อยากบอกว่า นี่ไม่ใช่การทะเลาะ ขัดแย้ง หรือสงคราม


จากเมื่อกี้กอได้ไปอ่านบันทึกของพี่ซวงมา

กออยากจะเม้น แต่เม้นแล้วคงจะยาวมาก

ขอเขียนเป็นบันทึกแล้วจะเอาไปให้พี่ซวงอ่าน

ข้าน้อยขอคาระโว้ย พี่ซวงไว้ล่วงหน้าน่ะค่ะว่า

อันนี้ไม่ใช่ความขัดแย้ง ไม่ได้ทะเลาะ และไม่ใช่สงคราม

แต่เป็นความคิดเห็นของกอที่แตกต่างเท่านั้นเอง

จากบันทึกของพี่ซวง เรื่องพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์

ในเรื่องของปัญหาบ้านเมือง ซึ่งกอก็สะดุดตรงที่ให้คนได้ดื่มน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์

เราอย่าพูดถึงความจริงหรืออะไรคือความจริงดีกว่าน่ะค่ะ

เรามาใช้อารมณ์เหนือเหตุผลดีกว่า

สรุปว่ากอคนเดียวก็ได้ค่ะ กอขอใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล หรือเรียกว่า เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ในการคิดและแสดงความคิดเห็น เพราะเหตุผลกอไม่ทราบและไม่สามารถอธิบายได้ถึงหลักความจริงที่มีได้

ก่อนอื่น กอขอตั้งคำถามว่า ก็ตั้งเหมือนที่ลุงผอ.ถามกอและให้กอคิดเป็นการบ้านว่า กอรู้มั้ยว่าทำไมประเทศไทยเราถึงขัดแย้งแบ่งพรรคแบ่งพวกกันมาเป็นเวลาระยะ 8 ปีที่ผ่านมา

อันนี้เป็นคำถามค่ะ แล้วใครตอบได้บ้างค่ะ

ถัดไป ก็ตรงจุดที่ว่า ตอนนี้ความขัดแย้งมันรุนแรงจนไม่รู้ว่าจะพึ่งสิ่งใด จะแก้ปัญหากันอย่างไรแล้วสำหรับประเทศไทย การเสนอแนะให้ดื่มน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วน้ำมนต์ที่ไหนศักดิ์สิทธิ์ หรือว่าใครทำน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ได้ค่ะ อันนี้กอก็ไม่รู้ค่ะ ก็ใช้อารมณ์หรือใช้ใจอีกนั่นแหละคิดไปว่า ต่อให้เอาน้ำมนต์มากินหรืออาบทุกวัน ก็ทำอะไรไม่ได้ หากใช้วิธีนี้น้ำคงไม่พอใช้กัน ใช้น้ำจนหมดโลกนี้ก็ทำไม่ได้ นี่กอใช้อารมณ์ในการแสดงความคิดเห็นนี้จริง ๆ ค่ะ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรจะอ้างอิงเลย

ต่อไป กอก็อยากจะถามอีกว่า คำถามที่หนึ่ง ที่กอถามไปว่า สาเหตุของการขัดแย้งคืออะไร ตอบได้หรือยังค่ะ

หาสาเหตุให้ได้ก่อนสิ อย่างเช่น กอไม่อยากจะกินข้าวเลย กอไม่ยอมกินข้าวเลยสี่ห้าวันแล้วไม่ยอมกินข้าว

คุณเป็นหมอจะรักษากอ คุณบอกว่า สงสัยกอคงจะไม่สบายใจ เครียด เลยไม่ยอมกินข้าว คงกินไม่ลง เลยซูบผอม จนเป็นลมหมดสติไป

พอกอตื่นฟื้นลืมตาขึ้นมา ทุกคนจะรักษากอ โดยบอกว่าอย่าเครียดน่ะ ทำให้ใจสบาย

แบบนี้กอก็งงสิ ก็ที่กอเป็นลม ไม่ยอมกินข้าว เพราะจริง ๆ แล้ว กออยากจะลดความอ้วน แต่อดมากไปหน่อย ไม่รู้จักความพอดี ก็เลยเป็นลมหมดสภาพ

แต่กอไม่ยอมพูดความจริงบอกใคร ๆ ไป แบบนี้ ใครจะรักษาเราได้ หมอก็ไม่รู้หากเราไม่บอกใช่มั้ยล่ะ

(เรื่องไม่กินข้าวสี่ห้าวัน อันนี้ไม่มีน่ะค่ะ อิอิ เพราะอดข้าวมื้อเดียว ก็หิวยายลาย พ่อบอกว่ากินไปเถอะ ผอมแห้งจะตาย)

ที่ยกตัวอย่างเรื่อง อดข้าวเพราะลดความอ้วน ไม่ใช่อดข้าวเพราะกินข้าวไม่ลง

ก็อยากจะลองยกให้เห็นว่า ที่อดข้าว จริง ๆ แล้วไม่ได้อยากจะอด แต่เพราะอยากหุ่นดี ทั้ง ๆ ที่อยากกินข้าวแต่ก็กินไม่ได้ ยังไงยังไงเพื่อความสวยก็ต้องอด

กอว่า ถ้าอยากจะแก้ปัญหาอะไร หากเป็นกอ กอจะถามก่อนว่า ทำไมถึงไม่กินข้าวค่ะ ยังไงยังไง กอก็ต้องรู้สาเหตุที่ทำให้เค้าไม่กินข้าวให้ได้ ให้เค้าบอกความจริงมาก่อน กอถึงจะบอกได้ว่า เราจะช่วยเค้ายังไง

เชื่อมั้ยค่ะว่า คนที่อยากสวย อยากรวย ไม่ว่าจะทำวิธีไหน จะสวยแล้วทรมานตัวเอง หรืออยากรวยแล้วทรมานคนอื่น ต้องใช้ความอดทนสูง ยังไงยังไงความอดทนของคนมันก็มีขีดจำกัด ยิ่งคนที่ไม่ซื่อสัตย์  กอว่ายังไงยังไงเค้าก็มีความอดทนไม่มากพอหรอก ขนาดอดทนต่อความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบของตัวเองเค้ายังทำไม่ได้

นับประสาอะไรกับการต้องมาอดทนปิดบังความผิดของคนอื่น

เอาไว้ได้รู้สาเหตุ คนที่เค้าเก่งเรื่องเหตุและผล เค้าก็จะช่วยได้เอง

สุดท้าย ฝากถึงพี่ซวงและเพื่อน ๆ ทุกคน

อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนโง่ แต่อวดฉลาดอย่ากอเลยน่ะค่ะ

แล้วก็ไม่ต้องตามอารมณ์ของกอ แต่แค่ขอให้รับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของกอบ้างก็พอ

ขอบคุณค่ะ

 

คำสำคัญ (Tags): #อารมณ์
หมายเลขบันทึก: 253613เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2009 16:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)
  • น้องกอที่รัก
  • คนเราไม่สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างโดดเดี่ยว เราต้องมีเพื่อน
  • แต่คำว่าเพื่อน ก็ไม่จำเป็นต้องครอบคลุมทุกเรื่อง
  • บางเรื่องเราก็ยกเว้นได้ โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว
  • เอาไว้ให้สาหัสสากรรจ์จริง ๆ
  • พี่แจ๋วเคยโกรธ เคยไม่สบอารมณ์กับหลาย ๆ คน
  • ตอนโกรธก็คือโกรธ ยิ่งสมัยเป็นสาว ๆ (ตอนนี้ก็ยังสาว...แต่น้อยลงไปหน่อย) โกรธแล้วโกรธเลย
  • ปัจจุบัน...ไม่ใช่
  • ถ้าโกรธหรือไม่พอใจ จะบอกเลยว่า ฉันโกรธแล้วนะ...
  • บางคนพี่แจ๋วบอกเขาว่า ฉันโกรธเธอแล้วนะ ถ้าเธอไม่ขอโทษ หรือถ้าเธอไม่ทำ (สิ่งที่ทำให้เราโกรธและพิจารณาแล้วว่าเราไม่ผิด) ให้ฉัน ฉันจะไม่พูดกับเธออีกเลย....นี่ กับเพื่อนค่ะ
  • แล้วเราก็เคลียร์กัน
  • ถ้ากับสามี ขัดใจกัน จะเงียบไปก่อน ต่างคนต่างเงียบ ตั้งสติก่อน ถ้าพี่แจ๋วผิด พี่แจ๋วเคยร้อยพวงมาลัยแล้วกราบเท้าขอโทษสามีก็เคยมาแล้ว
  • แต่ถ้าพี่แจ๋วไม่ผิด...เขาก็ต้องมาขอโทษพี่เหมือนกัน ด้วยวิธีของเขาเอง
  • ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องยกเว้นในบางเรื่อง ถ้าสาหัสสากรรจ์จริง ๆ เราก็คงต้องยอมเสียเพื่อน
  • มุมมองของพี่เป็นอย่างนี้
  • ถ้าให้ข้อคิดน้องได้...พี่ก็ดีใจ
  • แต่ถ้าไม่มีประโยชน์ ก็ถือว่าเราพูดคุยกันเล่น ๆ ยามเย็นของวันหยุดวันนี้
  • อย่าได้เอาไปเป็นสาระ ทำใจสบาย ๆ
  • ด้วยรักและห่วงใย

อ้าว นี่มันบันทึกไหน

อ๋อ ครูแจ๋วมาผิดห้องอีกแย้ว

กอกำลังคิด คิด

เรื่องของเพื่อน กับ หน้าที่

จุดไหนที่มันจะแบ่งว่า ไม่ใช่หน้าที่ เราทำเกินหน้าที่เพื่อน

ตรงนั้นแหละที่กออยากรู้ ว่ามันตรงไหน

แต่เรื่องโกรธเพื่อน กอยังไม่เคยโกรธเพื่อนเลย

ยังไม่เคยรู้เลยว่าการโกรธเพื่อนมันเป็นยังไง

แต่เรื่องแค้นนี้ต้องชำระ

มันเป็นเพียงตัวอย่าง สมมุติว่า กอเคยมีเพื่อนแบบนี้

มันไม่ใช่สมมุติ แต่มันเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนั้นกอไม่ได้โกรธเลย

แต่สมมุติว่า กอโกรธ กอโกรธเพื่อน แล้วกอจะทำยังไง

กอก็ต้องไม่มีความรักและปรารถดีให้กับเพื่อนคนนั้น และคนใด ๆ อีกเลย

เพราะนั่นคือกอโกรธแล้ว แล้วถ้าเกิดกอทำได้แบบนั้น มันจะดีกับตัวกอมั้ย

โอ้ย คิดไม่ออก ทำไมมันยากจัง

ขอบคุณค่ะครูแจ๋ว

  • อิ อิ
  • หลงเรื่อยเลย
  • สว.ก็เป็นเงี๊ยะ....
  • เป็นไง...ก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ไปไหนมาไหน..ต้องมีหน้า มีหลังตลอด
  • เคยได้ยินหรือเปล่า
  • เงียบเป็นหลับ....ขยับเป็น (?)...แยกเป็นหลง
  • นั่นแหละ คุณสมบัติของบรรดาสว.ทั้งหลาย
  • รวมทั้งป้าแจ๋วด้วย อิ อิ

แวะมาทักทายแบบไม่ซีเรียสนะคะน้องกอ..

  • เวลาพี่ศิลามองเรื่องอะไรเรื่องหนึ่งที่นำมาซึ่งความขัดแย้งกัน รู้ว่าไม่มีเหตุผลมาอธิบาย  เพราะอารมณ์ความรู้สึกนำไปก่อน แล้วนำเหตุผลบางส่วนมาสนับสนุน จริงบ้าง บิดเบือนบ้าง ทั้งนี้เพื่อมุ่งสู่อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งเพียงอย่างเดียว
  • อย่างเช่น อารมณ์หนึ่งเดียวที่เรารู้สึก "อยากเป็นใหญ่" ดังนั้น อารมณ์นี้ก็ต้องนำโดดมาเลย  และก็สร้างพลังจูงใจให้คนคล้อยตามด้วยเหตุผลบางส่วน
  • พี่ศิลาเป็นกลุ่มคนที่ใช้่เหตุผล แต่ได้เรียนรู้มาเช่นกันว่าหลายเรื่องที่เราต้องยอมรับว่าอารมณ์เหนือเหตุผลได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น โต้กันก็ไม่มีวันจบสิ้นค่ะ
  • สรุปความก็คือ หากรู้จักคำว่าเสียสละกับคำว่าอ่อนน้อมถ่อมตนและนำมาประดับตนเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องมีคำว่าเหตุผลหรืออารมณ์ เพราะมันจะลบสิ่งที่ตนยึดถือออกหมดค่ะ
  • มาดูดพลังน้องกอก้านนะเนี่ย และไม่ได้มาขัดแย้ง หรือทำสงครามกับใคร 55555 กะมาดูดอย่างเดียว

สวัสดีครับ

เพิ่งจะไล่ตอบเม้นท์เสร็จ

แล้วก็แวะมาอ่านเม้นท์กอในบันทึกนี้

....

ถ้าจะถามพี่ว่า อะไรหรือคือมูลเหตุของความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

พี่ขอตอบตามมุมมองอันคับแคบของพี่นะว่า

มันคือการที่เราเชื่อความคิดของเรา (และพวกเรา) ว่าถูกต้องที่สุดแต่เพียงผู้เดียว (และพวกเดียว)  ใครคิดต่างเป็นผิดไปหมด 

พี่ว่ารากเหง้าจริงๆ มันก็คือการที่เราไปหลงยึดมั่นถือมั่นในมายาแห่งเหตุผลของเรา (และพวกเรา) อันเนื่องมาจากการคิดของเรา (และพวกเรา)  มากเกินไป 

และพี่ก็คิดตื้นๆ ในแบบของพี่ว่า หากทุกคนได้เรียนรู้วิธีการ "สุนทรียสนทนา" แล้วละก็ ปัญหาจะทุเลา เบาบางไปตามลำดับ 

แต่ปัญหาก็คือ มันไม่สามารถทำให้ทุกคนหันหน้ามาพูดจาภาษาดอกไม้กันได้ในชั่วข้ามคืน 

แม้แต่การจะเปิดโต๊ะเจรจากันโดยมีคนกลางยังยากมากๆ เลย

อารมณ์มันประมาณว่าจะเอาคนที่เคยด่าพ่อล่อแม่กัน มาพูดจากันดีๆ นั้นยากมากๆ จริง (อาจต้องมีต่อยกันซักตั้งให้เรี่ยวแรงน้อยลงก่อน จึงจะพอคุยกันได้)

และไอ้ที่พี่เขียนเรื่อง "น้ำศักดิ์สิทธิ์" นั้นจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้หวังจะให้เกิดขึ้นมาจริงๆ หรอกนะ

แค่มองว่าขณะนี้ใจคนร้อนรุ่มไปด้วย "ไฟโทสะ" ไฟแห่งความเกลียดชังกัน หากจะมี "น้ำทิพย์" เย็นๆ มาชโลมใจให้ไฟนั้นเบาบางลงได้บ้างก็ดี 

หากมองโลกตามความเป็นจริง แม้แต่เด็กน้อยก็คงรู้ดีว่า มันคงหาไม่ได้หรอกเจ้า "น้ำทิพย์ชโลมใจ" ที่ว่า 

พี่แค่อยากให้มันเป็นจุดเริ่มต้น ของการเปลี่ยนแปลง ที่สามารถทำให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันได้ในระดับนึงก่อน  แล้วจะคิดแก้ไขอะไรก็ต้องว่ากันต่อไปตามหลักวิชา  ที่พี่เขียนอันนี้มันไม่มีหลักวิชาการรองรับหรอกนะ เป็นเพียงอารมณ์ บวกจินตนาการฝันเฟื่องล้วนๆ เลยล่ะ

แต่พี่เชื่อมั่นอย่างมากเลยนะว่า หากจะแก้ปัญหาที่มันฝังรากมานานแบบนี้ ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ ให้ทุกฝ่ายเรียนรู้ที่จะฝึก "สุนทรียสนทนา" หรือ "สานเสวนา" ไปเรื่อยๆ น่าจะช่วยได้

สุดท้ายมันจะทำให้ทุกคนได้ค้นพบความจริงร่วมกันว่า

ไม่มีความคิดใคร (หรือพวกใคร) ที่ถูกที่สุด

สิ่งที่ดีที่สุด และถูกต้องที่สุดจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราต้องเรียนรู้ที่จะ "หุบปาก" "หยุดตัดสินคนอื่น" แล้วก็เรียนรู้ที่จะ "ฟังเสียงคนอื่น" ให้เข้าไปในใจเรา

พี่เชื่อของพี่อย่างนี่นะครับ

อิอิ ครูแจ๋ว

สาวสวยหมวยหลง

อิอิ

ไม่ซีเรียสไม่ได้หรอกน่ะค่ะพี่แอ้ด

จะให้กอขำกลิ้ง หัวเราะอย่างเดียวได้ไง

ไม่รู้ล่ะ

คนมันขำไม่ออก

อ้าวพี่ศิลา ตามมาดูดพลังถึงทื่เลย

เค้าอุตส่าห์รีบหนีมา

อิอิ

พี่ซวง

อ๋อ น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ คือน้ำทิพย์ น้ำใจนี่เอง

 สวัสดีค่ะน้องกอ

แวะมายิ้ม ๆ ....(^___^)....

บรรยากาศเครียดจัง การเมืองก็น่าเบื่อจะแย่แล้ว...

ในG2K ยังจะ ... เครียดกันอีก

วันหยุด พักผ่อน ผ่อนพักดีกว่านะจ้ะ

ปล.เห็นด้วยบางส่วนกับพี่ซวงนะ

(^___^)

อิอิ อะไรกัน

เพิ่งเขียนบันทึกถึงพี่คนไม่มีรากไปเมื่อกี้นี้เอง

อิอิ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณกอ

นี่เป็นอีกมิติหนึ่งของการแสดงความคิด 
ที่ทรงพลังมากๆค่ะ เมื่อถึงจุดๆหนึ่งแล้ว
บทสรุปสุดท้ายก็จะเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนด้วยนะคะ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท