70. "วัยใส หัวใจใฝ่ธรรม" ค่ายคุณธรรม-นำความรู้


“วัยเด็ก” เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ จดจำ และเลียนแบบจากสิ่งแวดล้อม จึงเป็นวัยที่พร้อมที่จะรับเอาสิ่งที่ดี และไม่ดีต่างๆเข้าสู่จิตใจ หากแต่ยังขาดประสบการณ์ ในการวิจารณญาณสิ่งต่างๆ จึงเป็นช่วงที่สำคัญมากในการสั่งสอนให้เด็กได้รับการเรียนรู้ในสิ่งที่ดีงาม และได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งจิตใจที่จะเจริญงอกงามยิ่งขึ้น เมื่อเด็กเหล่านี้ได้โตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต...

    ระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน 2552 โรงเรียนเชียงกลมวิทยา ได้มีกำหนดการ จัดกิจกรรม "ค่ายวัยใส หัวใจใฝ่ธรรม" ขึ้น สำหรับเด็กนักเรียน ระดับชั้น ม.4-6 จำนวน  246  คน  ณ  วัดป่าห้วยลาด       ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย

    กิจกรรมนี้ จัดขึ้นเพื่อปลูกฝังศีลธรรม ระเบียบวินัย สัมมาทิฐิ ความกตัญญู อันเป็นคุณธรรมเบื้องต้นให้แก่นักเรียน ในการเตรียมพร้อม สำหรับการเรียนรู้ และมุ่งหวังให้นักเรียนเหล่านี้ ได้แบบอย่างในการก้าวเดินอย่างมั่นคงบนหนทางแห่งความดี เป็นบุตรที่ดี และเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในภายหน้า...

   การจัดกิจกรรม 3 วัน 2 คืน นับเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ที่ผู้เขียนขอเล่าโดยสังเขป คือ

   @ วันที่ 3 กันยายน 2552

     - พิธีเปิด "ค่ายวัยใส หัวใจใฝ่ธรรม" โดย ผู้อำนวยการโรงเรียนเชียงกลมวิทยา นายบรรจง  ปัทมาลัย

     - พิธีมอบตัวเป็นศิษย์ และสมาทานศีล 5 จากนั้น จัดระเบียบแถว แจ้งระเบียบค่าย

     - เปิดหัวใจใฝ่ธรรม แนะนำพระวิทยากร ฝึกมารยาทชาวพุทธ การทำวัตร บริหารจิตเจริญปัญญา play & learn เพลินธรรม1

     - กิจกรรม "สร้างพลังแห่งศรัทธา เยาวชนไทยทำความดีถวายในหลวง"

   @ วันที่ 4 กันยายน 2552

     - ทำวัตรเช้า บริหารจิตเจริญปัญญา เดินจงกรม พบพระพบธรรม

     - กิจกรรม "ธรรมจากสื่อ" เรื่อง รู้เท่าทันภัยสังคม ในยุคปัจจุบัน

     - เปิดสัมผัส มองใจ, กิจกรรม "เก่ง ดี มีสุข กับการเรียน การใช้ชีวิต

     - การทำวัตร บริหารจิตเจริญปัญญา play & learn เพลินธรรม2 

     - กิจกรรม "Family of Loves"  

   @ วันที่ 5 กันยายน 2552

     - ทำวัตรเช้า บริหารจิตเจริญปัญญา, ขยับกาย สบายชีวิต 

     - กิจกรรม "วาระกตัญญู" ทำความสะอาดบริเวณต่างๆ ในวัด

     - กิจกรรม "มาลา บูชาครู" "อธิฐานจิต เพื่อชีวิตใหม่"

     - พิธีปิด โดย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทั่วไป นายเจษฎา นาสินส่ง พร้อมมอบเกียรติบัตรและกล่าวให้โอวาทข้อคิแก่นักเรียน ก่อนเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

  

@ จุดเปลี่ยนของชีวิต...ที่ลิขิตด้วยความดี @

     วัยรุ่น เป็นวัยใกล้ที่จะเป็นผู้ใหญ่อันใกล้นี้ เป็นวัยที่กำลังหาเอกลักษณ์ของตัว ค้นหาความเป็นตัวเอง จึงจัดเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตช่วงหนึ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะวัยนี้ กำลัง อยากเรียนรู้ทดลองสิ่งต่างๆ และจะให้ความสำคัญกับเพื่อนมากเป็นพิเศษ และอยากเป็นคนสำคัญในหมู่เพื่อนๆ ต้องการการยอมรับอย่างสูง
หากว่าพื้นฐานทางจิตใจไม่ดี อยู่ในกลุ่มสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ก็มีโอกาสพลาดพลั้งต่อชีวิตได้มาก

     การปลูกฝังศีลธรรม ระเบียบวินัย ฝึกฝนอบรมตนเอง ให้รู้จักเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต มีโอกาสนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม เพื่อปรับปรุงพัฒนาจิตใจให้เข้มแข็งและเบิกบาน สมกับมัชฌิมวัย ให้เป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ มีสติปัญญาดี บุคลิกภาพดี มีจิตใจที่สดชื่นเบิกบาน แจ่มใส อยู่เสมอ...

    ...คือ สิ่งที่ ครู-อาจารย์ ตั้งหวังไว้ อยากให้...ลูกศิษย์ได้ ติดกาย ฝังใจ ไปสร้างมงคลชีวิตแก่ตัว ครอบครัว และสังคมต่อไป...

*_*

   @ เก็บมาฝาก @

ไอน์สไตน์พบ  พระพุทธเจ้าเห็น  สร้างความฮือฮาในวงการวิทยาศาสตร์ และวงการธรรมะไปพร้อม ๆ กัน  เรียกได้ว่าเป็นหนังสือคุณภาพเล่มหนี่ง  ที่ผู้อ่านชื่นชอบเป็นอย่างยิ่งเพราะสามารถนำเสนอการเชื่อมโยงการค้นพบระหว่างวิทยาศาสตร์และพุทธศาสตร์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ  ชวนให้ติดตามจนวางไม่ลง  ทำให้ชื่อของ  ทพ.สม  สุจีรา  เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว         

            นี่คือ บางส่วนของรสชาติที่น่าดื่มกินของหนังสือเล่มนี้          

            เรื่องพระพุทธศาสนา         

            “.... สิ่งที่สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับชาวตะวันตกมากที่สุด  คือ  เรื่องกาลามสูตร  ที่เน้นว่าอย่าเชื่อเพราะได้ฟังตามกันมา  อย่าเชื่อเพราะได้เรียนตามกันมา  อย่าเชื่อเพราะเพียงเข้าได้กับทฤษฎีของตน...  ฯลฯ   การที่พระพุทธเจ้าตรัสแบบนี้ทำให้ฝรั่งทึ่งมาก เป็นศาสนาที่แปลก  ไม่เน้นศรัทธา  ไม่เน้นให้เชื่อ  แต่ข้ามไปขั้นใช้ปัญญาเลย       “ไอน์สไตน์ ได้มาศึกษาพุทธศาสนา  ได้อ่านกาลามสูตร  แล้วแปลกใจว่า มีศาสนาแบบสอนไม่ให้เชื่ออะไรง่าย ๆ  อยู่ด้วย  ไอน์สไตน์ประทับใจมาก เขียนเป็นบทความเพื่อให้ชาวโลกรับรู้ว่า          ศาสนาแห่งอนาคตจะเป็นศาสนาแห่งจักรวาล  ศาสนาซึ่งตั้งอยู่บนประสบการณ์  ซึ่งปฏิเสธความเชื่อที่ไร้ข้อพิสูจน์  หากมีศาสนาใดศาสนาหนึ่งที่พอจะรับมือกับความต้องการทางวิทยาศาสตร์ได้ละก็  ศาสนานั้น  คือ  ศาสนาพุทธ ....”          

           “....สิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสในการสนทนาธรรม  ครอบคลุมทุกเรื่องของวิทยาศาสตร์กายภาพ  ทั้งระดับใหญ่ที่สุดอย่างจักรวาล  ระดับเซลล์   จนถึงระดับเล็กสุดขั้นปรมาณู  การค้นพบทางฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา  เป็นการค้นพบในภายหลังในการตรัสรู้นับพันปี ....” (หน้า 45)

             “ เหตุที่พระพุทธองค์ทรงเก็บการค้นพบของโลก และจักรวาลไว้  ไม่แสดงออกมา  ก็เพราะการค้นพบเหล่านั้นไม่ใช่หนทางของการหลุดพ้น ....” (หน้า 45)         

             “ แม้ว่าพระพุทธองค์จะไม่เน้นถึงการค้นพบทางกายภาพ เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์  เพราะการค้นพบนั้นไม่ใช่หนทางแห่งการหลุดพ้น  แต่อย่างไรก็ตาม  การค้นพบของนักวิทยาศาสตร์  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสสาร  พลังงาน  จักรวาล  ปรมาณู  การยืดหดของเวลา ฯลฯ  ทั้งหลายเหล่านี้ 
พระพุทธองค์ทรงเคยตรัสมาแล้วทั้งนั้น ” (คำนำ)
         

             “...นักวิทยาศาสตร์คลานต้วมเตี้ยม  ค่อย ๆ ศึกษาปริศนาของจักรวาล  เหมือนคนตาบอดคลำช้าง  ใช้เวลาไปสองพันห้าร้อยปี  ยังค้นพบได้ไม่ถึงครึ่งของที่พระพุทธองค์ตรัสไว้...”   (หน้า 37)         

              “...ปัจจุบันก็มีนักคิด  นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งแสดงความเห็นออกมาอย่างชัดเจนว่า  พุทธปรัชญาแท้จริงแล้วกลับเป็นวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าวิทยาศาสตร์กายภาพ ของตะวันตกเสียอีก เพราะการค้นพบใหม่ ๆ  ทางฟิสิกส์ที่เป็นความจริงแท้ของจักรวาล  ซึ่งไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า หรือ กล้องกำลังขยายสูงกลับเคยได้รับการพิสูจน์มาก่อนแล้ว จากปรัชญาตะวันออก...”
(หน้า
103)       

           เรื่องสมาธิ

           “พระพุทธองค์ทรงแบ่งปัญญาออกเป็น 3 ระดับ  คือ

             1. สุตมยปัญญา   เป็นปัญญาที่ได้จากการเรียน

               2. จินตมยปัญญา   เป็นปัญญาที่ได้จากการคิด

               3. ภาวนามยปัญญา  เป็นปัญญาของการหยั่งรู้ จะได้มาจากการกำหนดสติและสมาธิเท่านั้น เป็นปัญญาขั้นสูงสุด 

               สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไอน์สไตน์เหนือกว่า นักวิทยาศาสตร์ทั่วไป  ก็คือ  ปัญญาที่ได้จากสมาธิ....  (หน้า 117)      

             “...นักวิทยาศาสตร์ระดับสุดยอดของโลกมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ มีสมาธิสูงมาก  มี
เรื่องเล่าว่า  วันหนึ่งขณะที่ไอน์สไตน์กำลังง่วนอยู่กับการคิดสูตรทางฟิสิกส์  เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่าง
รุนแรงด้านนอก  เพื่อนักวิทยาศาสตร์พากันขวัญเสีย  ในขณะที่ไอน์สไตน์ บอกว่าไม่ได้ยินเสียบระเบิด
นั้นเลย...” (หน้า
117)      

             “...เราสามารถฝึกปัญญาญาณได้ด้วยการเจริญสติกรรมฐาน  ทำให้เกิดภาวนา
ปัญญาญาณ  ทราบสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง แม้ว่าพลังแห่งสมาธิจิตจะไม่สูงพอที่จะบรรลุถึงขั้น
ทศพลญาณ แบบพระพุทธองค์  แต่การค้นพบความจริงแท้เพียงบางส่วนก็เป็นความมหัศจรรย์เหลือ
คณาแล้ว...” 
(หน้า 129)         

                “...ไม่ใช่แต่ไอน์สไตน์เท่านั้น  ไบรอัน  โจเซฟสัน  นักฟิสิกส์  รางวัลโนเบล ปี พ.ศ. 2516  ก็เคยกล่าวยอมรับว่า  “ผมได้ค้นพบความลับบางอย่าง  ซึ่งฟิสิกส์ไม่สามารถให้คำตอบได้  ผ่านการนั่งสมาธิ”   (หน้า 120)         

                “...นั่นคือ คำตอบว่า  ทำไมทฤษฎีสะเทือนโลกทุกทฤษฎีที่ ไอน์สไตน์คิดขึ้นมา  จึงได้เกิดขึ้นเมื่อตอนเขาอายุเพียง 26 และหลังจากนั้น เขาก็คิดอะไรไม่ค่อยออกอีกเลย  เพราะว่าหลังจากอายุ 26  ปี เขาต้องสูญเสียพลังงานไปกับตำแหน่งศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยซูริก  ต้องประสบกับปัญหาหย่าร้างกับภรรยา บุตรชายคนเล็กมีอาการทางจิต  บุตรสาวคนโตหายสาบสูญ  ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับ จนต้องหนีการตามล่าของทั้งฮิตเลอร์ และเอฟบีไอ  ภรรยาคนที่สองเสียชีวิต  ตามมาด้วยการเสียชีวิตของภรรยาคนแรก และความสับสนทางจิตใจกับปัญหาสงครามโลก  รวมไปถึงน้องสาวที่รักของเขาเสียชีวิต  หลังจากอายุ 26 ปี   ไอน์สไตน์เจอปัญหาชีวิตมากเหลือเกิน  มากถึงขนาดทำให้พลังสมาธิที่ว่ากันว่า  ไอน์สไตน์มีมากที่สุดในโลกคนหนึ่งยังสู้ไม่ไหว...”   (หน้า 120)         

                ในช่วงวิกฤตของชีวิต  ถ้าไอน์สไตน์มีโอกาสฝึกสมาธิ  เขาก็จะไม่สับสนกับปัญหาที่เกิดขึ้นถึงขนาดนี้  และผลงานที่สะท้านโลกจะบังเกิดขึ้นอีกมากมาย 

              คุณ... โชคดีกว่าไอน์สไตน์อีกนะ

             เพราะเขาไม่มีโอกาส  อย่างคุณ...

ที่มา... หนังสือ "จุดเปลี่ยน"      
...         

หมายเลขบันทึก: 295182เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2009 12:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • ขอขอบคุณคุณครูทุกคนที่ร่วมรับผิดชอบดูแลนักเรียน
  • ภาคเรียนที่สองเราจะจัดให้นักเรียนม.ต้นอีกครั้ง คงได้ช่วยกันอีก
  • เป็นกิจกรรมที่ดีมาก ส่งเสริมการทัศนศึกษาท่องเที่ยวบ้านเราด้วย

สวัสดีค่ะอาจารย์

บรรยากาศที่วัด

คงดีมากเลยนะค่ะ

แต่หนูสงสัยอย่างหนึ่งคือ

ที่เข้าค่ายในครั้งนี้

มีเฉพาะนักเรียนเราหรือเปล่าค่ะ

ดูเหมือนนักเรียนเยอะจัง

สุดท้ายนี้

เคารพอาจารย์ทุกท่านเสมอนะค่ะ

อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ

  • ขอบคุณ ท่าน ผอ.บรรจง ปัทมาลัย  ที่เข้ามาให้กำลังใจคะ
  • ขอบใจ EMT-I 1313 สาสุขสิรินธร ศิษย์ที่น่ารักของครู แม้จะจบไปแล้วก็ยังติดตามงานและความเคลื่อนไหวของโรงเรียนเรื่อยมา
  • ในค่ายนี้ มีนักเรียนโรงเรียนเชียงกลมวิทยา ในระดับ ม.4-6 ทั้งหมด 246 คนคะ
  • ขอบคุณที่เป็นห่วงสุขภาพกันและกัน
  • ดูแลตัวเองเช่นกันคะ  *_*
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท