เอ่ยถึงเรื่องอาหารการกินเมื่อไหร่ เพื่อนสนิทมิตรสหายของแม่นีโอต่างรู้ดีว่า แม่นีโอก็เป็นหนึ่งในสายแข็งของแท้ บ่ยั่นเรื่องการกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารฝรั่ง อาหารอิสาน (เป็นคนอิสานโดยกำเนิด แถมไปเติบโตร่ำเรียนในแดนอิสานก่อนมาเป็นสาวเมืองกรุง..) อาหารญี่ปุ่นก็ชื่นชอบ เพื่อนฝูงชวนเมื่อไหร่ก็ไม่เคยปฎิเสธ (แต่เพื่อแอบขำว่าชอบอาหารญี่ปุ่นขนาดนี้ แต่ทำไม่ไม่ทานวาซาบิ มันแปร่งๆอยู่นะ พอมาเป็นอาหารเกาหลี ก็ชื่นชอบ แต่เพื่อนๆ งงเป็นไก่ตาแตกอีกว่าชอบอาหารเกาหลีทุกแบบ ยกเว้นกิมจิ ฮ่าๆๆ บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ ส่วนมากเค้านิยมทานกิมจิกัน แต่นี่ทานทุกอย่างยกเว้นกิมจิ เอาหน่ะ ขอยกเว้นสัก case ก็แล้วกันนะ
ครานี้เมื่อไปเกาหลี มีอยู่วันนึงที่มีโปรแกรม เรียนทำกิมจิ ที่ Kimchi School ด้วย เอ๋...จะทำไงดีหว่า แว่บไปเดินเล่นดีมั้ย จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาไปทำให้เมื่อยตุ้ม แต่มาคิดอีกทีอุตส่าห์มาถึงถิ่นต้นตำรับแล้ว เข้าไปดูหน่อยก็ได้ ก็มีครูเกาหลีมาสอนทำ ก็ไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ ดูบรรยากาศจากภาพถ่ายก็แล้วกันนะคะ
ของแถมที่ Kimchi School คือการใส่ชุดฮันบก สาวๆ ดี๊ด๊ากันใหญ่ แม่นีโอเองเห็นเค้าแต่งดูรวมๆ แล้วสวยดีอ่ะ อยากใส่กะเค้ามั่ง ข้างๆผนังเห็นรูปแดจังกึมติดตระหง่านอยู่ แหมๆ...ช่างได้อารมณ์อยากใส่ชุดฮันบกซะเหลือเกิน น่าเสียดายตรงที่เค้าไม่ให้เราเลือกเองอ่ะ มีเจ้าหน้าที่มาดูตัวแล้วก็หยิบให้เรา แอบบ่นเล็กน้อยเนื่องมาจากอยากใส่ชุดที่มีสีสันสองสี ไม่ใช่สีชมพูเพลนสีเดียวแบบนี้ แถมโบว์ยังสีเดียวกะชุดอีก ดูแล้วมันกลืนไปหมด... อย่าเพิ่งบ่นว่าแม่นีโอจู้จี้ขี้บ่นนะคะ รู้สึกอย่างนี้จริงๆ ภายหลังมารู้ว่าเค้าเลือกสีเดียวแบบนี้ให้เราแปลว่าเค้าเห็นเรายังวัยรุ่นอยู่ หากเป็นกลุ่ม สว. (สูงวัย) ได้ใส่ 2 สีแน่นอนโถๆ....รู้อย่างงี้ก็ให้อภัยจ้า... เรื่องอะไรจะยอมเป็น สว. ฮ่าๆๆๆ
แถมท้าย
เพิ่งได้แวะไปเยี่ยม blog ของอ.ศศินันท์ มา เรื่อง โลกาภิวัตน์ทางวัฒนธรรม : อาหารการกิน มีข้อมูลที่มีเนื้อหาสาระอาหารการกินจากทั่วโลกเพียบ เลยขอถือโอกาสนำมาฝากไว้ที่นี่ด้วย เพื่อคุณผู้อ่านจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มอิ่ม และก็เพิ่มสูตรทำกิมจิ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิมจิ จะได้ไปลองทำดูค่า
1. หั่นผักกาดออกเป็น 2 หรือ 4 ส่วน และแช่ไว้ในเกลือ 2. ซอยหัวไชเท้าเป็นเส้นเล็กๆยาวประมาณ 1 นิ้ว 3. ล้างหอยนางรมตัวเล็กและสาหร่ายสดในน้ำเกลือ 4. หั่นต้นหอมยาวประมาณ 2 นิ้ว 5. คลุกเคล้าหัวไชเท้าซอยกับพริกแดงป่นให้ทั่วจนออกเป็นสีแดง 6. นำส่วนผสมอื่นๆ คลุกเคล้าลงไป ใส่เกลือ น้ำปลา และน้ำตาล จนในที่สุดจะได้เครื่องสอดใส้ผัก 7. นำเครื่องปรุงที่ได้มาสอดไส้ระหว่างใบผักกาดทีละใบให้ทั่วทุก ใบใช้ใบด้านนอกสุดห่อหุ้มให้แน่น แล้วนำไปใส่ไว้ในไหดินเผา ปิดด้วยใบผักกาดส่วนที่หยาบซึ่งแช่น้ำเกลือในช่วงขั้นแรกและกดลงไปเบาๆ
สวัสดีค่ะ พี่ทานกิมจิ แต่ไม่ชอบนัก ทานแก้เลี่ยน อันที่จริง อาหารเกาหลีเผ็ดนะคะ มีพริกแยะ
คงเป็นเพราะ Christopher Columbus เมื่อได้มาค้นพบทวีปอเมริกา ได้เป็นผู้นำเอาพริก ซึ่ง เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกา ไปสเปนด้วย เมื่อปี 1493 และยังเอาไปเผยแพร่ในที่อื่นๆอีก เช่น อังกฤษ โปรตุเกส โดย ชาวโปรตุเกสก็นำไปปลูกในทวีปเอเซีย ในจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี อีกต่อหนึ่ง กระมังคะ
เคยเขียนไว้มั่งนิดหน่อยค่ะ มีน้ำเย็นๆ มาเสิร์ฟ 1 แก้วค่ะ
ชอบๆทานกิมจิค่ะ
และชอบวิซาบิกับปูอัดและขิงดองมากๆ ทานง่ายไหมค่ะ
ทานตอนเย็นแทนข้าวก็ได้ค่ะ อิอิ
อ.ศศินันท์ขา
ตามไปอ่าน blog ของอาจารย์
เลยต้องขออนุญาตนำมา link ต่อที่นี่ด้วยค่ะ
คุณผู้อ่านจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มอิ่ม กับเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ค่ะ :-)
ขอบคุณค่ะคุณครูเอ (ชื่อเหมือนกันเลยค่ะ อิอิ)ที่แวะมาทักทาย
เพิ่มสูตรทำกิมจิไว้แล้วค่ะ คุณครูลองไปทำไว้ทานเองดูนะคะ :-)
ส่วนแม่นีโอไม่ทานกิมจิค่ะ ฮ่าๆๆๆ
ผมก็ไม่ทานกิมจิเหมือนกันครับ...
ผมว่ารสชาติมันแปลก ๆ นะครับ...
มาถึงเกาหลีทั้งทีต้องมาลองทำกิมจิ และแต่งกายในชุดเกาหลีนะครับ...
ขอบคุณครับผม...
หือออ...แม่นีโอไม่ทานกิมจิและวาซาบิหลอกรึ!...เพิ่งรู้นะเนี๊ยยย
วาซาบิ..แตะนิดสดชื่นดีน้า....
ว่าแต่..กิมจิสูตรนี้มีหอยนางรมตัวเล็กผสมด้วยรึ!...อืมมมแปลกดี
แอนนี่จ๋า
บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อว่าแม่นีโอไม่ทานกิมจิ กะ วาซาบิ ฮ่าๆๆ
แอนลองไปทำกิมจิดูนะ..ได้ผลเป็นอย่างไร มาชวนไปชิมได้จ้า
ถ้าเป็นฝีมือแอน จะลองทานดู แหะๆๆ
ตามแม่นีโอวัยรุ่นไป ไม่รู้ว่าจะได้ใส่ชุดฮันบกสีเดียวด้วยไหมค่ะ...
น่าลองทำกิมจิดูบ้าง(ถ้าได้ไปจริงๆ นะคะ)