URL : มีขีดคั่นระหว่างคำหรือไม่มี อันไหนอ่านง่ายกว่ากัน?


อยู่ดีๆ ก็คิดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา เพราะดิฉันเพิ่งจะเปิดบล็อก Knowledge Sharing ไปเมื่อไม่นาน แล้วก็ด้วยเหตุที่ต้องสร้างบล็อกใหม่ในระบบ และต้องกำหนด Address หรือ URL ของบล็อก ตอนที่สร้างบล็อกก็ตั้งใจใส่ URL ว่า knowledgesharing โดยเขียนแบบติดกันไปเลย แต่ปรากฏว่ามีคนใช้ไปแล้ว ก็เลยต้องกลับมาคิดว่าจะเขียนอย่างไรดี ด้วยความเคยชินดิฉันเลยก็เส้นขีดกลางเป็นตัวคั่นระหว่างคำ เลยติดสินใจใช้ URL : knowledge-sharing แทน

แต่ก็นึกในใจเพราะจำได้ว่า Usability Guideline ที่เคยอ่ามาก็แนะนำว่าควรจะตั้งชื่อ URL ให้เป็นคำติดกัน เพราะ User ส่วนใหญ่ก็จะจำคำ และเวลาพิมพ์ url ก็จะสามารถเดาได้ง่ายโดยพิมพ์คำเป็น URL ได้เลย เมื่อใส่ขีดเข้าไประหว่างคำไม่ว่าจะเป็นขีดกลางหรือขีดล่างจะทำให้การคาดเดาของ user ผิดพลาดกลายเป็นหาเว็บไซต์หรือบล็อกไม่เจอ เพราะไม่รู้ว่ามีขีดมาคั่นระหว่างคำด้วย

แหม....แต่ดิฉันเองดันรู้สึกว่าการมีขีดมาคันระหว่างคำทำให้การจดจดน่าจะง่ายขึ้นค่ะ โดยเฉพาะคำยาวๆ หลายๆ คำ หรือเป็นคำยาวๆ ที่ต้องมาประติดประต่อการ การมีขีดระหว่างกลางนั้นน่าจะทำให้คนจดจำได้ง่ายกว่าการเขียนติดๆ กัน เพราะรู้สึกว่าอ่านยาก เช่น คำว่า user testing ถ้าจะเขียนเป็น URL ดังนี้

  • usertesting <---เขียนติดกัน 
  • user-testing <---เขียนแบบมีขีดกลางคั่นระหว่างกลาง
  • user_testing <---เขียนแบบมีขีดล่างคั่นระหว่างกลาง

จากตัวอย่างข้างบน คุณผู้อ่านดูแลคิดเหมือนดิฉันรึเปล่าคะ หรือคุณคิดว่าเขียนแบบไหนน่าจะจำง่ายกว่ากันคะ รบกวนช่วยกันแสดงความคิดเห็นกันหน่อยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #url#url blog#usability
หมายเลขบันทึก: 228029เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม 2008 22:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 18:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

usertesting <---เขียนติดกัน   ง่ายกว่าครับ

เขียนติดกันได้ 1 คะแนนแล้วค่ะ

ขอบคุณคุณ ครูโย่ง มากค่ะ ^_^

สวัสดีครับ

user-testing แบบนี้เขียนสะดวก จำง่ายดีครับ

ขอบคุณคุณธ.วั ช ชั ย มากค่ะ ^_^

เขียนแบบมีขีดกลางคั่นระหว่างกลาง  ได้ 1 คะแนน

เขียน usertesting กันความสับสนดีกว่าครับ เวลาโทรบอกใคร มักจะมีปัญหาว่า

A: "user ขีด testing ดอด com"

ฺB: "ขีดบน หรือ ขีดลาง"

A: "ขีดกลาง"

B: "ขีดกลาง ไม่ต้องกด shift ใช่ป่ะ"

ประมาณนี้ครับ ตัดปัญหาโดยเขียนติดกันซะเลย อาจจะอ่านบนช่อง url ยาก แต่ถ้าในหน้า web มีเขียนไว้ก็สามารถทำให้อ่านง่ายได้ อาจจะมีเว้นวรรคซักนิดนึงในหน้า web หรือใช้ขนาดตัวอักษรเข้าช่วย ก็ได้

apirak.com panatkool

  • ผมมือใหม่ครับ
  • แต่ว่าขีดล่าง/ขีดกลาง ต้องกดแป้นshift
  • ผม(เอง)กดผิด(มั่ว)ทุกทีเลย
  • 555

usertesting <---เขียนติดกัน

น่าจะดีครับ...ประหยัดคำ ไปหนึ่งเคาะ...

อิอิ

ท่าทางไม่มีขีดจะชนะนะครับ

เพราะุ้ถ้าเป็น URL มันค่อนข้างลำบากอย่างที่คุณ apirak บอกจริงๆ ครับ

ประเด็นเล็ก ๆ ที่น่าสนใจครับ น้อง มะปรางเปรี้ยว :)

กฎของ Microsoft DOS เดิมนั้น ไม่ชอบการเว้นวรรค หรือ ช่องว่างระหว่างคำ มักจะต้องเลือกใช้ตัวคั่นสักตัว เช่นอย่างที่น้อง มะปรางเปรี้ยว ได้เล่าไว้แล้ว คือ ขีดล่าง กะ ขีดกลาง

กฎของ Microsoft Windows ซึ่งเป็น GUI นั้น ยินยอมให้เว้นวรรค หรือ ช่องว่างกันได้ เพื่อความเข้าใจสูงสุดของผู้ใช้มือใหม่มาก ๆ เพราะภาษาอังกฤษเขาเว้นคำกัน

กฎของการตั้งชื่อเว็บ หรือ URL ไม่ทราบ กะ ไม่เคยเรียนมา แต่ใช้ประสบการณ์การผ่านตา คือ เลือกพิมพ์คำติดกัน (พวกฝารั่งเค้านิยม)

สำหรับตัวเอง ... ชอบหาเครื่องหมายมาคั่นคำ เพราะได้ความรู้สึกของการอ่านภาษาอังกฤษมากกว่า ไม่ว่าจะขีดล่าง หรือ ขีดกลาง ก็ตาม และไม่ชอบเว้นวรรค เพราะเป็นคนเก่าแก่ที่ติดนิสัยมาจากการดูแลระบบ Microsoft DOS ก็เป็นได้ครับ

สำหรับใน GOTOKNOW การตั้งชื่อ BLOG ผมเลือกใช้ "ขีดกลาง" ครับ เหตุผล คือ ??? ไม่รู้เหมือนกันแฮะ

ขอบคุณครับ :) ขอไปหาเหตุผลก่อนครับ

ตอนนี้เขียนติดกันมาแรงแซงทางโค้งเลยค่ะ

และด้วยเหตุผลที่ทุกท่านำเสนอมานั้นก็เป็นประเด็นที่เป็นประโยชน์มากค่ะ

และมุมมองของอ.Wasawat  ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ ถ้าได้เหตุผลเพิ่มเติม รบกวนอาจารย์มาแนะนำเพิ่มเติมด้วยนะคะ

^_^

เหตุผลของผม คงจะเป็นการติดกฎของ Microsoft DOS มาครับ คือ ไม่ชอบเว้นช่องว่าง และเลือก "ขีดกลาง" มาคั่นแทนช่องว่าง

หากเวลา URL ใช้ช่องว่าง มันจะแทนด้วย %20 ครับ (ใช่เปล่าเอ่ย)

และที่ไม่เลือก "ขีดล่าง" Underscore ก็คงจะกังวลเวลามันทำเป็นตัวลิงค์ URL ครับ มันจะมีเส้นใต้มารบกวน เวลาจดไปลงกระดาษโน๊ต จึงไม่แน่ใจว่า มันเป็นขีดเส้นใต้นที่เป็น Underscore หรือเป็นเส้นใต้แทนการลิงค์กันแน่น่ะครับ

จึงเลือก "ขีดกลาง" แทน สังเกตจากชื่อ BLOG ผม คำยาว ๆ ใช้ "ขีดกลาง" หมดเลยครับ

เหตุผลดูสมควรแก่เหตุหรือเปล่าก็ไม่ทราบครับ :)

จากความเห็นส่วนตัวนะค่ะ คิดว่า การใช้ "ขีดกลาง" เข้ามาแบ่งคำนั้น สำหรับเราเราคิดว่ามันง่ายต่อการอ่านไม่ต้องใช้การสังเกตุมาก ๆ ก็สามารถเข้าใจได้ไง่ายว่ามันอ่านว่าอะไร เวลาพิมพ์ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยนะ(ความคิดเรานะ) เพราะปกติเราก็พิมพ์สัมผัสพอจะพิมพ์ "ขีดกลาง" ก็ใช้นิ้วก้อยยกไปข้างบนก็พิมพ์ได้ แต่ที่ยากนั้นเวลาพิมพ์ชื่อเว็บถ้าใช้ "ขีดกลาง" เข้ามานั้นบางคนอาจจะจำไม่ได้ว่าชื่อเว็บมีขีดกลางหรือไม่ หรืออีกอย่างนึงก็คือ การพิมพ์ชื่อแบบทีเดียวโดยไม่ต้องยกนิ้วไปไกลนั้นง่ายกว่า และลื่นกว่าด้วย ตัวอย่างเช่น www.dekdee.com และ www.dek-d.com คิดว่าอันไหนจำง่ายกว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยพิมพ์ www.dek-d.com เลย จะพิมพ์แต่คำนี้ตลอด www.dekdee.com เพราะมันไม่ต้องใช้ความพยายามในการยกนิ้วไปไกล ส่วนใหญ่แล้วการพิมพ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษนั้น จะอยู่เฉพาะ 3 แถวหลัก ๆ ของมือ ซึ่งจะไม่ต้องยกมือไปไกล แต่ถ้าพิมพ์ "ขีดกลาง" แล้วนั้น จำเป็นจะต้องยกมือขึ้นนิดนึงเพื่อให้นิ้วสามารถยื่นไปถึงขีดกลาง ทำให้รู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามมากในการพิมพ์ตัว "ขีดกลาง" (ความรู้สึกของคนขี้เกียจป่าวหว่า..อิอิ) ส่วนพิมพ์ติดกันเลยนั้น จากความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ ต้องใช้การสังเกตุเพิ่มมากขึ้นว่าคำนั้นอ่านว่าอะไร ยิ่งถ้าชื่อยาว ๆ นั้น ยิ่งต้องสังเกตุมากเลยนะค่ะ แต่มันง่ายสำหรับการพิมพ์เพราะเป็นการพิมพ์ที่ต่อเนื่อง ตามเหตุผลข้างบน และง่ายต่อการจำด้วย....อิอิ แต่สำหรับเราแล้ว เราเลือกแบบมี "ขีดกลาง" ค่ะ เพราะง่ายต่อการมอง แบบว่าสายตาไม่ดีอะค่ะ และไม่มีตังค์ตัดแว่น(ฮ่าฮ่าฮ่า) เพราะตัวเราเองไม่ค่อยรู้สึกลำบากเท่าไหร่ที่จะยกมือขึ้นนิดนึง เพื่อให้ยืดนิ้วก้อยไปถึง "ขีดกลาง" เพราะว่าพิมพ์เร็วอยู่แล้ว (ฮ่าฮ่าฮ่า) ยังไงเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านมี "ขีดกลาง" ดีกว่าค่ะ

เราเบื่อมากเลยเวลาฝั่งดีไซน์ส่งหน้าเว็บมาให้ทำ รูปชื่อก็ยาวอ่านก็ยาก แถมบางทีเว้นวรรคอีก บางรูปก็ต้องเอามาแก้ชื่อ แก้โน่นแก้นี่ ยังดีที่มี css ทำให้ดูเป็นระเบียบขึ้นเยอะ โดนโปรแกรมเมอร์เขาบ่นประจำเลย ถ้าไม่มี css คอยเป็นสื่อกลาง สงสัยโปรแกรมเมอร์กะฝั่งดีไซน์ตีกันตายแน่ ๆ เลย ดีไซน์ชอบทำนอกรีไควเม้นประจำเล๊ยยย อันนี่แระที่เบื่อมาก ๆ (เอ๋...บ่นทำไมหว่า)

user_testing

ผมว่าคำนี้จำได้ง่ายกว่าครับ

ง่ายๆเลย ถ้าทดสอบด้วย 5 second test ซึ่ง ผมได้ทดสอบมาแล้ว

ผู้ใช้จะจำคำที่แบ่ง ได้ไวกว่าคำที่ติดกันครับ

ผมเองก็ทำโปรเจคเรื่อง Web Usability อยุ่เหมือนกันครับ

ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท