มีผู้ชายคนนึงได้ยินข่าวนี้เหมือนกัน จึงลองกดลิฟท์ไปที่ชั้นสุดท้าย ปรากฏสิ่งที่พบคือเเรงงานพม่าชายจำนวน 10 คนได้ยืนรออยู่หน้าลิฟท์เเละทำหน้าแปลกใจกับสิ่งที่ได้พบเห็น (พี่คนกดเป็นผู้ชาย) ซึ่งเหตุการณ์นี้ถ้าเป็นผู้หญิงที่กดลิฟท์ผิดชั้นคุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    ดังนั้นรบกวนให้ทุกคนที่ได้รับเมลนี้ช่วยส่งต่อกันไปเรื่อยๆ เพื่อช่วยกันระเเวดระวังไม่ให้เหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นอีก

    และดีที่สุดคือ เวลาทุกคนไปที่สนามบินกรุณาใช้บันไดเลื่อนจะปลอดภัยกว่า

    http://gotoknow.org/blog/paiboon/104237

    P
    หนุ่ม ร้อยเกาะ
    เมื่อ จ. 18 มิ.ย. 2550 @ 21:18 [296864]
    • ขอบคุณครับ ท่าน รองนายก ไพบูลย์ฯ ที่ท่าน ได้จุดประกาย ให้สังคม ได้รับรู้
    • ผมเป็นข้าราชการคนหนึ่ง และเคยทำงานด้านสังคม ชุมชน มาด้วย เห็นด้วย กับ พรบ.ฉบับนี้มาก และอีกหลายๆคนที่ท่านได้กล่าวมา ก็เห็นด้วยเช่นกัน เพราะเดี๋ยวนี้ มีภาคประชาชนเข้ามา มีส่วนร่วมใน อปท.มากขึ้น แต่ไม่มากพอที่จะไปเปลี่ยนแปลง ความคิดดั้งเดิมได้
    • ขอให้กำลังใจ ท่านรองฯต่อสู้เพื่อสังคมต่อไปครับ ยังมีคนเห็นด้วยกับท่านอีกมาก แต่ไม่มีโอกาส แสดงความคิดเห็น ครับ
    P
    นาย วรชัย หลักคำ
    เมื่อ อ. 19 มิ.ย. 2550 @ 10:02 [297198]

    สวัสดีครับ ท่านอาจารย์

         ผมขอให้กำลังใจนะครับ

     http://gotoknow.org/blog/light/104659

    Pสุปราณี (แกบ) จริยะพร
    สคส.

    การมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องผ่านอุปสรรคใด ๆ เลย จึงมีแต่จะทำให้เราพิการและไม่แข็งแรง การดิ้นรนฝ่าฟันอุปสรรคต่างหาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินชีวิต ซึ่งจะช่วยให้เรายืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะอย่างนั้น

     

                ภูมิใจกับการดิ้นรนในวันนี้เถอะ ถ้าคุณหวังจะไปให้ถึงวันดี ๆ ของชีวิต ที่สามารถโบยบินได้อย่างเสรี!  

               อย่างน้อย ก็สร้างกำลังใจให้กับตัวเอง

     http://gotoknow.org/blog/kamkam/104628

    P
    เทคนิคการทำงานเป็นทีมอย่างแท้จริง


    คุณเคยเป็นแบบนี้บ้างไม๊

    ********************   อะไรๆ ก็กู ทั้งปี เลยยยยยยยย   *********************

    *************************  เพื่อใคร เพื่อชาติมั้ง  ***************************

    Pดร. บัญชา ธนบุญสมบัติ
    สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
    สัญลักษณ์ - ความหมายของการแต่งงาน (ที่แท้จริง)

     

     พอดีไปเจอสัญลักษณ์แสดง "ความหมายที่แท้จริง" ของการแต่งงานเข้า

    เลยนำมาฝากคร้าบ... ;-)

    ยินดี ที่มีส่วนร่วมใน blog นี้ค่ะ

    Pดร. บัญชา ธนบุญสมบัติ
    สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  http://gotoknow.org/blog/funny-stuffs/104162

    คุกกี้จตุคำ รุ่น ฉุกคิดรวยโคตร

     

    พระพยอมจัดทำคุ้กกี้ "จตุคำ" เตือนสติผู้นิยมจตุคามรามเทพ 

    Pดร. บัญชา ธนบุญสมบัติ
    สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  http://gotoknow.org/blog/funny-stuffs/104160

    Pดร. บัญชา ธนบุญสมบัติ
    สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)   http://gotoknow.org/blog/funny-stuffs/103405

    หนังสือออกใหม่จ้า! 

    Pดร. บัญชา ธนบุญสมบัติ
    สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  http://gotoknow.org/blog/funny-stuffs/102711

    แม้วซื้อ 'City' แล้ว!

     

    P

    วิหคเหิรฟ้า     " วินัย " ในสังคมไทย...ยังมีความหวังไหม ?

    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/102584

    ทำไมเบิร์ดถึงนึกถึงคั่วกลิ้ง ?...ก็เพราะสภาพของ " คน " ในสังคมที่เล่าฮูบ่นพึมพำเป็นหมีดื่มน้ำชาอยู่ในตอนนี้ ..ทำให้เบิร์ดจี๊ดขึ้นในใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเป็น " คน " ที่คนไม่ทั่ว ..คนเราก็เหมือนทำอาหาร  ถ้าคนไม่ทั่ว รสชาติก็ไม่พอดี !

    P

    วิหคเหิรฟ้า     " วินัย " ในสังคมไทย...ยังมีความหวังไหม ?

    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/102584

    ในการพัฒนาของมนุษย์เพื่อเกิดวินัยนั้นจะขึ้นกับองค์ประกอบ 3 ประการคือ

    ด้านพฤติกรรม...ถ้าเขามีพฤติกรรมที่ดีด้วยความเคยชินก็ถือว่าดีมากๆเลยล่ะค่ะ

    ด้านจิตใจ...ถ้าเขามีความพึงพอใจหรือมีความสุขในการทำพฤติกรรมที่ดีนั้น พฤติกรรมนั้นก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่มีความสุขโอกาสที่จะละเมิดกฎเกณฑ์ก็มีสูง 

    ด้านปัญญา...ถ้าเขามีความรู้  เข้าใจเหตุผล  มองเห็นคุณค่า  มองเห็นประโยชน์ของการกระทำหรือพฤติกรรมนั้น  ความรู้ ความเข้าใจนั้นก็จะมาหนุนองค์ประกอบฝ่ายจิตใจของเขาทำให้เขายิ่งมีความพอใจและความสุขในการปฏิบัติตามพฤติกรรมนั้นยิ่งขึ้นไปอีก แต่ถ้าขาดก็จะมองไม่เห็นเหตุผลในเรื่องนั้นๆทำให้เกิดความลังเลที่จะทำ...

    ฉะนั้นองค์ประกอบสามส่วนนี้ต้องพัฒนาไปด้วยกัน รวมทั้งปัจจัยเอื้อที่เข้ามาเสริมคือความเป็นกัลยาณมิตร เพราะความเป็นกัลยาณมิตรจะทำหน้าที่หนุนองค์ประกอบทั้งสามด้านคือ

    • เป็นต้นแบบที่ดี ( ด้านพฤติกรรม )
    • มีความรัก ทำให้เกิดความอบอุ่น มีความเป็นกันเองพร้อมศรัทธาและความสุข ( ด้านจิตใจ )
    • กัลยาณมิตรรู้เหตุ รู้ผล สามารถบอกได้ว่าทำอย่างนั้นแล้วมีผลอย่างไร ทำให้เกิดความเข้าใจในเหตุผลและเห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำ ( ด้านปัญญา )

    พระมหาเจดีย์มุเตา พะโค(หงสาวดี) พม่า มิถุนายน 2550 / Shwemawdaw pagoda

    P
    http://gotoknow.org/blog/ariyachon/104439
    เก่งเฉพาะทาง รู้ลึกๆ แต่โง่กว้างๆ
    "รู้กว้าง มาเสริมรู้ลึก" "ลึกมากไป ก็ตื้นได้"

    คนหลายคน  ชอบที่ จะ เก่งทางใดทางหนึ่ง แบบสุดๆ สุดโต่ง

    ซึ่งผมก็เห็นด้วยไม่ว่าอะไร  .....  เพียงแต่ จะถามว่า

    • แน่ใจนะว่า ที่เก่งน่ะ  เก่งสุดแล้ว   
    • หลงตนเองหรือเปล่า   
    • บ้ายอหรือเปล่า  
    • เก่งในรู   คือ  เก่งเฉพาะ ในประเทศหรือเปล่า  หรือ แค่ในรั้วตนเอง
    • เคยเฉลียวใจไหม
    • ฯลฯ

    P
    http://gotoknow.org/blog/ariyachon/104439
    เก่งเฉพาะทาง รู้ลึกๆ แต่โง่กว้างๆ

    "รู้กว้าง มาเสริมรู้ลึก"    "ลึกมากไป ก็ตื้นได้"

    ลึกมากไปตื้นได้  เพราะ ขอบหลุม ขอบบ่อ ถล่มลงมาทับตนเอง  ฮ่าๆๆๆ

    P
    pinkyannie
    เมื่อ อ. 19 มิ.ย. 2550 @ 21:40 [297887]

    เห็นด้วยว่า บูรณาการองค์ความรู้ ช่วยให้เราได้เปิดโลกทัศน์ ทั้งยังเป็นส่วนกลับมากระตุ้น ต่อยอดความคิดในศาสตร์ของตนเอง

    น่าสนใจนะคะ... 

    เก่งแบบเป็ด

    เก่งในรั้ว ในรู ในกะลา

    เก่งแบบหลงคิดไปเอง

    เก่งแต่ปาก

    เก่่งแต่วิพากษ์ผู้อื่น

    ฯลฯ

     เคยมีราชบัณฑิตท่านหนึ่ง กล่าวว่า "จะสวยก็อย่า สวยสุดแต่ในซอย สวยให้ออกถนนใหญ่ สวยให้เห็นทั้งจังหวัด ทั้งในประเทศ ทั้งนอกประเทศ ลืมตาดูบ้างว่าคนอื่น อื่น เค้าไปถึงไหนกันแล้ว"

    คนเก่งจริง จะไม่ชมตัวเอง

    คนเก่งจริง จะไม่พล่ามแต่ว่าตัวเองเก่ง

    คนเก่งจริง ย่อมพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้เองจากการกระทำ  

    ..เป็นคำพูด ที่ติดในความทรงจำดิฉัน จนทุกวันนี้เลยค่ะ.... 

    http://gotoknow.org/blog/ariyachon/104439

    P

     http://gotoknow.org/blog/ariyachon/104439

    มนุษย์เรา มีความรู้แค่ใบไม้กำมือเดียว คำว่าเก่งจะซ่อนอยู่ตรงไหนละครับ เครื่องมือวัดความเก่งของมนุษย์ไม่มี

    แต่ที่แน่ๆน่าจะรู้ตัวว่า โง่น้อย หรือโง่มาก ถ้าโง่น้อยก็มาแปลว่าเก่งอย่างนั้นหรือครับ ในเมื่อศาสตร์ไหนๆของมนุษย์มันอยู่แค่ระดับสารบัญเท่านั้น

    ถ้าหาความรู้ไปเรื่อยๆ ก็จะรู้ว่าโง่ไปเรื่อยๆ ก็แค่นั้น ..ความเก่งยังอยู่ห่างไกลไม่รู้กี่ล้านปีแสง อิอิ ..

    อย่าเชื่อคนไม่เก่งบอกนะครับ เพราะทำยังไงผมก็เป็นได้แค่เข่งๆๆ ที่มีรูรั่วเยอะ ความฉลาดมันหลุดตกน้ำป๋อมแป๋ม ค้างอยู่แต่ตัวโง่ เลยโง่ป่ายป่วงจนเป็นปกติ

    P

    กราบสวัสดีครับท่านอาจารย์

           อ่านบทความแล้วเห็นด้วยครับ ทำให้ผมมองทบทวน บางครั้งผมคิดว่า เรารู้แค่ตรงนั้นแต่โง่รอบทิศทาง หลุมที่เคยขุดมาว่ารู้แล้ว ก็อาจจะมีการถมพังลงไป คล้ายๆ กับจรวดหรือเครื่องบินที่บินบนฟ้า รู้แค่เส้นทางที่เราเห็นกับมลพิษที่ปล่อยออกมาที่เราเห็นเหมือนเมฆแต่ในที่สุดมันก็สลายตัวไป แต่โง่รอบทิศทางเลย เผลอๆ ในที่ที่เรายืนอยู่เราโง่มากกว่าอีกก็ได้ หรือเปล่าครับ

           การขุดดินแล้วเหวี่ยงก้อนดินทิ้ง เราไม่ได้รู้เลยว่า ก้อนดินที่เหวี่ยงทิ้งไปนั้นเรารู้หรือเปล่าว่ามีอะไรอยู่บ้าง

           เกิดมาเพื่อโง่ หรือเกิดมาเพื่อรู้กันแน่หนอ... ขอโทษด้วยนะครับ ผมอาจจะแสดงความเห็นโง่ออกไปด้วยนะครับตามที่ผมคิดว่าผมรู้แต่มันอาจจะคือความโง่ของผมก็ได้ สิ่งที่เราคิดว่าเรารู้อาจจะเป็นสิ่งที่โง่ของอีกคนก็ได้ใช่ไหมครับ

    กราบขอบพระคุณมากครับ 

    http://gotoknow.org/blog/ariyachon/104439

    สวัสดีค่ะคุณเม้ง

    เอาเรื่องมหัศจรรย์มาฝากค่ะ......^                ^

    มหัศจรรย์ชีวิต แพนด้าคลอดก่อนกำหนด :premature Panda bear
    Miracle of Life of a premature Panda bear

    ผมได้รับ Fwd: mail จากเพื่อนคนหนึ่ง ส่งรูปหมีแพนด้าแรกคลอดมาให้ชม เป็นภาพที่น่ารักและน่าประทับใจ

    ผมนำมาฝากพี่สิทธิรักษ์ และทุกๆท่านใน Gotoknow

    P

    มาดูความน่ารักและมหัศจรรย์แห่งชีวิตพร้อมผม

    รับรองว่าคุณจะอมยิ้มตลอดที่ชมบันทึกนี้


    หนูอายุ 1 วัน

    เช็ดหน้าเช็ดตาหน่อยครับ

    กระผมอายุ 2 วันแล้วกั๊บ

    ผมเองกั๊บ ตอนนี้อายุ 3 วัน...

    เช็ดสะดือผม จักกะจี้จัง

    ผมอายุ7 วันแล้วครับท่านผู้ชม

    นอนอุตุ วันนี้ผมอายุ 25 วันกั๊บ

    อย่ามากวนผมตอนหลับนะ..อิอิ

    นอนอย่างมีความสุข

    กระผมน่าตาเริ่มเหมือนคุณพ่อคุณแม่แล้วกั๊บ...

    ขอเก๊กท่าหล่อๆสักภาพนะครับผม

    บางวันผมก็หลับ...z z z

    สวัสดีครับ กระป๋มมีนามกรว่า "สิทธิรักษ์"ครับ

    P

    สวัสดีพี่ๆGotoknow ทุกๆท่านครับผม

    .........................................................

    จาก http://gotoknow.org/blog/fortune/105024 ค่ะ

    เป็นเรื่องมหัศจรรย์...สร้างฝัน ฯลฯ

    หยิบเอามาฝากพร้อมครวญเพลงหงุงหงิงๆ

    ด้วยความรื่นเริง บันเทิงใจอย่างยิ่งยวด อิ อิ อิ

    ^            ^

     

    Pumi
    สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ
    กลอนตลาด...รักมั่นนิรันดร์
    รักของเราคงอยู่คู่โลกา...

    เหลียวมองดูนาฬิกาเจ็ดโมงครึ่ง...

     

    นั่งคำนึงถึงกลอนอักษรสาร...

     

    ใบไม้ปลิวขึ้นเขาเฝ้าแลมอง...

     

    ทำไมต้องปลิวไปไกลไร้เงา...

     

    เห็นนกน้อยคลอเคลียเหม่อมองเมียง...

     

    มุมระเบียงเฉียงใต้ในยามเช้า...

     

    ลมผัดฉิวผิวสบายเรา...

     

    อยู่ยอดเขาเฝ้าฝันกลกาลกลอน...

     

    นกเขากรูกู่ก้องดังวังเวงแว่ว...

     

    ขันเจื้อยแจ้วไก่กาหมาเห่าหอน...

     

    หอมดอกไม้ทั่วถิ่นดินดงดอน...

     

    จากสิงขรเขาเขินเนินพนา...

     

    เห็นเรือน้อยคอยปลามาริมท่า...

     

    คนหาปลามากมายเป็นหนักหนา...

     

    ท้องทะเลแลไปไกลลับตา...

     

    สุดขอบฟ้าเขากั้นนั้นหมอกลง...

     

    ห่มเมฆหมอกมองเห็นเป็นขาวเทา...

     

    ลับเหลี่ยมเขาทิวไม้ให้ไหลหลง...

     

    สุดสายตาฟ้าขาวยาวยืนยง...

     

    ดำรงคงฟ้าดินถิ่นโลกา...

     

    ลมลำเพยพัดผ่านหอบเอากลิ่น...

     

    ดอกกระถินถิ่นดงพงพฤกษา...

     

    แย้มยิ้มยวนกวนใจในพนา...

     

    สวยงามตาพาเพลินเจริญใจ...

     

    สองทะเลฝั่งฟากหากคิดดู...

     

    ไม่เหมือนคู่คนรักกันเป็นไฉน...

     

    เรารักกันมั่นเกลียวเกี่ยวก้อยไป...

     

    แสนสุขใจในรักปักอุรา...

     

    ทะเลเขาขวางกั้นอันดามัน...

     

    แต่เธอฉันไร้เขตขวางกั้นหนา...

     

    รักของเราคงอยู่คู่โลกา...

     

    เสริมคุณค่า...รักมั่น...นิรันดร์...เอย.

     

     ฮา ๆ เอิก ๆ
    ชวนคิด
    P

    สวัสดีครับ คุณสิทธิรักษ์

            ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่ให้เกียรตินำบันทึกบางอันของผมไปต่อยอดกับบันทึก "วาทะโดนใจ" (อะไรทำนองนี้) ของเม้ง (Mr. ช่วย) นะครับ

            โดยผมเห็นว่า การพยายามรวบรวมวาทะเด็ดโดนใจ & พยายามคัดสรรวาทะที่โดดเด่น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการโวต หรือวิธีการใดๆ เพื่อนำไปเผยแพร่ซึ่งอาจ "ขายได้" นั้นแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจดีของผู้เสนอและผู้ร่วมคิด

           ยิ่งถ้าตั้งเป้าไว้ว่า หากได้เงินมา ก็จะนำไปเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ก็ยิ่งแสดงว่ามีจิตเป็นกุศลอย่างยิ่ง ^__^

            อย่างใดก็ดี เรื่องต่างๆ ในโลกนี้มีหลายแง่มุมและมีความซับซ้อนมากกว่าที่เราคิดในเบื้องต้นเสมอ (อย่างที่ฝรั่งบอกว่า "The devil is in the details." ;-) ผมจึงขอถึอโอกาสนี้มองเสริม และมองในมุมอื่นสักหน่อยครับ

            1. คำกล่าว หรือคำคม ใดๆ มักจะมีบริบทแวดล้อมเสมอ ทั้งนี้การตีความคำกล่าวอาจจะทำได้หลายระดับ หลายมิติ หลายความหมาย (หรือแม้แต่ตรงกันข้าม!) ขึ้นอยู่กับพื้นฐาน โลกทัศน์ และบริบทซึ่งผู้ฟัง หรือผู้รับสารนั้นๆ มีอยู่ & เป็นอยู่

            2. หากมองคำกล่าวหนึ่งๆ ซึ่งอิงกับผู้กล่าว (อ้างตามบล็อกที่ไปนำมา) ก็เป็นไปได้ว่า คำกล่าวนั้นอาจจะเป็นความคิดที่ "ตกผลึก" ของผู้กล่าวเอง หรืออาจจะเป็นคำกล่าวของคนอื่นที่ผู้กล่าวเคยได้ยินหรือได้อ่านมาก่อน แล้วนำมาเรียบเรียงเป็นของตนเอง ก็เป็นไปได้

               และจริงๆ แล้ว ดูเหมือนในโลกนี้จะไม่มีอะไรใหม่จริงๆ เพียงแต่ว่าใครจะได้รับ credit ไปเท่านั้น

              พูดเล่นๆ แบบ Einstein ได้ว่า

              "The secret to creativity is to know how to hide your source!" ;-)

              ทักเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะมีตัวอย่างมากมายที่แสดงให้เห็นว่า บ่อยครั้งที่เราลืมไปว่าความคิดดีๆ หนึ่งๆ นั้นมาจากใคร (อาจะมีหลายคน) หรือที่ไหน (อาจมีหลายแห่ง) กันบ้าง

             3. บ่อยครั้งที่ ตัวผู้กล่าวก็มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของคนอื่นเช่นกัน หากเป็นคนที่น่าเคารพ น่าเชื่อถือ คำกล่าวหนึ่งๆ ก็มีน้ำหนักมากหน่อย แต่พึงระวังว่า แม้แต่ผู้ที่มีการศึกษา (แบบเป็นทางการ ผ่านระบบโรงเรียน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คนส่วนใหญ่ยอมรับกัน) ก็อาจจะแสดงออก หรือมีพฤติกรรมที่น่าเลื่อมใน น่าเคารพ โดยไม่จำเป็นต้องแสดงออกโดยวาจาก็ได้

    (เดี๋ยวมีต่อครับ....)

    ชวนคิด (ต่อ)
    P

    ต่อครับ...

             4. การนำคำกล่าว + ภาพที่มีมิติหลากหลายมาเรียงต่อๆ กันแบบการแสดงความเห็นในบล็อกนี่ แม้จะมีข้อดีคือ เก็บไว้เป็นที่เป็นทางในที่เดียวกัน แต่ก็มีจุดอ่อนครับ

                จุดอ่อนก็คือ หากไม่มีการจัดกลุ่มความคิด จะทำให้การอ่าน การไตร่ตรอง ไม่สามารถทำได้อย่างเป็นระบบ (ยกเว้นผู้ที่มีความจำเป็นเลิศ หรือพิมพ์ออกมา แล้วมาไล่จัดกลุ่มความคิดนั้นเอง หรือวิธีอื่นๆ)

                 ผมกล้าพูดเช่นนี้ เพราะเคยเป็นบรรณาธิการของหนังสือและวารสารมาหลายเล่ม รวมทั้งเคยทำหน้าที่กรรมการคัดสรรเรื่องสั้นที่ส่งมาประกวด ทำให้คิดว่าเข้าใจทั้งความมันส์ และความน่ากลัวของการอ่านข้อมูลจำนวนมากที่ไม่ได้จัดระเบียบ ;-)

                โดยส่วนตัวผมคิดว่า หากมองการเก็บรวบรวมเช่นนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการระดมความคิด ในมุมต่างๆ อย่างหลากหลาย เพื่อนำไปสู่การคัดสรรประเด็นบางประเด็น (โดยไม่ได้ละเลยประเด็นอื่น) แล้วนำไปปฏิบัติก่อน เนื่องจากต้องเร่งทำ และสามารถทำได้จริง ก็จะเป็นเรื่องดี

               จากนั้นก็ค่อยๆ ไล่ติดตามเรื่องอื่นๆ (หากยังมีแรงอยู่นะครับ)

    ----------------------------------------------------------------------------------------------         

                จริงๆ ยังมีข้อคิดเห็นอีกจำนวนหนึ่งครับ แต่ขอทักเอาไว้แค่นี้ก่อน

     

    ขอบคุณครับ

    บัญชา

    ตอบคำถาม
    P
    สวัสดีครับท่าน
    Pดร. บัญชา ธนบุญสมบัติ
    • ขอขอบคุณมากครับที่มาให้ความเห็น
    • "รวมตะกอนเด็ด วาทะเด่น ผลึกผล ทางการศึกษาไทย ใน G2K"   มีที่มาจากการหารือ ระหว่าง ผม และ เม้ง ได้เห็นวาทะและบทความดีๆมากมายใน  G2K น่าจะนำมารวบรวมไว้ในที่เดียวกันเพื่อที่สมาชิกสะดวกที่จะเปิดดู  มีประโยชน์ในเชิงการศึกษาและแลกเปลี่ยน
    • ผู้คนที่เข้ามาดูส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกใน G2K
    • ด้านหนึ่ง เป็น มิติใหม่ ใน G2K
    • ด้านหนึ่ง สามารถส่งแรงกระตุ้นในบรรยากาศ G2K
    • เป้าหมายหลักเบื้องต้นคือเรื่องการศึกษา
    • รองลงมาคือมุมต่างๆที่ดีๆส่งเสริมบรรยากาศใน G2K
    • ผลกระทบต่างๆที่ท่านได้ทักไว้ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการนี้มาก
    • เราสองคนคงไม่ได้คิดถึงรายละเอียดลึกถึงขนาดนั้น
    • เราสองคนมุ่งเป้าหมายหลักที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์
    • สึ่งใดที่เกิดประโยชน์ใน G2K และมีผลสะเทือนต่อสิ่งสร้างสรรค์ของมวลนักการศึกษา  เราคงต้องทำต่อไป
    •  "จุดอ่อนก็คือ หากไม่มีการจัดกลุ่มความคิด จะทำให้การอ่าน การไตร่ตรอง ไม่สามารถทำได้อย่างเป็นระบบ (ยกเว้นผู้ที่มีความจำเป็นเลิศ หรือพิมพ์ออกมา แล้วมาไล่จัดกลุ่มความคิดนั้นเอง หรือวิธีอื่นๆ)"
    • ปัญหานี้ ในขั้นตอนต่อไปคงจะได้รวบรวมเรียบเรียงอีกครั้ง(ถ้าโอกาสเป็นไปได้)ในเฉพาะหน้าคงเป็นสภาพเช่นนี้ไปก่อน
    • ความเห็นต่างๆของท่าน เราคงน้อมรับเพื่อเป็นแนวทางที่ดีต่อไป
    • ขอบคุณมากๆครับ   โอกาศต่อไปท่านคงให้ความเห็นและเราสองคนน้อมรับคำวิจารย์ที่ดีของท่านและทุกๆท่านต่อไป
    • ความคิดเห็น
      P

      Pสวัสดีครับพี่ชิว

      ขอบคุณพี่ชิวมากๆ เลยนะครับ ที่มาร่วมชวนคิดและวิจารณ์ และช่วยเป็นกระจกสะท้อนให้มีความกระจ่างมากขึ้นนะครับ ในบทความนะครับ จริงๆ ก็มองและประเมินอยู่ตลอดนะครับ
      • ใจจริงตั้งแต่เริ่มต้น เพียงอยากจะให้เกิดกิจกรรมร่วมสนุกกันกับคนใน G2K มากกว่าครับ ส่วนเรื่องการนำไปสู่การโหวตและจัดรวมเล่มนั้น มันยังอยู่อีกไกลมากๆ นะครับ เพราะมีเงื่อนไขตั้งอยู่ครับ ว่า 9,999 ความเห็นครับ หากไม่ถึงก็ไม่มีการจัดทำนะครับ เพราะผมอยากเห็นพลังของคนใน G2K มากกว่าว่าพลังที่เราจะร่วมกันทำ มีมากขนาดไหนครับ
      • การแสดงความเห็นในตะกอนนั้น จำเป็นต้องมีข้อเงื่อนไขอย่างน้อยสามอย่างคือ นำมาจากที่ไหน ตัวบทความกล่าวว่าอย่างไร และใครเป็นคนกล่าว อันนี้ หลักจริงมาจากการอยากให้เกิดการประชาสัมพันธ์ และได้อ่านตะกอน และคนอ่านอาจจะสงสัยเป็นแน่ว่า ในตัวบทความจริงเป็นอย่างไร แล้วคลิกเข้าไปอ่านบทความต้นขั้วนะครับ พร้อมความเห็นนั้นๆ
      • เป้าหมายอยากให้เกิดการโยงใยเครือข่ายทางการศึกษานะครับ แล้วเกิดการนำไปคิดต่อ ถึงปัญหาเรื่องด้านการศึกษาอย่างจริงจัง อาจจะมีบทความแทรกมาบ้างในการพักยก เกี่ยวกันทางตรงบ้างทางอ้อมบ้าง ก็ถือว่าให้เกียรติคนที่นำมาโพสต์ด้วย แต่หากบทความไหนที่เจ้าของบทความรู้สึกว่า ไม่สมควรหรือโพสต์ที่นี่แล้วไม่สบายใจ ก็แจ้งบอกมาได้นะครับ (เดี๋ยวผมจะเข้าไปเพิ่มข้อความนี้ไว้ในตัวบทความนะครับ) ผมยินดีจะเอาออกให้นะครับ
      • คือว่าคล้ายๆ กับการแนะนำบล็อกเกอร์ในดวงใจนะครับ เป็นการแนะนำเพื่อชวนคนไปดูและอ่านเพื่อทำความรู้จักคนนั้น แต่อันนี้ จะเป็นการนำเสนอเพื่อวิ่งไปหาบทความนั้น แล้วเชิญชวนให้อ่าน และอาจจะได้ตะกอนในรูปแบบที่ผู้อ่านอ่านพบเจอนะครับ อาจจะมากกว่าที่เอามาลิงก์ไว้ในนี้ครับ
      • จะเห็นว่าผมจะโพสต์น้อยๆ แล้วผมไม่ได้ตอบอะไร เน้นการอ่านเจอแล้วมาฝากบอกไว้ เพื่อประชาสัมพันธ์ท่านๆ อื่นๆ นะครับ ในเรื่องความคิดของท่านนั้นๆ ด้วยครับ โดยแรงจูงใจนั้นเพื่อการศึกษานะครับ ส่วนรางวัลนั้นผมตั้งไว้เองนะครับ ไม่ใช่จะมาเป็นตัวล่ออะไรนะครับ แต่หากครบเงื่อนไข 9,999 วาทะความเห็นแล้ว ผมจะหาของขวัญให้เองครับ ซึ่งอาจจะครบอีก สามถึง ห้าปีข้างหน้าก็ได้ครับหรือนานกว่านั้นครับ ส่วนหนังสือรวมเล่มนั่น แค่เป็นผลพลอยได้นะครับ หากหนังสือจะออก จะไม่ออกในนามผม หรือชื่อผมนะครับ.... แต่จะออกในนาม G2K หาก ทาง สคส.ยินดีให้ใช้ชื่อ หรือผองเพื่อน G2K อะไรทำนองนี้นะครับ
      • ผมเองยังไม่กล้านำความคิดเหล่านี้ ไปใช้นะครับ หากไม่ได้รับการยินยอมของพี่น้องใน G2K ว่าทำแล้วดีหรือไม่นะครับ ตอนนี้เน้นเป้าหมายคือเกิดการอ่านกิจกรรม ถกกันให้ตกผลึกและนำไปสู่การใช้จริง ในครอบครัว ชุมชน โรงเรียน และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการศึกษามากกว่านะครับ
      • จริงๆ อยากให้ท่านอื่นช่วยวิจารณ์ด้วยนะครับ ผมเชื่อว่ามีหลายท่านอยากจะเสนอความเห็นเช่นกันนะครับ เขียนไว้ได้เลยที่นี่นะครับ ถามกันมาได้ตรงๆ ตรงไปตรงมาเลยนะครับ
      • แล้วอยากให้ท่านร่วมเป็นกระจกให้กันต่อไปนะครับ เพื่อผมเองจะได้เอามาประยุกต์ใช้ให้ผมเดินได้ถูกที่ถูกทางเช่นกันนะครับ
      • ขอบคุณพี่ชิว มากๆ นะครับ และขอบคุณทุกๆ ท่านด้วยนะครับ
      • ขอบคุณมากๆ นะครับ และสนุกในการทำงานนะครับ

    ที่ ลิขิตไว้เตือนตน : สิ่งไหนที่จากไป อย่าได้โศกเศร้าอาวรณ์


     

     

    ณ   วันนี้มีพี่เหลียง (สิทธิรักษ์),คุณเบิร์ด ,คุณเม้ง(สมพร) พร้อมกับผม ได้ขอร่วมอาลัยอย่างสุดซึ้ง และผมจะเป็นตัวแทนไปมอบพวงหรีดด้วยตัวเองครับ

     


    ภาพบางส่วนในงาน

    พวงหรีดไว้อาลัย จาก น้องๆพี่ๆ"Gotoknow"

    จากกลุ่ม "สิทธิรักษ์ พิทักษ์ชุมชน"

    คุณสิทธิรักษ์/เบิร์ด/สมพร(เม้ง)/จตุพร(เอก)

    ร่วมไว้อาลัยจาก พ่อครูบาสุทธินันท์ แห่ง มหาชีวาลัยอีสาน

    ครอบครัว "ครูอ้อย" สมนึก-สิริพร กุ่ยกระโทก

    ตั้งศพบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้าน

    กำหนดการงานศพ- คุณแม่ศรีพรรณ พวงประทุม  http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/104911

    P
    http://gotoknow.org/blog/pandin/105252
    เก็บตกถนนเด็กเดิน (5) : พื้นที่คุณภาพของคนในสังคมครอบครัว (ความน่าจะเป็นที่คิดว่าเป็นไปได้)

    ผมอยากให้ถนนเด็กเดิน  เป็นพื้นที่คุณภาพของคนในสังคมครอบครัว   เป็นจุดรวมความรักและความสร้างสรรค์ของสังคมที่มีต่อเด็กและเยาวชน  รวมถึงการเป็นเสมือนพื้นที่แห่งมิตรภาพระหว่างครอบครัวต่อครอบครัวด้วยเช่นกัน     

    http://gotoknow.org/blog/pariwat/75333

    P
    "พาราดาม" วิถีคิดแห่งการวิจัย
    โล่งใจจากการสอบปกป้องโครงร่างวิทยานิพนธ์(Defend Proposal) ผ่านมาได้อย่างเข้มข้น หลายคนมักจะหวาดกลัวกับการ defend proposal แต่ความจริงแล้วเป็นวิถีแห่งการพัฒนาความคิดของผู้วิจัยให้ชัดเจน ลุ่มลึกและสามารถอธิบายสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำอยู่ได้ การ มีคำแนะนำของท่านอาจารย์ว่าเราต้องมี พาราดาม เกี่ยวกับเรื่องที่เราสนใจจะศึกษา ตอนฟังก็สงสัยว่าพาราดามคืออะไรก็เดาเอาว่าคงเกี่ยวกับแนวคิด จึงได้ลองค้นหาความรู้เพิ่มเติม เห็นว่าน่าสนใจจึงได้รวบรวมเรียบเรียงองค์ความรู้มาเผยแพร่ และอยากให้ช่วยกันวิพากย์วิจารณ์ตามประสบการณ์และพาราดามของแต่ละคน
    โล่งใจจากการสอบปกป้องโครงร่างวิทยานิพนธ์(Defend Proposal) ผ่านมาได้อย่างเข้มข้น  หลายคนมักจะหวาดกลัวกับการ defend proposal แต่ความจริงแล้วเป็นวิถีแห่งการพัฒนาความคิดของผู้วิจัยให้ชัดเจน  ลุ่มลึกและสามารถอธิบายสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำอยู่ได้  การ  มีคำแนะนำของท่านอาจารย์ว่าเราต้องมี  พาราดาม  เกี่ยวกับเรื่องที่เราสนใจจะศึกษา  ตอนฟังก็สงสัยว่าพาราดามคืออะไรก็เดาเอาว่าคงเกี่ยวกับแนวคิด  จึงได้ลองค้นหาความรู้เพิ่มเติม  เห็นว่าน่าสนใจจึงได้รวบรวมเรียบเรียงองค์ความรู้มาเผยแพร่  และอยากให้ช่วยกันวิพากย์วิจารณ์ตามประสบการณ์และพาราดามของแต่ละคนพาราดาม หรือกระบวนทัศน์ หรือบางครั้งเราเรียกว่ากรอบความคิด มาจากคำว่า Paradigm ซึ่งมาจากภาษากรีก โดย para แปลว่า beside ส่วน digm แปลว่า ทฤษฎี คือ ชุดแนวความคิด หรือมโนทัศน์ (Concepts) ค่านิยม (Values) ความเข้าใจรับรู้ (Perceptions) และการปฏิบัติ (Practice)  ความหมายโดยกว้างๆ ของกระบวนทัศน์(Paradigm)  คือ  กรอบความคิดหรือแนวทางทั่วไปที่ใช้ในการมองโลก  เป็นกระบวนคิดวิเคราะห์ วิธีคิด วิธีปฏิบัติ แนวการดำเนินชีวิต มาทบทวนใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับยุค และสถานการณ์ ที่กำลังเกิดขึ้น และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความเชื่อพื้นฐานที่มีในจิตใจของมนุษย์ทุกคน  แตกต่างกันตามเพศ  ตามวัย  ตามสิ่งแวดล้อม  ตามการศึกษาอบรมและตามการตัดสินใจเลือกของแต่ละบุคคล  ความเชื่อพื้นฐานนี้แหละเป็นตัวกำหนด  ให้แต่ละคนชอบอะไรและไม่ชอบอะไร  พอใจแค่ไหนและอย่างไร  เป็นตัวนำร่องการตัดสินใจ  ด้วยความเข้าใจและเหตุผลในตัวบุคคลคนเดียวกัน  อาจจะเปลี่ยนแปลงได้  หากรู้สึกว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะเปลี่ยนแต่จะไม่เปลี่ยนด้วยอารมณ์ ก่อนเปลี่ยนจะต้องมีความเข้าใจ กระบวนทัศน์เก่าที่มีอยู่และ กระบวนทัศน์ที่จะรับเข้ามาแทน มีการชั่งใจจนเป็นที่พอใจ มิฉะนั้นจะไม่ยอมเปลี่ยน เพราะอย่างไรเสียตราบใดที่มีสภาพเป็น คนเต็มเปี่ยมจะต้อง มีกระบวนทัศน์ใด กระบวนทัศน์หนึ่งเป็น ตัวตัดสินใจเลือกว่า จะเอาหรือจะปฏิเสธ ไม่มีไม่ได้ ถ้าไม่มีจะไม่รู้จักเลือกและตัดสินใจไม่เป็นกระบวนทัศน์(Paradigm) อาจหมายถึง  แบบแผน (Pattern) หรือตัวอย่าง (Example) หรือ ตัวแบบ (Model) หรือกรอบความคิดซึ่งเป็นที่คุ้นเคยโดยคนส่วนใหญ่ในชุมชน สำหรับใช้อธิบายหรือใช้มองปัญหาทั่วไป มีผู้กล่าวว่า กรอบความคิด มีอิทธิพลต่อมนุษย์มาก เพราะกรอบความคิดจะสร้างเลนซ์ที่ครอบงำตาของมนุษย์สำหรับใช้มองโลกภายนอกการเห็น โลกภายนอกลักษณะอย่างไรจึงขึ้นอยู่กับกรอบความคิดของผู้นั้นที่มีอยู่อย่างเคยชิน ฉะนั้นบางเรื่องมีปัญหาแต่เรากลับมองไม่เห็นปัญหา ทั้งนี้เพราะความเคยชิน ถึงกลับเคยมีผู้กล่าวว่า วิธีการมองปัญหาของเรานั่นแหละ บางครั้ง คือ ปัญหา” (The way we see The problem is problem ) ฉะนั้นหากเราสามารถเปลี่ยนกรอบความคิดได้ จะทำให้เราสามารถมองสิ่งต่าง ๆ ในมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม ดังนั้น การเคลื่อนย้ายกรอบความคิดจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลัง เพราะกรอบความคิดของเราจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม และทัศนคติของเรา รวมทั้งวิธีการที่เราแสดงออกต่อคนอื่นกระบวนทัศน์(Paradigm) เป็นวิธีการหรือมุมมองต่อปรากฏการณ ์ที่แสดงความสัมพันธ์ ซึ่งนำไปสู่การวิจัยและการปฏิบัติ ช่วยให้เราเข้าใจปรากฏการณ์ ประเด็นปัญหา แนวทางแก้ไข และเกณฑ์ ในการพิสูจน์ข้อสันนิษฐาน paradigm ประกอบด้วยทฤษฎีและวิธีการกระบวนทัศน์ไม่ใช่สมรรถนะตัดสินใจ สมรรถนะตัดสินใจ(faculty of decision) คือ เจตจำนง(The will) กระบวนทัศน์เป็นสมรรถนะเข้าใจ(understanding) และเชิญชวนให้เจตจำนงตัดสินใจ
    กระบวนทัศน์แม้จะมีมากมาย กล่าวได้ว่าไม่มีคน 2 คนที่มีกระบวนทัศน์เหมือนกันราวกับแกะ
    กระบวนทัศน์การวิจัย (Research Paradigm) เป็นกระบวนการทางความคิดและปฏิบัติการเกี่ยวกับการวิจัยที่มีการเชื่อมโยงระหว่างโลกทัศน์ (worldview) และมโนทัศน์ (concept) ต่อความเป็นจริง หรือปรากฏการณ์ในโลกอันเป็นพื้นฐาน ในการสร้างและทำความเข้าใจรับรู้ (perception) ต่อความเป็นจริง หรือปรากฏการณ์นั้นๆ เพื่อพัฒนาไปสู่การสร้างแนวปฏิบัติ (practice) รวมทั้งหาวิธีการจัดการ (management) ร่วมกัน โดยมีเป้าหมาย ในการสร้างแบบแผน (pattern) แบบจำลอง (model) รวมทั้ง ค่านิยม (value) ที่เป็นพื้นฐาน การจัดการตนเอง ของชุมชนหนึ่งๆในปัจจุบัน ด้วยวิกฤตในแทบทุกๆ ด้าน กลายเป็นวิกฤตการณ์ที่มีคุณค่าและความหมายในแง่ของการสื่อให้มนุษย์เริ่มรู้ตัว มนุษย์แทบทุกคนต่างรู้แล้วว่าเราต้องเปลี่ยนแปลง ดังนั้น กระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดที่เป็นรากฐานของระบบทุกระบบของสังคม จึงต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ไปด้วยกัน ทั้งกรุเพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนทัศน์ใหม่ของสังคมด้วยเช่นกันกระบวนทัศน์ของคนที่มีอาชีพต่างๆ กัน ก็มีกระบวนการต่างกันไป  ในการประพฤติปฏิบัติและประสบความสำเร็จ มีความแตกต่างบางประการระหว่างกระบวนทัศน์วิทยาศาสตร์และกระบวนทัศน์อื่นๆ คือ กระบวนทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ ถ้าเราทำการทดลองสำเร็จเรื่องใดก็ตาม เมื่อคนอื่นทำตามด้วยเครื่องมือแบบเดียวกันและขั้นตอนเหมือนกันจะประสบความสำเร็จเหมือนกัน แต่กระบวนทัศน์อื่นๆ เช่น ด้านการศึกษา  จะแตก

     

    P
    http://gotoknow.org/blog/pariwat/105250
    กระบวนทัศน์ที่เป็นกระแสหลักในการปฎิรูปการศึกษาของไทย ตอนที่ 1
    กระบวนทัศน์ที่เป็นกระแสหลักที่ผมได้กล่าวมาในข้างต้นก็คือ กระบวนทัศน์แบบปฏิฐานนิยม(Positivism paradigm) เป็นกระบวนทัศน์เชิงวิทยาศาสตร์ เชื่อในสิ่งที่เห็นและพิสูจน์ได้ ทำให้เป็นที่ยอมรับอย่างมาก

      จากชื่อบันทึกผมได้พูดถึงกระบวนทัศน์ที่เป็นกระแสหลักในการปฏิรูปการศึกษาของไทยนั้น  ผมต้องการสื่อให้เห็นถึงมุมมองของคนๆหนึ่งที่กำลังเฝ้ามองดูวิถีทางในการก้าวย่างที่กึ่งไปข้างหน้าและกึ่งถอยหลัง  จะก้าวไปข้างหน้าก็เหมือนกับเด็กที่วิ่งก้มหน้าก้มตาไปอย่างเดียว จะถอยหลังกลับก็หาทางกลับไม่เจอ  แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ลองออกไปวิ่งแข่งกับเขาดู

       กระบวนทัศน์ที่เป็นกระแสหลักที่ผมได้กล่าวมาในข้างต้นก็คือ  กระบวนทัศน์แบบปฏิฐานนิยม(Positivism paradigm) เป็นกระบวนทัศน์เชิงวิทยาศาสตร์  เชื่อในสิ่งที่เห็นและพิสูจน์ได้  ทำให้เป็นที่ยอมรับอย่างมาก  กระบวนทัศน์นี้ได้แพร่หลายเข้ามาในวงการศึกษาและมีอิทธิพลต่อการจัดการศึกษาเป็นอย่างมาก  เพราะมีความเป็นรูปธรรมสูง  ปรัชญาทางการศึกษาที่ได้รับอิทธิพลจากกระบวนทัศน์มี 2 ปรัชญา  ได้แก่ 

    1. วัตถุนิยม(Materialism) หรือประจักษ์นิยม(Realism) ปรัชญาวัตถุนิยมหรือประจักษ์นิยมเป็นปรัชญาอีกสาขาหนึ่งที่มีต้นเค้าความคิดมาจากปรัชญาสมัยกรีก  ผู้ที่เป็นปรัชญาเมธีที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น  บิดาแห่งวัตถุนิยม คือ  แอริสโตเติล(Aristotle)  นักปรัชญาชาวกรีกผุ้ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 384 – 322 ปี ก่อนคริสตกาล  ปรัชญาวัตถุนิยม  มีความเชื่อว่าโลกใบนี้เป็นโลกของวัตถุ(A World of Things)  วัตถุย่อมอยู่เหนือจิตใจ  ปรัชญาสาขานี้จึงให้ความสำคัญกับความสุขทางกายที่ได้จากวัตถุมากกว่าความสุขทางใจ

    ทัสนะของแอริสโตเติลในด้านการศึกษาแตกต่างจากพลาโต  แอริสโตเติลเห็นว่าการใคร่ครวญหาเหตุผลด้วยจิตใจอย่างเดียวไม่เพียงพอจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงตามธรรมชาติด้วย  เป็นการมองโลกทางด้านวัตถุและเป็นการเริ่มต้นวิธีการทางวิทยาศาสตร์  การจัดการศึกษาตามแนวปรัชญาสาขานี้มีลักษณะดังนี้

    -   ความเชื่อของครูตามปรัชญานี้  เชื่อว่า  การเรียนรู้ขึ้นอยู่กับการมองเห็น  เพราะความรู้เกิดขึ้นจากสิ่งที่มองเห็น  หรือเกิดจากสิ่งที่เป็นรูปธรรม  รับรู้ได้โดยประสาทสัมผัสทางกาย  คือ  ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ครูจะมุ่งสอนให้นักเรียนแสวงหาวัตถุ  เช่น  วิชาชีพต่างๆ  สอนให้รู้จักทำมาหากินมากกว่าปลูกฝังคุณธรรมความดี  ให้ความสำคัญกับวัตถุหรือการพัฒนาเศรษฐกิจมากกว่าสิ่งอื่น  เพราะเชื่อว่า  ถ้าคนเรามีกินมีใช้ คงไม่มีใครคิดเป็นโจรเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง

    -  วิธีการสอน  เน้นการเรียนรู้ที่เกิดจากประสาทสัมผัสทางกายและสิ่งที่เป็นรูปธรรม  มากกว่านามธรรม   วิธีการสอนจึงมักจะใช้วิธีการสาธิต(Demonstation)  โดยใช้อุปกรณ์การสอนต่างๆ  เช่น  ของจริง  รูปภาพ  การศึกษานอกสถานที่  เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้โดยไม่ต้องท่องจำ  จะให้ความสำคัญกับวิชาที่มุ่งพัฒนาความเจริญทางวัตถุมากกว่ามุ่งพัฒนาจิตใจ

    -   ตัวผู้เรียน  ครูยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของการสอนมากกว่ายึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการสอน  ครูจะเป็นผู้แสดง  นักเรียนเป็นผู้ดู  ใช้การบอกเล่า  บรรยายหรือการให้นักเรียนท่องจำจะมีน้อยลงแต่จะใช้การสาธิตหรือทดลองให้ดู  มีอุปกรณ์ของจริงหรือรูปภาพให้นักเรียนเห็นแต่ผู้สาธิตหรือทดลองเป็นครูมิใช่นักเรียน  ความสามารถของครูในการสาธิต  การอธิบายและการใช้อุปกรณ์การสอนมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นอย่างมาก 

    กล่าวโดยสรุป  คือ  การเรียนการสอนตามแนววัตถุนิยม  เน้นความรู้ที่ได้มาจากประสาทสัมผัสทางกายโดยเฉพาะการดูเป็นหลัก

     

    2.  ประสบการณ์นิยม(Experimentalism)  ปฏิบัตินิยม(Pragmatism) หรืออุปกรณนิยม(Instrumentalism)  ปรัชญาประสบการณ์นิยมเป็นปรัชญาที่แพร่หลายทั่วไปในวงการปรัชญาตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา  นับว่าเป็นผลผลิตทางความคิดที่มีอิทธิพลต่อการจัดการศึกษาสมัยใหม่ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก  ปรัชญาเมธีที่เป็นผุ้บุกเบิกปรัชญานี้มี 2 ท่าน คือ เจมส์(William James)  และดิวอี้(John Dewey)    ปรัชญาสาขานี้มีความเชื่อว่า  โลกใบนี้  คือ โลกของประสบการณ์(A World of Experience)  ชีวิตคือการเดินทางเพื่อแสวงหาประสบการณ์  ในโลกนี้ไม่มีสิ่งมีค่าใดมีค่าเท่ากับการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ  ความสุขของคนเรา  คือ  การได้พบกับประสบการณ์แปลกๆใหม่ๆที่ท้าทายความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง

    ทัศนะของดิวอี้เห็นว่า  มนุษย์จะรับความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ จากประสบการณ์เท่านั้น  การเรียนรู้ที่จะก่อให้เกิดประสบการณ์ที่เหมาะสม คือ  การใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเป้นวิธีการแก้ปัญหาอย่างมีขั้นตอน  โดยผู้เรียนจะต้องมีการทำกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย  การจัดการศึกษาตามแนวปรัชญาสาขานี้มีลักษณะดังนี้

    -  ความเชื่อของครูตามปรัชญานี้  เชื่อว่า  การเรียนรู้ต้องควบคู่ประสบการณ์  เพราะวิชาการต่างๆ สอนกันได้  แต่ประสบการณ์สอนกันได้  ดังนั้น  ครูต้องจัดกิจกรรมเพื่อให้เด้กเกิดประสบการณ์  เพราะเด็กเป็นผู้อ่อนต่อโลกหรืออ่อนประสบการณ์  ความรู้ที่แท้จริงเกิดจากประสบการณ์ตรงหรือการลงมือกระทำจริงๆ มิใช่เกิดจากการฟัง  การดู  หรือการนึกคิดอย่างในปรัชญาจิตนิยมหรือวัตถุนิยม  คนที่มีประสบการณ์มากจึงฉลาดมาก  สามารถเอาตัวรอดและอยู่เป็นสุขในสังคม

    -   การเรียนการสอน  มีลักษณะสำคัญ คือ  เน้นการเรียนโดยวิธีการแก้ปัญหา(Problem solving)  ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง(Learner Centered Learning)  และเรียนรู้ในขณะที่นำความรู้นั้นๆ มาใช้(Learning While Using Knowledge)  จัดกิจกรรมการทดลองค้นคว้า  ฝึกแก้ไขปัญหาด้วยตนเองและการลงมือปฏิบัติจริง  เพื่อให้เกิดประสบการณ์ตรง  เช่น  การสอนด้วยวิธีการแก้ปัญหาแบบวิทยาศาสตร์  โดยให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้  มากกว่าการท่องจำเนื้อหาวิชา  เพราะเนื้อหาวิชาอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา  และเนื้อหาวิชาต่างๆนั้น  มีมากมายเกินกว่าที่จะจดจำรายละเอียดได้หมด  ขอเพียงผู้เรียนรู้วิธีการแสวงหาความรู้ก็พอ  กล่าวคือ  สอนให้รู้จักวิธีการตกปลา  มิใช่นำปลาไปให้หรือเน้นกระบวนการแสวงหาความรู้(Process)  มากกว่าตัวความรู้(Product)

    -   ตัวผู้เรียน  การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงประสบการณ์เก่ากับประสบการณ์ใหม่ของผู้เรียน  นักเรียนจะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ  โดยมีครูเป็นผู้ชี้แนะเท่าที่จำเป็น  ครูจะไม่พูดหรือสอนอะไรมาก  แต่จะจัดกิจกรรมต่างๆ  หรือสร้างสถานการณ์จำลองแล้วให้นักเรียนใช้ประสบการณ์เดิมมาแก้ปัญหา  เพื่อการค้นพบประสบการณ์ใหม่ที่จะเป้นคำตอบของปัญหานั้นๆ  ครูที่เก่งที่สุด  คือ  ครูที่สอน(พูด) น้อยที่สุดแต่นักเรียนเรียนรู้ได้น้อยที่สุด

    กล่าวโดยสรุป  คือ  การสอนตามแนวประสบการณ์นิยมจะเน้นการจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง(Learning by Doing) เรียนรู้ด้วยตนเองจากประสบการณ์จริง  หรือจากประสบการณ์ตรง(Direct Experience)

    P
    http://gotoknow.org/blog/yahoo/105622

    to feel sad because someone you love is not with you

     

    (รู้สึกเศร้าเพราะคนที่เรารักไม่ได้อยู่กับคุณ)

    P
    http://gotoknow.org/blog/nurseanaesthpsych/105620

    กตัญญู....ไหว้ครูไม่ติดรูปแบบ.....

    ไม่น่าเชื่อว่าเด็กยุคใหม่ ทันสมัย จะยังคงรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมอันดีงามในส่วนที่เกี่ยวกับกิริยามารยาท สัมมาคารวะ

    Pจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร 
    จอมยุทธ พเนจร  http://gotoknow.org/blog/mhsresearch/105616

    รุกต่อไปเถิดครับ ชาว มรภ.กำแพงเพชร

    ท่านเป็นผู้กล้า ท่านเป็นผู้นำที่กล้าคิด. . . ประกาศให้เมืองไทยได้รู้ว่า เราทำจริง และเราพัฒนาเพื่อการนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จ เพื่อชุมชน เพื่อการศึกษา

    ทุกคนกำลังจับตามองทุกฝีก้าวของท่าน พร้อมจะเป็นกำลังใจ และชื่นชมยินดีเมื่อท่านประสบความสำเร็จ

    เส้นทางนี้มีเพื่อน...เพียงแต่ไม่ท้อ ก้าวเดินไปพร้อมๆกันครับ

    P
    http://gotoknow.org/blog/nurseanaesthpsych/104080

    คำถามที่ถามฉัน...ฉันไม่สามารถตอบแทนพยาบาลท่านอื่นๆได้....แต่คำถามนั้นก็กระตุกความคิดของฉันให้กลับมาทบทวนตนเองและคนในวิชาชีพเดียวกัน....

     

     และถ้าฉันจะเริ่มพัฒนา คนในองค์กร...ฉันจะเริ่มอย่างไรดี?

    Psmall man
    โรงเรียนวัดวิเวกวราราม
    ครูไม่ชอบเด็กเก่ง
    เด็กเก่ง ถูกสกัดกั้นความเก่งโดยครู
    จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีครูบางคนไม่ชอบเด็กเก่ง เพาะเด็กเก่งมักจะมีลักษณะเฉพาะตัว คือ มีความเป็นตัวของตัวเอง กล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก แม้กระทั่งในเรื่องการเรียน บางครั้งเขาอาจคิดไม่เหมือนครู ซึ่งลักษณะเฉพาะตัวดังกล่าว ถ้าส่งเสริมหรือจัดประสบการณ์ให้เหมาะสม เด็กพวกนี้ก็จะเป็นคนเก่งและประสบผลสำเร็จต่อไปในอนาคต แต่ที่ผ่านมา พบว่าเด็กพวกนี้ครูบางคนมักจะไม่ชอบ  ก็เลยต้องหาวิธีการสกัดดาวรุ่งด้วยการบ่น ว่า ตำหนิติเตียน และผลที่ออกมา คือ เด็กดังกล่าวก็จะกลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่คิด ไม่พูด ไม่แสดงออก และ ผลการเรียนไม่ดี นับว่าเป็นเรื่องที่เสียหายมาก
    Pเบิร์ด     เหิรแหล่ว    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    บะหมี่...ของชอบของคนไทย ? 

    ว่าจะไม่แล้วเชียว ! ...ว่าจะไม่แล้วเชียว ! 

    •  อื่อฮึ  อื่อฮึ      
    • โหมดอัตโนมัติของตัวเอง
    • เศรษฐกิจบักโกรก
    • โอ ! แม่เจ้า...
    • ซึ่งกลุ่มนี้เป็นพวกจนซ้ำซาก
    • ......เกิดอะไรขึ้นกับการหว่านเงินเอื้ออาทรที่ผ่านมา และการพัฒนาของประเทศไทย  ?
    • ในขณะที่หนี้สินภาคครัวเรือนเราพะรุงพะรัง...แต่ก็มีอีกหนึ่งดัชนีที่บอกว่าการดื่มสุราและเบียร์ของเราก็เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน ! ...เพราะค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้น 6 % ...........เราเป็นประเภท  จน   เครียด   ( แล้วยัง ) กินเหล้า ? 

    • ...ทำไมยิ่งพัฒนา     เราถึงยิ่งยากจน ?...

    P
    ธรรมาวุธ
    เมื่อ ศ. 22 มิ.ย. 2550 @ 23:57 [301070]
    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550
  • ผู้นำ วันๆ ก็มัวแต่ทะเลาะ แก่งแย่งอำนาจกันเอง
  • ผู้ตาม วันๆ ก็เหยียบกันตายเพราะแย่งอะไรบางอย่างที่คิดว่าเป็นความหวัง ที่จะรวยทางลัด
  • มันก็ไม่ต่างกัน
  • มีพระพุทธศาสนาอันยอดเยี่ยม  ก็เป็นได้แค่พระแขวนคอ  หรือแหล่งทำมาหากินของคนหัวล้านบางพวก
  • P
    ดอกไม้ทะเล
    เมื่อ ส. 23 มิ.ย. 2550 @ 09:57 [301217]

    หวัดดีจ๊ะเบิร์ด

    แต่หนักใจแทนหลายคน (เป็นหลักล้าน) ที่ไม่รู้เท่าทัน "การเป็นหนี้"  ว่าเมื่อ  "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง    คงจะต้องบังคับขับไส   เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป    ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย"  เจ้าหนี้ก็ทำเฉกเช่นเดียวกัน  ลูกหนี้จึงไม่ต่างอะไรกับทาสเลย 

  • เจ็บใจคนที่มีอำนาจตัดสินใจระดับชาติในอดีตร่วมสมัยจำนวนหนึ่ง    ที่ทำให้ราษฎรเต็มขั้นอีกจำนวนมาก ต้องเป็นทาสเอ๊ยเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัวก่อนเกิดเป็นคนไทย  (คือถ้ารู้ก่อนจุติสงสัยจะคิดหนักเหมือนกัน)  
  • คนไทย(พูดแบบเหมารวม)ทำงานได้ แต่ไม่ใคร่เอาจริงกับระบบควบคุมการทำงาน และไม่เคารพมาตรการกำกับและคานอำนาจ   ทุกอย่างที่เขียนลงกระดาษ  จึง"ฉีก"และ"เขียน" ใหม่ได้เสมอ  เมื่อเปลี่ยนผู้มีอำนาจ 
  • เพราะเราเอาอำนาจไปผูกติดกับคน  ไม่ใช่ผูกกับระบบที่มีการคานอำนาจ   เมื่อระบบสร้างอำนาจให้คน  คนก็เอาระบบนั้นแหละไปสร้างอำนาจ  
  • ผู้มีอำนาจที่ขาดคุณธรรม จึงสามารถกำหนดและสร้างระบบ"หนี้" อะไรขึ้นมาก็ได้   แล้วแปะป้ายว่าเป็นการ"ช่วยชาติ"  แต่ผลที่เกิดขึ้นตามมาไม่มีเขียนไว้ในสัญญา  ว่าใครหยิบเงินกลางของชาติไปใช้กี่บาท  เอาไปใช้แล้วเกิดผลเสียต่อชาติอย่างร้ายแรง   ต้องชดใช้กี่บาท  กี่ปี   และไปตกหนักที่คนหาความจริงตามหลัง  เพราะระบบคานอำนาจอ่อนแอมาแต่ต้น 
  • Pเบิร์ด     เหิรแหล่ว    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    คนไทย  จน  ..เจ็บ  ยังดีที่สลัดความโง่ทิ้งไปได้อย่างมากมายแล้ว  หลังจากที่ก่อนนั้นมักกล่าวในทำนองว่า "โง่ จน เจ็บ"  มายาวนาน  โดยเฉพาะชาวนา  ถูกวิพากษ์และนิยามความหมายเช่นนี้อยู่ทุกเช้าค่ำ...

    เบิร์ดจุกกับจี๊ดขึ้นมาในใจทุกครั้งเลยค่ะเวลามีใครพูดถึงวงจร " โง่ จน เจ็บ "...เพราะรู้สึกว่าตีตราความเป็นคนกันด้วยความกดขี่ยังไงก็ไม่ทราบนะคะคุณแผ่นดิน....แถมเดือดปุดๆด้วยคำถามที่ตะโกน ( ในใจ ) ว่าใครอนุญาตให้คุณประทับตรานี้กับคนอื่นไม่ทราบ ?...แต่ก็ดีใจว่าตอนนี้ตัวโง่ ถูกสลัดหลุดจากวงจรคนไทยในบางกลุ่ม ถึงแม้จะยังเกาะอยู่ในอีกหลายๆกลุ่ม ก็เหอะน่า....แล้วตอนนี้ชาวนาไทยเหลืออยู่ 20 % เองค่ะจาก 80 % ในอดีต....แต่เราต้องทานข้าวนะคะ  ...พวกเค้าเหล่านี้หายไปไหน ? เพราะอะไร ?

    แถมเรายังมีศูนย์อนุรักษ์ควายไทย ซึ่งเบิร์ดมองว่าอนุรักษ์ทำไม ?  เห็นเดินอยู่ก็เยอะแยะ...แล้วถ้าควายมาเป็นเพื่อนชาวนาไทยเหมือนเดิม เราต้องอนุรักษ์มั้ยคะ ?  ...โอย ! หยุดไม่อยู่แล้วค่ะ กระทบอีกจนได้

    P
    http://gotoknow.org/blog/ooydiary/105608
    นี่ล่ะนะ  คุณพ่อ   อีกไม่นาน  ครูอ้อยก็จะเป็นแบบท่าน   ที่จะคุยแต่เรื่องลูกหลาน   มากกว่าคุยเรื่องการงาน

    ขอโทษครับลืมลงที่มา

    Psmall man
    โรงเรียนวัดวิเวกวราราม
    ครูไม่ชอบเด็กเก่ง

    http://gotoknow.org/blog/wijcha/105625

    P
    http://gotoknow.org/blog/mrschuai/105583

    อาลัยชีวิตด่าง..............ในคลองใหญ่ ปากแม่น้ำแห่งนี้..............จบด้วย ปริญญาหมาเน่า......เคล้ากลิ่นที่ใครไม่พึงประสงค์......

    ปริญญาหมาเน่าในความหมายของคุณ...คืออะไร....ลองนิยามกันดูครับ แต่สำหรับของด่างเป็นแบบดั่งเรื่องเล่าที่ผ่านมาครับ

    P
    http://gotoknow.org/blog/ariyachon/105672
    "ลูกชายเรียนชั้นม.2 ถูกตราหน้าว่าโง่ผูกคอตายที่บ้านหลังนี้-ควายกำลังให้อาหารปลา-บางตัวเล็มกินต้นข้าว
    เมื่อไร คนในวงการศึกษา จะตาสว่าง ไปเรียนรู้สะที

    "ลูกชายเรียนชั้นม.2 ถูกตราหน้าว่าโง่ผูกคอตายที่บ้านหลังนี้-ควายกำลังให้อาหารปลา-บางตัวเล็มกินต้นข้าว"

    เอามาจาก blog ของ ครูบา ฯ

    http://gotoknow.org/blog/sutthinun/104452

    ลองไปอ่านดู

    และ อ่าน  http://gotoknow.org/blog/Innofadevelopment/104741 เป็นเรื่องราว ของ ชาว ปูน ฯ   ไป เรียนรู้  กับ ครูบา ฯ

    ( ไม่ใช่ ลูกของผมนะครับ  .....  จ่าหน้ากระทู้ ไปงั้นเอง)

    ระบบการศึกษาแบบ หลง คิดว่า ข้อมูล คือ ความรู้

    หลง คิดว่า รับรู้ คือ เรียนรู้

    ทำเอา  คนไทย  คนญี่ปุ่น ฝรั่ง ฯลฯ  ย่อยยับ ฆ่าตัวตาย ฯลฯ มามากแล้ว   ------>  กว่าท่านๆ ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย  จะเข้า "ใจ" การศึกษา    ก็ต้องโน้น เกษียณไปแล้ว  หรือ  เผา ฝังไปแล้ว ยังไม่รู้สำนึกก็มี 

     

    P
    http://gotoknow.org/blog/sutthinun/104452
    เอาละสิ..ยายหนูฉีกตำราทำนาทิ้ง!!

    ประเด็นการบ้านทุกกลุ่ม

    1. วิธีคิด เขาคิดอย่างไร อะไรชวนให้คิด คิดแล้วทำอย่างไร ทำตามที่คิดได้กี่%
    2. วิธีทำ ทำไมถึงทำเช่นนี้ มีปัจจัย/อิทธิพล หรือเงื่อนไขอะไร เขาใช้พลังอะไรในการทำงาน
    3. วิธีแก้ปัญหา เขาแก้ปัญหาอย่างไร ใช้อะไรเป็นเครื่องมือ แก้ไขได้เหมาะสมรึไม่ เราเห็นด้วยเห็นต่างอย่างไร
    4. อะไรเป็นจุดเด่น จุดด้อย ปริศนาที่พบมีอะไรบ้าง (เบื้องหลังที่ผิดปกติ)
    5. เราเห็นอะไรที่เป็นกระบวนการเศรษฐกิจพอเพียง วิจารณ์เรื่องนี้ในบริบทคุณอำนวย
    6. ไปรู้เห็นแล้วต้องอธิบายได้ เรามีข้อเสนอแนะอย่างไร
    P

    ศึกษาหาความจริงไปเรื่อยๆครับท่านJJ.เรายังเป็นกบในกะลาครอบ

    • ไม่รู้ว่าชาวบ้านคิดอะไร
    • หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคิดอะไร
    • พวกหอคอยงาช้างคิดอะไร
    • ทำไมมันถึงเละตุ้มเป๊ะเอาตัวไม่รอดกันทั้งประเทศ
    • บางคนสร้างปัญหาแล้วก้ยังไม่วางมือ
    • ป่วนกันไปจนไม่รู้จะร้องเพลงชาติไทยให้ใคร..  http://gotoknow.org/blog/sutthinun/104452

    พี่เม้งครับ

    P

    เจ้าหมีตัวนี้ขยันจริงๆ ขอเอาไปเลี้ยงสักตัวได้ไหมครับ

    ครับท่าน
    P

    ได้เลย ไม่มีที่ลงด้วย ไม่เปลือง กินน้อย ไม่เที่ยว ไม่สำส่อน ขยันบ้างเป็นบางเวลาตามอารมณ์  อิ อิ    

    แน่ใจเหรอเปล่า

    P
    • โหย นิสัยเหมือนเจ้าหมาสีน้ำตาลตัวนี้เปี๊ยบเลย
    • งั้นไม่เอาดีกว่า  มันไม่หลากหลายทางชีวภาพ เดี๋ยวสูญพันธ์ อิอิ

    P
    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    ผมเชื่อว่าเมืองไทยไม่ได้ล้าหลัง
    ผมเชื่อว่าเมืองไทยไม่ได้ง่อย
    ผมเชื่อว่าเมืองไทยมีพร้อมสมบูรณ์
    ผมเชื่อว่าเมืองไทยมีคนดีคิดดีทำดีและนำดี
    ผมเชื่อว่าเมืองไทยมีนักคิดนักปฏิบัติดี นักศึกษาดี
    ผมเชื่อว่าเมืองไทยมีครูดี ครอบครัวดี สังคมดี
    ผมเชื่อว่าเมืองไทยมี...หลายๆอย่างที่ดีมากมาย

    แต่ผมไม่เชื่อว่าคนไทย...จะรอกินบะหมี่อย่างเดียว....

    ตื่นเถิดครับ....นาฬิกาปลุกเครื่องไหนจะทำงานได้เท่านาฬิกาสมองที่เราสัมผัสด้วยหัวใจ (ขอยืมหน่อยนะครับ)...อยู่หล่ะครับ ประเทศเราโลกเรา ใครเค้าจะเห็นคุณค่าหากเรามองไม่เห็นค่าของเราเอง.....

    เราแบ่งแยกรั้วกั้นได้แค่ผิวดินเท่านั้น....ใช่ว่าจะแบ่งได้ถึง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ....

    Psmall man
    โรงเรียนวัดวิเวกวราราม http://gotoknow.org/blog/wijcha/105820

    ฟังให้ครบก็พบปัญญา : ประชุมปรึกษาคุณครู ชั้น ป.6
    ในการประชุม ถ้าฟังอย่างเปิดใจ ก็จะได้อะไรมากมาย
    เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้เชิญคุณครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จาก 7 โรงเรียน มาประชุมปรึกษาหารือเพื่อวางแผนกำหนดรูปแบบและวิธีการในการนำนักเรียนเข้าค่ายคณิตศาสตร์ จัดกิจกรรมวันภาษาไทย และนำนักเรียนเข้าค่ายเยาวชนอรุโณทัย บรรยากาศการประชุมมีการแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย ได้ข้อสรุปที่ทุกคนพอใจแฮปปี้เอ็นดิ้ง ผลจากการประชุมดังกล่าว  ได้ข้อคิดดังนี้
    1.ในการประชุม ถ้าผู้บริหารใช้อำนาจ ก็จะขาดปัญญา
    2.ถ้าจะให้คนอื่นฟังเรา เราต้องฟังคนอื่นก่อน
    3. ฟังทุกความคิดเห็น ฟังให้จบและตีความให้ถูก ถ้าสงสัยให้ถาม โดยไม่ตัดสิน หรือข่มกัน ทุกคนก็จะกล้าพูด
    4. การสื่อความต้องตรวจสอบให้ตรงกัน บางครั้งคุยเรื่องเดียวกัน คิดเหมือนกัน แต่สื่อความไม่ตรงกัน ก็อาจจะขัดแย้งกันได้ ประธานต้องรีบเคลียร์ อย่ารีบตัดสินใจ
    5. บางครั้งเป้าหมายเดียวกัน แต่วิธีการต่างกัน ก็ต้องรีบเคลียร์เหมือนกัน กรณีนี้ เคลียร์ไม่ยาก
    6.ทุกคนพูด ทุกคนฟัง โดยไม่มีการผูกขาดความคิดหรือใช้อำนาจตัดสินใจ ก็จะได้ความรู้ ความคิดต่างๆ ที่ดีๆ ออกมามากมาย
    7. มีประเด็นเล็กๆ อยู่เรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องกิจกรรมเด็ก มีคุณคร฿ท่านหนึ่งเสนอว่ากิจกรรมบางอย่างให้เด็กทำ คุณครูอีกท่านบอกว่าเด็กทำเองไม่ได้หรอก ครูต้องคิดให้ ครูต้องทำให้ ในกรณีนี้ผมต้องค่อยๆชี้แจงด้วยความนุ่มนวลว่า ในกรณีนี้เด็กน่าจะคิดเองได้ ทำเองได้ ถ้าเราให้โอกาสเขา ซึ่งคุณครูที่ไม่เห็นด้วยก็ยอมรับฟัง เพราะพูดกันด้วยเหตุด้วยผล...ต้องขอขอบคุณคุณครูชั้น ป. 6 ทุกท่านอีกครั้ง มา ณ โอกาสนี้..
    Pจักรวุธ อินต๊ะจัง

    คติในการดำเนินชีวิต  ชีวิตเมื่อไม่มีการเริ่มต้น  ก็ไม่จำเป็นจะต้องนึกถึงความสิ้นสุด

    http://gotoknow.org/blog/ajelang/105814

    ถ้าตราบใดที่คนเราไม่รู้จักคำว่า พอ แล้วล่ะก็ เขาเหล่านั้นจะต้องประสบความทุกข์อย่างแสนสาหัส ดังอุทาหรณ์ที่ยกมาเล่าให้ฟัง                บางคนพูดว่า  ความโลภ นั้นดับง่ายกว่า ความโกรธ ความหลง  แต่ผู้เขียนเชื่อว่า ความโลภก็ดี ความโกรธก็ดี ความหลงก็ดี  ล้วนแล้วแต่เป็นพิษเป็นภัยแก่มนุษย์ ไม่น้อยไปกว่ากันเท่าใดเลย  ถ้าผู้ใดมีความประมาท ผู้นั้นก็ย่อมจะถึงแก่ความตายทั้งเป็นด้วยกันทั้งสิ้น                ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปัง ทุกขัง  ปรารถนาหาสิ่งใด ไม่ได้ดังปรารถนา ก็เป็นทุกข์

    Pวรรธนชัย ๏(。◕‿◕。)๏ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭
    Institute for Technical Education Development

    http://gotoknow.org/blog/ceotalk/105895การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) เป็นวิธีการจัดการข้อมูลที่เป็นความรู้ให้เป็นระเบียบครบถ้วนตามที่ต้องการ ง่าย ต่อการค้นหาและใช้ประโยชน์ การจัดการความรู้สรุปเป็นกระบวนการ จัดการความรู้หลัก ๆ 3 ส่วน ได้แก่


    การจัดระบบรวบรวมจัดเก็บความรู้ ได้แก่ การสร้างความรู้ใหม่ และ เสาะแสวงหาความรู้ที่มีอยู่ในรูปแบบ สื่อต่าง ๆ มาประมวลและกลั่นกรอง เพื่อเป็นความรู้ของหน่วยงาน ซึ่งพร้อมที่จะขยายความรู้ และยกระดับ ความรู้กับบุคลากรในหน่วยงาน
    การเข้าถึงความรู้ ได้แก่ การเข้าไปนำความรู้มาใช้ โดยอาศัยช่องทางการ สื่อสารที่ง่ายและสะดวก เช่น การใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เว็บบอร์ด และบอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
    การแบ่งปันความรู้ ได้แก่ การแลกเปลี่ยน เผยแพร่ กระจายถ่ายโอน ความรู้ ซึ่งทำได้หลายวิธีการ เช่น กิจกรรมกลุ่ม การจัดประชุมสัมมนา การ สอนงาน ชุมชนแห่งการเรียนรู้ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนถ่ายโอนความรู้ผ่าน ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือ ระบบ e-Learning เป็นต้น

    P
    จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
    เมื่อ อา. 24 มิ.ย. 2550 @ 11:04 [302111]
    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    ช่องว่างระหว่างคนมันสูงมาก และจะมากขึ้นเรื่อยๆตามโอกาสของคนที่มีพร้อมกว่าพึงจะเอาเปรียบคนด้อยกว่า

    นโยบายของรัฐ ที่ดูเหมือนจะกระจายความเท่าเทียมให้คนรากหญ้า แต่กลับถูกเคลือบแฝงด้วยเลห์ เพทุบายที่แยบยลของนายทุน ที่ยังคอยแทะเล็มคนในระดับล่างๆลงมา

    ปรากฏการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นในชนบทมากมายเหลือเกินครับ หากเราเขียน เราพูดก็เหมือนกับว่า เรานำเสนอได้มุมเดียวแต่ไม่เคยบอกว่าควรทำอย่างไร

    จะทำอย่างไรได้เล่าครับ ...ในเมื่อเราถูกทำให้ต้องพึ่งพิงตลอดเวลา เราถูกริดรอนพลังลงเรื่อยๆจากนโยบายและวิธีคิดของผู้มีโอกาสในสังคม

    เซลล์มะเร็ง - ไวรัส

    1.       วัฒนธรรมและโครงสร้างเชิงอำนาจ

    2.       ระบบราชการและการเมืองที่ด้อยประสิทธิภาพ

    3.       ระบบการศึกษาที่คับแคบและอ่อนแอ4.       ทิศทางการพัฒนาตามแนวทางทุนนิยม เงินนิยม-วัตถุนิยม-บริโภคนิยม

    - - - - - - - - - - - - - - -  -

    หากสังคมไทยเป็นระบบคอมพิวเตอร์

    เรากำลังถูกไวรัสร้ายทำลายระบบอยู่หลายตัวด้วยกัน (ตามปัญหาที่เขียนไว้บางส่วนข้างต้น) เรายังไม่มีแอนติไวรัสที่เข้มแข็งพอที่จะกำจัดไวรัสเหล่านี้ได้

    เรากำลังขาดภูมิคุ้มกัน

    แอนตี้ไวรัสในที่นี้ ผมหมายถึง  

    • วัฒนธรรมและโครงสร้างแบบบูรณาการ - ประชาธิปไตย
    • ระบบราชการและการเมืองที่มีประสิทธิภาพ
    • ระบบการศึกษาที่ให้โอกาส และเข้าถึงการพัฒนาศักยภาพคนจริงๆ
    • ทิศทางการพัฒนาตามแนวทางความพอเพียง
    • สวัสดีครับ
    • เข้ามาอ่าน,  แต่ไม่ได้คัดลอกข้อความของตนเองมาไว้ในบันทึกนี้
    • บันทึกในลักษณะเช่นนี้  เป็นประหนึ่งหนังสือรวมวาทะแห่งปัญญา   ที่คัดลอก "ตัดตอน"  มาให้อ่านได้อย่างรวดเร็ว และนำพาเรากลับไปสู่บันทึกต้นฉบับได้โดยง่าย
    • ....
    • นี่คือ  อีกบันทึกที่ยืนยันได้ว่า  ในโลกแห่งการบันทึกนี้เป็นพื้นที่ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิงเริงใจ และบันเทิงเริงปัญญา
    • ...
    • ขอบคุณครับ

    Pเบิร์ด     เหิรแหล่ว  

    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    รายได้น้อยกว่ารายจ่ายแถมยังมาเป็นใน " กลุ่มจนที่สุด "  ที่ถือว่ามีถึง กว่า 12.7 ล้านคนทั้งประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยครัวเรือนละ 1,003 บาทต่อเดือน แต่มีรายจ่าย 1,525 บาท...ซึ่งกลุ่มนี้เป็นพวกจนซ้ำซาก สำรวจทีไรไม่เคยมีรายได้มากกว่ารายจ่ายเลย......เกิดอะไรขึ้นกับการหว่านเงินเอื้ออาทรที่ผ่านมา และการพัฒนาของประเทศไทย  ?

    บะหมี่ไม่ใช่ทางออกของสังคม  แต่เป็นตัวชี้วัดของสังคม  เป็นตัวชี้วัดว่าทางเลือกของผู้คนในเวลานี้เหลืออะไรอีกมั่ง   

    ถ้าเอาหญ้ายัดใส่ถุงแล้วให้ชาวบ้านกินได้  คงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด  ที่ที่ชาวบ้านจะต้องเลือก

    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    P
    Dream Farm and Sir. Paul McCartney
    เมื่อ อา. 24 มิ.ย. 2550 @ 13:59 [302257]

       http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    ใคร ใคร หลายคน ผู้ยกตนเป็นอาจารย์ด้านอาหาร หน้าจอทีวี และอดีตคนเคยรวยแถวทำเนียบ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "บะหมี่เป็นอาหารคนจน..."

        ไอ้โจ๋ เดินทางหนีความแร้นแค้นจากบ้านนอกมาหาเงินใช้หนี้เงินล้านอดึตรัฐบาล สบถ  "OMIGOSH! ทำไมกรุงเทพไม่มีแมงกุดจี่วะ .."

           นินทากันข้างรั้ว ทบ. ว่า มาดามนักการเมืองผู้ดีบางคนเคยอิมพอร์ทสปาเก็ตตี้ มาจากอิตาลี เพระเธอเหม็นกลิ่นบะหมี่คนจน .... แซ่บอีกหลีดีลีเฌียส...

    555555555555+  

    P

    สวัสดีครับน้องหมาน้อย

    • ดูวิธีการเลี้ยงดูด้านบนนะครับ น่ารัก น่าเอ็นดู พัฒนาการ.....อิๆๆๆ
    • ขอบคุณมากครับ ว่างๆ เอาธรรมะมาฝากกันอีกนะครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
    P

    สวัสดีครับคุณเบิร์ด

    ขอบคุณมากครับ ที่นำพัฒนาการมาให้ดูนะครับ ท้ายที่สุดทำให้เราทราบว่า ที่มาของเล่าฮูของพวกเรามากันอย่างไร ถึงได้ขยันอย่างนี้

    P

    ขอบคุณมากครับ

    P

    สวัสดีครับพี่แผ่นดิน

    • ขอบคุณมากครับ
    • บันทึกนี้จะเกิดไม่ได้เลย หากไม่มีคนรวบรวมที่ขยันขันแข็งอย่าง พี่เหลียง สิทธิรักษ์ แพนด้า พาแด้นซ์ และที่สำคัญมากก็คือ ผู้เขียนทุกคนที่เขียนแล้วปล่อยตะกอนเด็ดๆ ไว้ อย่างพี่แผ่นดิน แล้วหลายๆ ท่านครับ
    • งานนี้ ยกความดีให้กับ P และทุกๆ ท่านใน GotoKnow ครับ
    • ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่แวะมาเยี่ยมครับ
    P
    เบิร์ด
    เมื่อ อา. 24 มิ.ย. 2550 @ 18:00 [302424]
    P

    สวัสดีค่ะเล่าฮูแพนด้าผู้กำลังจะปลูกหญ้าใส่ถุง

    บะหมี่ไม่ใช่ทางออกของสังคม  แต่เป็นตัวชี้วัดของสังคม  เป็นตัวชี้วัดว่าทางเลือกของผู้คนในเวลานี้เหลืออะไรอีกมั่ง   

    ถ้าเอาหญ้ายัดใส่ถุงแล้วให้ชาวบ้านกินได้  คงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด  ที่ที่ชาวบ้านจะต้องเลือก

    ..........................................................................

    วาทะเด็ดเลยนะคะเนี่ย...เอาไปรวมในตะกอนหรือยังคะ ?

    ร่างรัฐธรรมนูญมีหลายมาตราที่น่าสนใจ แต่ที่ฮอตที่สุดคงหนีไม่พ้นสภาองค์กรชุมชน...ที่ถูกใบสั่งกันเป็นแถว ไม่ทราบว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ ?...ส่วนที่เบิร์ดสนใจในตอนนี้คือจำนวน สส.กับ สว.และที่มาของ สว....เล่าฮูพอจะแหลงให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะว่าเป็นอย่างไร เพราะเบิร์ดไม่มีเวลาตามเลย..

    ที่เล่าฮูบ่นในเรื่องเอาหญ้ายัดใส่ถุงให้ชาวบ้านกินนั้นทำให้เบิร์ดนึกถึงศูนย์ข้าวชุมชน...มาดูเรื่องราวที่น่าเศร้าของศูนย์นี้กันค่ะ...

    ศูนย์ข้าวชุมชน เป็นศูนย์ที่จัดตั้งขึ้นโดยให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันศูนย์ละประมาณ 20 คน มีพื้นที่ 200 ไร่เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีกระจายสู่เกษตรกรในพื้นที่

    ในเบื้องต้นรัฐเป็นผู้สนับสนุนปัจจัยการผลิตทั้งหมดอาทิพันธุ์ข้าว ปุ๋ย...แรกเริ่มมีเป้าหมายตั้งศูนย์ฯทั้งสิ้น 14,000 ศูนย์ โดย 1 ศูนย์จะผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้เกษตรกรครอบคลุมพื้นที่ได้ประมาณ 4,000 ไร่ แต่เนื่องจากจำนวนเจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่จะต้องเข้าไปให้ความรู้เกษตรกรมีไม่เพียงพอ จึงได้ปรับลดเป้าหมายลงครึ่งหนึ่งคือเหลือ 7,000 ศูนย์ ...1 ศูนย์ให้ครอบคลุมพื้นที่ 8,000 ไร่ ทั้งนี้เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีกระจายสู่เกษตรกรทั่วประเทศของไทย  ที่มีพื้นที่ปลูกข้าวรวมทั้งสิ้นประมาณ 57 ล้านไร่

    แต่เนื่องจากการดำเนินโครงการมีอุปสรรคคือขาดงบประมาณ จึงทำให้การดำเนินโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่ปัญหาต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกรชาวนาไทยนับวันสูงขึ้น แต่ผลผลิตต่อไร่แทบจะเรียกได้ว่าต่ำที่สุดในบรรดาประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าว !...

    ภาคเอกชนของไทยโดย 4 สมาคม ได้แก่สมาคมชาวนาไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ และสมาคมพ่อค้าข้าว ได้เสนอให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพข้าว โดยต้องเริ่มตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ รวมถึงงานวิจัยและพัฒนาที่ปัจจุบันเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยได้ทุ่มงบวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวถึงปีละ 4,000 ล้านบาท ขณะที่ไทยใช้งบวิจัยเพียงปีละ 48 ล้านบาท !

    โครงการจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูก เป็นหนึ่งในนโยบายพัฒนาคุณภาพข้าวเพื่อเพิ่มขีดแข่งขัน...

    โครงการดังกล่าวริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2543 ขณะนั้นรับผิดชอบโดยกรมส่งเสริมการเกษตร มีเป้าหมายตั้งขึ้นทั้งหมด 7,000 ศูนย์ทั่วประเทศ ระยะเวลาดำเนินงานปี 2543-2552 แต่ปรากฏว่าจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ย้ายความรับผิดชอบมาขึ้นกับกรมการข้าว กรมที่จัดตั้งขึ้นใหม่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระยะเวลาได้ผ่านมาถึง 7 ปี เพิ่งดำเนินการได้เพียง 4,000 ศูนย์ คาดว่าอีก 3,000 ศูนย์ คงจะดำเนินการได้ไม่ครบเป้าหมายตามระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากเหลือระยะเวลาอีกเพียง 3 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ทั้ง 4,000 ศูนย์ที่ดำเนินการแล้วนั้นยังไม่มีประสิทธิภาพต้องมีการปรับปรุงอีกมาก

    ทั้งนี้สาเหตุการดำเนินโครงการมีความล่าช้า ปัญหาใหญ่คือเรื่องของงบประมาณ โดย ตั้งแต่ปี 2547-2549 โครงการไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเลย จึงทำให้ไม่สามารถเดินหน้าหรือพัฒนาศูนย์ที่ได้ดำเนินการไปแล้วให้มีประสิทธิภาพได้ ...รัฐบาลชุดไหนคะที่เป็นในช่วงนี้ ? แต่มีงบสร้างเมกกะโปรเจคท์ + โปรโมชั่นมากมาย เพื่อกระตุ้นยอดขายของตัวเอง...

    อย่างไรก็ดีเมื่อเร็วๆ นี้รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาท โดยกรมจะนำงบส่วนนี้มาพัฒนาศูนย์ข้าวชุมชนได้ประมาณ 700 ศูนย์ จากจำนวนศูนย์ที่ได้ก่อตั้งแล้ว 4,000 ศูนย์

    ซึ่งกรมจะไม่นำงบส่วนนี้ไปตั้งศูนย์ใหม่เพิ่มเติม เพราะที่มีอยู่ยังไม่มีประสิทธิภาพ และยังมีปัญหาที่ต้องพัฒนา...อาทิการผลิตเมล็ดพันธุ์ยังไม่ได้คุณภาพ ระบบตรวจสอบคุณภาพยังไม่ดีพอ และเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ยังต้องมีการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีอีกมาก ...

    รัฐบาลเผด็จการทหารที่ถูกกล่าวหาว่า ช้า งุ่มง่าม ทำงานไม่เป็น ฉีกรัด - กะ - ทำ - มะ - นูน..เป็นรัฐบาลที่ให้เงินสนับสนุนกรมข้าว 100 ล้านให้ดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพข้าวไทย เพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันของประเทศ..!

    เอามาเพื่อบอกว่าเบิร์ดเริ่มขวางหู ขวางตากับบรรดา " คนดี " ทั้งหลายที่มาเย้วๆอยู่ที่สนามหลวงที่เป็นพวกนักประชาธิปไตยจ๊ะจ๋าอยู่ในขณะนี้..

    เบิร์ดมองว่าเมื่อประชาธิปไตยของประเทศไทยยังเป็นได้แค่เครื่องมือของนักการเมือง คนไทยส่วนใหญ่ยังต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงให้มากกว่านี้  วิถีทางนอกรูปแบบ ( เช่นการปฏิวัติ ) ก็อาจจะต้องถูกยกมาใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายได้บ้าง...ก็เท่านั้น...  อย่างน้อยในช่วงวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาก็ทำให้มีรอยยิ้มเปื้อนหน้าคนไทยและเห็นดอกไม้บนปลายกระบอกปืนล่ะค่ะ

    โอย ! เอาอีกแล้วยั้งไม่ทันอีกแล้ว...จบด้วนๆแค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะเล่าฮู ^ ^

    บทความเด็ดๆ จาก บะหมี่ http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    ระหว่างฝ่ายแดงและฝ่ายน้ำเงิน...ถกกันนะครับ

    สังคมที่โหดร้าย ภาพการเคลื่อนไหวที่เลวร้าย  ทำลายแม้กระทั่งความเข้าใจของผู้ที่ทรงศีล ที่กำลังใฝ่หาจุดยืนที่ผิดๆ แม้กระทั่งยอมแลกกับความตาย

    อำนาจ  เงินตรา ความร่ำรวย  กำลังถูกฝังแน่นเข้าทุกอณูของลมหายใจ

    ภาพวัตถุที่ลอยล่องเตะตาเตะจมูก  แทรกซึมเข้าทุกหนทุกแห่ง ในซอกมุมของชุมชน  ในชนบท ในเมือง  ไม่เว้นแม้กระทั่งในวัดวาอาราม http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

     http://gotoknow.org/blog/kmpps/105977

    P
    somtawin
    โรงเรียนพระยาประเสริฐสุนทราศรัยฯ

    ไม่ว่าจะสอนที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ที่โรงเรียนหรือแม้แต่ที่บ้าน    อย่าลืมว่า ควรจะกระตุ้น และเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้คิดวิเคราะห์แก้ปัญหาด้วยตัวเอง เน้น "กระบวนการ" มากกว่าหา "คำตอบ" แต่เพียงอย่างเดียว

     

    P
    http://gotoknow.org/blog/pandin/105930
    เปลือยความสุข (16) : (โกรธ) เคียดให้ครู ... แดน สิ ตี พ่อแม่ !
    P
    จารุวัจน์
    เมื่อ อา. 24 มิ.ย. 2550 @ 09:04

    ความรู้ไม่ได้อยู่ที่ปลายของเส้นทาง แต่ความรู้อยู่ที่ระหว่างที่ก้าวเดินต่างหาก ดังนั้นสิ่งที่เราน่าจะทำคือ เก็บเกี่ยวทุกสิ่งที่มีคุณค่าในระหว่างการเดินทาง อย่ามองเป้าหมายจนลืมเท้าที่ก้าวเดิน http://gotoknow.org/blog/mrschuai/102160

    P
    http://gotoknow.org/blog/mrschuai/105583
  • คลังปัญญาในสมองใครขโมยไม่ได้ อย่างมากก็ลอกเลียนแบบ แต่ต้นตอทางแนวคิดเป็นของคนในชุมชน การปรับใช้ความรู้ให้สอดรับกับชุมชน ก็สำคัญ
  • จบ.ปริญญาตรี ออกไปกรีดยาง ผมไม่เห็นว่ามันจะเลวร้ายตรงไหน ดีเสียอีกที่จะได้คิดค้นหาแนวทางเหตุผลในการปรับกระบวนการกรีดให้พัฒนามากขึ้น
  • จบ. ปริญญาตรีไปทำนา มันจะเสียหายตรงไหน ผมคิดว่าดีเสียอีกจะได้ทราบกระบวนการคิด หลักเหตุผลเข้าใจธรรมชาติในการผลิต การบริโภค...... ไม่ใช่ว่าจบ ตรี แล้วเหยียบดินไม่ได้แล้ว กลัวขาจะเป็นตะกุยคราบขี้โคลน... มองเห็นการถนอมครีมหน้าขาวในทีวีแล้วช่างขัดแย้งกับภูมิปัญญาไทยจริงๆ ครับ รากเหง้าของเราอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ครับ
  • ผมชื่นชมหลายๆ คนที่ จบ. ป.ตรี แล้วกลับไปพัฒนาบ้านเกิดตัวเอง หรือพัฒนาชุมชน แม้จะไม่ใช่บ้านเกิดก็ตาม ลงไปเน้นการพัฒนาอนาคตของชาติตามพื้นที่ไกลปืนเที่ยง
  • P
    จารุวัจน์
    เมื่อ อา. 24 มิ.ย. 2550 @ 09:04

    ความรู้ไม่ได้อยู่ที่ปลายของเส้นทาง แต่ความรู้อยู่ที่ระหว่างที่ก้าวเดินต่างหาก ดังนั้นสิ่งที่เราน่าจะทำคือ เก็บเกี่ยวทุกสิ่งที่มีคุณค่าในระหว่างการเดินทาง อย่ามองเป้าหมายจนลืมเท้าที่ก้าวเดิน  http://gotoknow.org/blog/mrschuai/105583

    P
    http://gotoknow.org/blog/delight/106015

    สิ่งทีรู้จัก...ยากที่สุด

     

     

    สิ่งที่รู้จัก ยากที่สุด กว่าสิ่งใด

    ไม่มีสิ่ง ไหนไหน ได้ยากเท่า

    สิ่งนั้นคือ ตัวเอง หรือตัวเรา

    ที่คนเขลา หลงว่ากู รู้จักดี

    ที่พระดื้อ เณรดื้อ และเด็กดื้อ

    ไม่มีรื้อ มีสร่าง อย่างหมุนจี๋

    เพราะความรู้ เรื่องตัวกู มันไม่มี

    หรือมีอย่าง ไม่มี ที่ถูกตรง

    อันตัวกู ของกู ที่รู้จัก

    เป็นตัวลวง เหลือลึก ให้คนหลง

    ส่วนตัวธรรม เป็นตัวจริง ที่ยิ่งยง

    หมดความหลง รู้ตัวธรรม ล้ำเลิศตน

     

     

    ท่านพุทธทาสภิกขุ

    P
     
    พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
    วัดญาณเวศกวัน อ.สามพราน จ.นครปฐม
      เมื่อประชาธิปไตยที่ไม่ประสีประสา มาเจอปัญหาศาสนาประจำชาติ

     

    ตอนที่
    เมื่อประชาธิปไตยที่ไม่ประสีประสา มาเจอปัญหาศาสนาประจำชาติ
    คลิกฟัง/
    คลิกขวาดาวน์โหลด
    ตอนที่๑ มองไกล ใจกว้าง บรรยายเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๐ ( ๖๔.๐๐ นาที )
    คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
    ตอนที่ ๒ ดูเขา เข้าใจตัว บรรยายเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๐ (๔๙.๓๐ นาที)
    คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
    ตอนที่ ๓ รู้จักตัว เห็นทั่วโลก บรรยายเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๐ (๔๙.๓๐ นาที)
    คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
      แถมพิเศษ  
    โลกเดี๋ยวนี้ขัดแย้งกันมากมาย จะแก้ไหวหรือ
    บรรยายเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๕ (๖๘.๓๙นาที)
    คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา
    วาสนาคนไทย ได้แค่ไสยศาสตร์ (๓๕.๓๓ นาที)
    คลิ๊กฟังเสียงธรรมเทศนา

    นำของดีๆ มาฝากเพื่อนครับ http://www.dhammathai.org/sounds/pa_payutto/policybud.php

    อาหารสมองชั้นเลิศครับ ฟังด้วยปัญญา เรามักจะได้ปัญญากลับมาเสมอ ครับ

    http://gotoknow.org/blog/delight/106015

    P
    ธรรมาวุธ
    เมื่อ จ. 25 มิ.ย. 2550 @ 02:08 [302736]
    มารบ่มี บารมีบ่เกิด จริงๆ ครับ

     

    P
    จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
    เมื่อ จ. 25 มิ.ย. 2550 @ 09:01 [302846]

    Gotoknow เป็นที่รวมของเหตุผล เป็นสนามฝึกฝนปัญญา ดังนั้นแล้ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็ขอให้พิจารณาด้วยปัญญา เป็นการดีมากที่มีเหตุต่างด้านความคิด และพฤติกรรม เราก็ได้ศึกษาและเรียนรู้ปรากฏการณ์อย่างนี้

    http://gotoknow.org/blog/delight/106015

    P
    น่านฟ้าทะเลลม
    เมื่อ อา. 24 มิ.ย. 2550 @ 20:43 [302512]

    P

    สวัสดีค่ะ...ยกบะหมี่กระเพาะหมูน้ำใสมาเสริฟจ้า

    %e0%b8%9a%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b9%88

    • บะหมี่กระเพาะหมูน้ำใส

      เครื่องปรุง
      บะหมี่ 
      เป็ดตัวใหญ่
      ผักกาดหอมหั่นท่อนสั้น
      ขึ้นฉ่ายหั่น
      ต้นหอมผักชีซอย
      พริกไทยป่น
      ซีอิ๊วขาว
      น้ำซุป

      วิธีทำ

      1. ล้างเป็ดให้สะอาด สับชิ้นใหญ่
      2. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ตั้งไฟให้เดือด ใส่เป็ด ซีอิ๊วขาว พริกไทย ตุ๋นจนเป็ดเปื่อย
      3. ลวกบะหมี่ในน้ำเดือด พอบะหมี่สุก ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็น พอบะหมี่คลายร้อน ตักไว้ใส่ชาม
      4. เวลารับประทาน เอาบะหมี่ใส่ชามที่รองด้วยผักกาดหอม ตักเป็ดตุ๋นราดบนบะหมี่ โรยหน้าด้วยต้นหอมผักชีซอย ขึ้นฉ่าย รับประทานกับน้ำส้มพริกดอง  http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550
    ฟังด้วยหัวใจ
    P

     

     

     

    นิ่ง  สงบ....เราถึงจะคิดได้

    ......ถ้าเราไม่นิ่ง สงบและฟังอย่างลึกซึ้ง......

    เราจะไม่ได้ยิน “ สรรพเสียง ...ที่คนอื่นพูดกับเรา

    เพราะใจของเราจะพะวงอยู่กับสิ่งที่เราคิดว่ารู้แล้ว

    ...จนลืมที่จะฟัง ...ฟัง " เสียงที่เราไม่ได้ยิน "...

    ............................................................. 

    ฟังเสียงใบไม้....ดอกไม้...พลิ้วไหวในสายลม

    คละเคล้า...เสียงพร่างพรมของสายฝน...

    ร่วมกับเสียงกระซิบ...จาก “ หัวใจ   ใครบางคน...

    ที่ปะปน...มากับ “ สาส์น ที่สื่อมา...

    ..............................................................

    เมื่อเราฟังความรักจึงส่งเสียง

    ขอเราเพียง …. ฟังด้วยใจ

    และเปิดอ้อมแขน...เพื่อโอบไว้

    ...แล้วปล่อยให้...” ความรัก ...ทักทายเรา.....

    ..............................................................

     

    ความรักนั้นอบอุ่น  สดใส...

    เพียงแค่ใจเรา ...“ ศรัทธา

    ไม่ต้องตามไป...สุดขอบฟ้า...

    ไม่ต้องเหลียวมองหา...

    เพราะว่ารักนั้น...ไม่เคยไกล

     

     

     

    ..." ขอเพียงแค่เราเข้าใจ "...

    เปิดอ้อมแขนโอบกอดไว้......

    สัมผัสรัก...ด้วย “ หัวใจ   ของเราเอง

     

    และเรียนรู้ที่จะฟัง…...ฟังด้วย " หัวใจ "...ของเราเอง  

    ........................................................................

    http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105552

    Pจักรวุธ อินต๊ะจัง

    ชาวพุทธที่แท้จริงนั้นภายนอกจะต้องเป็นคนดี ไม่ทำความชั่ว และเป็นคนมีกิริยามารยาทงดงาม พูดจาไพเราะ ซึ่งเพียงเท่านี้ก็เรียกว่าเป็นชาวพุทธที่แท้จริงแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนภายในก็ต้องเป็นคนฉลาดรอบรู้ในเรื่องของการดำเนินชีวิตที่สงบสุข ซึ่งก็จะทำให้เป็นชาวพุทธที่แท้จริงได้อย่างเต็มเปี่ยม

    P
    จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
    เมื่อ จ. 25 มิ.ย. 2550 @ 21:54 [303641]

     http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    คุณเบิร์ดครับ

    ว่าจะไม่แล้วเชียว!!!

    บะหมี่ชามนี้รสชาติจัดจ้าน เผ็ดได้ใจ ถูกใจกระผมมากครับ

    ประเด็นที่คุณเบิร์ดได้เขียนในข้อเสนอแนะไว้แล้วนั้นน่าสนใจมากครับ

    ผมขออนุญาตยกมาเป็นประเด็นๆก่อน และ จะขบคิดสักหน่อยก่อนจะมาเขียนต่อครับ

    • มองว่าที่ผ่านมาที่เราไม่ได้กำหนดว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินั้นน่าจะเป็นเพราะพระพุทธศาสนาสอนให้เคารพชีวิต  ไม่แต่เฉพาะชีวิตคนเท่านั้นแต่รวมถึงชีวิตอื่นๆที่อยู่ร่วมกับเราทั้งหมด..และไม่ได้หมายถึงว่าการมีความแตกต่างกันนั้นเป็นสิ่งที่ผิดหรือเป็นความแตกแยก...เพราะศาสนาทุกศาสนามีแก่นเดียวกันทั้งสิ้นคือเป็นหลักสมานฉันท์ของมนุษย์ชาติ ไม่ใช่ศาสนาเปรียบเทียบ...ประเด็นนี้เป็นประเด็นละเอียดอ่อนนะคะ และคนโบราณหรือคนรุ่นที่ผ่านมาเค้ามองลึกและกว้างกว่าเราในปัจจุบันหรือไม่ ?
    • ถ้าคณะสงฆ์จะเป็นหลักยึดของสังคมในการเผชิญความเปลี่ยนแปลงต่างๆในชีวิตที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้  คณะสงฆ์ จะต้องเป็นอิสระจากรัฐ  เพื่อจะได้เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง

      พื้นฐานความสำคัญของพระภิกษุต่อสังคมนั้นมีอยู่ว่า  พระภิกษุเป็นการจำลองอุดมคติของพระพุทธศาสนา  ออกมาในรูปของวิถีและบุคคล  พระภิกษุและวิถีชีวิตของพระภิกษุเป็นประจักษ์พยานว่า ความเป็นอยู่ที่ไม่เห็นแก่ตัว  ไม่สะสมวัตถุและเกียรติยศ ฯลฯ เป็นชีวิตที่ไม่เศร้าหมอง และเป็นชีวิตที่ " เป็นไปได้จริง " ในทางโลก

    • ชาติคือความหมายของรัฐที่เป็นองค์กร มีการครอบครอง ยึดถือ ซึ่งถือว่าไม่ใช่แก่นแท้ของพุทธศาสนาที่จุดหมายสูงสุดคือความอิสระทางจิตวิญญาณ หลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง...เมื่อพุทธศาสนาสูงกว่าชาติหรือรัฐ...เหตุใดจึงเอาสิ่งที่อยู่เหนือกว่ามาอยู่ภายใต้สิ่งที่ต่ำกว่าเล่า ?

    • การเรียกร้องใดๆเมื่อกระทำตามช่องทางที่ควรกระทำอย่างครบถ้วนแล้ว ก็ควรรอดูผลของการเรียกร้องนั้น  เพราะเมื่อกระทำในสิ่งที่ควรกระทำแล้ว ก็คงไม่มีสิ่งอื่นให้เราต้องกระทำอีก...การบังคับ  กดดันเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนต้องการ  ถ้าคนทั่วไปทำก็ยังทำให้เกิดความระอา แล้วถ้าผู้ทำเป็นผู้ที่ " ดำรงศักดิ์แห่งตน " ที่ควรเป็นที่เคารพเล่า จะก่อให้เกิดความรู้สึกเช่นใด ?

     จริงๆประเด็นเหล่านี้ สมบูรณ์ในการอธิบายและผมเพียงแต่อยากให้ อ่านและทำความเข้าใจให้มาก เพราะนี่คือ "ความจริง" ที่ควรอ่าน

    ที่บอกว่า บะหมี่ชามนี่เผ็ดจริงๆ ไม่ได้เป็นเรื่องพูดกันเล่นๆเลย

     

    ผมขอขอบคุณ และผมขอคารวะจากใจครับผม

     

                                       จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

    P
    อุทัย อาวรณ์
    เมื่อ จ. 25 มิ.ย. 2550 @ 22:26 [303679]

    โลกภายนอกกว้างใหญ่ใครใครรู้

    โลกภายในลึกซึ้งอยู่รู้บ้างไหม??

    อยากมองโลกภายนอกมองออกไป

    อยากมองโลกภายในให้.........มองตน  http://gotoknow.org/blog/delight/106015

    P
    จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
    เมื่อ อ. 26 มิ.ย. 2550 @ 00:20 [303799]

    ขอบคุณคุณอุทัยครับ

    P

     

    "อยากมองโลกภายในให้.........มองตน"

    ชวนให้เราคิดว่า ปัจจุบันนี้เราได้มองโลกภายในบ้างมั้ย เราได้มองตนเองบ้างมั้ย

    อัตตา มันบดบังตาในหมดสิ้นครับ

     - - - - -

    จงยืนกราน......สลัดทั่ว ........................ช่างหัวมัน
    ถ้าเรื่องนั้น.......นั้นเป็นเหตุ ...................แห่งทุกข์หนา
    อย่าสำออย......ตะบอยจัด ...................ไว้อัตรา
    ตัวกูกล้า...........ขึ้นเรื่อยไป.................... อัดใจตาย

    เรื่องนั้นนิด          เรื่องนี้หน่อย................. ลอยมาเอง
    ไปบวกเบ่ง..........ให้เห็นว่า...................... จะฉิบหาย
    เรื่องเล็กน้อย........ตะบอยเห็น................. เป็นมากมาย
    แต่ละราย...........รีบเขวี้ยงขว้าง.............. ช่างหัวมัน
     

    เมื่อตัวกู................ลู่หลุบ........................... ลงเท่าไร
    จะเยือกเย็น.............ลงไป............................ได้เท่านั้น
    รอดตัวได้................เพราะรู้ใช้.................."ช่างหัวมัน"
    จงพากัน................ หัดใช้........................... ไว้ทุกคนฯ

     

    ท่านพุทธทาสภิกขุ          http://gotoknow.org/blog/mrschuai/102160

    P
    ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น  http://gotoknow.org/blog/mannover/106432

    เป็นบุญของพวกเราทุกคนที่ได้เกิดมาพบกับหนทางแห่งมรรค ทางปฏิบัติไปสู่ความเข้าใจในความจริงแท้ ซึ่งแม้แต่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็ไม่ได้รับโอกาสแบบนี้ ถ้าเราละเลยไป ไม่รู้ต้องเกิดอีกกี่พันกี่หมื่นภพชาติที่เราจะได้รับโอกาสเช่นนี้อีก หรืออาจไม่มีโอกาสนี้อีกเลยก็ได้ พระพุทธองค์ทรงชี้หนทางแห่งความหลุดพ้นให้เราแล้ว หนทางแห่งความสุขที่เป็นอมตะนิรันดร์กาล            

     http://gotoknow.org/blog/delpiero

    Pพรหมลิขิต
    มูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร

    ความหวังสูงสุดในชีวิต  ลดกิเลสในจิตใจ ให้น้อยที่สุด(เท่าที่จะทำได้) ไม่เพิ่มภาระให้กับสังคม มุ่งสะสมความดี ความงาม ให้กับคนที่รัก ทุกเมื่อเชื่อวัน

    E-Mail: [email protected]

    ช่วงรอบเดือนที่ผ่านมา ผมมีความรู้สึกปลื้มสุดๆ กับแนวคิดของชาวนาพิจิตร ที่กำลังค้นหาองค์ความรู้ที่จะมาแก้ไขปัญหาทุกข์ร้อนด้วยตัวเองอย่างคึกคัก จากที่มีการพูดคุยวงเล็ก วงใหญ่ จะเรียกว่าตกผลึกทางความคิดก็คงไม่เชิง เพราะยังไงเสียคงไม่ง่ายนักที่ชาวนาจะร่วมกันแก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบจากการพูดคุยไม่กี่คน อ... มีต่อ »
    คำหลัก: ชีวิตชาวนา
    โดย พรหมลิขิต   ลิงค์ที่อยู่ถาวร   ความคิดเห็น (0)
    สร้าง: อ. 26 มิ.ย. 2550 @ 09:22   แก้ไข: อ. 26 มิ.ย. 2550 @ 11:17
    อ่าน: 12
    สิ่งที่จะต้องพบเจอบ่อยๆสำหรับการทำงานในพื้นที่ท้องถิ่น ชุมชนนั้น มองได้ 2 กลุ่มที่สัมพันธ์กัน คือ “กลุ่มผู้กระทำ” และ “กลุ่มผู้ถูกกระทำ” กลุ่มผู้กระทำคือคณะหรือทีมทำงาน ส่วนกลุ่มผู้ถูกกระทำคือกลุ่มเป้าหมายพื้นที่ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้กระทำคือ ... มีต่อ »
    โดย พรหมลิขิต   ลิงค์ที่อยู่ถาวร   ความคิดเห็น (2)
    สร้าง: ศ. 22 มิ.ย. 2550 @ 12:29   แก้ไข: ศ. 22 มิ.ย. 2550 @ 12:29
    อ่าน: 15
    ในภาวะปัญหารบเร้าท้องถิ่น ชุมชนมากมาย ที่ก่อตัวหมุนวน ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจตกต่ำ สังคมเสื่อม สุขภาพอ่อนแอ สิ่งแวดล้อมอากาศแปรปรวน และอื่นๆอีกมากมาย ที่คงไม่จำเป็นต้องหยิบยกสถิติตัวเลขงานวิจัยอะไรมาอ้างก็พอจะอธิบายได้ในเชิงพรรณนา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนประจักษ์ให้เห็น... มีต่อ »
    โดย พรหมลิขิต   ลิงค์ที่อยู่ถาวร   ความคิดเห็น (3)
    สร้าง: ศ. 22 มิ.ย. 2550 @ 12:20   แก้ไข: ศ. 22 มิ.ย. 2550 @ 12:20
    อ่าน: 20
    ในช่วงที่อะไรๆเข้ามามากๆ(หมายถึงงานและไม่ใช่งาน) มันทำให้เราสับสน งงงัน ฉุกคิด อยู่ 3 ประเด็น นั่นคือ... 1.แนวความคิดตัวเราเอง บางครั้งก็มี บางครั้งก็ไม่มี เพราะเป็นงาน เป็นภารกิจ เป็นความรัก เป็นความชอบส่วนตัว ส่วนใหญ่เราจะอยู่ในกรณีท้ายๆ เราทำงานกันไปเพื่ออะไรกัน? ก็คงหนีไม่พ้น เรื่องการ... มีต่อ »
    โดย พรหมลิขิต   ลิงค์ที่อยู่ถาวร   ความคิดเห็น (4)
    สร้าง: จ. 18 มิ.ย. 2550 @ 12:30   แก้ไข: จ. 18 มิ.ย. 2550 @ 13:24
    อ่าน: 48
    ในช่วงภาวะที่คนหนุ่มคนสาวต่างพลัดถิ่นฐานเข้าไปเป็นแรงงาน ทำอยู่ทำกินในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยการจ้างงานที่ตอบแทนด้วยเงินสมน้ำสมเนื้อ และเหมาะกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ ทำให้การเคลื่อนไหวหางานทำมุ่งสู่เมืองมากขึ้นอย่างคึกคัก ขณะเดียวกันชนบทหรือท้องถิ่นบ้านนา กลับเงียบเหงาว่างเปล่า มีเพียงผู้เฒ่าผู้แก่ ล... มีต่อ »
    โดย พรหมลิขิต   ลิงค์ที่อยู่ถาวร   ความคิดเห็น (0)
    สร้าง: อ. 03 เม.ย. 2550 @ 11:05   แก้ไข: อ. 03 เม.ย. 2550 @ 11:12
    อ่าน: 74
    หลายท่านคงสงสัยว่า "เพลี้ยกระดาษ" เป็นแมลงสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์มารึว่าอย่างไร? คำตอบคือจริงครับ แต่ว่าความรุนแรงนั้นร้ายกาจมากจนแทบหาทางแก้ไม่ได้ แม้แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ ยังต้องก้มหน้ายอมรับกับเชื้อโรคนี้ เพราะผู้ที่ผสมพันธุ์ปฎิสนธิเชื้อนี้ขึ้นมา คือ....นักธุรกิจ (พ่อค้าโรง... มีต่อ »
    โดย พรหมลิขิต   ลิงค์ที่อยู่ถาวร   ความคิดเห็น (3)
    สร้าง: ศ. 23 มี.ค. 2550 @ 12:02   แก้ไข: ศ. 23 มี.ค. 2550 @ 12:05
    อ่าน: 82
    ไม่รู้ว่านานแค่ไหน หรือว่าจวบจนสิ้นลมหายใจ ถึงจะได้รู้ว่า บนเส้นทางการพัฒนาสังคม จะไปสิ้นสุดตรงจุดไหน ควรเป็นรูปแบบใด คำถามนี้ทำเอาผมสงสัยเป็นวักเป็นเวร(จนเครียด!!!!) พักใหญ่ เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้นหรือ? ก้อยิ่งทำยิ่งเหมือนโจทย์จะยากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาหลายอย่างซับซ้อนมาก แทบหาทางออกไม่เจอ ในมุม... มีต่อ »
    โดย พรหมลิขิต   ลิงค์ที่อยู่ถาวร   ความคิดเห็น (9)
    สร้าง: จ. 05 มี.ค. 2550 @ 11:18   แก้ไข: จ. 05 มี.ค. 2550 @ 11:18
    อ่าน: 117
    จะว่าเป็นไปตามกระแสของเรื่องราวการสร้างบ้านดิน ของคุณโจน จันได และชุมชนมั่นยืนหรือเปล่าก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ แต่ที่แน่ๆกระแสดังกล่าวกำลังแผ่ขยายไปทั่วทั้งแผ่นดินไทย สำหรับคนที่ต้องการสร้างบ้าน ในราคาถูก(แทบไม่น่าเชื่อ) สามารถดีไซน์รูปแบบตามใจชอบด้วยมือและจินตนาการของผู้อยู่อาศัยเอง โดยผู้ที่ทำ... มีต่อ »
    โดย พรหมลิขิต   ลิงค์ที่อยู่ถาวร   ความคิดเห็น (11)
    สร้าง: ศ. 23 ก.พ. 2550 @ 11:29   แก้ไข: ศ. 23 ก.พ. 2550 @ 12:02
    อ่าน: 41
    ด้วยความเป็นเด็กสุดทำให้สงบเสงี่ยมเป็นพิเศษ ในเวทีเตรียมประชุม "กรอบการทำงานร่วมกันเพื่อการวิจัยและพัฒนาเชิงพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และจังหวัดลำปาง" โดยสำนักประสานงานและพัฒนาเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง สกว. สถาบันบริหารการวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยนเรศวร ในวันที่ 1 - 2 มีนาคม 2550 ซึ่งเ... มีต่อ »
    โดย พรหมลิขิต   ลิงค์ที่อยู่ถาวร   ความคิดเห็น (0)
    สร้าง: พฤ. 15 ก.พ. 2550 @ 11:41   แก้ไข: พฤ. 15 ก.พ. 2550 @ 12:06
    อ่าน: 66
    วิธีการฝึกคน สร้างคน ได้อย่างไร? ทำอย่างไรให้คนดีดีมาพบเจอกัน? ทำอย่างไรให้ฐานสมาชิกเครือข่ายเข้มแข็ง? ทำอย่างไรให้ลดความขัดแย้ง? คนดีดีตกลงมีจริงๆอยู่เท่าไรกันแน่!!!? นี่คือโจทย์คำถามมากมาย ที่มุ่งเป้าไปยัง "ผู้นำ" ในเครือข่ายเกษตรธรรมชาติจังหวัดพิจิตร เป็นข้อสงสัยมานาน แม้กระทั่งทีมง... มีต่อ »
    โดย พรหมลิขิต   ลิงค์ที่อยู่ถาวร   ความคิดเห็น (2)
    สร้าง: ศ. 09 ก.พ. 2550 @ 12:07   แก้ไข: อา. 25 ก.พ. 2550 @ 17:13

    เด็กรุ่นใหม่ อายุ 27 จบพัฒนาสังคม มน. อยู่หนองคาย ทำงานที่มูลนิธีพัฒนาพิจิตร

    P
    เบิร์ด
    เมื่อ อ. 26 มิ.ย. 2550 @ 19:54 [304537]
    P

    สวัสดีค่ะคุณเอก

    เบิร์ดขอบอกว่าเบิร์ดเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่เชื่อว่า " พุทธศาสนา " จะอ่อนแอเพราะว่าลักษณะของพุทธศาสนาเป็นปรัชญา และทุกๆศาสนาไม่ว่าจะเป็นอิสลาม คริสต์ พุทธ ฯลฯ ก็เป็นทั้งสิ้น...

    ตัวการที่จะทำพุทธศาสนาอยู่ในลักษณะที่อ่อนแอคือ" พุทธบริษัท 4 "...ถ้าเรามีพุทธบริษัท 4 ( ภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก  อุบาสิกา )  ที่เข้าถึงหลักธรรมคำสอนของพุทธองค์  สามารถนำธรรมไปปฏิบัติเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อีกทั้งสามารถสร้างสรรค์สถาบันและกลไกต่างๆเพื่อให้ธรรมเจริญงอกงามทั้งในระดับบุคคลและสังคม ... " พุทธศาสนา " ไม่เสื่อมหรอกค่ะ และไม่ต้องให้ใครมาปกป้อง ค้ำจุนแต่อย่างใดเพราะพระพุทธศาสนาเหนือกว่าสิ่งสมมุติทั้งปวงรวมทั้งชาติด้วย

    เมื่อเป็นเช่นนี้การที่มีคนพยายามกำหนดพื้นที่หรือตำแหน่งแห่งที่ให้กับพระพุทธศาสนา โดยการกล่าวอ้างว่าเรา " ต้อง " ทำอะไรสักอย่างเพื่อความอยู่รอดทางพระพุทธศาสนานั้น จึงเป็นสิ่งที่ต้องตอบคำถามว่าความพยายามที่เป็นไปเพื่อความต้องการอยู่รอดในสังคมไทยหรือเพื่อรักษาพื้นที่ของตนไว้นั้น ต่างอะไรกับการดิ้นรนเพื่อรักษาสถานภาพทางสังคมของบรรดาผู้ที่เคยมีเกียรติสูงสุด มีหน้ามีตาในสังคมแต่ " อุบัติเหตุ " บางอย่างได้ลดทอนเกียรติศักดิ์อันนั้นลงไป จึงดิ้นรนเพื่อยึดพื้นที่ทางเกียรติยศในสังคมไว้ให้นานที่สุด ?...

    ส่วนคำตอบว่าคนไทยเห็นอย่างไรกับความพยายามนี้เบิร์ดขออนุมานจากการสำรวจที่พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ประมาณ 80 % ไม่เห็นด้วยกับความพยายามที่ดูเหมือนจะกลายเป็นความดื้อรั้นของกลุ่มคนบางกลุ่มนี้ค่ะ

    เบิร์ดชวนคุณเอกคุยในเรื่องระบบบริหารคณะสงฆ์ดีกว่า...เพราะระบบบริหารของคณะสงฆ์ควรเป็นไปเพื่อเอื้อต่อการศึกษา ค้นคว้าศาสนธรรม ไม่ใช่มีอยู่เพื่อ " ดำรงความศักดิ์สิทธิ์ " ของ " สถาบัน "...

    การปฏิรูปคณะสงฆ์จึงเป็นสิ่งที่ปราชญ์หลายๆท่านได้กล่าวไว้ ในที่นี้เบิร์ดขอยกของ อ.นิธิ  เอียวศรีวงศ์ที่พูดเกี่ยวกับความอ่อนแอของคณะสงฆ์

    เป็นที่รู้กันดีว่าทุกวันนี้พระสงฆ์สูญเสียสถานะและบทบาทไปมาก ซึ่งมีสาเหตุสำคัญอยู่ 3 ประการคือ

    1 . ความสัมพันธ์ระหว่างคณะสงฆ์กับรัฐ เพราะไม่เคยมีประเทศไหนในโลกที่รัฐเข้ามาอุปถัมภ์ศาสนาโดยไม่ครอบงำและไม่แสวงหาผลประโยชน์...และที่สำคัญเวลานี้ศาสนาเราก็พอใจที่รัฐเข้ามาอุปถัมภ์ !

    2.  ความสัมพันธ์ระหว่างคณะสงฆ์กับสังคม ที่อ่อนแอและเข้าไม่ถึงชุมชน กลายเป็นพิธีกรรมต่างๆมากมาย

    3.  การศึกษาของคณะสงฆ์  ที่การครุ่นคิดไตร่ตรองศาสนธรรมกลับไม่งอกเงย  การค้นคว้าทางศาสนธรรมด้านปริยัติต้องอาศัยหนังสือที่เขียนไว้เมื่อหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา  สำนักเรียนของพระสงฆ์มีอยู่ทั่วประเทศ แต่สำนักเหล่านั้นเพียงแต่ถ่ายทอดเรื่องราวเก่าๆต่อคนรุ่นใหม่  ไม่ได้เปิดโอกาสให้ความคิดใหม่ได้งอกเงย...กลายเป็นระบบการศึกษาที่แช่แข็งภูมิปัญญา !

    เห็นมั้ยคะว่าจุดเสื่อมที่แท้นั้นอยู่ที่ใด ?  เราจะเห็นว่าความอ่อนแอของคณะสงฆ์นั้นมีมากมาย มีกี่กรณีที่ไม่สามารถเอาผิดพระที่ทำผิดธรรมวินัยได้ ? ตั้งแต่กรณีของพระยันตระจนไปถึงธรรมกาย ไม่นับกรณีที่ไม่เป็นข่าวอีกนะคะ...ยังไม่ต้องพูดถึงความอ่อนแอซวดเซที่ลงลึกไปถึงวัดในระดับท้องถิ่น...อย่างนี้เรียกว่าสนิมเกิดแต่เนื้อในตนใช่หรือไม่ ?

    เราต้องยอมรับว่าวิกฤตศาสนาพุทธส่วนหนึ่งอยู่ที่อำนาจรัฐและระบบการตลาดเข้ามากำหนดจุดหมายและมีบทบาทมากเกินไป  ทางออกจึงต้องทำให้พุทธศาสนาหลุดออกมาให้ได้  ต้องทำให้รัฐถอยออกไป ...แล้วทำให้ธรรมวินัยเป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์.. แต่กลับมีความพยายามที่จะเอารัฐมาครอบครอง ! ทำไม ?

    โอย ! เห็นมั้ยล่ะคะ ว่าจะไม่แล้วเชียว !!  http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    P
    เบิร์ด
    เมื่อ อ. 26 มิ.ย. 2550 @ 20:40 [304578]
    P

    สวัสดีค่ะคุณเม้ง

    ว่าแต่ว่า ใครไปนอนในโลงหรือครับ.... นอนในโลงแสดงจุดยืน หรือว่านอนในโลงเพื่อแสดงจุดนอนครับ

    ...............................................................

    มีพระ 5 รูปไปนอนในโลงเพื่อกดดันให้บรรจุคำว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยลงในรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังร่างอยู่นี่แหละค่ะ...

    ช่างไม่คิดถึงคนอื่นบ้างเลยว่าเค้าจะรู้สึกอย่างไร..คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิกข์  ขงจื้อ  เซ็น ฯลฯ พวกเค้าเหล่านี้ก็เป็นคนไทย เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชาติของเรามาเนิ่นนาน...เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินไทยพวกเค้าจะรู้สึกอย่างไร ?  ทีผ่านมาถึงแม้จะไม่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแต่ก็เป็นที่ยอมรับโดยนัยอยู่แล้วว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติของไทย  แล้วจะทำให้เกิดความรู้สึกเหลื่อมล้ำไปทำไม ?...ความเป็นพุทธไม่พุทธไม่ใช่อยู่ที่วัตรปฏิบัติภายนอกแต่อยู่ที่ท่าทีที่มีต่อชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชีวิตใครหรือชีวิตอะไรก็ตามเพราะพระพุทธศาสนาสอนให้เราเคารพชีวิตนี่คะ...

    แค่ศีล 5 เราตีความได้หมดมั้ยคะ ? ปาณาติบาตไม่ใช่แค่เราเชือดไก่ แต่ยังรวมความไปถึงการเมาแล้วขับ  การที่ซีพีเอาไก่มาเปิดไฟทั้งวันทั้งคืนตลอด 24 ชม.เพื่อบังคับให้ไก่กินข้าวจะได้อ้วนเร็วๆ แล้ว 3 เดือนก็เชือดขาย เราไปกินไก่เหล่านั้นถือว่าปาณาติบาตมั้ยคะ ? เข้าข่ายของการขาดความเมตตากรุณาหรือเปล่า  ...สงครามล่ะคะเป็นปาณา ฯมั้ย ?...หรือศีลข้ออทินนาทานา ( ลักทรัพย์ ) ไม่ใช่แค่โขมยเงินแม่ 5 บาท แต่กินความไปถึงการที่คนๆหนึ่งปล้นเงินชาติผ่านทางนโยบายที่เลิศหรูด้วย...ฯลฯ

    ถ้าเรายังไม่รู้แจ้งแห่งตน แล้วเราเอาคุณสมบัติใดไปกีดกันหรือตีตราคนอื่น ? ล่ะคะ...แก่นแท้ของทุกศาสนาคือหลักสมานฉันท์...ท่านพุทธทาสเคยกล่าวว่าศาสนาพุทธก็มีพระเจ้า พระเจ้าของเราไม่ใช่บุคคลแต่คือกฎของธรรมชาติ ที่เรียกว่ากฎอิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปปาโท เป็นกฎที่สามารถแทรกซึมอยู่ในทุกๆปรมาณูของทุกสิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นจักรวาล และบังคับให้สิ่งนั้นๆให้เป็นไปตามกฎ

    ถ้าดูในแง่ของจริยธรรม พระเจ้าของศาสนาอื่นคือผู้ที่ช่วยให้รอดทั้งรอดชีวิตและรอดจากความทุกข์  ในศาสนาพุทธก็คือธรรมมะที่ต้องประพฤติให้ถูกต้องแก่ความเป็นมนุษย์ของมนุษย์...เราก็มีพระเจ้าเหมือนศาสนาอื่นๆ และมีสิ่งใดที่เราแตกต่างกันล่ะคะในแก่นแท้ของศาสนา...

    คุณเม้งเล่าถึงการผลิต  การแปรรูป  และพูดถึงการเปลี่ยนรูปแบบของการใช้พื้นที่ทำให้เบิร์ดนึกถึงการปลูกยูคา ฯ ในพื้นที่ต่างๆที่พบเห็นอย่างหนาตามากขึ้นแทนพืชชนิดอื่นไม่ทราบว่ายูคา ฯ ส่งผลอย่างไรบ้างหรือเปล่าคะ ?

    จะรออ่านเรื่องเล่าภาคสี่นะคะ ^ ^   http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/105550

    P
    http://gotoknow.org/blog/LifeLearning/106677

      ...บันทึกชีวิต...

                                             

     

    เริ่มก้าวแรกจากเด็กน้อยค่อยตามฝัน

    ผ่านคืนวันมาเนิ่นนานอย่างสดใส

    ณ วันนี้พร้อมเติบโตเจริญวัย

    เป็นผู้ใหญ่ได้ผจญกับโลกกว้าง...

                       แต่ละย่างแต่ละก้าวของชีวิต

                       พร้อมลิขิตเพื่อเดินทางอย่างสร้างสรรค์

                       มุ่งไปสู่ปลายทางอย่างนิรันดร์

                       ก้าวสู้ฝันอันยิ่งใหญ่ในใจตน...

    ด้วย"ศรัทธา"ในคุณค่าแห่งชีวิต

    "วิริยะ"สถิตย์ในใจมั่น

    อีก"สติ""สมาธิ"คอยเตือนย้ำ

    ปัญญาล้ำชี้นำ"ธรรม"สู่ใจ...

                       ด้วยกำลังใจกายพร้อมมุ่งมั่น

                       ก้าวสู่ฝันที่ตั้งใจได้สมหมาย

                       เริ่มวันนี้ทำความดีจนชีพวาย

                       เพิ่มความหมายคุณค่าความเป็นคน...

     

    พร้อมน้อมรับคำติชมจากทุกท่านครับ ขอบคุณมากครับ....  

    Pปัทมาวดี โพชนุกูล ซูซูกิ
    คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

     http://gotoknow.org/blog/econ4life/106856

    แต่ในความเห็นของอาจารย์  การให้กระบวนการชุมชนเป็นไปโดยธรรมชาติ  ก็เท่ากับปล่อยให้คนเหยียบเท้าเราอยู่โดยที่เราร้องไม่ออก หรือถูกห้ามไม่ให้ร้อง   ช่องว่างระหว่าง อบต.กับชุมชนยังมีอยู่มาก     ชุมชนต่างๆยังต่างกันมาก   การปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็ไม่ต่างกับปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม 

        

    คิดแล้วคล้ายๆ ปัญหากลไกตลาด   อะไรๆก็ปล่อยให้ตลาดทำงาน  ให้ตลาดทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากร   แต่บนฐานสังคมที่ผู้บริโภคแต่ละคน มีอำนาจซื้อต่างกัน  ผู้ผลิตรายเล็กรายใหญ่มีฐานไม่เท่ากัน   ผู้ผลิต ผู้บริโภคมีอำนาจต่อรองไม่เท่ากัน   การปล่อยให้ตลาดทำงานไปตามธรรมชาติจึงเกิดผลที่ไม่พึงปรารถนาหลายประการ

    Pปัทมาวดี โพชนุกูล ซูซูกิ
    คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

    http://gotoknow.org/blog/econ4life/106835

    "การวิจัย คือ การพยายามหาคำตอบ" 

    "การวิจัย คือ การสร้างความรู้ใหม่  การค้นหาความรู้" 

    "การวิจัย คือ  กระบวนการสำรวจตรวจสอบ (investigate) อย่างเป็นระบบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง"

    Pพรหมลิขิต
    มูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร
     http://gotoknow.org/blog/delpiero/106804
    เทคนิคการทำนาแบบไม่บาป

    อาจารย์เดชา  ยังทิ้งคำคมไว้น่าสนใจด้วยว่า....ที่เรา จน กันอยู่ทุกวันนี้ เพราะเรามองข้าวเป็นแค่สินค้า  เป็นกรรมไม่ดี  อย่างนี้ถือว่า ทำบาป ไม่ใช่ ทำบุญ แล้ว 

     ...คิดว่ารวยแล้วจะมีความสุขหน่ะเหรอ? ผมเคยรวยมาแล้วถึงรู้ว่ามันไม่จริงนะ...

     

    P
    http://gotoknow.org/blog/addadd/106575

    เคยทำ ชีวิต...หายไป บ้างไหม ?

    ลองตอบคำถามเหล่านี้ดูเล่น ๆ ก็ได้
    จะได้รู้ว่าเรากำลังทำชีวิตหาย...ไป
    มากน้อยเท่าใดแล้วคือ ทุกวันนี้...

    1.
    มิตรภาพหายไป เพราะ....
    2.
    ความมั่นใจตัวเองหายไป เพราะ...
    3.
    ความภูมิใจหายไป เพราะ...
    4.
    ความเชื่อความศรัทธาที่ดี ๆ หายไป เพราะ...
    5.
    ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวหายไป เพราะ...

    6.
    เงิน หายไป (แม้บางคนจะหาได้มาก ก็เป็นหนี้มาก) เพราะ...
    7.
    เวลา หมดไปเร็วมาก เพราะ...
    8.
    กำลังใจ หายไป เพราะ...
    9.
    ความคิดดี ๆ หายไป เพราะ...
    10.
    ความกล้าหาญ หายไป เพราะ...
    11.
    ค่านิยม ทัศนคติที่ดี ๆ หายไป เพราะ...
    12.
    ความสุนทรีย์...ความสุข..หายไป เพราะ...

    P
    P

    สวัสดีครับน้องเปียโร่

    • ขอบคุณมากครับที่จะต้อนรับนะครับ คงมีโอกาสได้เจอกันแน่นอนครับ
    • อยากให้น้องลองหาแผ่นที่ประเทศไทย หรือวาดเอาเองก็ได้ครับ แล้วเมื่อรู้จักคนที่มีแนวคิดคล้ายๆ กัน ก็จุดลงไปบนแผนที่ แล้วทำงานแบบเครือข่ายนะครับ จุดลงไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งน้องเองก็มีแผนที่และเครือข่าย พี่เอกก็มีแผนที่แบบนั้น พี่เองก็มีแบบนั้น ท่านอื่นๆ ก็เช่นกัน แล้วเอาแผนที่เหล่านั้นมาแชร์กัน เล่าสู่กันฟังครับ เราจะถึงกันหมดใช่ไหมครับ
    • สำหรับเรื่องประสบการณ์นั้น จริงๆ แล้วไม่จำเป็นว่าเรียนมาหรือเรียนสูงจะต้องมีประสบการณ์มากกว่านะครับ มีอะไรอีกมากครับที่คนที่ไม่ได้เรียนรู้มากกว่าพี่นะครับ ดังนั้นเราร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เติมเต็มให้กันครับ เหมือนเราเอาแผนที่ของเราไงครับ มากางแล้วแนะนำกัน น้องแนะนำคนใหม่ในเครือข่ายน้อง พี่ก็จะรู้จักแล้วก็จุดเพิ่มลงไปในแผนที่ของพี่
    • ท้ายที่สุดแล้วเรามีแผนที่เหมือนกันเลยครับ พี่ว่าเรามีอะไรไม่มีอะไร พลัดหลงไปแถวๆ พิจิตรก็อาจจะได้เจอน้องแบบบังเอิญได้ ในทางกลับกันก็เช่นเดียวกันครับ
    • พี่ยังเชื่อว่า ใจมาก่อนวัตถุครับ ดังนั้น หากเราทำอะไร แล้วมีใจนำ เพื่อเชื่อว่าวัตถุจะตามมาเอง ไม่ใช่วัตถุตามมาแล้วจะแซงใจไปได้นะครับ เราต้องใช้ใจคุมวัตถุ เราจะเจอความสมดุลที่ดีครับ
    • สิ่งที่น้องทำอยู่พี่ว่าดีมากๆ และหลายๆ คนอิจฉาเป็นแน่แท้ ที่แน่ๆ พี่หล่ะหนึ่งคนที่อิจฉา เพราะพี่ไม่ได้มีโอกาสลงไปสัมผัสแบบนั้น เวลาพี่เห็นภาพของชาวบ้านนั่งล้อมวงแล้วถกคุกันอย่างเป็นกันเอง พี่ว่านั่นหล่ะ แก่นของชุมชน อยู่ในวงนั้นหล่ะครับ
    • ขอเป็นกำลังใจเพื่อสร้างพลังชุมชนเข้มแข็งนะครับ
    • และรักษาสุขภาพด้วยนะครับ อยู่ใกล้หรือไกล เราถึงกันหมดครับ...ขอให้น้องชายโชคดีครับ
    • http://gotoknow.org/blog/delpiero/106383

    สวัสดีครับทุกท่าน

    ช่วงนี้ยุ่งๆ มากเลยครับ

    ขอบพระคุณพี่เหลียงและทุกๆ ท่านนะครับ สำหรับความเห็นดีๆ บทความดีๆ ข้อคิดเห็นดีๆ นะครับ

     รักษาสุขภาพนะครับ

    เม้ง

    Pดร. แสวง รวยสูงเนิน
    มหาวิทยาลัยขอนแก่น  http://gotoknow.org/blog/sawaengkku/106871
    หนี้สินภาคประชาชน: ประตูสู่เส้นทางของการสิ้นชาติ
    เป็นเส้นทางที่ขายตัวเอง ขายศักดิ์ศรี ขายทรัพย์สิน ให้กับคนมีกำลังซื้อ และคนที่มีกำลังซี้อก็มักเป็นต่างชาติที่ร่ำรวย

     ช่วง ๒-๓ เดือนที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับชาวบ้านมาก และพบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่มีหนี้สินเกินกว่าระบบรายได้ของตนจะแก้ไขได้ ทำให้มีภาระหนี้สินพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือทางเลือกให้ตัวเองอีกต่อไป เท่าที่รวบรวมข้อมูลพบว่า ทางเลือกที่เหลือ และปฏิบัติกันทั่วไปก็คือ 

    1.    ขยายการผลิตพืชสัตว์เป็นการค้าที่คาดว่าจะได้กำไรมากๆ เร็วๆ

    2.    หางานรับจ้างเป็นฤดูกาลหรือระยะยาวทำ ทั้งในชุมชน ในเมือง ในกรุงเทพ หรือ ต่างประเทศ

    3.    หาทางให้ลูกสาวแต่งงานกับคนมีเงิน และที่นิยมมากก็คือการแต่งกับต่างชาติ

    4.    การเสี่ยงทุ่มเทเล่นการพนันที่เห็นตัวอย่างจากบางคน

    5.    การหากินด้วยวิธีการไม่สุจริตและอาชีพแอบแฝงที่ได้เงินมากๆ ง่ายๆ เร็วๆ ตามขีดความสามารถของแต่ละคน

    6.    การแบ่งที่ดินขาย หรือขายยกแปลงล้างหนี้

    7.    ฯลฯ 

    เส้นทางที่กล่าวมานั้นเป็นวิธีที่เคยเห็นมา และเป็นเส้นทางที่ขายตัวเอง ขายศักดิ์ศรี ขายทรัพย์สิน ให้กับคนมีกำลังซื้อ และคนที่มีกำลังซี้อก็มักเป็นต่างชาติที่ร่ำรวยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

    โดยเฉพาะเรื่องการขายที่ดินให้กับต่างชาติ แต่แฝงมาในนามของภรรยาของคนต่างชาตินั้นน่ากลัวมาก เพราะที่ดินมีโอกาสเปลี่ยนเป็นของต่างชาติ(โดยพฤตินัย และอำนาจการควบคุม)ได้ง่ายมาก และเขาก็มีกำลังซื้อมากกว่าคนไทยทั่วไปเสียด้วย

    แล้วชาวบ้านทั่วไปที่หนี้สินท่วมหัวอยู่ จะเอาแรงที่ไหนไปต้านทาน  

    หรือเราจะปล่อยให้ประตูบานนี้เปิดไปสู่เส้นทางแห่งการสิ้นชาติจริงๆ 

    หรือเรามีมาตรการป้องกันไว้แล้ว 

    ใครทราบช่วยบอกหน่อย

    หรือถ้าลดปัญหาหรือปิดประตูนี้ได้ ก็ช่วยกันหน่อยนะครับ

    Pดร. แสวง รวยสูงเนิน
    มหาวิทยาลัยขอนแก่น  http://gotoknow.org/blog/sawaengkku/106884

     KM สามารถ

    ·        กระตุ้น หรือเร่งให้เกิด

    ·        พัฒนาต่อยอด

    ·        แลกเปลี่ยน และ

    ·        ถ่ายทอด และ

    ·        เก็บรักษาได้ 

     

    แต่ผมก็กลับพบว่า KM จะเกิดขึ้นได้กับเฉพาะคนที่

    ·        สนใจ

    ·        เข้าใจ และ

    ·        ตั้งใจทำ เท่านั้น 

     

    และเป็นแบบ ผู้ทำ เป็นผู้รู้ ด้วยตัวเอง 

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/]reebok nfl jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/San-Francisco-49ers-Jersey.html]San Francisco 49ers Jersey[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Seattle-Seahawks-Jersey.html]Seattle Seahawks Jersey[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Alex-Smith-Jerseys.html]Alex Smith Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Frank-Gore-Jerseys.html]Frank Gore Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Jerry-Rice-Jerseys.html]Jerry Rice Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Joe-Montana-Jerseys.html]Joe Montana Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Michael-Crabtree-Jerseys.html]Michael Crabtree Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Nate-Davis-Jerseys.html]Nate Davis Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Patrick-Willis-Jerseys.html]Patrick Willis Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Ronnie-Lott-Jerseys.html]Ronnie Lott Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/San-Francisco-49ers-custom-nfl-jerseys.html]San Francisco 49ers custom nfl Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Steve-Young-Jerseys.html]Steve Young Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Vernon-Davis-Jerseys.html]Vernon Davis Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Willis-Women-Jerseys.html]Willis Women Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Aaron-Curry-Jerseys.html]Aaron Curry Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Deion-Branch-Jerseys.html]Deion Branch Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Matt-Hasselbeck-Jerseys.html]Matt Hasselbeck Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/T.J.-Houshmandzadeh-Jerseys.html]T.J. Houshmandzadeh Jerseys[/url]

    [url=http://www.nfl-jerseys-online.com/Chris-Long-Jerseys.html]Chris Long Jerseys[/url]

    <a href="http://www.nfl-Jerseys-online.com">reebok nfl jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/San-Francisco-49ers-Jersey.html">San Francisco 49ers Jersey</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Seattle-Seahawks-Jersey.html">Seattle Seahawks Jersey</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Alex-Smith-Jerseys.html">Alex Smith Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Frank-Gore-Jerseys.html">Frank Gore Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Jerry-Rice-Jerseys.html"> Jerry Rice Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Joe-Montana-Jerseys.html">Joe Montana Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Michael-Crabtree-Jerseys.html">Michael Crabtree Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Nate-Davis-Jerseys.html"> Nate Davis Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Patrick-Willis-Jerseys.html">Patrick Willis Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Ronnie-Lott-Jerseys.html">Ronnie Lott Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/San-Francisco-49ers-custom-nfl-jerseys.html"> San Francisco 49ers custom nfl Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Steve-Young-Jerseys.html">Steve Young Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Vernon-Davis-Jerseys.html">Vernon Davis Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Willis-Women-Jerseys.html">Willis Women Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Aaron-Curry-Jerseys.html">Aaron Curry Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Deion-Branch-Jerseys.html">Deion Branch Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Matt-Hasselbeck-Jerseys.html">Matt Hasselbeck Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/T.J.-Houshmandzadeh-Jerseys.html">T.J. Houshmandzadeh Jerseys</a>

    <a href="http://www.nfl-jerseys-online.com/Chris-Long-Jerseys.html"> Chris Long Jerseys</a>

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com]Cheap jerseys[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Oakland-Raiders-Jersey.html]Wholesale Oakland Raiders Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Pro-Bowl-Jersey.html]Wholesale Pro Bowl Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Art-Shell-Jersey.html]Wholesale Art Shell Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Bo-Jackson-Jersey.html]Wholesale Bo Jackson Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Darren-McFadden-Jersey.html]Wholesale Darren McFadden Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Darrius-Heyward-Bey-Jersey.html]Wholesale Darrius Heyward Bey Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Daunte-Culpepper-Jersey.html]Wholesale Daunte Culpepper Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-DeAngelo-Hall-Jersey.html]Wholesale DeAngelo Hall Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Howie-Long-Jersey.html]Wholesale Howie Long Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-JaMarcus-Russell-Jersey.html]Wholesale JaMarcus Russell Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Jim-Plunkett-Jersey.html]Wholesale Jim Plunkett Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Kenny-Stabler-Jersey.html]Wholesale Kenny Stabler Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Louis-Murphy-Jersey.html]Wholesale Louis Murphy Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Marcus-Allen-Jersey.html]Wholesale Marcus Allen Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Nnamdi-Asomugha-Jersey.html]Wholesale Nnamdi Asomugha Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Oakland-Raiders-Wes-Welker-Jersey.html]Wholesale Oakland Raiders Wes Welker Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-AFC-Pro-Bowl-Jersey.html]Wholesale AFC Pro Bowl Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-NFC-Pro-Bowl-Jersey.html]Wholesale NFC Pro Bowl Jersey[/url]

    [url=http://www.cheap-wholesale-jerseys.com/Wholesale-Antonio-Cromartie-Jersey.html]Wholesale Antonio Cromartie Jersey[/url]

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท