เมืองในฝันของคุณชื่ออะไรบ้าง...ช่วยตอบหน่อยค่า ??
แม่นีโอขอตอบก่อนนะคะ....หนึ่งในเมืองในฝัน (เนื่องจากมีหลายแห่ง 555) ของแม่นีโอ คือ Zermatt นี่เอง โปรแกรมท่องสวิสของแม่นีโอครานี้จึงเป็นอีกทริปแห่งความประทับใจ เพราะสถานที่แต่ละแห่งที่ไปเยือนและบรรยากาศของแต่ละที่นี่ถือว่าสุดยอด
หลังจากนั่ง รถไฟด่วนขบวนช้ามาก เราก็มาถึง Zermatt เมืองในฝันของแม่นีโอ..... Zermatt เป็นเมืองเล็กๆ หรือจะเรียกว่าเป็นหมู่บ้านก็ว่าได้ เป็นเมืองในอ้อมกอดของขุนเขาทางตอนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,600 เมตร มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี เป็นเมืองที่เป็น car free คือไม่อนุญาตให้มีรถยนต์ที่ใช้น้ำมันวิ่ง มีเพียงจักรยาน บริการรถม้า หรือรถคันเล็กๆ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น ถือว่าเป็นเมืองปลอดมลพิษที่สวยสุดแห่งหนึ่งของโลกเลยค่ะคุณขา สำหรับแม่นีโอแล้ว ก็คิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาอาศัยรถหรอกนะ เพราะเมืองก็เล็กนิดเดียว เดินประเดี๋ยวเดียวก็ทั่วแล้ว
บรรยากาศของ Zermatt.....มีเฉพาะรถไฟฟ้าแบบนี้หล่ะค่ะ
เอ...แล้วทำไมใครๆถึงอยากมาที่หมู่บ้านเล็กๆ นี้กันหนอ...ก็เพราะ Zermatt เป็นหน้าด่านในการขึ้นไปเยือน Matterhorn ยอดเขาสวยสุดแห่งเทือกเขาแอลป์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์หน่ะซี้ ถือเป็นสวรรค์ของนักสกีจากทั่วโลก แถมบรรยากาศรอบข้างและบ้านเรือนก็แสนจะโรแมนติก ร้านอาหารและร้านรวงต่างๆตบแต่งได้อย่างสวยงาม ของที่ระลึกทั้งหลายก็น่ารัก (แต่ไม่น่าซื้อค่ะ เพราะแพงเหลือเกิน) ขอบอกว่าใครมาเป็นคู่นี่เกี่ยวก้อยกันเดินเกินคำบรรยายทีเดียวเชียว....คราวหน้าต้องชวนพ่อนีโอกะน้องนีโอมาด้วยแน่ๆ
ใครที่ยังนึกหน้าตาของยอดเขา Matterhorn ไม่ออกหล่ะก็...ลองหลับตานึกถึงโลโก้ของบริษัทหนังยักษ์ใหญ่อย่าง Paramount Picture หรือหากไม่ใช่คอหนัง ก็ลองนึกถึงช็อคโกแลตขึ้นชื่ออย่าง Toblerone...ภูเขาสูงกว่า 4,478 เมตร เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมโดดเด่นเป็นสง่า นั่นหล่ะ Matterhorn เค้าหล่ะจ้า
โฉมหน้า Matterhorn
เด็กๆ เดินไปโรงเรียน
เราขึ้นไปสัมผัส Matterhorn โดยการนั่งกระเช้าขึ้นไป โดยช่วงแรกนั่งกระเช้าตัวเล็กซึ่งจุคนได้ประมาณ 6-9คน ตามไซส์ ได้เจอคุณลุงชาวเยอรมันอายุ 70 ปีแล้ว ถามใถ่ได้ความว่ามาเล่นสกีที่นี่เป็นประจำ...โห แข็งแรงมั่กๆ
บรรดานักสกีรอคิวขึ้นกระเช้า
จากกระเช้าตัวเล็ก ช่วงถัดไปเราต้องขึ้นกระเช้าตัวใหญ่ที่จุคนได้จำนวนมากขึ้นไปอีก บรรยากาศบนนี้สุดมันส์ค่ะ (แม้คนจะเบียดกันแน่นกระเช้าก็เถอะ) ที่บอกว่าสุดมันส์ เพราะคนคุมกระเช้าแกเล่นเปิดเพลงแดนซ์แบบสะใจ เอาใจขาโจ๋ให้ฮึกเหิมก่อนลงไปเล่นสกีหน่ะสิ ส่วนขากลับได้เจอหนุ่มน้อยอายุ 4 ขวบ (เท่ากับน้องนีโอ)มาเที่ยวด้วย ไอ้เรารึก็คิดถึงลูกน้อยกลอยใจ เลยขอหอมฟอดใหญ่ๆมาหลายฟอดและถ่ายรูปไปหลายช็อตเลย แฮะๆ
กับเด็กชายนีโอ (ตัวปลอม) บนกระเช้าตัวใหญ่ 555
โอววววว.....มันหนาวมั่กๆ ค่ะคุณขา
หลังจากชื่นมื่นกับ Zermatt และ Matterhorn อย่างเต็มอิ่มแล้ว เราก็นั่งรถไฟกลับสู่เมือง Tasch โดยใช้เวลาเพียง 15 นาที จากนั้นก็นั่งรถโค้ชต่อไปยังเจนีวา ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายของทริปนี้
เนื่องจากช่วงที่เราไป Matterhorn ขี้อายเหลือเกิน ไม่ค่อยโผล่หน้าอันสง่ามาให้ยลโฉม
เลยนำภาพจากโปสการ์ดมาฝากแฟนๆค่ะ
แถมท้ายด้วยช็อคโกแลตหอมหวานเป็นของฝากค่ะ :-)
สวัสดีค่ะน้องเอ เล่าเรื่องและมีภาพอย่างนี้ชวนให้อยากไปมากเลยค่ะ พี่ยังไม่เคยไปเซอร์แมทเลยค่ะ สวิสฯนี่แค่ไปประชุมที่เจนีวาครั้งเดียวนานแล้ว วางแผนจะนั่งรถไฟพวกซีนิคเทรนที่มีหลายสายมาก อิ อิ แผนเลยมักถูกวางไว้ก่อน
สวัดสดีค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมค่ะ
หากมีโอกาส...ต้องไปเที่ยวให้ได้นะคะ
wow !!!
อ่านแล้วเสียดายจังเลยที่ไม่ได้ไปด้วย
มันลาไม่ทันนี่นา...
แค่อ่าน ก็ฝันถึงเมืองนี้ซะแล้ว
เมืองที่หยินชอบนะ ก็มี sanfran, solvang
นี่ถ้าได้ไป zermatt นะ รับรองต้องชอบเหมือนแม่นีโอแน่ ๆ
ทึ่งจริงๆค่ะ ได้ฟังเพลงพุ่มพวงบนกระเช้า :-)
มาชมเมืองเล็กๆ ที่น่ารักอีกเมืองค่ะ
...
เห็นเด็กๆ บ้านเค้าแล้วคิดถึงเด็กบ้านเรา
สวัสดีค่ะ คุณปู
สบายดีหรือเปล่าคะ
เห็นเด็กๆฝรั่งเดินลุยหิมะไปโรงเรียนอย่างสนุกสนาน
ช่างน่ารักน่าชังจริงๆค่ะ
.....
เด็กบ้านเราไม่มีหิมะให้ลุยเล่นก็เลยต้องลุยอย่างอื่นแทนค่ะ
จำได้ว่าสมัยแม่นีโอเด็กๆ(โห..นานมั่กๆ)
ต้องเดินลุยทุ่งหญ้าเจ้าชู้ กว่าจะถึงโรงเรียน ก็ต้องมาแกะเจ้าหญ้าเจ้าชู้ออกจากถุงเท้า
(แหม..ช่างเปรียบเทียบกะหิมะของฝรั่ง ขำขำ 555)