วันนี้แม่นีโอตื่นเต้นมั่กๆ ค่ะคุณขา เพราะว่าเรามีคิวที่จะขึ้นไปเยือนยอดเขายุงเฟรา ที่ได้ชื่อว่าเป็น Top of Europe (ความสูง 4,158 เมตร) และเมื่อปี 2001 องค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้ยอดเขายุงเฟรา เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรปอีกด้วย เมื่อปีที่แล้วแม่นีโอไปเยือน Zugspitze : Top of Germany ยังไม่ตื่นเต้นเท่าครั้งนี้เลยค่ะ
ตอนเช้าแม่นีโอนั่งคำนวณการใส่เสื้อผ้า (โห!!จะใส่เสื้อผ้ายังต้องคำนวณ....) ดูว่าลำพังแม่นีโอเที่ยวบนพื้นราบของสวิสในครั้งนี้ ยังหนาวเหน็บกินใจ หากขึ้นภูเขาสูงจะไหวมั้ยนี่...ต้องไหวอยู่แล้วค่ะ แต่จะใส่เสื้อสักกี่ชั้นดี นี่ขนาดไม่ได้มาช่วงฤดูหนาวนะเนี่ย (นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม่กล้าเสี่ยงไปเทศกาลน้ำแข็งที่ฮาร์บิ้น...) เพราะแม่นีโอเป็นคนเมืองร้อนที่ขี้หนาวเอามั่กๆ หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ ก็ทานข้าวเช้าเพิ่มพลังเพื่อเตรียมพร้อมลุย
เราเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Grindelwald Grund ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นสกีกัน แต่ละคนเตรียมพร้อมกันสุดชีวิต เห็นบรรดาผู้สูงอายุหลายคนก็มาเล่นสกี อืมมม...ถึงจะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังมีไฟอยู่ จากจุดนี้เราขึ้นรถไฟขบวนเขียว-เหลือง (สงสัยเลียนแบบสีรถแท็กซี่บ้านเรา) รถไฟพาเราไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ วิวทิวทัศน์ก็เหมือนกันตลอดทางค่ะ คือ ผ่านหมู่บ้านในนิทาน หุบเขา ต้นสน และหิมะขาวโพลนที่ติดตามเราไปตลอดทาง ยังไม่มีอะไรตื่นเต้น ชมวิวไปเรื่อยๆ ค่ะ
สถานีรถไฟ Grindelwald Grund
วิวทิวทัศน์ด้านหลังสถานี
เค้าไปเล่นสกีกันค่ะ
ขึ้นรถไฟขบวนเขียว-เหลือง
บนรถไฟ
บรรยากาศสองข้างทางในระหว่างที่รถไฟไต่ระดับขึ้นไป
จากนั้นเราต้องแวะที่ Kleine Scheidegg ที่ความสูง 2,061 เมตร Kleine Scheidegg เป็นเมืองเล็กๆ บนเขา เป็นจุดเปลี่ยนรถไฟเพื่อขึ้นไป Jungfraujoch ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในโลก บนความสูง 3,454 เมตร ตอนนี้เห็นรถไฟขบวนสีแดง รอเราอยู่แล้วครับทั่น.....
เปลี่ยนรถไฟที่ Kleine Scheidegg
บ๋ายบายรถไฟเขียว-เหลือง
เปลี่ยนมาขึ้นขบวนสีแดงกันค่ะ
จากจุดนี้รถไฟยังคงไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จะมีการลอดอุโมงค์เป็นช่วงๆ มีจุดให้แวะ 2 จุดๆ ละประมาณ 5 นาทีเท่านั้น (โห!! ทำเวลาน่าดู) คือที่ Eiger Wall และ Eismeer เพื่อให้นักท่องเที่ยวลงไปถ่ายภาพได้ โดยเค้าจะเจาะเป็นช่องๆ ไว้ ไม่ได้ให้เราออกไปนอกธารน้ำแข็งนะคะ แม่นีโอเห็นแล้วทึ่งจริงๆ ค่ะคุณขา คนสวิสนี่เก่งจริงๆ บนเทือกเขาสูงอย่างนี้ยังเจาะอุโมงค์เป็นทางรถไฟ เพื่อให้เราไปชมธารน้ำแข็งได้ เอ...จะว่าไปบ้านเราก็มีอุโมค์ขุนตาลนี่นา!!
จุดชมวิวในอุโมงค์
ถึงแล้ว Jungfraujoch : Top of Europe
และแล้วเราก็ถึงสถานีรถไปที่สูงที่สุดในโลกคือ Jungfraujoch จุดหมายแรกของเราคือ Ice Palace อุโมงค์น้ำแข็งนั่นเอง เค้าทำเป็นอุโมงค์ยาวให้เดินเข้าไป พื้นค่อนข้างลื่น เราต้องเดินเกาะราวไปเรื่อยๆ จะมีน้ำแข็งแกะสลักให้ถ่ายภาพเป็นช่วงๆ ที่สำคัญต้องเดินช้าๆ เนื่องจากอากาศเบาบางมาก เดี๋ยวจะเดี้ยงซะก่อน
สองสาวในอุโมงค์น้ำแข็ง
น้ำแข็งแกะสลัก
ออกจากอุโมค์หิมะ แม่นีโอแวะร้านของที่ระลึก เพื่อซื้อโปสการ์ดส่งกลับมาให้พ่อนีโอและน้องนีโอ รวมทั้งส่งให้ตัวเองและเพื่อนพ้อง เนื่องจากมันหนาวเย็นมาก เขียนโปสการ์ดนี่ตัวอักษรยึกยือเลย แต่ก็อยากส่งจากที่นี่ค่ะ เพราะเป็นการส่งโปสการ์ดโดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในโลกเชียวนา หลังส่งโปสการ์ดแล้วเราก็ไปทานอะไรอร่อยๆ บนวิวที่แสนจะโรแมนติกกันดีกว่า ได้ลิ้มลองไอศกรีมที่แสนหวานฉ่ำด้วย (นี่ขนาดหนาวนะเนี่ย)
ชอบโปสการ์ดแบบไหน..หยิบเลยค่า
หน้าตาไอศครีม...create สุดๆ
เล่นหิมะด้วยกันมั้ยคะ
อิ่มหนำสำราญกันแล้ว เราก็ออกไปถ่ายภาพกับหิมะที่ลาน Sphinx มองเห็นธารน้ำแข็ง และหิมะสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียวเชียว สำหรับคนเมืองร้อนแล้ว การได้ชมหิมะครั้งหนึ่งในชีวิตนี่ถือว่าสุดยอดจริงๆ...ว่ามั้ย
ธารน้ำแข็ง Aletsch glacier
เนื่องจากขาขึ้นเราเลือกใช้เส้นทาง Grindelwald Grund- Kleine Scheidegg- Jungfraujoch แล้ว ขากลับควรจะเลือกลงอีกเส้นทาง คือ จาก Jungfraujoch ลงมาที่ Kleine Scheidegg แล้วเลือกเส้นทาง Lauterbrunnen แทนที่จะลงมาที่ Grindelwald ซึ่งระยะทางใกล้เคียงกัน แต่จะเห็นวิวทิวทัศน์ของทุ่งดอกไม้ และสายน้ำตกที่ขึ้นชื่อของ Lauterbrunnen แต่ในช่วงที่แม่นีโอไปนี่เค้าปิดเส้นทางนี้อยู่ เลยอดเห็นเส้นทางที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกอีกเส้นทางของสวิส ฮือๆ เสียดายจัง
นั่งรถไฟขากลับค่ะ
ปิดท้ายด้วยบรรยากาศของหมู่บ้านในนิทาน
สวัสดีค่ะคุณแม่น้องนีโอ
เนี่ยตามคุณนาีีรีมาติดๆเลยนะคะ บรรยายได้ดีมากๆ เหมือนได้ไปเที่ยวเองเลยค่ะ วิวที่นี่สวยงามมากนะคะ หนาวไปด้วยกัน..เห็นไอติมแล้วก็น่าอร่อยไปด้วยค่ะ..
สวัสดีค่ะ พี่นารี
สวัสดีค่ะ คุณอุ๊
เป็นคนชอบหิมะมากกกก ค่ะ
เห็นรูปแล้วอยากไปจังเลยค่ะ ล่าสุด เคยไปที่เกาหลี มาค่ะ หนาวมากค่ะ
อยากไปจังเยย