อาหาร ความอยากและร่างกายนี้


ถ้าเราอยู่เหนือความอยากอาหาร เราจะสามารถตัดกรรมที่จะก่อให้เกิดโรคภัยได้หลายโรคทีเดียว

เช้าวันอาทิตย์วันนี้ที่วัดคนเยอะ (มาก) เพราะมีพระจากวัดอื่นมาคารวะครูบาอาจารย์ ตอนที่ยืนใส่บาตรตอนเช้าคนใส่บาตรก็มากกว่าปกติ ที่จอดรถแทบจะไม่มี พระก็มีจำนวนมากกว่าทุกวัน

แต่ก็เป็นความเข้าใจเพราะก็ทราบกันดีอยู่ หนูมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้งใจในความเมตตาของหลวงปู่ และชื่นชมศรัทธาของญาติโยม รถแทบไม่มีที่จอด รถของหนูได้รับความเมตตาจากแม่ชีนั่งขึ้นไปที่ศาลาด้วย หลายครั้งที่ต้องหยุดกลางเนินเขาเพราะว่า รถเยอะ

ก็ทำให้เห็นใจที่หวาดเสียวของตนเองชัดดีค่ะ พอจอดให้แม่ชีลงข้าง ๆ ศาลาแล้วหนูก็เลี้ยวรถหาที่จอด พอเดินกลับมาที่ศาลาเห็นรถที่ขนข้าวตกบาตร ซึ่งเยอะมาก ๆ ทั้งข้าวเหนียวอาหาร ของคาวหวาน ถูกเทลงกะบะหลังรถ

พี่คนขับรถเดินมาคุยกับหนูว่า

"ก็ไม่ได้ล้างรถครับ ไม่ได้เตรียมการ ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้"

หนูเข้าใจท่านเพราะปกติเราจะมีเข่ง และถาด แต่วันนี้ไม่พอจริง ๆ

การที่ท่านได้เอ่ยออกมาเหมือนท่านกำลังตอบตนเอง แล้วหนูเป็นวัตถุกระทบ

รู้สึกดีที่ได้รับความเมตตาจากท่านให้เป็นผู้ฟัง รับรู้ได้ว่า พอท่านพูดท่านผ่อนคลายมากขึ้น กับความรู้สึกผิดในใจตนเอง

อาหารตรงกะบะหลังกองสูงจนพูนเกือบ ๆ ถึงกะบะ แล้วญาติโยมก็ช่วยกันแยก หนูจึงเข้าไปช่วยอีกแรง เพราะอาหารมีจำนวนมาก แต่พื้นที่ในรถมีจำกัด ถาดคัดแยกอาหารมีจำกัด

เหมือนหนูได้โอกาสพิจารณาอาหาร

เห็นใจตนเองที่กระทบกับอาหารตรงหน้า เห็นใจตนเองที่กระทบกับการที่มีคนหยิบอาหารเพื่อเตรียมไว้รับประทานเอง

(ใจคิดถึงคำว่า

“ความอยากครอบงำก็เป็นเช่นนี้แล หากเราไม่ระวัง เราอาจจะไปเป็นเปรตได้นะ)

แต่ก็คัดแยกต่อไปใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเสร็จเรียบร้อย ตอนเดินลง ที่ผ้าถุงและเท้ามีข้าวติดอยู่ โดยไม่ตั้งใจ จึงระลึกกราบขอขมาข้าว เพราะจะมีข้าวติดอยู่ที่เสื่อที่ปู แล้วผ้าถุงและเท้าของหนูก็บังเอิญสัมผัสโดน เดินมาจนจะถึงศาลา

แต่ก็ไม่ทันฟังเทศน์หลวงปู่ เพราะว่าท่านให้พรแล้ว ใจหนูสลดวูบ รู้สึกเสียดาย แล้วก็นึกขึ้นมาว่า

“ก็ต้องมีคนเสียสละนะ ไม่เช่นนั้นญาติโยมก็จะไม่ได้ทานอาหาร”

นี่ก็เป็นการปฏิบัติบูชาต่อหลวงปู่

มีเสียงแบบนี้ดังขึ้นมาก็รู้สึกอุ่นใจที่ได้มีโอกาส ญาติโยมทะยอยเดินลงมาบริเวณที่เตรียมอาหาร หนูจึงหยิบอาหารออกมาเพื่อทาน แล้วพ่อท่านก็เดินแยกมาแล้วบอกว่า ไปหยิบมาให้พ่อทานด้วย ปกติพ่อไม่ค่อยทานในวัดนัก

“ท่านบอกเสมอว่า เอาไว้ให้คนไม่มีเขาทาน ถ้าเราจะทานก็ให้พออิ่มไม่ต้องห่อกลับ”

เป็นที่รู้กันว่า

“อาหารที่เหลือ จะมีเด็ก ๆ ในหมู่บ้านมารับเพื่อไปทาน หากมีเยอะมาก ๆ หลวงปู่ท่านก็จะเมตตานำลงไปแจก”

หนูจึงได้รับโอกาสหยิบอาหารให้พ่อ แล้วเราก็มานั่งทานด้วยกัน น้าหนอมคนขับรถหลวงปู่ก็มาร่วมทานด้วย เราทานกันไปเรื่อย ๆ หนูชอบกินดังกินโดนัท วันนี้มีคนนำมาใส่บาตรด้วย ซึ่งหนูก็หยิบมาชิ้นหนึ่ง พ่อทานเสร็จก่อน มีสุนัขแวะเวียนมาสองสามตัว พ่อจึงหยิบโดนัทขึ้นมาแล้วก็บิแบ่งโยนให้ พร้อมพูดว่า "เราไม่ชอบกิน อะ เอาให้มันกิน"

แล้วสุนัขก็เคี้ยวหมับ ๆ

พ่อยิ้มอย่างชอบใจ แล้วเอ่ยว่า

"หมาก็กินโดนัท เว้ย" 

 

ใจหนูแว๊บ เสียดาย ดีที่สติเร็ว แล้วก็ยิ้มกับตนเองว่า

“จิตคนเรานี่เร็วจริง ๆ”

ขอบพระคุณพ่อที่เมตตาให้โจทย์ และขอบพระคุณสุนัขที่เข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนรู้ใจ

สักพักมีแม่คนหนึ่งเดินถือฟักทองบวชมา แล้วก็บอกน้าหนอมว่า

เป็นของดี ๆ ช่วยทานให้หน่อย ใส่มะพร้าวสด ๆ ไปสามลูกเลย 

หนูเห็นพ่อหันไปมอง แล้วท่านก็หยิบฟักทองบวชอีกถุงขึ้นมาทาน เหมือนร่วมเมตตาหญิงผู้นั้นด้วย

พอทานเสร็จหนูรู้สึกอิ่มมาก เก็บชามไปวางที่กะละมังเพราะต้องขนลงไปโรงครัว แล้วก็เดินออกมาตามถนน เจอบวชฟักทองหกอยู่กลางถนน ใจหนูระลึกขึ้นมาว่า

“นี่แหละหนอ อาหาร ที่กินเข้าไปกัน มองเห็นเรี่ยราดอยู่บนถนนก็รู้สึกรังเกียจ แล้วร่างกายนี้ยังไง อ้าปากรับของไม่จำกัดชนิด เข้าปาก เคี้ยวแม๊ป ๆ ก็แค่บดนิดหน่อย แล้วก็ปล่อยให้ไหลลงคอ เข้าสู่กระเพาะอาหารปล่อยสารออกมาช่วยสลาย แล้วก็ไหลเลื่อนไป จนสุดทางลำไส้แล้วก็ถ่ายออกมา ดูซิจะไม่ให้เน่าได้ยังไง ก็มันมีแต่ของเน่าได้ทั้งนั้น ”

 

ระลึกได้ดั่งนี้ รู้สึกโล่ง เข้าใจถึงการบริโภคอาหารของร่างกายนี้ แล้วจึงเดินไปขับรถไปเก็บแล้วก็เข้าทางจงกรม พิจารณาความรู้ที่ปรากฏแห่งกายนี้

“อาหารมีไว้เพียงหล่อเลี้ยงร่างกาย แต่ใจหนูก็ไปปรุงแต่งความอยาก หลอกล่อให้หยิบกินจนเกินประมาณ บริโภคมาก ตามใจอยากก็แน่นท้อง ยิ่งทานอาหารซ้ำ ๆ โดยไม่คำนึงถึงร่างกาย โรคภัยก็จะถามหาก่อนเวลาอันควร นี่แหละหนามนุษย์ คิดว่า ฉลาดคิดสูตรอาหารต่าง ๆมากมาย แต่ลืมไปว่า ร่างกายนี้ต้องการอาหารเพียงประทังชีวิต ประทังลมหายใจ แล้วก็ไปเรียนรู้ความจริง”

 

ถ้าเราอยู่เหนือความอยากอาหาร เราจะสามารถตัดกรรมที่จะก่อให้เกิดโรคภัยได้หลายโรคทีเดียว

 

หมายเหตุ ณ ขณะที่เดิน ๆ อยู่ใจแว๊บคิดถึงเรื่องอาหาร แล้วมันก็ย้อนเข้ามาดูร่างกายกระทันหัน แล้วก็เห็นว่า

"ร่างกายที่เดินกับความคิดเรื่องอาหารมันแยกกัน"

หมายเลขบันทึก: 391475เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2010 06:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

แต่ลืมไปว่า ร่างกายนี้ต้องการอาหารเพียงประทังชีวิต ประทังลมหายใจ แล้วก็ไปเรียนรู้ความจริง

 

ชอบจังครับ ...

เป็นบันทึกที่แสนงดงาม

สมผัสได้จากการอ่านบันทึกนี้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท