ผ่านการจัดทำ workshop “รู้เรา รู้เขา เข้าถึง จึงพัฒนา” ไปเมื่อวันที่ 23เมษายน 2552 ผลตอบรับกลับมาถือได้ว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างยิ่งกับการรอคอยที่จะเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปในวงกว้าง ตามที่เคยทำสัญญาใจไว้กับท่านอาจารย์
ในส่วนรายละเอียดของการดำเนินกิจกรรมจะรวบรวมภาพบรรยากาศมานำเสนอใน Blog “รู้ตัวเพื่อการพัฒนาจิต” แต่ในบันทึกนี้ เพียงอยากทบทวนตัวเองเกี่ยวกับก้าวหนึ่งของการเดินทางไปสู่จุดหมาย
ก่อนการเตรียมตัวจัดกิจกรรม ได้สัมภาษณ์ลักษณ์ของพี่และน้อง ๆ FA ที่จะร่วมอยู่ในวงสนทนาด้วย ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมของทีมงานมานานนับเดือน ไม่มีปัญหาอะไรให้กังวลใจ เหลือแต่ส่วนของตัวเอง ค่อนข้างเครียดพอสมควร เพราะมีนิสัยอยากให้ความรู้มากจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้พูดเร็วจนผู้ฟังจับใจความสาระไม่ได้ อีกทั้งเนื้อหาที่นำเสนอ หากหัวไวไปไม่รู้สติก็อาจจะทำให้ถ่ายทอดอย่างไม่มีชีวิตชีวา เพราะเน้นการนำเสนอสาระจนขาดแนวทางของปัญญาปฏิบัติ
โดยส่วนตัว ถนัดในการนำเสนอเรื่องการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาจิตแบบกลุ่มย่อยเจาะลึก แนว panel มากกว่า เพราะที่ผ่านมาจัดกลุ่มย่อย หรือแบบส่วนตัว สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ลึกซึ้งและมีปฏิกริยาโต้ตอบ สะท้อนซึ่งกันและกันได้ดี ทุกคนจะมองเห็นความแตกต่างของรากแห่งที่มาได้ง่ายกว่า เพราะแม้กระทั่งการตอบสนองของสีหน้าท่าทางก็ทำให้อ่านกันได้แล้ว หากกลุ่มใหญ่ อาจจะไม่ช่วยให้เกิดการสังเกตตรงนี้เท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตาม ข้อดีของกลุ่มใหญ่ก็คือจะช่วยทำให้เกิดการมองเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนของแต่ละลักษณ์ได้โดยสามารถเปรียบเทียบระหว่างตัวเองกับคนอื่นได้ทันที กลุ่มใหญ่จะสะท้อนแง่มุมของแต่ละลักษณ์ได้มากกว่า
สรุปก็คือ กลุ่มย่อยช่วยในการเข้าถึงตัวตนของแต่ละคนได้ลึกซึ้งกว่า
กลุ่มใหญ่ช่วยให้มองเห็นเชิงเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตนเองกับผู้อื่น (อีก 8 ลักษณ์) ได้ชัดเจนกว่่า
เมื่อถึงวันจัดกิจกรรมจริง ๆ ในเรื่องของจำนวนผู้เข้าร่วมนั้น มากเกินโควต้าและขอเข้ามาแม้ว่าจะไม่มีรายชื่อจองไว้ตั้งแต่แรกจนต้องยกเก้าอี้มาเสริม จึงรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งที่มีผู้สนใจเช่นนี้
ในระหว่างการบรรยาย มีสติอยู่ตลอดเวลา พูดโดยไม่ดู notes ที่เตรียมไว้ มองแผ่น slide ใน power point และก็พูดตามธรรมชาติโดยมองผู้เข้าร่วม workshop เป็นหัวใจสำคัญ
ความรู้สึกว่า ”เราอยู่กับเขา และเขาอยู่กับเรา” เป็นความรู้สึกเปรียบค่าไม่ได้ ทำให้เราไม่นึกถึงตำราใด ๆ แต่พูดจากการที่เรามองเห็นและตกผลึกทางความคิด โดยเฉพาะจากการฝึกฝนการปฏิบัติจริงของเรา ได้แก่ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการสังเกตเรา สังเกตเขา (ผู้อื่น) และการเข้าถึงสภาวะตามความเป็นจริง
ก่อนจะถึงวันจริง ได้ฟังเทปธรรมบรรยายทุกวัน เห็นผลจริง ๆ ว่าในเวลาพูดจากปัญญาที่อยู่เหนือเหตุผลใด ๆ (ปราศจากการปรุงแต่งของเหตุผลและอารมณ์) เป็นเคล็ดลับของการพูดที่เข้าถึงหลักธรรมชาติโดยแท้
บทสรุปสุดท้ายของการทำ workshop ได้บอกผู้เข้าร่วมว่าเมื่อค้นพบตัวเองแล้ว ลองดูว่าเป้าหมายที่แท้จริงในชีวิตของแต่ละท่านคืออะไร บทนิยามความสำเร็จหรือความสุขในชีวิตของคนเราย่อมแตกต่างกันไป ส่วนใดที่เป็นข้อดีอยู่แล้ว จะได้พัฒนาขึ้นไปอีก ส่วนใดที่เราขาด จะได้เสริมเพิ่มเติมให้เกิดความสมดุลระหว่างใจ สมอง และท้อง (สัญชาตญาณ) โดยเน้นย้ำว่าหากพบแรงบันดาลใจ ก็จะค้นพบเส้นทางที่ก้าวเดิน (Find your inspiration, find your way.)
การเข้าถึงตนเองก็เพื่อที่จะมีแผนที่ที่นำตนเองก้าวเดินต่อไปยังจุดุมุ่งหมายที่แต่ละคนต้องการ ตราบใดที่ยังอยู่ในโลกแห่งการทำงานและมีหน้าที่ทางสังคมอย่างเช่นในปัจจุบัน การดำเนินชีวิตให้เรียบง่าย สงบสุข เป็นธรรมดาและธรรมชาติ สามารถทำให้การปฏิบัติงานเป็นการปฏิบัติธรรมได้ทุก ๆ ขณะจิต ควรเริ่มต้นที่การ “รู้ตัว” เพื่อที่จะได้ละวางอย่างรู้ตัวเช่นกัน โดยไม่ได้รังเกียจ บีบคั้น หรือข่มกิเลสของตนมากเกินไป
การทบทวนตัวเองครั้งนี้ ทำให้เข้าใจตนเองมากขึ้นว่า หากเราต้องเล่าเรื่องใด ๆ ให้ผู้อื่นฟังในฐานะวิทยากร ควรเล่าจากการมองเห็นและการปฏิบัติจริงของเราจะมีคุุณค่าแก่การเรียนรู้มากที่สุด หากเรายังมองไม่เห็นตัวเองและแก้ไขไม่ได้ดีพอแล้วจะไปบอกใครต่อได้อย่างไร
ณ ที่นี้ จึงขอกล่าวคำขอบพระคุณพี่อ๊อดอีกครั้ง ที่มองเห็นความสำคัญในการเรียนรู้ตัวตน เพื่อทำให้การปฏิบัติงานเป็นการปฏิบัติธรรมในองค์กร ช่วยทำให้หลาย ๆ คนมีความสุขที่ได้รู้จักตัวตนของตนและคนอื่น
ขอขอบพระคุณน้อง ๆ ทีมงานที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำให้เรื่องนี้เป็นที่ตระหนักรู้และประจักษ์ของคนในองค์กร เมื่อมองเห็นแววตาและความพยายามของน้อง ๆ แล้ว รู้สึกสัมผัสถึงความตั้งใจจริงของน้อง ๆ และทำให้ปลื้มใจอย่างมาก
ขอขอบพระคุณผู้เข้าร่วม workshop ที่เข้าร่วมอบรมตั้งแต่วินาทีแรกจนจบงานโดยแทบไม่เห็นที่นั่งใดว่างเลย และสำหรับความเห็นของผู้เข้าร่วม workshop บางท่านที่บอกว่าอยากให้จัดตั้งชมรมหรือชุมชนเรียนรู้ตัวตนเพื่อการพัฒนาจิตในองค์กรนั้น ขอเก็บไปทบทวนเพื่อทำการถอดโจทย์อีกครั้งว่าจะทำได้อย่างไร
สุดท้าย ขอขอบพระคุณกัลยาณมิตร G2K ทุกท่านที่ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้หล่อหลอมให้ศิลาได้แง่คิดชีวิตดี ๆ อยู่เสมอ โดยไม่อาจเอ่ยชื่อระบุตัวใครคนใดโดยเฉพาะได้ เพราะคือทุก ๆ ท่านที่เราต่างให้กันและกัน ส่งผลให้ต่อยอดความคิดออกไปอีกมากมายและทำให้ทราบว่าการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใด ๆ ต้องเริ่มต้นจากการเปิดใจก่อนค่ะ
“Trust and Team”
Trust and Team เกี่ยวอะไรกับลูกชมพู่? อิอิ
---------------------------
หมายเหตุ ส่วนหนึ่งของการบรรยายครั้งนี้ รุ่นพี่ได้นำหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ศิลาใช้เป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดให้รู้จักการพัฒนาตัวตนไปสู่ขั้นสูงตามลักษณ์ของตน ซึ่งเป็นแนวทางเหมาะสำหรับคนทำงานในองค์กรทั่วไปโดยหนังสือเล่นนี้เพิ่งวางขายเปิดตัวครั้งแรกในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ผ่านพ้นไป หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ (เผื่อท่านใดสนใจ ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใดนะคะ)
สืบเนื่องจากการลงบันทึกนี้ไปแล้ว มีคำถามหลังไมค์ว่าจะจัดกิจกรรมแบบนี้เมื่อไหร่ ศิลาขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะว่าได้คุยกับผู้จัดอบรมหน่วยงานเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งทาบทามศิลาก่อนการจัด workshop ครั้งนี้แล้ว ว่าจะขอให้ศิลาเป็นวิทยากรเกี่ยวกับเรื่อง "รู้ตัวเพื่อการพัฒนาจิต" ในเดือนกรกฎาคมค่ะ รูปแบบเปิดให้บุคคลภายนอกที่สนใจค่ะ หากมีความคืบหน้าของการจัดอบรมจะแจ้งให้ทราบภายหลังนะคะ (ตอนนี้ยังไม่ได้ทำการบ้านสรุปโครงสร้างกิจกรรมให้ผู้จัดอบรมเลยค่ะ ส่วนหนึ่งคือศิลาไม่ค่อยมีเวลาด้วย ...ยอมรับผิดนะคะ ท่านผู้จัดอบรม อย่างไรก็ตาม จะพยายามให้มีการจัดอบรมตามเวลาที่กำหนดไว้ค่ะ)
สวัสดี ครับ คุณ sila
เข้ามานั่ง ...ขอน้ำทาน หน่อย ครับ
ร้อนกาย....แต่เดี๋ยวคาดว่า จะเย็นใจที่นี่ แหละครับ
นั่งตรงนี้ ก็แล้วกัน อากาศหน้าบ้านคุณ sila สดชื่น ดี ครับ
ชมพู่น่าอร่อยจังค่ะ
แวะมาทักทายค่ะ
”เราอยู่กับเขา และเขาอยู่กับเรา”
Take care
สวัสดีครับ อ.ศิลา
อ.ศิลา ครับ
ขอบคุณ บันทึกที่เล่าภาพการทำงาน การเตรียมตั้งแต่คิด จนถึง ปฏิบัตินะครับ
เรื่องการบรรยาย ช่วงหลัง ผมได้ปฏิบัติหน้าที่แบบนี้บ่อยมากขึ้น ก็จำเป็นนะครับ พูดให้ชัดก่อนเพื่อให้ชัดในแนวคิด และ ลงมือปฏิบัติถอดบทเรียนร่วมกัน
ผมสะดุดคำว่า "ปัญญาเหนือเหตุผล" โดยเฉพาะเหตุผลที่เอนเอียงไปทางอารมณ์
อ่านบันทึกอาจารย์แล้วทำให้ผมรู้สึกเบาๆกับภาระหน้าที่ที่ผมรับอยู่ (บอกไม่ถูก) การเรียนรู้จากการทำงานทำให้เราแกร่งขึ้นจริงๆครับ อ่านบันทึกดีๆจากผู้ปฏิบัติก็สร้างพลังให้ตนเองไม่น้อย :)
มาชม
อย่างนี้เขาเรียกว่ารู้แล้วบอกต่อนะครับ อิ อิ อิ
สวัสดีค่ะ
เป้าหมายในชีวิตของตัวเองเป็นอย่างไรนะ
ความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร...
จะลองค้นหาเรื่อยๆนะคะ
ถ้ามีวาสนา...
คงได้มาฟังการบรรยายดีๆ...
วิทยากรเยี่ยมๆเช่นนี้...
จะมาพิจารณาอ่านอีกรอบนะคะ
เจริญพร โยมศิลา
สติหากฝึกอยู่เสมอจะไม่ทำให้ลืมอะไรง่ายๆ
อาตมารู้สึกว่าสมัยนี้ คนลืมเรื่องง่ายๆกันมาก (ใจไม่มีสมาธิ)
เจริญพร
---- จาก ลำดับ 12
เยี่ยมครับอาจารย์ นั้นคือการถ่ายทอดที่ดีมากครับ ทุกคนควรมุ่งแบบนั้น
สวัสดีค่ะ อาจารย์
มีกำหนดการวันไหน ที่ไหน พอลล่าตามไปเรียนรู้สักคนได้ไหมคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
สวัสดีค่ะ... มาขอบคุณน้ำใจที่มอบให้...
คำพูดดีๆเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ...
ขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับเด็กๆ...
และการมีชีวิต...ที่อาจเหลือเวลาไม่มากนัก...
ขอบคุณที่จะมาทำฝันของเด็กๆให้เป็นจริง...
พี่แดงได้มีโอกาสคุยกับเด็กๆ...
น้องแอนวันเกิดหนู
จะจัดงานให้นะ...หนูจะได้ตุ๊กตา...
เชื่อไหม...เป็นรอยยิ้มที่ความสุขมากๆ...
เด็กๆต้องการความรัก...ต้องการให้มีคนสนใจ..
. สาธุ...ความดีครั้งนี้ขอให้อุปสรรคต่างๆผ่านไปด้วยดี...
พี่แดงเชื่อเรื่องการสวดมนต์...
เคยอ่านเจอว่า...รอคตายอย่างมีปาฏิหารย์จากการสวดมนต์...
รักลูกมากมาย...
พ่อแม่เด็กๆก็ไม่ต่างจากเราหรอก...
รักนะแต่ไม่ผูกพัน...(จำได้นะที่คุณศิลาเคยเขียนให้)...
สวัสดีครับ ขอร่วมอนุโมทนาในบุญกุศลที่ทำให้ผู้คนได้เห็นทางสายเอกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ขอบพระคุณครับ
มาอ่านความคิด “รู้เรา รู้เขา เข้าถึง จึงพัฒนา” ”เราอยู่กับเขา และเขาอยู่กับเรา” ค่ะ
เป็นเรื่องที่คุณศิลาปูพื้นเริ่มต้นให้พวกเรารู้จากข้างใน ออกมาข้างนอก เข้าใจชัดเจนเมื่อเห็นกระบวนการค่ะ อวัจนะสารนั้นสำคัญยิ่งกว่าคำพูดใดๆ
แต่คงไม่เกี่ยวอะไรกับชมพู่นะคะ ชมพู่ที่บ้านมีสามต้นสามสายพันธุ์ ที่จริงมีสี่นะคะ แต่ยืนต้นตายไปหนึ่ง และไม่ค่อยจะเก็บกิน เลยไม่ได้บำรุงดูแลการห่อตั้งแต่เริ่ม เป็นอาหารของหนอน-นกเสียมากกว่า เราอยู่กับเขา แต่ไม่ได้ดูแลเขาให้ดีๆ เขาก็เลยไม่ให้สารอาหารดีแก่เรา (โห...ไปคนละเรื่องเลย)
ดอกไม้หอมๆ ในบ้าน นำมาฝากค่ะ
เข้าไปอีก คงจะสมบูรณ์แบบมากขึ้นนะคะ
แวะมาอ่านบันทึกด้วยความคิดถึงค่ะ
สวัสดีค่ะคุณSila Phu-Chaya
แวะมาพักผ่อนเย็นๆและเรียนรูสิ่งดีดีค่ะ
สวัสดีคะ
อ่านแล้วจิตใจสบาย ผ่อนคลายคะ
ขอบคุณมากๆคะ
มาเติมพลังค่ะ
เราเขาบางครั้งเหมือนเป็นหนึ่งเดียว
บางครั้งเราดูเขา แต่เขาไม่ดูเรา
เราเขาบางเวลาแยกกัยอยู่
เราเฝ้าดูเขา เขาเฝ้าดูเรา
ขอบคุณ
รอว่าเมื่อไรจะเปิดรับคนนอก
ขอเป็นศิษย์ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดี ครับ คุณ sila
วันนี้ ผมเอาน้ำส้ม มาฝากครับ
ดื่ม ตอนไหน ก็ได้ ครับ
มีความสุขกับงานที่ทำ นะครับ
สวัสดีครับ ..การค้นพบตนเอง เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าการเรียนในระบบ และยิ่งค้นพบเส้นทางและได้ทดสอบปฏิบัติด้วยตนเองด้วยแล้ว เป็นความสำเร็จเฉพาะตนจริง ๆ ..ที่เอื้อให้เกิดความสำเร็จแก่บุคคลอื่น..
แวะมาก่อนอย่างรวดเร็ว...^_^...
คิดถึงมาหลายวันแล้วค่ะ ไม่ค่อยได้คุยกันเลย
คุณแสงแห่งความดี นำอาหารน่าทานที่ได้จากคุณศิลาไปฝากคนไม่มีรากทุกกลางวัน ... อิ่มอร่อยด้วยรอยยิ้มและน้ำใจของกัลยาณมิตรทั้งสองท่านเลยค่ะ
....ขอบคุณทุกปัจจัยที่ทำให้เราได้...รู้จักและพูดคุยกันนะคะ....ดีใจจัง...!!!!
ส่งดอกกระดาษนี้มาก่อนเลยค่ะ...^_^...
ยินดีครับ ที่ได้เป็นส่วนร่วมใน planet
ชีวิตที่มีคุณค่า คือการทำให้ตนเองมีคุณค่า และการช่วยทำให้คนอื่นมีคุณค่าขึ้น ข้อคิดนี้ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัย ...ในวันนี้
เราเขาบางครั้งเหมือนเป็นหนึ่งเดียว
บางครั้งเราดูเขา แต่เขาไม่ดูเรา
เราเขาบางเวลาแยกกับอยู่
เราเฝ้าดูเขา เขาเฝ้าดูเรา
ชอบจังค่ะ คำว่าเราเขาเหมือนเป็นหนึ่งเดียว เวลาเราอยู่กับเขา เขาอยู่กับเรา เป็นการใช้พลังดึงดูดใจให้เขามาอยู่กับเรา ขณะเดียวกันเราก็นึกถึงเขาไปด้วยว่า เขาตามเราอยู่ไหม จากสายตาที่สื่อมา
ศิลากำลังกลุ้มหฤทัยพอสมควรค่ะ เรื่องจัดอบรมครั้งต่อไป เกี่ยวกับเวลาไม่ลงตัว มีความคืบหน้าก็อยากเชิญชวนค่ะ เพราะมุ่งเผยแพร่เป็นหลักจริง ๆ ศิลาไม่ใช่วิทยากรอาชีพ เพราะมีงานประจำมั่นคงอยู่แล้ว แต่ที่มาสวมบทนี้เพราะอยากให้คนเราเรียนรู้ตัวเองจริง ๆ ค่ะ จึงเรียนจากใจว่าไม่ได้หวังเงินทองอะไรเลย จัดคราวหน้าก็ยังบอกผู้จัดเลยว่า คิดค่าใช้จ่ายเฉพาะสถานที่และอาหารว่างก็แล้วกัน ถ้าจะตัดอะไรก็ตัดค่าวิทยากรค่ะ
หวังว่าเราจะได้มีโอกาสพบกันนะคะ
สวัสดีค่ะ
- มาเยี่ยมพร้อมผลไม้จากสองพี่น้องค่ะ
อร่อยดีนะคะ...บ้านกล้วยปลูกเองค่ะ
- สุขกายสุขใจนะคะ